Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1848 เรื่องราวแปรเปลี่ยน สาวงามเป็นผู้ติดตาม

“ผู้อาวุโสโปรดไว้ชีวิตด้วย!”

บนพื้น ข่งอวี้ยังคงโขกหัว ศีรษะกระแทกดังปึงๆ

ภายในใจเขาถูกความหวาดหวั่นท่วมมิด!

ระดับจักรพรรดิ บางทีอาจไม่สามารถทำให้เขาเกรงกลัวสักเท่าไหร่ แต่หากเป็นระดับจักรพรรดิจากตระกูลจินเทียน นั่นย่อมต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

“ผู้อาวุโสโปรดไว้ชีวิตด้วย!”

ผู้แข็งแกร่งเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งคนอื่นๆ ที่ตามมากับข่งอวี้ต่างก็คุกเข่าลนลาน ร้องขอชีวิตเสียงสั่นกันถ้วนหน้า

บนยานลมกรดที่กว้างขวางเงียบกริบไปทั้งแถบ

ในใจพวกเหลียงชวนล้วนซับซ้อนยิ่ง หอเสียงสวรรค์ของพวกเขาก็มีระดับจักรพรรดิเป็นกำลังหลักเช่นเดียวกัน แต่เห็นได้ชัดยิ่งว่าไม่อาจยกมาเทียบกับจักรพรรดิกระบี่วายุได้สักนิด

หากไม่เป็นเช่นนี้ แค่ข่งอวี้คนเดียวเป็นไปได้หรือที่จะบีบพวกเขามาจนถึงขั้นนี้ได้

“สหายน้อย คนพวกนี้จะเป็นหรือตาย ขอเพียงเจ้าพูดมาประโยคเดียว”

และยามนี้จักรพรรดิกระบี่วายุก็ทอดสายตามองไปทางหลินสวินที่อยู่ในหมู่ผู้คน น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้นมาไม่น้อย

คราวนี้ผู้คนจึงตระหนักได้ว่า อวี่เสวียนที่พักนี้เรียกคลื่นลมนับไม่ถ้วนบนยานลมกรดก็อยู่ที่นี่ด้วย

ชั่วขณะนั้นสายตาทุกคู่ต่างมองมา

หลังจากนิ่งเงียบไปชั่วขณะ หลินสวินกล่าวว่า “ผู้อาวุโสเป็นผู้ตัดสินใจเถิด”

จักรพรรดิกระบี่วายุพยักหน้า

“ก่อนหน้านี้พวกเจ้าลงมือบุ่มบ่าม ปล่อยไปไม่ได้”

สายตาของเขามองไปทางชายชราชุดเขียวและชายวัยกลางคนชุดขาวที่ถูกกำราบอยู่บนพื้น ประโยคเดียวเรียบง่าย ทำเอากึ่งจักรพรรดิสองคนนี้ตกใจจนขวัญหลุดวิญญาณกระเจิง ไม่อาจสนใจเรื่องใดอีก ร้องขอชีวิตเสียงเศร้า

แต่จักรพรรดิกระบี่วายุในเวลานี้คร้านจะพูดแล้ว โบกแขนเสื้อหนึ่งครา

ตูม!

พลังระดับจักรพรรดิอันน่าสะพรึงแผ่กว้างออกไป

ก็เห็นชายวัยกลางคนชุดขาวและชายชราชุดเขียวต่างไม่ทันต่อต้าน ร่างก็กลายเป็นเถ้าธุลีอลยกระเซ็น ร่างและวิญญาณล้วนดับสูญ!

เสียงสูดหายใจเฮือกระลอกหนึ่งดังขึ้น

สำหรับผู้ฝึกปราณส่วนใหญ่ในที่นี้ ระดับกึ่งจักรพรรดิก็เป็นบุคคลที่ทำได้เพียงแหงนหน้ามองแล้ว แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าระดับจักรพรรดิ กึ่งจักรพรรดิก็กลายเป็นพวกที่เพียงดีดนิ้วก็สลายหายไปเป็นฝุ่นควัน

นี่ก็คือความห่างชั้น เหนือภูผาย่อมมีเขาที่สูงชันกว่า!

“ไสหัวไป”

จักรพรรดิกระบี่วายุปรายตามองพวกข่งอวี้ ริมฝีปากพ่นคำหนึ่งออกมา

ข่งอวี้ที่คุกเข่าลงกับพื้นฟันกระทบกันดังกึกๆ ตกใจจนวิญญาณแทบหลุดจากร่างนานแล้ว ยามได้ยินประโยคนี้พลันเผยแววตื่นเต้นยินดีขึ้นมา

“ขอบคุณผู้อาวุโสยิ่งแล้ว ขอบคุณผู้อาวุโสยิ่งแล้ว!”

เขารีบโขกศีรษะปลกๆ หลังจากนั้นก็รีบลุกขึ้นมาแล้วพุ่งพรวดขึ้นยานสมบัติห้าสี พร้อมกับผู้แข็งแกร่งเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งพวกนั้น กลัวลานเหมือนสุนัขจรจัด!

ผู้ฝึกปราณทั้งหมดที่เห็นภาพเหตุการณ์นี้ ล้วนสะท้านสะเทือนจนวาจาไปพักหนึ่ง

พวกเหลียงชวนที่โชคช่วยหนีรอดความตายมาได้ยิ่งสีหน้าสับสน ราวกับฝันไปอย่างไรอย่างนั้น

คลื่นลมปุบปับครั้งนี้ก็ปิดม่านลงเช่นนี้

ไม่ทันไรยานลมกรดก็เดินทางในฟ้าดาราต่อ

ยานสมบัติห้าสี

จนกระทั่งหนีไปไกลลิบ ข่งอวี้จึงค่อยๆ คืนสติกลับมาจากสภาพอารมณ์หวาดกลัว สิ้นหวัง หน้าเปลี่ยนสีจนไม่น่าดูหาใดเปรียบ

“ข่งหลิน ข้าต้องการคำอธิบาย”

เสียงของข่งอวี้คล้ายลอดออกมาจากไรฟัน เผยแววเคียดแค้นไร้สิ้นสุด

ยามนี้ข่งหลินเข่าอ่อนคุกเข่าทรุดลงกับพื้น พอได้ยินดังนั้นก็กล่าวด้วยเสียงสะอื้นไห้ “นายน้อย ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจักรพรรดิกระบี่วายุนั่นดันเข้ามาเอี่ยวในเรื่องนี้ด้วย ว่ากันตามเหตุผล เมื่อเผชิญหน้ากับเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งของพวกเราและเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ ต่อให้เป็นระดับจักรพรรดิก็ยังต้องกริ่งเกรง กังวลว่าจะชักนำภัยใส่ตัว”

“ว่ากันตามเหตุผล?”

ข่งอวี้โกรธจนดวงตาแดงก่ำ เส้นผมตั้งชันขึ้นมา “เจ้าแม่งไม่รู้หรือว่าบนทางเดินโบราณฟ้าดารานี้ ระดับจักรพรรดิไม่มีใครคุยด้วยเหตุผล”

ปึง!

เขาถีบเข้าใส่อย่างแรงคราหนึ่ง ทั้งตัวข่งหลินถึงกับลอยคว้างออกไป กระแทกเข้ากับผนังโถงใหญ่ ส่งเสียงอู้อี้อย่างเจ็บปวดออกมา

และยามนี้เพลิงโทสะและความแค้นในอกของข่งอวี้ราวกับถูกจุดลุกโชนอย่างสิ้นเชิง พุ่งพรวดเข้าไปกระหน่ำตีข่งหลินอย่างกับบ้าคลั่ง

“เจ้ารู้หรือไม่ ครั้งนี้เจ้าเกือบทำให้ข้าต้องตาย”

“ข้าไม่เคยเห็นคนโง่เง่าอย่างเจ้ามาก่อน!”

สุดท้ายพร้อมๆ กับเสียงอู้อี้ ข่งหลินถูกตีตายทั้งเป็น ร่างแตกระเบิด เลือดเนื้อเปรอะเปื้อน

ข่งอวี้สีหน้าบิดเบี้ยวเขียวคล้ำ ราวกับยังระบายอารมณ์ไม่สุด ถ่มน้ำลายออกมาอย่างดุเดือดแล้วโพล่งผรุสวาท “พวกสวะ แม่งสวะกันหมด!”

การปราชัยครังนี้ แรงสะเทือนที่มีต่อเขารุนแรงเกินไป

“นายน้อย ต้องการกลับไปขอทัพเสริทที่ตระกูลหรือไม่”

ข้ารับใช้อาวุโสคนหนึ่งปรากฏตัวออกมาเงียบๆ

“ไม่!”

ข่งอวี้ปฏิเสธอย่างไม่ลังเลสักนิด เขาสีหน้ามืดทะมึน “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้าประสบกับความอัปยศครั้งใหญ่เช่นนี้ หลังกลับไปถึงตระกูลมีแต่จะถูกคนหัวเราะเยาะอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น”

ข้ารับใช้อาวุโสนิ่งเงียบ

ข่งอวี้สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง น้ำเสียงเย็นเยียบ “จักรพรรดิกระบี่วายุนั่นพูดถูก ครั้งนี้ต่อให้ข้าตายไป คนในตระกูลก็ไม่มีทางหักหน้าจักรพรรดิกระบี่วายุเพราะข้าเด็ดขาด!”

ภายในใจเขาอัดอั้น ทั้งเคืองแค้นทั้งจนปัญญา

ว่ากันถึงที่สุด จักรพรรดิกระบี่วายุที่ลงมือครั้งนี้แข็งแกร่งเกินไป

“ไปโลกใหญ่หงเหมิง!”

ข่งอวี้ตัดสินใจ กล่าวกัดฟันกรอด “ข้าทำอะไรจักรพรรดิกระบี่วายุไม่ได้ และไม่กล้าหาเรื่องอวี่เสวียนนั่น แต่เจ้าหมอนี่อย่างไรก็ฆ่าคนของเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ตาย ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเรือนมรรคดึกดำบรรพ์จะนิ่งดูดาย!”

ข้ารับใช้อาวุโสพยักหน้าเงียบๆ

และเวลาเดียวกันนี้ บนยานลมกรด

“ครั้งนี้โชคดีที่ผู้อาวุโสช่วยเหลือ”

หน้าเรือนพัก น้ำตกสาดกระเซ็น น้ำพุหลั่งริน ต้นสนเขียวขจีแตกหน่ออ่อน หน้าโต๊ะหินตัวหนึ่ง หลินสวินและจักรพรรดิกระบี่วายุนั่งหันหน้าเข้าหากัน กำลังจิบชาสนทนา

จักรพรรดิกระบี่วายุกล่าวยิ้มๆ ว่า “แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น สหายน้อยเชื่อหรือไม่ หลังจากข่งอวี้นั่นกลับไปคงไม่กล้าเอ่ยถึงเรื่องนี้กับคนในตระกูลเขาเด็ดขาด”

หลินสวินเลิกคิ้ว กล่าวอย่างประหลาดใจ “เพราะเหตุใดหรือ”

จักรพรรดิกระบี่วายุยิ้มพลางคลายปมสงสัย “เผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์อย่างตระกูลข่ง ไม่ขาดแคลนคนรุ่นเยาว์เหมือนข่งอวี้สักนิด หากตระกูลข่งรู้ว่าข่งอวี้นี่ยั่วโทสะข้า ตรงข้ามจะยิ่งลงโทษข่งอวี้สถานหนัก ไม่ใช่เพราะไม่กล้าล่วงเกินข้า หากแต่เป็นเพราะไม่อยากล่วงเกินข้าเพียงเพราะพวกกระจอกคนหนึ่ง”

“พวกกระจอก…”

หลินสวินรู้สึกทอดถอนใจในใจ ข่งอวี้นั่นก็เป็นถึงมกุฎราชันอริยะคนหนึ่ง แต่พอเอ่ยออกจากปากจักรพรรดิกระบี่วายุ กลับกลายเป็นพวกกระจอกที่ไม่ควรค่าให้ชายตาแล

“ที่ไม่ฆ่าเจ้าหมอนี่ ก็เพียงเพราะเขาไม่ใช่แค่ทายาทตระกูลข่ง ยังเป็นศิษย์สืบทอดแท้จริงคนหนึ่งของเรือนมรรคดึกดำบรรพ์”

จักรพรรดิกระบี่วายุกล่าวว่า “ในหกเรือนมรรคใหญ่ มีเพียงเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ที่ถือหางคนของตนที่สุด หากข่งอวี้ตาย เรือนมรรคดึกดำบรรพ์คงไม่กล้าทำอะไรข้า แต่จะจ้องเล่นงานสหายน้อยเพราะความแค้นครั้งนี้”

หลินสวินส่ายหน้า “ข้าฆ่าคนของเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ตั้งมากมายขนาดนั้น ความเคียดแค้นถูกผูกไว้นานแล้ว ข้าไม่สนใจเรื่องพวกนี้ตั้งแต่ต้น”

จักรพรรดิกระบี่วายุกล่าวอย่างอึ้งๆ ว่า “ดูเหมือนว่าข้าจะจุ้นจ้านเสียแล้ว”

ทั้งคู่สนทนากันอีกพักหนึ่ง ยามเมื่อจักรพรรดิกระบี่วายุกำลังจะจากไป จู่ๆ ก็กล่าวขึ้นว่า “สหายน้อย พอจะเห็นแก่หน้าข้า ให้นางหนูเสวียนเยวี่ยนั่นติดสอยห้อยตามฝึกปราณอยู่ข้างกายเจ้าสักระยะได้หรือไม่”

หลินสวินลอบกล่าวในใจ ดังคาด สาเหตุที่แท้จริงที่จักรพรรดิกระบี่วายุลงมือในครั้งนี้ เกรงว่าก็เพราะเรื่องนี้เท่านั้น

หนำซ้ำน้ำใจครั้งนี้เขายังไม่อาจไม่ยอมรับ

ชั่วขณะหนึ่งเขาถึงกับกล่าวอย่างค่อนข้างจนปัญญาว่า “ผู้อาวุโส ข้าบังอาจถามสักข้อได้หรือไม่ เหตุใดท่านต้องทำเช่นนี้”

จักรพรรดิกระบี่วายุขบคิดแล้วตอบกลับอย่างจริงจัง “ง่ายดายยิ่ง เพื่อมอบวาสนาบางอย่างให้กับนางหนูเสวียนเยวี่ยคนนี้ นางไม่ขาดแคลนวิชายุทธ์ และไม่ขาดทรัพยากรฝึกปราณ สิ่งเดียวที่ยังขาดคือการเคี่ยวกรำตนเอง ได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริงทางสภาวะจิตและบนมรรคา”

หลินสวินคิดทบทวนครู่หนึ่งก็กล่าวว่า “แต่ติดตามอยู่ข้างกายข้ามีแต่จะยิ่งอันตราย หากนางประสบเคราะห์อะไรขึ้นมา…”

จักรพรรดิกระบี่วายุยิ้มกล่าว “นั่นก็เป็นเพราะนางอายุสั้น ตระกูลจินเทียนของข้าจะไม่โทษสหายน้อยเพราะเรื่องนี้เป็นอันขาด”

กล่าวถึงตรงนี้เขาก็หัวเราะเยาะหยันตัวเองในใจ พวกเขา… มีสิทธิ์อะไรไปกล่าวโทษคนรุ่นเยาว์เช่นนี้กันเล่า

หลินสวินกล่าวว่า “ข้าสามารถรับปากผู้อาวุโส แต่บอกก่อนว่า ต่อไปไม่ว่าทำอะไรล้วนต้องฟังคำของข้า”

จักรพรรดิกระบี่วายุไม่ได้ลังเลแต่อย่างใด ตอบตกลงอย่างเบิกบาน

“เสวียนเยวี่ย ผู้อาวุโสอย่างข้าขอบอกเจ้าตามจริง ข้าทำเช่นนี้ก็เพราะกำลังเดิมพัน เดิมพันโดยใช้พรสวรรค์และคุณสมบัติของเจ้า ภายหน้าติดตามอยู่ข้างกายอวี่เสวียนนี่ จะต้องสามารถผงาดได้อย่างกร้าวแกร่งอย่างแน่นอน ต่อให้เสาะแสวงโอกาสแห่งการแจ้งมรรคเป็นจักรพรรดิ ก็มีความเป็นไปได้สูงยิ่ง”

หลังจากจักรพรรดิกระบี่วายุกลับไป ก็ไปพบจินเทียนเสวียนเยวี่ยทันที และพูดคุยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

จินเทียนเสวียนเยวี่ยอึ้งงัน นัยน์ตาที่ดุจดั่งดวงดาราบนฟากฟ้าปกคลุมด้วยความกังขาดุจหมอก “ผู้อาวุโส เหตุใดท่านถึงฝากความหวังไว้กับคนผู้นี้”

นัยน์ตาของจักรพรรดิกระบี่วายุมีประกายวาบผ่าน “รอภายภาคหน้าเจ้าก็จะรู้เอง หากเจ้าเชื่อผู้อาวุโส ก็จงติดตามคนผู้นั้นไป”

จินเทียนเสวียนเยวี่ยนิ่งเงียบเนิ่นนาน สุดท้ายก็ร้องอืมคราหนึ่ง

ในใจจักรพรรดิกระบี่วายุเจือแววสงสารเห็นใจ “นางหนู หากเจ้ารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ผู้อาวุโสอย่างข้า… ก็จะไม่บังคับ”

จินเทียนเสวียนเยวี่ยสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เชิดหน้างามล้ำดุจเทพเซียนขึ้น นัยน์ตาดุจดาราเจือแววหนักแน่น “ผู้อาวุโส ข้ารู้ว่าท่านหวังดีกับข้า”

จักรพรรดิกระบี่วายุรู้สึกชื่นชมนัก

เผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียนดำรงอยู่ตราบเท่าปัจจุบัน ถูกเรียกว่าเป็นเผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์ บารมีสะเทือนทั่วหล้า แต่มีเพียงจักรพรรดิกระบี่วายุเท่านั้นที่รู้ว่า สถานการณ์ของตระกูลในยามนี้เริ่มถดถอยลงเป็นรุ่นๆ แล้ว

เคราะห์ดี จินเทียนเสวียนเยวี่ยยังทำให้จักรพรรดิกระบี่วายุมองเห็นความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง ความเป็นไปได้ที่จะเรืองอำนาจเช่นจักรพรรดิขาวดึกดำบรรพ์อีกครั้ง!

‘หมายจะทะลวงระดับจักรพรรดิ ย่อมต้องเดินบนเส้นทางที่แตกต่างจากคนทั่วหล้า ระยะห่างจากการเปลี่ยนแปลงในรอบแสนปีของยุคปัจจุบัน… อยู่ไม่ไกลแล้ว…’

แววตาจักรพรรดิกระบี่วายุลุ่มลึก จากการคาดการณ์ที่เรือนมรรคโลกาสวรรค์ทำนายไว้เมื่อนานมาแล้ว ไม่พ้นพันปี ทางเดินโบราณฟ้าดาราทั้งบนล่างนี้จะต้องเกิดการเปลี่ยนครั้งใหญ่อย่างแน่นอน!

การเปลี่ยนแปลง หมายความว่าเก่าไปใหม่มา หากใครสามารถคว้าโอกาสได้ บาทีก็อาจสามารถเป็นเจ้าเหนือหัวคนถัดไปในหนึ่งแสนปีให้หลัง!

ดึกดำบรรพ์ปิดม่าน บรรพกาลผงาด

บรรพกาลปิดม่าน ยุคปัจจุบันรุ่งเรือง

หากยุคปัจจุบันปิดม่าน…

ใครจะเป็นเจ้าเหนือหัวคนถัดไปในมหายุคไม่เที่ยงหนึ่งแสนปี?

“ท่านยาย จักรพรรดิกระบี่วายุนี่คิดจะทำอะไรกันแน่”

เรือนพักอีกหลังหนึ่ง เด็กหนุ่มชุดป่านไม่เข้าใจยิ่ง

“เขาน่าจะมองอะไรบางอย่างจากสถานะของอวี่เสวียนนั่นออก”

หญิงชรากล่าวง่ายๆ

“เฮ้อ เดิมทีข้าเองก็ตั้งใจจะพายเรือตามน้ำ มอบน้ำใจให้พี่ชายคนนั้นสักหน่อย ใครจะไปคิดว่ากลับถูกจักรพรรดิกระบี่วายุนั่นชิงตัดหน้าไปก่อนหนึ่งก้าวเสียได้”

เด็กหนุ่มชุดป่านทอดถอนใจเบาๆ

หญิงชรากล่าวว่า “นายน้อย ท่านไม่เห็นต้องทำเช่นนี้เลย สถานะของอวี่เสวียนนี่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ผูกมิตรกับเขา เป็นพรหรือเป็นภัยยังยากจะคาดเดายิ่ง จากที่ข้าดู จักรพรรดิกระบี่วายุกำลังเดิมพันอยู่ หมายจะเอาศุภโชคบางอย่างจากตัวอวี่เสวียนนี่ให้กับแม่นางน้อยที่ชื่อจินเทียนเสวียนเยวี่ยคนนั้น”

“เดิมพัน?”

เด็กหนุ่มชุดป่านคิดทบทวนอย่างถี่ถ้วนครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแฉ่ง “ท่านยาย พวกเราก็ลองเดิมพันสักตั้งด้วยหรือไม่ อย่างเช่น… ให้ข้าไปทำหน้าที่เป็นผู้ติดตามของพี่ชายคนนั้น ไม่แน่ ‘เส้นทางสงบใจ’ ของข้าอาจจะคลี่คลายยามอยู่ข้างกายเขาก็เป็นได้”

หญิงชราขนลุกชูชัน เริ่มตึงเครียดขึ้นมาในทันที

……………………..

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset