Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1889 อันดับหนึ่งเมืองหลิงเฟิง

วู้ม…

ต้นแบบเขตแดนมรรคที่ประหนึ่งแดนแรกกำเนิดกำลังควบรวมอยู่เบื้องหน้าหลินสวิน บ้างกลายเป็นหุบเหวใหญ่ที่ลึกไร้ก้น บ้างกลายเป็นเตาหลอมจิตที่คงกระพันไม่เสื่อมสูญ…

กฎเกณฑ์มหามรรคไร้ที่เปรียบดุจดั่งสายโซ่เทพก็ไม่ปาน ไหวเคลื่อนพริบวาบอยู่ภายใน

ดับดารากลืนกิน เจินหลง น้ำไฟ ไร้มรณะ ยอดเอกอุ… ปรากฏลักษณ์ประหลาดต่างๆ นานาที่งดงามไร้ระเบียบ ความยิ่งใหญ่ของกลิ่นอายที่แผ่ออกมาถึงขั้นสามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งรุ่นเดียวกันสิ้นหวัง!

ภายในห้อ ถูกหลินสวินวางกระบวนผนึกไว้ตั้งแต่ต้น ฉะนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าจะถูกรบกวน และไม่อาจถูกสังเกตเห็นจากภายนอกด้วย

ยามนี้เมื่อหลินสวินโคจรพลังปราณ เขตแดนมรรคที่ดุจดั่งแดนแรกกำเนิดแถบหนึ่งเริ่มบังเกิดเสียงอึงอล

ก็เหมือนการหลอมโครงอาวุธอย่างหนึ่ง กำลังผ่านการหลอมและขึ้นรูป!

การหยั่งรู้ทั้งปวงภายในใจหลินสวิน ก็กำลังผสานเข้าสู่เขตแดนมรรคทีละอย่างระหว่างการหลอมนี้

ก็เห็นว่า…

เขตแดนมรรคของเขากลายเป็นเมืองเซียนแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่กลางเวิ้งฟ้าฉับพลัน ชโลมด้วยประกายศักดิ์สิทธิ์ หอกำแพงสูงตระง่าน เรืองรองไม่เสื่อมสลาย

จากนั้นไม่นานก็กลายเป็นเงากระบี่มากมาย ทับซ้อนหนาแน่น แน่นขนัดราวกับไร้สิ้นสุด

จากนั้นที่ตามมาติดๆ คือกลายเป็นโลกบงกชสามสิบหกชั้น กลีบบัวแต่ละกลีบล้วนปรากฏสภาพประหนึ่งแดนพิสุทธิ์อริยเทพ…

สภาพแต่ละแบบถึงกับเป็น ‘เขตแดนกระบี่เมืองจักรพรรดิขาว’ ‘เงากระบี่มหาสหัส’ ‘โลกบงกชสามสิบหกชั้น’!

และต่อมา เขตแดนมรรคของหลินสวินก็ปรากฏรูปร่างต่างๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง เช่นม่านกระบี่ธุลีเพลิง ทางนรกไร้หวนเป็นต้น

สุดท้ายลักษณ์ประหลาดแต่ละแบบที่ปรากฏมานี้ ล้วนคืนสู่สภาพแรกกำเนิดอีกครั้ง

และก็ในเวลานี้เอง ต้นแบบเขตแดนมรรคที่ประหนึ่งแดนแรกกำเนิดพลันจมสู่ความเงียบสุดขั้วอย่างหนึ่ง ลอยอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง

‘โอม!’

และภายในใจหลินสวิน การหยั่งรู้ทั้งปวงราวกับระเบิดปะทุอย่างสิ้นเชิง แทบจะอยู่เหนือการควบคุมของสัญชาตญาณ เสียงสายหนึ่งดังก้องขึ้นในใจของเขา

ตูม!

ต้นแบบเขตแดนมรรคที่จมสู่ความเงียบงันยิ่งยวดเริ่มบังเกิดการเปลี่ยนแปลงน่าทึ่ง กลายเป็นหุบเหวใหญ่ลึกล้ำรางๆ

มีความยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต ลึกไร้สิ้นสุด คล้ายสามารถกลืนกินเวิ้งฟ้าหมื่นกาล!

แต่เมื่อพินิจดูดีๆ หุบเหวใหญ่นี้กลับปรากฏรูปร่างเตาหลอมออกมา คละคลุ้งด้วยกลิ่นอายเคร่งขรึมที่ไม่เสื่อมสลาย ประหนึ่งชั่วนิรันดร์

คล้ายเตาหลอมแต่ก็ไม่ใช่ เหมือนหุบเหวแต่ก็ไม่เชิง!

เสมือนว่าทุกอย่างล้วนคืนสู่จุดเริ่มต้น แต่ความรู้สึกที่มอบให้แก่ผู้คนกลับเป็นกลิ่นอายที่สมบูรณ์ คล้ายเป็นธรรมชาติโดยสมบูรณ์!

เมื่อความคิดหลินสวินโลดแล่น ในเขตแดนมรรคมหามรรคทั้งปวงผุดเผย สำแดงวิชามรรคไร้ขอบเขตออกมา มีเจินหลงแหงนหน้าคำราม มีน้ำไฟไหลหลั่งกลางจักรวาล มีลักษณ์หยินหยางใสขุ่นโปรยทั่วฟ้าดิน มีไร้มรณะไร้ดับสลาย ท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ที่คงอยู่ไม่เสื่อคลายแผ่ซ่านออกมา…

กลิ่นอายน่าสะพรึงที่สามารถทำให้เทพผีหวาดผวาก็แผ่ออกมาด้วยเช่นกัน

ตูม!

พลังผนึกที่ปิดครอบรอบห้องล้วนถูกโจมตี เกิดการสั่นไหวรุนแรง คล้ายรับการกดดันของกลิ่นอายน่าสะพรึงนั่นไม่ไหว

และบนใบหน้าหลินสวินก็ปรากฏรอยยิ้มออกมา

เขตแดนมรรคที่ตอนแรกเป็นสภาพต้นแบบ ยามนี้ได้ก็สำเร็จออกมาช่วงใหญ่แล้ว!

ความแข็งแกร่งในอานุภาพของมัน คุณลักษณะของมัน คนละเรื่องกับที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง

ฮูม…

พอความคิดของหลินสวินขยับไหว เขตแดนมรรคพลันอันตรธานหายไปทันที

‘น่าเสียดาย สุดท้ายยังขาดอีกก้าวหนึ่งถึงจะเสร็จสมบูรณ์…’

หลินสวินครุ่นคิด ‘แต่ก็เพียงพอแล้ว ตอนนั้นที่ฆ่ากึ่งจักรพรรดิชวีเหรา เขตแดนมรรคในสภาพต้นแบบก็สามารถระเบิดอานุภาพระดับนั้นออกมาได้ ยามนี้ควบรวมเขตแดนมรรคสำเร็จช่วงใหญ่ ก็น่าจะสามารถทำให้ไม่ต้องเกรงกลัวการแข่งขันของคนรุ่นเดียวกันแล้ว’

เขตแดนมรรคขั้นสมบูรณ์สูงสุด จนบัดนี้หลินสวินยังไม่เคยพบ และไม่รู้ชัดว่าบนโลกใบนี้ยังมีเขตแดนมรรคซึ่งคล้ายกับที่ตนเสาะแสวงหาหรือไม่

แต่ภายในใจหลินสวินมีลางสังหรณ์ว่า เมื่องานชุมนุมถกมรรคที่หกเรือนมรรคใหญ่จัดขึ้นเปิดม่าน บางทีอาจมีพวกโดดเด่นยิ่งยวดที่ครอบครองเขตแดนมรรคระดับนี้ก็เป็นได้

อย่างไรเสียรากฐานพลังของขุมอำนาจระดับหกเรือนมรรคใหญ่ จะให้ผู้คนประเมินค่าสูงเช่นนี้ก็ไม่เกินจริง

……

ขณะที่หลินสวินฝึกปราณเพียงลำพัง ภายในเมืองหลิงเฟิงก็เข้าสู่ยามราตรี

การคัดเลือกถกมรรคในวันแรกสิ้นสุดลงแล้ว

ในหมู่ผู้เข้าร่วมการต่อสู้นับพัน มีเพียงสามสิบสองคนเท่านั้นที่คว้าชัยชนะสิบครั้งรวด มีคุณสมบัติเข้าร่วมการคัดเลือกรอบที่สองอย่างราบรื่น

ด้วยเหตุนี้แค่คิดก็รู้ว่าการแข่งขันนั้นดุเดือดและโหดร้ายปานใด!

ผู้แพ้ นอกจากได้รับเสียงทอดถอนใจเสียดายนิดหน่อยแล้วก็ไม่มีใครถามไถ่ถึงอีก

ผู้ชนะ ก็กลายเป็นพวกสะดุดตาที่ได้รับการจับตามองที่สุดของเมืองหลิงเฟิงในค่ำคืนนี้

หลินสวิน ฉู่ชิว จั๋วเฟิ่งอิ่ง กู่เจี้ยนสิง เกาหลิงเทียน… แต่ละชื่อเรียกเสียงฮือฮาไม่รู้เท่าไหร่ในเมืองหลิงเฟิงแห่งนี้

หนึ่งในนั้น ชื่อที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดย่อมเป็น ‘จินตู๋อี’ ที่หลินสวินสวมรอยอยู่!

“คนเดียวชนะเก้าสิบเก้าครั้งรวด สู้จนถึงตอนท้ายก็ไม่มีใครกล้าท้าสู้แล้ว! นี่เป็นบารมีที่ไร้ศัตรูอย่างแท้จริง!”

“ฉู่ชิวแข็งแกร่งปานใด กู่เจี้ยนสิงสะดุดตาแค่ไหน แต่ผ่านการต่อสู้ในวันนี้ ก็ได้แต่อับแสงลงเบื้องหน้าจินตู๋อีนั่นเท่านั้น ผลลัพธ์นี้ใครเลยจะคาดคิด”

“ควรบรรยายถึงจินตู๋อีผู้นี้อย่างไรน่ะหรือ คำเดียว มั่นคง! ไม่อาจสั่นคลอน ไร้ศัตรูทัดเทียม มั่นคงจนน่ากลัว!”

“แม่งเอ๊ย รู้แต่แรกก็คงให้ความสำคัญกับจินตู๋อีผู้นี้ไปแล้ว!”

เสียงฮือฮาวิพากษ์วิจารณ์คล้ายๆ แบบนี้พบเห็นได้ทุกแห่งหนในเมืองหลิงเฟิงนี้ ทุกครั้งที่เอ่ยถึงผู้แข็งแกร่งในการคัดเลือกถกมรรควันนี้ ย่อมหนีไม่พ้นชื่อ ‘จินตู๋อี’ นี้อย่างแน่นอน

สรุปแล้วค่ำคืนนี้ จินตู๋อีเลื่องชื่ออย่างที่สุด ไม่เอ่ยถึงก็แล้วไป พอเอ่ยถึงก็ชวนตกใจ ประหนึ่งอาทิตย์ดวงใหญ่ที่เจิดจรัส ส่องแสงเหนือเมืองหลิงเฟิงอยู่เพียงลำพัง

เมื่อเทียบกันเช่นนี้ ผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ที่เข้าร่วมการคัดเลือกถกมรรคในครั้งนี้ล้วนพากันหม่นแสงไร้รัศมี!

……

เวลาเคลื่อนคล้อย วันที่สองมาเยือน การคัดเลือกถกมรรคดำเนินบนลานแสดงมรรคต่อไป

เพียงแต่เมื่อเทียบกับวันแรก การต่อสู้ที่เกิดขึ้นบนสังเวียนสิบแปดแห่งในวันที่สอง เห็นได้ชัดว่าไม่มีอะไรน่าให้กล่าวถึง

อันที่จริงนี่ก็ปกติ บุคคลสะดุดตาที่ได้รับการจับจ้องมากที่สุดเหล่านั้น ล้วนผ่านการทดสอบอย่างราบรื่นในวันแรกเกือบทั้งหมด ทำเอาการคัดเลือกถกมรรคในวันต่อมาไม่เหลือสีสันอย่างเห็นได้ชัด

อีกอย่าง ม้ามืดเช่นหลินสวินแม้จะมีอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่หลังจากคว้าชัยสิบครารวดก็เลือกหยุดต่อสู้

อย่าว่าแต่ทำลายสถิติการต่อสู้ของหลินสวินเลย ต่อให้เทียบกับพวกฉู่ชิว จั๋วเฟิ่งอิ่งก็เห็นได้ชัดว่าด้อยกว่ากันไม่น้อย

เมื่อวันที่สองปิดม่าน รวมทั้งสิ้นมียี่สิบสามคนที่คว้าชัยสิบครั้งติด มีคุณสมบัติเข้าร่วมการคัดเลือกรอบที่สอง

และค่ำคืนนี้ ชื่อที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุดยังคงเป็น ‘จินตู๋อี’

ต่อให้วันนี้เขาไม่ได้ปรากฏตัวบนลานแสดงมรรคหลิงเฟิงเลย แต่ยามนี้เขาก็เหมือนบุคคลต้นแบบโดยปริยาย ไม่ว่าจะพูดถึงผู้แข็งแกร่งคนไหน ล้วนจะถูกนำมาเปรียบเทียบกับเขา

และด้วยเหตุนี้ทำให้ผู้คนยิ่งตระหนักได้อย่างลึกซึ้งว่า พลังของการ ‘ชนะเก้าสิบเก้าครั้งรวด’ ของหลินสวินนั้นหนักหน่วงปานใด

วันที่สาม การคัดเลือกถกมรรคเปิดม่านต่อ

และวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายของการคัดเลือกรอบแรก ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดที่เข้าร่วมการถกมรรค ไม่ว่าจะเข้าร่วมการต่อสู้หรือไม่ พ่ายแพ้หรือไม่ ล้วนงัดพลังและฝีมือออกมากันเต็มที่

ทำเอาการคัดเลือกถกมรรคในวันนี้กลับมีสีสันขึ้นมาไม่น้อย และดุเดือดขึ้นมากโข

สุดท้ายมีสิบเจ็ดคนผ่านการชนะสิบรอบติด เมื่อรวมกับจำนวนคนที่ผ่านการทดสอบในสองวันก่อน จึงมีทั้งสิ้นเจ็ดสิบสองคนที่มีคุณสมบัติเข้าสู่การคัดเลือกถกมรรครอบที่สอง

เจ็ดสิบสองคนดูเหมือนไม่น้อย แต่ควรรู้ว่าเป็นการคัดเลือกจากผู้เข้าร่วมมากกว่าพันคน เท่ากับคัดผู้เข้าร่วมการแข่งขันออกไปราวๆ เก้าส่วน!

และในวันสุดท้ายนี้ ภายในลานแสดงมรรคเมืองหลิงเฟิง พวกระดับกึ่งจักรพรรดิเจ็ดคนอย่างเถาซงถิง อวี๋ฮูหยิน ร่วมกันประกาศรายชื่ออันดับหนึ่งของการคัดเลือกถกมรรครอบแรกในเมืองหลิงเฟิง…

จินตู๋อี!

อันดับหนึ่งก็คือที่หนึ่ง ครองชัยเพียงหนึ่งเดียว บารมีโดดเด่น เป็นหนึ่งไม่มีสอง

เพียงแต่ว่า อันดับหนึ่งนี้สุดท้ายก็เป็นแค่อันดับหนึ่งของเมืองหลิงเฟิง

จากที่หลินสวินรู้มา ภายในแคว้นเมฆามีอันดับหนึ่งเช่นนี้สิบคน!

อีกอย่าง อันดับหนึ่งนี้ก็แค่คนหนึ่งในการคัดเลือกรอบแรกของศึกถกมรรคแคว้นเมฆาเท่านั้น

ฉะนั้นหลินสวินไม่ถึงขั้นตื่นเต้นมากมายนัก

ยามเข้าร่วมการคัดเลือกถกมรรค เขาก็ไม่ได้สนใจแพ้ชนะสักนิด สามารถไขว่คว้าอันดับหนึ่งมาได้ นอกจากจะอยู่ในความคาดหมายแล้วก็อยู่ในเหตุในผลเช่นเดียวกัน

แต่หลินสวินไม่ตื่นเต้น ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นๆ จะไม่ตื่นเต้น

ยามประกาศเรื่องนี้ ในลานแสดงมรรคอันกว้างใหญ่ล้วนเต็มไปด้วยเสียงฮือฮา เสียงอุทาน ทอดถอนใจ เลื่อมใส ดังกระหึ่มราวกับฟ้าคำราม…

หลากหลายมากมาย

แม้แต่พวกเถาซงถิงก็ยังถอนใจไม่หยุด

ก่อนหน้านี้ใครเลยจะคาดคิด ว่าอันดับหนึ่งของการคัดเลือกถกมรรคเมืองหลิงเฟิงนี้ ถึงกับมีม้ามืดทะลวงออกมา

ชนะเก้าสิบเก้าครั้งรวด!

ผลงานการต่อสู้เช่นนี้ เรียกได้ว่าองอาจสะท้านโลกหล้า!

และในวันนี้เอง ข่าวเกี่ยวกับ ‘จินตู๋อี’ ซึ่งหลินสวินสวมรอยอยู่กลายเป็นอันดับหนึ่งของเมืองหลิงเฟิงก็ประหนึ่งลมมรสุม หอบม้วนกลางเมือง แพร่กระจายไปทั่วสี่ทิศแปดทาง…

ในเวลาต่อมา ชื่อ ‘จินตู๋อี’ นี้ก็แพร่เข้าสู่เมืองมากมายในแคว้นเมฆา เป็นที่รู้จักของผู้ฝึกปราณมากขึ้นทุกที

ทั้งหมดนี้ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับหลินสวินแต่อย่างใด

เขาในยามนี้ตามพวกเถาซงถิงออกจากเมืองหลิงเฟิงไป พร้อมกับคนอีกเจ็ดสิบเอ็ดคนอย่างพวกฉู่ชิว กู่เจี้ยนสิง จั๋วเฟิ่งอิ่ง

การคัดเลือกถกมรรครอบที่สองจะเปิดม่านในอีกครึ่งเดือนให้หลัง

สถานที่คือเขาเทพว่างเปล่าอันเป็นที่ตั้งของสำนักยุทธ์ว่างเปล่า สำนักอันดับหนึ่งในแคว้นเมฆา

ถึงตอนนั้นผู้แข็งแกร่งที่ผ่านการคัดเลือกจากสิบพื้นที่ของแคว้นเมฆาจะมารวมตัวกัน เริ่มเปิดฉากศึกถกมรรครอบที่สองพร้อมกับผู้สืบทอดของเจ็ดสำนักใหญ่!

“สหายน้อย ขอเพียงเจ้าเต็มใจ ข้ารับรองว่าหลังจากเจ้าเข้าลัทธิเทพดาราเมฆ ก็จะเป็นผู้สืบทอดแกนหลักคนหนึ่งทันที หนำซ้ำยังมีแดนมงคลฝึกปราณเป็นของตัวเอง ทุกๆ ปีจะได้รับแปดล้านผลึกมรรค รวมถึงทรัพยากรฝึกปราณนานาชนิด”

“อีกอย่าง ขอเพียงเจ้ามีเรื่องร้องขอใดๆ ไม่ว่าข้าจะตอบรับเองได้หรือไม่ ล้วนจะพยายามช่วยเจ้าอย่างเต็มที่!”

ระหว่างทางมุ่งหน้าสู่เขาเทพว่างเปล่า อวี๋ฮูหยินมาหาหลินสวิน ใช้สารพัดวิธี ทั้งความรู้สึกทั้งผลประโยชน์มาดึงตัว หมายให้หลินสวินเข้าสู่ลัทธิเทพดาราเมฆ

ท่าทีเช่นนั้นไม่ต้องพูดถึงว่าจริงใจและกุลีกุจอปานใด พวกฉู่ชิว จั๋วเฟิ่งอิ่ง กู่เจี้ยนสิงที่ร่วมขบวนมาด้วยกันเห็นแล้วในใจยังอดรู้สึกอิจฉาริษยาไม่ได้

นี่ก็คือสิ่งที่อันดับหนึ่งจะได้รับสินะ!

ทำให้ผู้คนอิจฉา และทำให้คนจนปัญญาด้วยเช่นกัน

แต่สุดท้ายหลินสวินยังคงปฏิเสธ เขาย่อมรู้ว่าอวี๋ฮูหยินชื่นชมเขาจากใจจริง เพียงแต่สถานะของเขาถูกกำหนดตั้งแต่ต้น ไม่สามารถกราบเข้าสำนักอื่นได้อีก

สำหรับเรื่องนี้อวี๋ฮูหยินผิดหวังยิ่ง แต่ยังคงฝืนทำเข้มแข็ง กล่าวอย่างหนักแน่นว่า “ไม่ว่าอย่างไร ข้าจะต้องแย่งชิงต่อไปอย่างแน่นอน!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้หลินสวินก็อดยิ้มขื่นไปพักหนึ่งไม่ได้ บางครั้งถูกคนให้ความสำคัญเกินไป ดูเหมือนจะเป็นเรื่องน่ากลัดกลุ้มอย่างหนึ่งอยู่เหมือนกัน…

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset