Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1877 กายมรรควารีดำ สามพันลี้วารียาว

ยอดเขาชำระหยก

ในถ้ำสถิตหลินสวินนั่งขัดสมาธิ ไอคลุมเครือราวกับกระแสน้ำท่วมท้นเงาร่างที่ยืดตรงดุจกระบี่ของเขา

เลือดลมรอบตัวเขาส่งเสียงกู่ก้อง ประหนึ่งมีภูเขาเทพนับไม่ถ้วนกำลังชนกระแทกอยู่ภายใน สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณที่พวยพุ่งนั่นสะท้อนปรากฏการณ์ประหลาดมากมายออกมา

มีหุบเหวใหญ่เดี๋ยวผุดเดี๋ยวโผล่ เตาหลอมผลาญโลกา

มีเจินหลงขดตัว น้ำไฟแปรเปลี่ยน

และมี…

ปรากฏการณ์ประหลาดมากมายนั่นล้วนเรียกได้ว่าตะลึงโลก เป็นการสะท้อนให้เห็นว่ามรรควิถีของหลินสวินเคี่ยวกรำถึงขั้นโดดเด่นแล้ว

ยอดเขาชำระหยกเป็นถ้ำสวรรค์แดนมงคลที่ล้ำเลิศที่สุดของเขามรรคลมเทพ เดิมเป็นสถานที่ฝึกปราณของเหิงเซียวเจ้าสำนักยุทธ์เสวียนจี

ไอวิญญาณฟ้าดินที่สั่งสมอยู่ที่นี่ แน่นอนว่าหนาแน่นจนน่าตกใจ

ควรรู้ว่าเดิมทีโลกใหญ่หงเหมิงก็เป็นแดนฝึกปราณศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกอยู่แล้ว สถานที่ธรรมดาๆ แห่งหนึ่ง ก็เทียบได้กับเขาวิญญาณแดนมงคลหนึ่งในดินแดนรกร้างโบราณเลยเชียว

และสถานที่อย่างยอดเขาชำระหยก ตั้งอยู่ในโลกใหญ่หงเหมิงยังเรียกได้ว่าเป็นแดนมงคลชั้นหนึ่ง ความเข้มข้นของกลิ่นอายมหามรรคที่สั่งสมทำให้หลินสวินยังรู้สึกตะลึง

อิงตามการคาดเดาของเขา ฝึกปราณที่นี่หนึ่งวัน ก็สามารถเทียบได้กับการใช้ผลึกมรรคฝึกปราณอย่างยากลำบากสิบวันแล้ว!

ที่สำคัญที่สุดคือ ที่นี่เป็นอาณาเขตของสำนักยุทธ์เสวียนจี ตอนที่หลินสวินฝึกปราณก็ไม่จำเป็นต้องหลบๆ ซ่อนๆ อีก

อย่างตอนนี้ เขาได้ใช้ร่างต้นในการเคี่ยวกรำมรรควิถี สิ่งที่โคจรก็ไม่ใช่คัมภีร์เก้ากระถางสยบหล้าอีกต่อไป แต่เป็นคัมภีร์กลืนกินไร้สิ้นสุด!

วิชาฝึกปราณที่กลืนกินสรรพสิ่งมาเป็นของตัวเองเช่นนั้น ทำให้ตอนที่หลินสวินใช้ ไอวิญญาณที่สูบมาก็ถึงขั้นสะท้านสะเทือน

หากเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ คงรับพลังอันยิ่งใหญ่นี้ไม่ไหวนานแล้ว!

ทว่าหลินสวินกลับแตกต่าง ทั้งร่างเขาราวกับหลุมไร้ก้นอย่างไรอย่างนั้น ทุกอย่างล้วนเพราะรากฐานของเขาแข็งแกร่งเกินไป เหนือกว่าคนทั่วไปมาก พลังที่ใช้ตอนฝึกปราณย่อมไม่เหมือนกัน

สองสามวันหลังจากนั้น

ที่ไตของหลินสวิน กลิ่นอายชีวิตที่ทรงพลังอย่างหาที่เปรียบไม่ได้สายหนึ่งราวกับภูเขาไฟปะทุ

แทบจะในพริบตา ห้วงอากาศเหนือแท่นบูชาที่ศีรษะหลินสวินควบรวมเงาร่างหนึ่งออกมา อยู่ในชุดดำทั้งตัว ใบหน้าหล่อเหลา หมอกวารีซัดสาดไหวเคลื่อนทั่วร่าง ประหนึ่งเทพที่ควบคุมสมุทร ใช้วารีนับหมื่น!

กายมรรควารีดำ!

น้ำ หนึ่งในปัญจธาตุ ความดีอันสูงสุดนั้นคล้ายกับน้ำ น้ำให้คุณแก่สรรพสิ่งมิได้แย่งชิงสิ่งใด ดังนั้นจึงใกล้เคียงกับมรรค!

นี่คือร่างแยกมหามรรคที่ถือกำเนิดจากครรภ์เทพวารีดำ ปรากฏท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์อันทรงพลังที่ ‘กว้างใหญ่ไร้สิ้นสุด รองรับร้อยแม่น้ำ’

นี่ก็คือร่างแยกกายมรรคร่างที่สามที่หลินสวินควบรวมออกมาตั้งแต่ฝึกปราณมา

ตูม!

ครู่ต่อมา สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณของหลินสวินพรั่งพรูออกมาทั้งหมด หลอมเข้าไปในร่างแยกนี้ เริ่มหยั่งรู้นัยเร้นลับมากมายเกี่ยวกับกายมรรควารีดำ

ครู่ใหญ่หลินสวินที่อยู่ในชุดดำหัวใจกระเพื่อมไหว เงาร่างของเขาราวกับกระแสธาร เปลี่ยนเป็นหยดน้ำกระจายไปทั่วฟ้า

น้ำทุกหยดล้วนใสพร่างพราว แสงมรรคคลุมเครือพลุ่งพล่าน

ท่ามกลางความเลือนราง น้ำทุกหยดกลับเปลี่ยนไปกะทันหัน กลายเป็นหลินสวินคนแล้วคนเล่า หลินสวินแต่ละคนล้วนสวมชุดดำ เงาร่างเสมือนจริง มีถึงสามพันร่าง!

“ฟัน!”

หลินสวินชุดดำสามพันร่างยืนอยู่ในตำแหน่งที่แตกต่างกัน เคลื่อนไหวพร้อมกันในชั่วขณะนี้

นิ้วชี้ขวาของทั้งสามพันเงาร่าง ล้วนกรีดวาดในอากาศอย่างพร้อมเพรียง

หนึ่งกระบวนวัฏจักรฟ้าสามพันสายพลันฟันออกมา ชั่วขณะนั้นในถ้ำสถิตทั้งถ้ำถูกประกายคมเจิดจ้ากลบมิด

ภาพเช่นนี้ หากผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ เห็นเข้าจะต้องตกใจจนอ้าปากค้างแน่

น่าสะพรึงกลัวเกินไป!

หนึ่งกระบวนวัฏจักรฟ้าที่เงาร่างสามพันสายสำแดงออกมา อานุภาพระดับนั้นเรียกได้ว่าสะท้านฟ้าสะเทือนดิน

ครู่หนึ่งหลังจากนั้น เงาร่างทั้งสามพันพลันเปลี่ยนเป็นหยดน้ำ ควบรวมเป็นหลินสวินในชุดดำอีกครั้ง

ในดวงตาเขาก็มีความประหลาดใจแวบผ่านเช่นกัน

ก่อนหน้านี้กายมรรควารีดำแยกจากหนึ่งเป็นสามพัน พลังพรสวรรค์เหล่านี้ถูกมองเป็น ‘สามพันลี้วารียาว’ ร่างแยกทุกร่างล้วนเหมือนหุ่นรบในมือนักเชิดหุ่นอย่างไรอย่างนั้น

แต่สิ่งที่ไม่เหมือนหุ่นเชิดคือ ร่างแยกที่แปลงจากสามพันลี้วารียาว ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของกายมรรควารีดำ มีมรรควิถี!

ข้อเสียเดียวก็คือ พลังของทุกร่างแยกที่แปลงจากสามพันลี้วารียาว เทียบเท่ากับส่วนเล็กๆ ของกายมรรควารีดำเท่านั้น สามารถสำแดงได้เพียงอานุภาพของระดับมกุฎมหาอริยะ

พูดสั้นๆ ก็คือ สามพันเงาร่างนี้ เทียบเท่ากับมกุฎมหาอริยะสามพันคน!

พลังพรสวรรค์ระดับนี้ หากใช้เล่นงานผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎราชันอริยะ เห็นจะไม่เพียงพอนัก

ถึงอย่างไรก็ต่างกันระดับใหญ่ จำนวนมากน้อยไม่ใช่ข้อได้เปรียบอีกต่อไป

แต่ถ้าอยู่ในแท่นประลองขนาดใหญ่ สามพันลี้วารียาวก็จะปะทุอานุภาพที่น่ากลัวอย่างที่สุดออกมา!

คิดๆ แล้ว มกุฎมหาอริยะสามพันคนลงมือพร้อมกัน พลังทำลายล้างที่เกิดขึ้นจะน่ากลัวเพียงใด

และพอพลังปราณของหลินสวินยกระดับขึ้น หากวันหนึ่งเขาก้าวสู่ระดับกึ่งจักรพรรดิ ทันทีที่สามพันลี้วารียาวเคลื่อนออกมา ก็สามารถเปลี่ยนเป็นมกุฎราชันอริยะสามพันคนได้เลย…

ภาพเช่นนี้จะไม่ตะลึงโลกได้อย่างไร

นี่ก็คือพลังพรสวรรค์ของกายมรรควารีดำ ในการแข่งขันของคนระดับเดียวกัน อาจจะไม่ได้ผลนัก แต่ในแท่นประลองขนาดใหญ่ กลับเป็นวิธีต่อสู้ที่น่ากลัวอย่างที่สุด

ยิ่งไปกว่านั้นพรสวรรค์ของกายมรรควารีดำไม่เพียงเท่านี้ ภายในยังมีความลึกลับอื่นๆ อีกมากมาย

“วิชาแห่งความเป็นตายร่วงโรยรุ่งโรจน์ของกายมรรคไม้เขียว ประทับแห่งสรรพชีวิตของกายมรรคดินเหลือง ตอนนี้ยังมีสามพันลี้วารียาวของกายมรรควารีดำ…”

ครู่ใหญ่ แม้แต่หลินสวินยังอดถอนหายใจไม่ได้ ศิษย์พี่เก้าเก่ออวี้ผูที่สร้างคัมภีร์มหามรรคหวงถิง เป็นการดำรงอยู่ระดับเทพโดยแท้!

“ในอนาคตข้าอยากเป็นคนที่ไม่ด้อยไปกว่าศิษย์พี่คนอื่นๆ ในคีรีดวงกมลบนมหามรรค คงไม่ใช่เรื่องง่าย”

หลินสวินถอนหายใจ

แต่เขากลับไม่ยอมแพ้ เขามั่นใจในคัมภีร์เตาหลอมมหามรรคของตนอย่างที่สุดเช่นเดียวกัน

“ตอนนี้ ข้าเป็นผู้ฝึกปราณระดับมกุฎราชันอริยะขั้นกลางแล้ว ก่อนเข้าร่วมศึกถกมรรคแห่งแคว้นเมฆา ไม่มีทางทะลวงได้แล้ว…”

หลายวันก่อน ตอนที่ไปถึงแคว้นเมฆา หลินสวินเพิ่งจะทะลวงด่าน พลังปราณแข็งแกร่งกว่าตอนที่สังหารกึ่งจักรพรรดิทั้งสองอย่างข่งอิน ชวีเหราระดับใหญ่แล้ว

ศึกถกมรรคครั้งหนึ่งของแคว้นเมฆาเท่านั้น ด้วยพลังปราณของเขาในตอนนี้พอใช้แล้ว

หลินสวินตัดสินใจว่า การฝึกปราณในช่วงนี้ เน้นไปที่การฝึกเขตแดนมรรค

ก้าวสู่ระดับมกุฎราชันอริยะได้ไม่นาน เขาก็ได้ควบรวมต้นแบบของเขตแดนมรรคออกมา ทว่าจวบจนถึงตอนนี้ ยังคงอยู่ในขั้นตอนปรับปรุงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่สามารถควบรวมเป็นเขตแดนมรรคที่รูปแบบสมบูรณ์แบบได้สักที

สองเดือนที่แล้ว ตอนที่ออกจากแคว้นเขียว หลินสวินหลอมผลึกแดนห้วงอากาศว่างเปล่าไปแผ่นหนึ่ง จึงเกิดลางสังหรณ์ที่แรงกล้า

ตนห่างจากการควบคุมเขตแดนมรรคอันสมบูรณ์อีกไม่ไกลแล้ว!

“ในแคว้นเมฆาศึกถกมรรค จะต้องมีมกุฎราชันอริยะชั้นสูงแห่งยุคมากมายเข้าร่วมแน่ ถึงตอนนั้น สามารถยืมเขตแดนมรรคของพวกเขามาฝึกได้…”

ตอนที่หลินสวินใคร่ครวญก็ได้เดินออกจากถ้ำสถิตแล้ว

ทิวทัศน์ราวกับภาพวาด ต้นสนเขียวมรกต ธารน้ำไหลเชี่ยว มีสัตว์ป่าล่าตระเวน มีวานรวิญญาณประคองท้อ มีกวางขาวคาบหญ้า…

จินเทียนเสวียนเยวี่ยนั่งขัดสมาธิอยู่ใต้ต้นสนต้นหนึ่ง กำลังฝึกสงบ ตอนที่สัมผัสได้ว่าหลินสวินเดินออกจากถ้ำสถิต เขาพลันลุกขึ้นยืน

“เสวียนเยวี่ย เจ้าทะลวงด่านแล้ว”

หลินสวินประหลาดใจ แวบเดียวก็ดูออกแล้วว่า จินเทียนเสวียนเยวี่ยเป็นผู้ฝึกปราณขั้นสมบูรณ์แห่งระดับมกุฎราชันอริยะแล้ว

แต่เขาจำได้แม่นว่า เมื่อครึ่งปีที่แล้ว บนยานลมกรด จินเทียนเสวียนเยวี่ยเพิ่งจะทะลวงสู่ขั้นกลางเท่านั้น

ก็หมายความว่า เวลาครึ่งปี จินเทียนเสวียนเยวี่ยได้ทะลวงระดับอีกครั้ง ช่างสมกับที่เป็นผู้กล้าแห่งยุคที่ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วโลก!

“เมื่อเทียมกับคุณชาย ราวฟ้ากับดิน”

จินเทียนเสวียนเยวี่ยเม้มปากยิ้ม ดวงตาสดใส ท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์งดงามชัดเจน มีความองอาจที่อ่อนโยนและสง่างาม

หลินสวินยิ้มพยักหน้า

และตอนนี้เอง จู่ๆ เขาก็สังเกตเห็นว่า ตรงตีนเขายอดเขาชำระหยก มีผู้สืบทอดสำนักยุทธ์เสวียนจีกลุ่มหนึ่งรออยู่ที่นั่น

ในนั้นมีคนคุ้นเคยอย่างเจียงเหิงและจีเฉียน!

“พวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่”

หลินสวินถาม

“บอกว่าจะมาเยี่ยมคุณชาย เหตุผลหนึ่งคือเพื่อแสดงคำขอบคุณ สองคืออยากถกมรรคกับท่าน”

จินเทียนเสวียนเยวี่ยยิ้มพูด

“ถกมรรคอย่างนั้นหรือ”

หลินสวินขมวดคิ้ว

“ใช่ เพียงแค่นั่งถกมรรค แต่ไม่ใช่การต่อสู้แลกเปลี่ยนความสามารถ ข้าว่า แต่ละภาพที่คุณชายโจมตีผู้แข็งแกร่งเกาะเทพเวหาทมิฬเมื่อหลายวันก่อน ก็ทำให้ผู้สืบทอดสำนักยุทธ์เสวียนจี้เหล่านี้เลื่อมใสแล้ว”

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”

หลินสวินพึ่งจะเข้าใจ

“สหายยุทธ์จิน เรารอมานานแล้ว หวังเพียงแค่ได้พบเจ้าสักครั้ง เพื่อแสดงความขอบคุณ”

ตรงตีนเขา มีคนสังเกตเห็นหลินสวิน เอ่ยเสียงดัง

ทันใดนั้นสายตาของพวกเจียงเหิง จีเฉียนต่างมองมาโดยพร้อมเพรียงกัน

หลินสวินคิดๆ แล้วเดินตรงลงเขา มองเหล่าศิษย์แกนหลักของสำนักยุทธ์เสวียนแล้วพูดพร้อมรอยยิ้ม “ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ ข้าได้ยินว่าทุกท่านมาเยือนเพราะอยากถกมรรคกับข้าอย่างนั้นหรือ”

ทุกคนสบตากัน ต่างพยักหน้า แฝงความคาดหวัง

“ได้ ข้าเองก็มีหลายเรื่องที่อยากให้ทุกท่านชี้แนะ”

หลินสวินตอบรับอย่างเด็ดเดี่ยว

ปิดประตูสร้างเกวียนเพียงลำพัง ไม่สู้แลกเปลี่ยนถกมรรคกับกลุ่มคนระดับเดียวกัน เช่นนี้จึงสามารถเรียนรู้โดยการเปรียบเทียบ แลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน

อีกอย่างเรื่องเกี่ยวกับศึกถกมรรคของแคว้นเมฆา ตอนนี้เขาไม่รู้อะไรเลย ต้องการทำความเข้าใจสักหน่อย

เห็นหลินสวินตอบรับพวกเจียงเหิง จีเฉียนต่างเผยสีหน้าดีใจ

พวกเขาเห็นกับตาว่าวันนั้นหลินสวินโจมตีเสอจื่อ เสอหลิงจนพ่ายแพ้อย่างไร ย่อมรู้ดีว่ามรรควิถีในระดับมกุฎราชันอริยะของหลินสวินโดดเด่นเพียงใด

เพียงแต่ หากเจียงเหิงและจีเฉียนรู้ว่าจินตู๋อีที่อยู่ตรงหน้าก็คือหลินสวิน ไม่รู้จะรู้สึกอย่างไร

“เสวียนเยวี่ย เจ้าเอาด้วยซิ”

หลินสวินทัก

จินเทียนเสวียนเยวี่ยอึ้ง พลันเผยรอยยิ้มอันเบิกบาน พยักหน้าอย่างแรง

……

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

บนแท่นกลางยอดเขาชำระหยก หลินสวินและกลุ่มผู้สืบทอดแกนหลักสำนักยุทธ์เสวียนจีนั่งกับพื้น พูดคุยถกมรรคแลกเปลี่ยนข้อคิดการฝึกปราณซึ่งกันและกัน

เสียงต้นสนกระทบกันดังขึ้นเป็นระลอกๆ บรรยากาศเงียบสงบ

เดิมทีพวกเจียงเหิง จีเฉียนคิดว่าหลินสวินศักยภาพโดดเด่น และมาจากเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียน อุปนิสัยจะต้องเย่อหยิ่งมากแน่

ทว่าหลังจากได้ปฏิสัมพันธ์ พวกเขาจึงพบว่า หลินสวินกลับเข้าถึงง่ายมาก งามดุจหยก อุ่นชื้นดุจน้ำ ที่หายากคือ ตอนที่ถกมรรค ความคิดเห็นต่อมรรคส่วนใหญ่ของเขามักจะแตกต่างออกไป มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้พวกเขาเลื่อมใส่อย่างสิ้นเชิง

ไกลๆ เห็นภาพการถกมรรคที่สันติเช่นนี้ ในใจเหิงเซียวยังอดเกิดความอิจฉาไม่ได้

ฐานะที่แท้จริงของจินตู๋อี เป็นถึงอาจารย์อาเล็กของป๋อหยาจื่อบรรพจารย์ผู้ก่อตั้งสำนักเชียวนะ!

ได้ร่วมถกมรรคกับเขา เป็นวาสนาอันล้ำค่าที่หายาก!

เหิงเซียวส่ายหน้า สลัดความคิดฟุ้งซ่านในหัว เขามาเยือน เพราะมีเรื่องจะบอกหลินสวิน

……………

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset