อยากตายอย่างไร
ประโยคเดียวสี่คำสั้นๆ
ในเวลานี้กลับเหมือนฟ้าคำรามสายหนึ่ง ก้องสะท้อนในหัวของทุกคน ทำให้พวกเขาอึ้งตาค้าง แทบจะไม่กล้าเชื่อ
นี่คือประโยคแรกที่ชายวัยกลางคนผิวคล้ำแดดดูคล้ายชาวนาคนนั้นพูดหลังจากมาถึง เสียงต่ำลึกราบเรียบ ไร้ซึ่งอำนาจบารมีให้เอ่ยถึง
แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ยังทำให้ผู้คนรู้สึกเหลวไหลและปุบปับเกินไปอยู่ดี
ชายชราในชุดคลุม มหาจักรพรรดิที่ชื่อเสียงโจษจันฟ้าดารา ฉายาจักรพรรดิกระบี่วายุ กิตติศัพท์เลื่องลือทั่วหล้าสามหมื่นปี ฝีมือเทียมฟ้า ปราณกระบี่ชั่วนิรันดร์
ภิกษุเฒ่าตู้คง จอมมุนีระดับจักรพรรดิแห่งแดนกษิติครรภ์ ฝึกฝนสองร่างฌานสว่างมืดมิด หนึ่งร่างแยกเป็นสอง เทียบเท่ากับระดับจักรพรรดิสองคน!
หากเป็นปกติทั่วไปใครจะกล้าไม่ยำเกรงพวกเขา
ทว่ายามนี้ชายวัยกลางคนผิวคล้ำแดดที่หน้าตาธรรมดา แต่กลับพูดจาไม่ธรรมดา!
ถามระดับจักรพรรดิสองคนว่าอยากตายอย่างไร
บ้าระห่ำเกินไปแล้วชัดๆ!
ขนาดเด็กหนุ่มชุดป่านยังสูดหายใจเฮือก ในใจลอบร้องอุทานว่าสุดยอดไม่หยุด ต่อให้บิดาตนอยู่ที่นี่ ก็ยังพูดประโยคที่เผด็จการเต็มเปี่ยมเช่นนี้ออกมาไม่ได้กระมัง
แววตาหญิงชรามีประกายแสงว่ายเวียน และตกตะลึงด้วยเช่นกัน
“ฮ่าๆๆ”
ชายชราในชุดคลุมแหงนหน้าขึ้นฟ้าระเบิดหัวเราะ อาภรณ์โบกสะบัด ผมเคราปลิวไสว กลิ่นอายทั่วร่างพุ่งทะยานเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน มาดแห่งจักรพรรดิกระบี่วายุยามนี้สำแดงออกมาหมดจรด
“กี่ปีมาแล้ว เป็นข้าเก็บตัวนานเกินไปไม่เคยปรากฏสู่โลก ถึงได้ทำให้ผู้คนดูเบาเพียงนี้เชียวหรือ”
แววตาชายชราในชุดคลุมลุ่มลึก เงาร่างดั่งเทพ เจตกระบี่ไร้ทัดเทียมประหนึ่งเขาถล่มคลื่นยักษ์โหมซัด แผ่กระจายทั่วฟ้าดาราแถบนี้
“ดูเบา?”
ชายวัยกลางคนที่คล้ายชาวนาขบคิดเล็กน้อยก่อนส่ายหน้ากล่าว “เจ้าผิดแล้ว ข้าไม่เคยดูเบาผู้อื่น แต่เจ้า… ทำให้ข้าไม่สามารถประเมินค่าสูงได้จริงๆ”
รอยยิ้มของชายชราในชุดคลุมพลันหุบลงทันที “อย่างนั้นหรือ”
ชายชาวนาวัยกลางคนตอบอย่างจริงจัง “ใช่”
เส้นเลือดตรงหน้าผากของชายชราในชุดคลุมโผล่ขึ้นมารางๆ หน้าอกอัดอั้น ท่าทางจริงจังของชาวนาวัยกลางคนนั่นดูไม่เหมือนหัวเราะเยาะ แต่กลับทำให้ผู้คนอึดอัดยิ่ง
จะบอกว่าเขาวางตัวไม่ดี แต่ก็ดันไม่ได้จองหองแต่อย่างใด คำพูดเข้มขรึมเยือกเย็น สีหน้าท่าทางก็จริงจังยิ่ง ความรู้สึกนี้ทำเอาคนโกรธจนกระอักเลือด
“ไม่ต้องพูดไร้สาระ ลงมือย่อมเห็นฝีมือแท้จริง!”
ทันใดนั้นภิกษุเฒ่าตู้คงลงมือ เงาร่างสองสาย หนึ่งอาบชโลมแสงธรรมมืดมิด อีกหนึ่งปลดปล่อยแสงสว่างแผ่กว้างไร้ขอบเขต
ตูม!
กลางฟ้าดินเสียงธรรมดุจสายฟ้า ห้วงอากาศปั่นป่วน
ระดับจักรพรรดิลงมือจะน่ากลัวปานใด
ขณะนี้อู้หมิง จินเทียนเสวียนเยวี่ยรู้สึกเพียงว่าทั่วร่างเบาหวิว ถูกเคลื่อนย้ายออกจากที่นั้น ไม่มีเรี่ยวแรงขัดขืนสักนิด
และในที่นั้นก็เห็นร่างธรรมขาวหนึ่งดำหนึ่งสูงใหญ่หาใดเปรียบสองร่าง คับแน่นจักรวาล ปากประกาศเสียงธรรม ราวกับหมายจะทับถล่มเวิ้งฟ้า
“โอม!”
เสียงสวดท่องธรรมดังขึ้น ยานลมกรดที่กว้างใหญ่ราวกับผืนแผ่นดินลอยได้ เวลานี้จู่ๆ ก็จอดเงียบๆ อยู่กลางฟ้าดารา อีกทั้งดวงดาวที่กระจายตัวอยู่ในความว่างเปล่าโดยรอบล้วนสั่นโคลงขึ้นมาอย่างรุนแรง
“นะโม!”
เสียงธรรมก้องกระหึ่มสนั่นหวั่นไหว ก็เห็นภิกษุเฒ่าตู้คงร่างมืดมิดเงื้อหมัดโจมตีออกไป แสงมรรคไหลพุ่งดุจธารสวรรค์
ส่วนภิกษุเฒ่าตู้คงร่างสว่างฝ่ามือกำคทาขักขระ โจมตีพาดขวางออกไป
ชั่วขณะเดียวฟ้าดินพลิกผัน ห้วงอากาศพังครืน
อานุภาพแห่งระดับจักรพรรดิสำแดงสู่โลกหล้าในเวลานี้!
“ข้าเพียงแค่อยากให้พวกเจ้าเลือกวิธีตายมาหนึ่งอย่าง ไม่ได้คิดจะทำลายที่นี่”
บุรุษผิวคล้ำแดดที่เหมือนชาวนาขมวดคิ้ว น้ำเสียงขรึมเคร่ง
ไม่เห็นเขาเคลื่อนไหวแต่อย่างใด ทว่าต้นไม้โบราณที่เขียวชอุ่มต้นแล้วต้นเล่าแตกหน่อหยั่งรากขึ้นมาจากความว่างเปล่า กิ่งใบอุดมสมบูรณ์ แผ่ขยายไปยังความว่างเปล่าโดยรอบทั่วสี่ทิศแปดทาง แสงมรรคนับไม่ถ้วนปลิวว่อน
ชั่วพริบตายานลมกรดก็ถูกต้นไม้โบราณต้นนั้นบดบัง ฟ้าดาราละแวกใกล้เคียงล้วนถูกกิ่งก้านเขียวชอุ่มปิดครอบด้วยเช่นกัน
มองจากไกลๆ กลางห้วงฟ้าประหนึ่งปรากฏป่าทึบโบราณแห่งหนึ่งขึ้นมากะทันหัน ใบไม้แต่ละใบล้วนใหญ่กว่าดวงดาว!
และพร้อมกันนั้นชายชาวนาวัยกลางคนจู่ๆ ก็สาวเท้าไปเบื้องหน้า ปล่อยสามหมัดออกมาในพริบตา!
ตูม!
ท่ามกลางการปะทะสะท้านฟ้าดิน ภิกษุเฒ่าตู้คงร่างมืดมิดสั่นเทิ้ม แสงธรรมมืดมิดทั่วฟ้าสลายหายไปทันควัน
ริมฝีปากของเขากระอักเลือด หัวคิ้วขมวดมุ่น ฉายแววตกใจ
หมัดแรกของชายชาวนาวัยกลางคน อานุภาพดั่งกวาดล้างศัตรูให้สิ้นซาก ซัดโจมตีเขาบาดเจ็บ
เคร้ง!
หมัดที่สอง คทาขักขระของภิกษุเฒ่าตู้คงร่างสว่างส่งเสียงครวญรุนแรง เกิดรอยปริแตก
และร่างฌานของเขาสายนี้ ถูกพลังหมัดอันน่าสะพรึงซัดถอยตรงๆ ทุกก้าวที่ถอยไป แสงธรรมสว่างไสวบนตัวก็จะสลายหายไปส่วนหนึ่ง
ยามที่ถอยก้าวที่เก้า แสงสว่างทั่วร่างเขาก็เปลี่ยนเป็นมืดสลัวหาใดเปรียบ ใบหน้าผุดประกายแสงเขียวคล้ำขึ้นมาพักหนึ่ง
หมัดที่สองนี้อานุภาพดุจภูเขาถล่มคลื่นยักษ์โหมซัด เข่นฆ่าทั่วหล้า ทนทานไม่ขยับ!
ตูม!
ยามหมัดที่สามซัดออกไป
ร่างฌานสองสายของภิกษุเฒ่าตู้คงต่างหน้าเปลี่ยนสี รวมร่างกันอย่างไม่ลังเลสักนิด ลงมือด้วยกัน สำแดงอภินิหารยิ่งใหญ่
“ประทับลักษณ์มังกรจรัสแสง!”
“วิชาขุมมืดสยบนรก!”
ก็เห็นกลางห้วงอากาศราวกับมีลักษณ์ดึกดำบรรพ์เหยียบฟ้าดารามาเยือน ดวงดาวแตกกระจาย เปล่งแสงสว่างไร้ขอบเขต อึงอลวัฏจักร
พร้อมกันนั้นมีบัวสีดำดอกหนึ่งเบ่งบานอยู่เหนือนรกสีเลือด กลางเกสรกระหน่ำยิงแสงธรรมมหาศาลออกมา!
พูดอย่างไม่เกินจริง หากไม่มีพลังของชายชาวนาป้องกัน ลำพังแค่พลังระดับจักรพรรดิเช่นนี้ก็สามารถซัดระเบิดห้วงอากาศแห่งนี้ ทำให้วัฏจักรจมดิ่ง สรรพชีวิตดับสลายได้แล้ว
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นภิกษุเฒ่าตู้คงก็ไม่สามารถต้านหมัดที่สามนี้ได้
ตูม!
ลักษณ์เทพดึกดำบรรพ คลื่นควันสลายไป
บัวสีดำที่สยบนรกสีเลือดอยู่พลันเหี่ยวเฉาร่วงโรยในพริบตา
และร่างฌานทั้งสองของภิกษุเฒ่าตู้คงก็ถูกพลังหมัดกำราบอย่างหนักหน่วง กระแทกลงกับพื้น ทำเอาเขารับแขกสั่นสะเทือนรุนแรง
ฮูม…
ร่างฌานทั้งสองของเขาพลันหลอมรวมเป็นหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าฝืนประคองไม่ไหวแล้ว ใบหน้าชราขาวซีดเผือดสี ถูกกดทับลงกับพื้นแน่นหนา ไร้เรี่ยวแรงขัดขืน
สามหมัด!
ตัดสินแพ้ชนะ!
ขณะที่ฝุ่นควันสลายไป ทั่วทั้งที่นั้นล้วนถูกสะเทือน
ยานลมกรดถูกต้นไม้โบราณที่ครอบฟ้าบังอาทิตย์ปิดครอบ ไม่ได้รับความเสียหาย กระทั่งแม้แต่เขารับแขกลูกนี้ก็ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ด้วยเช่นกัน
แต่จอมมุนีระดับจักรพรรดิอย่างภิกษุเฒ่าตู้คงกลับถูกสามหมัดกำราบ ล้มคว่ำลุกไม่ขึ้น!
ทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้นจนปิดม่าน เพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น
และตั้งแต่ต้นจนจบชายชาวนาวัยกลางคนก็ออกหมัดเพียงสามครั้ง!
ระดับจักรพรรดิน่าสะพรึงเพียงใด
ในสายตาผู้ฝึกปราณ นั่นก็คือผู้อยู่ในจุดสูงสุด ราวกับไม่มีสิ่งที่ทำไม่ได้ สามารถสะเทือนใต้หล้า บารมีสะท้านสิบทิศ!
และภิกษุเฒ่าตู้คงก็ไม่ใช่ระดับจักรพรรดิธรรมดาทั่วไป เขาที่ครอบครอง ‘สองร่างฌานสว่างมืดมิด’ ยามเมื่อต่อสู้อย่างแท้จริงก็เหมือนระดับจักรพรรดิสองคนลงมือพร้อมกัน
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น เขาก็ยังแพ้อยู่ดี
แพ้แบบเละไม่เป็นท่า!
ภาพเช่นนี้ทำให้หลินสวินยังต้องเบิกตากว้าง จิตใจสะท้านสะเทือน
กล่าวให้ถูกคือ การต่อสู้ครั้งนี้ ด้วยปราณระดับเขาไม่สามารถมองเงื่อนงำอะไรออกเลย และไม่สามารถรับรู้นัยเร้นลับสูงสุดที่บรรจุอยู่ในพลังระดับจักรพรรดินั่นด้วยเช่นกัน
ถึงขั้นที่หากไม่มีพลังของชายชาวนาวัยกลางคนคอยปกป้องคุ้มครอง พริบตาที่เพิ่งเริ่มเปิดศึก เขาก็คงถูกพลังระดับจักรพรรดิอันน่าสะพรึงนั่นกวาดฆ่าตายคาที่แน่
แต่หลินสวินรู้ดียิ่ง การที่สามารถกำราบภิกษุเฒ่าตู้คงได้ง่ายๆ ย่อมไม่ใช่พวกระดับจักรพรรดิธรรมดาทั่วไปจะทำได้!
พวกอู้หมิงสั่นเทิ้มไปทั้งตัว จิตใจล้วนสะท้านไหว นิ่งงันอยู่ตรงนั้นอย่างสิ้นเชิง
จอมมุนีตู้คง ในใจพวกเขาก็เสมือนบุคคลสูงสุดที่ไร้ศัตรูทัดเทียม ทว่ายามนี้กลับถูกสามหมัดกำราบแล้ว!
จินเทียนเสวียนเยวี่ยสีหน้าขาวซีด จิตใจโหวงเหวง
ภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ทำเอานางเองก็ประสบแรงโจมตีหาใดเปรียบเช่นกัน
เด็กหนุ่มชุดป่านขยี้ตา พึมพำเลื่อนลอย “ท่านยาย ท่านพ่อของข้าร้ายกาจเหมือนเขาหรือไม่”
หญิงชรานิ่งเงียบไปอย่างหาได้ยาก
เพราะในใจนางเองก็ไม่อาจสงบนิ่ง ระลอกคลื่นโหมกระหน่ำซัดสาด
เพราะเป็นระดับจักรพรรดิถึงยิ่งเข้าใจว่าพลังของระดับนี้น่าสะพรึงปานใด ระดับจักรพรรดิสองคนสู้กัน เว้นแต่จะห่างชั้นกันลิบลับ หาไม่ก็แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะฆ่าอีกฝ่ายให้ตายได้
ทว่ายามนี้ตู้คงกลับถูกสามหมัดกำราบ!
นี่หมายความว่าพลังของชาวนาคนนั้นไม่เพียงแต่สูงกว่าช่วงใหญ่ แต่ยังเหนือกว่าตู้คงอย่างสมบูรณ์ใช่หรือไม่
“ในฐานะผู้บำเพ็ญธรรม ยามลงมือกลับไม่มีความเมตตา ไม่สนความปลอดภัยของสิ่งมีชีวิตในที่นี้ มิน่าผู้สืบทอดแดนกษิติครรภ์ของพวกเจ้าถึงได้แต่ติดอยู่ในโลกมืด”
เสียงของชายชาวนาขรึมเคร่ง เรียบนิ่งไม่ผิดแปลก ยังคงมีท่าทางของชาวไร่ชาวนาคนหนึ่ง ทว่ายามนี้เมื่อมองเขาอีกครั้ง ทุกสายตาล้วนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!
“เจ้าเป็นใคร เหตุใดบนทางเดินโบราณฟ้าดาราถึงไม่เคยได้ยินชื่อมหาจักรพรรดิอย่างเจ้ามาก่อน”
บนพื้นเสียงของภิกษุเฒ่าตู้คงแหบพร่า
“ข้า?”
ชายชาวนาขบคิดจริงจังค่อยกล่าวว่า “คนทำนา”
พรวด!
ภิกษุเฒ่าตู้คงโกรธจนกระอักเลือดออกมาตรงๆ คนทำนา? คนทำนามีหรือจะมีพลังต่อสู้ระดับนี้ได้
คนอื่นๆ ต่างก็อึ้งค้าง
สามหมัดก็สามารถกำราบระดับจักรพรรดิคนหนึ่งได้ จะเป็นชาวนาที่ทำนาคนหนึ่งได้หรือ
แต่หลินสวินเชื่อ
เพราะเขารู้ว่าก่อนศิษย์พี่เก้าเก่ออวี้ผูจะฝึกปราณ ก็เป็นแค่คนตัดไม้ซื่อๆ บนภูเขาคนหนึ่งเท่านั้น
ทว่าหลังจากศิษย์พี่เก่ออวี้ผูฝึกปราณ กลับสามารถรังสรรค์ ‘คัมภีร์มหามรรคหวงถิง’ ออกมา สามารถกดกำราบจน ‘จักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียน’ บรรพชนของเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งยังโงหัวไม่ขึ้นในศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิ!
‘นี่ เป็นศิษย์พี่คนไหนอีก’
ความคิดของหลินสวินโลดแล่น
“ข้าไม่เคยโกหกใคร”
ราวกับสัมผัสได้ว่าทุกคนไม่เชื่อ ชายชาวนาจึงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “เพียงแต่สิ่งที่ข้าปลูกก่อนหน้านี้เป็นพืชผลในไร่นา สิ่งที่ปลูกตอนนี้เป็นวัตถุมหามรรคบางอย่าง”
ทุกคนต่างอึ้งงัน รู้สึกเหลวไหลและแปลกพิกลยิ่ง
ชาวไร่ชาวนาคนหนึ่งสามารถก้าวสู่ระดับจักรพรรดิเหนือสุดได้หรือ
ใครจะไปเชื่อ!
ภิกษุเฒ่าตู้คงที่ถูกกำราบอยู่บนพื้นรู้สึกเพียงแน่นหน้าอก กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง เขารู้สึกว่าชายชาวนากำลังหยามเกียรติเขาอยู่ชัดๆ!
แม้แต่ในใจหลินสวินก็ยังทอดถอนใจไปพักหนึ่ง ศิษย์พี่คนนี้… ช่างเป็นคนซื่อสัตย์ซะจริง…
เพียงแต่ตอนที่คนซื่อสัตย์พูดความจริง มักจะทำร้ายจิตใจผู้คนได้ง่ายดายเสมอ
ในที่นั้นมีเพียงชายชราในชุดคลุมที่นิ่งเงียบโดยตลอด สีหน้าวูบไหวไม่หยุด ไม่เอื้อนเอ่ยวาจา
เขาไม่ได้ขยับ การได้เห็นสภาพอนาถของภิกษุเฒ่าตู้คงทำเอาเขาไม่กล้าลงมือวู่วามอีก
ชั่วขณะหนึ่งจึงไม่รู้ว่าจะสู้หรือจะถอยดี
“เจ้าอยากตายอย่างไร”
และยามนี้ชายชาวนาก็คล้ายมองข้ามชายชราในชุดคลุม สายตามองไปทางภิกษุเฒ่าตู้คงที่ถูกกำราบอยู่บนพื้น
“หากฆ่าข้า แดนกษิติครรภ์ก็จะเคลื่อนไหวด้วยเหตุนี้ แต่หากสหายยุทธ์ไว้ชีวิตข้าสักครั้ง ต่อไปแดนกษิติครรภ์ของข้าย่อมไม่ตั้งตนเป็นศัตรูกับท่านทั้งสองอีก”
ภิกษุเฒ่าตู้คงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เปล่งเสียงแหบพร่าออกมา
ระดับจักรพรรดิคนหนึ่งกำลังวิงวอนร้องขอ!
ภาพเหตุการณ์เช่นนี้คนในที่นี้มีหรือจะเคยพบเจอ ชั่วขณะหนึ่งภายในใจล้วนพลิกตลบไม่หยุด ที่แท้ระดับจักรพรรดิก็กลัวตายเหมือนกันหรือ
“เป็นไปไม่ได้”
ชายชาวนาส่ายหน้า สีหน้าราบเรียบไม่ยอมให้กังขา
ภิกษุเฒ่าตู้คงหัวใจหนักอึ้ง
คนอื่นๆ ในที่นี้ไม่มีใครไม่ตึงเครียด หัวใจล้วนแขวนลอยอยู่ที่คอหอย
“หากเป็นเช่นนี้ ภายหน้าพวกเจ้าต้องประสบเคราะห์ยากหลีกหนีเป็นแน่!”
เสียงของตู้คงแหบพร่า
ขนาดมดแมลงยังรักตัวกลัวตาย นับประสาอะไรกับคนที่ผ่านความลำบากตรากตรำมามากมายกว่าจะแจ้งมรรคเป็นจักรพรรดิ
ยังไม่ทันสิ้นเสียง ร่างของเขาก็ระเบิดกลายเป็นเงาแสงสีดำนับไม่ถ้วน กรีดทะลวงห้วงอากาศ พุ่งไปยังความว่างเปล่าโดยรอบสี่ทิศแปดทาง
…