หลินสวินเงยหน้าขึ้น ก็เห็นว่าบนกำแพงเมืองมีกระดานรางวัลค่าหัวมากมายแขวนอยู่ ล้วนมีแสงมรรคอัศจรรย์ไหลวน เผยข้อความแถวแล้วแถวเล่าออกมา
กระดานรางวัลค่าหัวกว่าครึ่งล้วนมีชื่อและใบหน้าของหลินสวินระบุอยู่เสมือนมีชีวิต
ส่วนคนที่ออกหมายจับก็มีทั้งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ เรือนมรรคจักรวาล เรือนมรรคยุทธจักร เผ่านักรบกิเลนโลหิต เผ่านักรบเถาอู้ เผ่านักรบผีสวรรค์…
แค่เห็นชื่อของสำนักและเผ่าพวกนี้ก็พาให้อกสั่นขวัญแขวน
ส่วนรางวัลค่าหัวก็สามารถทำให้ผู้ฝึกปราณคนใดก็ตามคลุ้มคลั่ง ค่าหัวที่น้อยที่สุดยังมีรางวัลถึงหนึ่งล้านผลึกมรรครวมทั้งสมบัตินานัปการ
รางวัลมีแต่มากขึ้นและยิ่งนับไม่ถ้วน!
“หลินสวิน คนผู้นี้ช่างพิเศษนัก บนทางเดินโบราณฟ้าดาราที่กว้างใหญ่ เกรงว่าผู้สืบทอดของหกเรือนมรรคใหญ่ก็ยังมีชื่อเสียงสู้เขาไม่ได้”
“หลายปีที่ผ่านมานี้ก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นหรือตาย หากยังมีชีวิตอยู่ ยามนี้จะอยู่ที่ไหน”
“หากข้าเป็นเขา ชีวิตนี้คงไม่ก้าวขึ้นมาบนทางเดินโบราณฟ้าดาราอีกเป็นอันขาด มิฉะนั้นต้องตายอนาถแน่นอน”
ฝูงชนวิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่
หลินสวิน!
บุคคลร้ายกาจแห่งยุคคนหนึ่งที่ฆ่าสังหารทั่วทิศในแหล่งสถานคุนหลุน ทั้งยังเป็นผู้มีอิทธิพลที่ได้ครอบครองศุภโชคในการ ‘บรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์’ ไป
ใต้หล้านี้ใครไม่รู้จักเขาบ้าง
แต่เช่นเดียวกัน ทุกคนต่างรู้ดีว่าหลินสวินในตอนนี้มีแค่ฐานะเดียว…
นักโทษหนีคดีอันดับหนึ่งแห่งทางเดินโบราณฟ้าดารา!
พอได้ยินผู้คนวิพากษ์วิจารณ์ เห็นประกาศมากมายที่สะดุดตาเป็นอย่างยิ่งนั้น ส่วนลึกนัยน์ตาดำของหลินสวินก็อดฉายแววเยียบเย็นไม่ได้
แค่เมืองหลินอันในเขตของแคว้นเขียวก็มีประกาศจับที่หมายจับตนติดไว้มากขนาดนี้แล้ว แค่คิดก็รู้แล้วว่าสถานที่อื่นในโลกใหญ่หงเหมิงนี้ ประกาศจับเช่นนี้มีแต่จะยิ่งมากขึ้น!
“หลินสวินนี่…”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยก็คล้ายจะทอดถอนใจ ทว่ากลับเหมือนอยากพูดแต่ก็หยุดปากไว้
“เขาทำไมหรือ”
หลินสวินถาม
“คนไม่ผิด ผิดที่มีหยกติดตัว ที่แหล่งสถานคุนหลุนเขาฆ่าสังหารทั่วทิศ แต่ต่อให้ยั่วโมโหขุมอำนาจใหญ่มากกว่านี้ ก็ไม่มีทางเปิดฉากคลื่นลมที่โหญ่โตเช่นนี้ได้แน่”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยใคร่ครวญครู่ใหญ่แล้วค่อยกล่าวอย่างใจเย็น “ว่ากันตามจริงก็ด้วยศุภโชคที่เขาได้รับมานั้นยิ่งใหญ่เกินไป เพียงพอจะทำให้สำนักใดก็ตามนั่งกันไม่ติด”
หลินสวินพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรอีก
ภายภาคหน้าไม่ช้าก็เร็วต้องมีสักวันหนึ่ง เขาจะทำให้ขุมอำนาจที่ออกหมายจับพวกนี้ได้จ่ายค่าตอบแทน!
…
ในเมืองหลินอันก็ยังเป็นภาพที่คึกคักรุ่งเรือง ไม่ว่าโรงสุรา เรือนน้ำชา หรือร้านโอสถก็เต็มไปด้วยบรรยากาศคึกคัก
นี่คือเมืองท่าแห่งหนึ่ง วัตถุดิบฝึกปราณที่ส่งมาจากโลกอื่นบนฟ้าดารามีมากหลากประเภท
แม้แต่ผู้ฝึกปราณท้องถิ่นบางคนในโลกใหญ่หงเหมิง ก็ยังชอบมาเลือกและซื้อสมบัติหายากบางส่วนที่เมืองท่า
หลินสวินหยุดพักที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง สั่งความจินเทียนเสวียนเยวี่ยให้นางไปซื้อตำราบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับโลกใหญ่หงเหมิงมา
คนมาใหม่อย่างเขาย่อมต้องการรู้ทุกอย่างในโลกใหญ่หงเหมิงให้เร็วที่สุด
พลบค่ำวันนั้นจินเทียนเสวียนเยวี่ยนำม้วนหยกกองพะเนินกลับมาเช่น ‘แผนภาพภูมิทัศน์หงเหมิง’ ‘หมายเหตุการกระจายอำนาจของหงเหมิง’ ‘คำอธิบายการเปลี่ยนแปลงของหงเหมิงตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน’ ‘บันทึกอาณาเขตแคว้นเขียว’…
ม้วนตำราสารพัดสารพันอะไรล้วนมีครบทุกสิ่งที่ควรมี
เมื่อเปิดตำราพวกนี้ดู เนื้อหาที่อยู่ข้างในเรียกได้ว่าไพศาลราวทะเลควัน ทำให้หลินสวินเห็นแล้วสับสนตาลาย งุนงงไปพักหนึ่ง
ว่ากันถึงที่สุดแล้วก็ด้วยโลกใหญ่หงเหมิงนี้ใหญ่โตเกินไป ครอบจักรวาล แทบจะไม่มีตำราเล่มไหนที่อธิบายทุกอย่างในโลกใหญ่หงเหมิงได้อย่างถี่ถ้วน
“คุณชาย ตำราที่หาซื้อได้ในตลาดส่วนใหญ่ล้วนขาดหายไม่สมบูรณ์ ข้าได้ยินว่าใน ‘หอเก็บตำรา’ ของเรือนมรรคโลกาสวรรค์มี ‘คัมภีร์หมื่นลักษณ์หงเหมิง’ อยู่เล่มหนึ่ง เป็นคัมภีร์ที่เขียนโดยบุคคลสำคัญระดับจักรพรรดิคนหนึ่งในสมัยดึกดำบรรพ์ ในนั้นบันทึกเรื่องทุกอย่างในโลกใหญ่หงเหมิงตั้งแต่อดีตกาลเอาไว้”
ในแววตาของจินเทียนเสวียนเยวี่ยเจือความมุ่งหวังเสี้ยวหนึ่ง กล่าวว่า “ได้ยินว่าถ้าอ่านคัมภีร์นี้จะสังเกตการเปลี่ยนแปลงของกาลเวลา หยั่งรู้การเปลี่ยนแปลงของโลกได้ ไม่เพียงแต่ได้เข้าใจปริศนาของโลกใหญ่หงเหมิงอย่างลึกซึ้ง สภาวะจิตยังได้ประโยชน์จากการเคี่ยวกรำที่คาดไม่ถึงด้วย”
คัมภีร์หมื่นลักษณ์หงเหมิง!
ตำราที่เรียกได้ว่าเป็น ‘คัมภีร์’ ล้วนเป็นมรดกชั้นยอดของโลกทั้งสิ้น!
“คัมภีร์สมบัติเช่นนี้เกรงว่าคงไม่ใช่สิ่งที่พวกเราอ่านได้”
หลินสวินส่ายหัว
แน่นอนว่าเขาก็ใจเต้น แต่รู้ดีว่าหากไม่ใช่ผู้สืบทอดของเรือนมรรคโลกาสวรรค์ ก็ย่อมไม่มีทางได้อ่านคัมภีร์สมบัติที่อัศจรรย์เล่มนี้แน่
หลินสวินเสียเวลาไปทั้งคืนจึงอ่านตำรามากมายที่ซื้อมาจนจบ ในใจค่อยๆ รู้จักโลกใหญ่หงเหมิงขึ้นพอผิวเผิน
เวลารุ่งเช้าจินเทียนเสวียนเยวี่ยพลันพูดขึ้น “คุณชาย อีกสามวันข้างหน้าในเมืองหลินอันนี้จะเปิดม่านงานประมูลครั้งใหญ่ ได้ยินว่าจะมีเจตวัตถุที่มาจากแดนแห่งปริศนาชิ้นหนึ่งถูกประมูลด้วย ก่อให้เกิดความปั่นป่วนในเมืองเป็นอย่างมาก”
หลินสวินเลิกคิ้ว “เจตวัตถุหรือ”
“ใช่ เจตวัตถุนี้ลึกลับเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีใครรู้ความเป็นมาและวิธีใช้ของมัน จากการประเมินของนักประเมินทรัพย์ ก็ได้แต่สันนิษฐานออกมาโดยคร่าวว่ามูลค่าของเจตวัตถุชิ้นนี้ไม่อาจประเมินได้”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยกล่าว
“เจ้าสนใจงานนี้มากหรือ”
หลินสวินถาม
จินเทียนเสวียนเยวี่ยนำม้วนหยกเล่มหนึ่งออกมาส่งให้ “นี่คือสมบัติบางส่วนที่จะปรากฏในงานประมูลครั้งนี้ ข้าไม่ถึงขั้นสนใจเจตวัตถุปริศนานั้นมากเท่าไหร่ ก็แค่อยากประมูลสมบัติที่มีชื่อว่า ‘เหล็กนิลเกล็ดดารา’ ให้ได้เท่านั้น”
หลินสวินร้องอ้อคราหนึ่ง รับม้วนหยกนั้นมาอ่าน
ในม้วนหยกบันทึกสมบัติที่เย้ายวนใจเหลือประมาณไว้อย่างงดงามละลานตา ยากพบเห็นและหาได้ยากในท้องตลาด
เมื่อสายตาเหลือบเห็นชื่อสมบัติชิ้นหนึ่งในนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ หลินสวินก็ใจกระตุกเล็กน้อย
ผลึกแดนห้วงอากาศว่างเปล่า!
ผลึกสมบัติอย่างหนึ่งที่ควบรวมขึ้นในช่วงแรกที่โลกก่อตัวเป็นรูปร่าง ประทับพลังต้นกำเนิดของ ‘กฎเกณฑ์แห่งห้วงอากาศว่างเปล่า’ ไว้
หากนำมันไปหลอม จะสามารถทำให้การควบคุมกฎเกณฑ์แห่งห้วงอากาศว่างเปล่าของผู้ฝึกปราณพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น!
สำหรับผู้ฝึกปราณคนอื่น แม้สมบัตินี้จะล้ำค่าหายากหาใดเปรียบ แต่กลับนำมาใช้ไม่ได้แต่แรก
แต่สำหรับมกุฎราชันอริยะอย่างหลินสวิน ผลึกแดนห้วงอากาศว่างเปล่ากลับเหมือนสมบัติล้ำค่าที่สามารถทำให้พวกเขาใจเต้น
ต้องรู้ว่าระดับราชันอริยะถือครองพลังเขตแดนมรรค และการควบคุมเขตแดนมรรคก็หนีการหยั่งรู้กฎเกณฑ์แห่งห้วงอากาศว่างเปล่าไม่พ้น!
เหมือนอย่างหลินสวิน จนถึงทุกวันนี้ก็ได้แต่ควบรวมต้นแบบของเขตแดนมรรคออกมาเท่านั้น ด้านหนึ่งเป็นเพราะเขามีข้อเรียกร้องที่ยิบย่อยเกินไป วางแผนจะควบรวมเขตแดนมรรคหนึ่งเดียวในใต้หล้าที่สมบูรณ์แบบอย่างที่สุด
อีกด้านหนึ่งก็เป็นเพราะเขายังควบคุมนัยเร้นลับแห่งห้วงอากาศว่างเปล่าได้ไม่ถึงขั้นสมบูรณ์!
หากได้ผลึกแดนห้วงอากาศว่างเปล่ามาหลอมรวม ย่อมต้องมีประโยชน์ต่อการควบรวมเขตแดนมรรคของเขาอย่างแน่นอน
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้หลินสวินผิดหวังอยู่บ้างคือ ผลึกแดนห้วงอากาศว่างเปล่าที่จะปรากฏตัวในงานประมูล มีขนาดเพียงหัวแม่โป้งเท่านั้น
“ช่างเถอะ ฉวยโอกาสนี้ไปลองดูหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไร”
หลินสวินใคร่ครวญครู่หนึ่งก็ตัดสินใจ
ช่วงที่ฝึกปราณหลายปีมานี้หลินสวินยังไม่เคยร่วมงานประมูลใดๆ จึงอยากไปสัมผัสเสน่ห์ของงานประมูลดูสักครั้ง
เห็นหลินสวินตกปากรับคำ นัยน์ตาของจินเทียนเสวียนเยวี่ยพลันส่องประกาย นางใจเต้นอยากได้เหล็กนิลเกล็ดดาราที่ใกล้จะปรากฏในงานประมูลเป็นอย่างยิ่ง
“คุณชาย เช่นนั้นข้าจะไปซื้อ ‘ป้ายผ่านประตู’ ก่อน”
เสียงของจินเทียนเสวียนเยวี่ยดูปิติรื่นเริง บนใบหน้าที่งดงามประหนึ่งภาพมายานั้นเผยรอยยิ้มที่สามารถทำให้ทุกคนลุ่มหลง
‘แค่เข้าร่วมงานประมูลเท่านั้น ต้องซื้อป้ายผ่านประตูด้วยหรือ’
หลินสวินชะงัก ขณะกำลังจะถามจินเทียนเสวียนเยวี่ย อีกฝ่ายก็จากไปก่อนแล้ว
หลินสวินส่ายหัว เริ่มใคร่ครวญการเคลื่อนไหวขั้นต่อไป
‘รอเมื่องานประมูลสิ้นสุด ค่อยมุ่งหน้าไปที่แคว้นเมฆา’
แคว้นเมฆา หนึ่งในสี่สิบเก้าแคว้นแห่งโลกใหญ่หงเหมิง ห่างจากแคว้นเขียวไปเจ็ดแคว้น ระยะทางไกลอย่างมาก ไม่ต่างอะไรกับการลัดเลาะผ่านโลกใบโหญ่เจ็ดใบ
แต่หลินสวินกลับจำเป็นต้องไป
ด้วยสำนักยุทธ์เสวียนจีตั้งอยู่ในอาณาเขตของแคว้นเมฆา
จิตใจของหลินสวินสงบราบเรียบ ฐานะของเขาตอนนี้คืออวี่เสวียน ทั้งยังเพิ่งมาใหม่ เขาต้องใช้เวลาช่วงหนึ่งในการปรับตัว
การลัดเลาะผ่านแคว้นทั้งเจ็ดยังถือเป็นการเดินทางไกล สามารถทำความเข้าใจภาพบางส่วนของโลกใหญ่หงเหมิงได้อย่างลึกซึ้ง
…
ในขณะเดียวกัน นอกเมืองหลินอัน
วู้ม…
เมื่อลายมรรคเร้นลับส่งเสียงกัมปนาท ในค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณขนาดใหญ่ที่ข้ามผ่านระหว่างแคว้นสายหนึ่ง มีเงาร่างกลุ่มหนึ่งเดินออกมา
ผู้นำก็คือทายาทของเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่ง ผู้สืบทอดของเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ข่งอวี้!
“เมืองหลินอัน…”
นัยน์ตาของข่งอวี้ทอดมองเมืองสูงตระหง่านโดดเด่นนั้นที่ห่างออกไป ในแววตาฉายแววเคียดแค้น
เดิมทีหากเป็นไปดังคาด เขาจะรออยู่หน้าเมืองนี้ รอเมื่อยานลมกรดมาถึง หอเสียงสวรรค์ก็จะยกหลิ่วชิงเยียนให้กับเขาโดยดี
แต่ด้วยสาเหตุที่เขาใจร้อน ไปรออยู่หน้าโลกใหญ่แดนธรรมในเขตแดนดาราราชันแสงก่อน จึงเกิดเรื่องจนเกือบถูกจักรพรรดิกระบี่วายุสังหาร
เมื่อนึกถึงตรงนี้ ในใจของข่งอวี้ก็เดือดดาลและโกรธแค้นอย่างระงับไม่อยู่ขึ้นมา
“ไปหาเบาะแสของหลิ่วชิงเยียนและคนผู้นี้มา”
ข่งอวี้พูดพลางส่งม้วนหยกม้วนหนึ่งให้คนที่อยู่ข้างกาย ในม้วนหยกประทับรูปพรรณสัณฐานของหลิ่วชิงเยียนและอวี่เสวียนที่เป็นหลินสวินปลอมตัวไว้
“ขอรับ”
ชายชราข้างกายข่งอวี้รับคำสั่งแล้วจากไปอย่างรีบเร่ง
หนึ่งเค่อผ่านไป
ชายชรากลับมา กล่าวอย่างรวดเร็วว่า “นายน้อย ข้าผู้ชรามุ่งหน้าไปสืบข่าวกับตระกูลสิง ยานลมกรดของหอเสียงสวรรค์ที่มาจากเขตแดนดาราจื่อเหิงจากโลกใหญ่หงเหมิงไปเมื่อคืนก่อนแล้ว”
“หลิ่วชิงเยียนผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เข้าเมือง แต่ชายที่ชื่อว่าอวี่เสวียนคนนี้ได้เข้าเมืองนี้ไปเมื่อวาน”
สีหน้าของข่งอวี้ทะมึนลงทันที “ข่าวเชื่อถือได้ไหม”
ชายชรากล่าว “นายน้อย เมืองหลินอันนี้ควบคุมดูแลโดยตระกูลสิง เมื่อข้านำภาพของอวี่เสวียนนั่นออกมา อริยะในตระกูลสิงคนหนึ่งที่เฝ้าประตูเมืองเมื่อวานมองปราดเดียวก็จำอีกฝ่ายได้”
ข่งอวี้สายตาวูบไหว “แค่เขาคนเดียวรึ ข้างกายไม่มีตาเฒ่าติดตามมาสักคนหรือ”
ชายชราส่ายหัว “อริยะในตระกูลสิงนั่นจำได้แค่อวี่เสวียนเข้าเมืองมาพร้อมหญิงสาวคนหนึ่ง และผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ใช่หลิ่วชิงเยียน”
ข่งอวี้ชะงัก ไม่นานก็ถอนหายใจยาวเหมือนยกภูเขาออกจากอก “ดูท่าว่าข้าจะเดาถูก บุคคลเทียมฟ้าอย่างจักรพรรดิกระบี่วายุ ไม่มีทางเหยียบย่างเข้ามาในโลกใหญ่หงเหมิงโดยง่าย…”
ระดับจักรพรรดิเคลื่อนไหวย่อมก่อให้เกิดการแรงสะเทือนอย่างมาก ต่อให้เก็บกลิ่นอายก็ยังถูกบุคคลสำคัญเทียมฟ้าบางส่วนที่กระจายอยู่ในโลกใหญ่หงเหมิงสังเกตเห็นได้ทันที
“ไป พวกเราไปที่ตระกูลสิง เรื่องนี้จำเป็นต้องตรวจสอบให้ดี หากแน่ใจว่ามีแค่อวี่เสวียนคนเดียวจริง…”
นัยน์ตาของข่งอวี้เผยไอสังหารวูบหนึ่ง “เช่นนั้นครั้งนี้ข้ารับรองว่าจะทำให้เขาออกจากเมืองหลินอันนี้ไปไม่ได้อีก!”
เขาไม่กล้าไปแค้นจักรพรรดิกระบี่วายุ ทั้งยามนี้หลิ่วชิงเยียนก็ไม่อยู่ จึงได้แต่ระบายเพลิงโทสะทั่วท้องไปที่อวี่เสวียน
พวกเขามุ่งตรงเข้าไปในเมืองหลินอันทันที