ตอนที่ 1903
ยามเช้าตรู่
บนลานหยกยอดเขาเซียนยุทธ์
ผู้แข็งแกร่งสิบสามคนอย่างหลินสวิน ลู่ตู๋ปู้ อู่หวงรออยู่บนนั้นแล้ว
พวกคนใหญ่คนโตที่มาจากเจ็ดสำนักใหญ่รวมถึงขุมอำนาจอื่นในแคว้นเมฆายืนแยกๆ กันทั้งสี่ทิศของลาน
วันนี้จะเปิดการแข่งขันสิบผู้แข็งแกร่ง!
พอเสียงระฆังทุ้มหนักดังขึ้นในชั้นเมฆ บรรยากาศในที่นั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเงียบสงัดในชั่วพริบตาไปด้วย
“การแข่งขันสิบผู้แข็งแกร่ง ขั้นแรกจะคัดผู้แข็งแกร่งออกมาหกคน ยังใช้วิธีจับฉลากเลือกคู่ต่อสู้ดังเดิม หนึ่งในนั้นจะมีฉลากโชคดีอยู่ใบหนึ่ง”
พอก้วนซวีเจ้าสำนักสำนักยุทธ์ว่างเปล่าเอ่ยประกาศ ทั้งที่นั้นก็งุนงงไปครู่หนึ่ง
นี่เป็นถึงการแข่งขันสิบผู้แข็งแกร่ง ยังมีฉลากโชคดีอีกหรือนี่
สายตาของคนไม่น้อยต่างมองไปที่จินเทียนเสวียนเยวี่ยในชุดขาวปลอด งามกระจ่างดั่งเซียน
ในการคัดเลือกเมื่อวาน ผู้กล้าหญิงแห่งยุคจากเผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์ตระกูลจินเทียนคนนี้โชคดีจับฉลากโชคดีได้สองครั้งติด กลายเป็นหนึ่งในสิบสามคนที่เข้าชิงสิบผู้แข็งแกร่งไปโดยไม่ต้องต่อสู้
นี่ย่อมทำให้ผู้อื่นอิจฉา
แต่การแข่งขันสิบผู้แข็งแกร่งยังมีฉลากโชคดีอยู่ นี่ก็ทำให้ทุกคนรู้สึกไม่สบอารมณ์นัก
คนที่จับฉลากโชคดีได้ จะกลายเป็นสิบผู้แข็งแกร่งของศึกถกมรรคแคว้นเมฆาทันที เรื่องนี้ยุติธรรมกับผู้แข็งแกร่งคนอื่นหรือ
คล้ายมองทะลุความคิดของทุกคน ก้วนซวีเอ่ยเสียงเรียบว่า “การช่วงชิงมหามรรค ศักยภาพกับโชคจะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ ก็เหมือนเหล่าผู้อาวุโสที่อยู่ที่นี่ เป็นระดับกึ่งจักรพรรดิแทบทั้งนั้น ศักยภาพของแต่ละคนล้วนเรียกได้ว่าองอาจ แต่หลายปีมานี้กลับไม่มีใครแจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิสักคน เพราะเหตุใดกัน”
เสียงดั่งสายฟ้าดังก้องไปทั้งลาน
ไม่ทันรอให้ตอบ ก้วนซวีก็เอ่ยทันทีว่า “ง่ายนัก เพราะขาดโชค!”
“ถ้าไม่มีมหาโชควาสนา ทั้งชีวิตก็ทำได้เพียงติดอยู่เบื้องหน้าระดับจักรพรรดิ กลับกัน หากคว้าโชควาสนาไว้ได้ครั้งหนึ่ง ผู้อาวุโสที่อยู่ที่นี่เหล่านี้จะมีใครไม่อาจแจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิได้”
“ความหมายของฉลากโชคดีก็อยู่ตรงนี้ ทำเช่นนี้ก็เพราะต้องการเตือนใจพวกเจ้า ว่าถ้าโอกาสมาฟ้าดินล้วนร่วมแรงเกื้อหนุน หากโชควาสนาพัดผ่านไปวีรชนก็ไม่อาจทำตามใจตนได้ โชควาสนา สำคัญยิ่งกว่าที่พวกเจ้าคาดคิด!”
เมื่อพูดประโยคนี้ออกมา ทั้งที่นั้นก็เงียบเชียบ ทุกคนต่างสีหน้าเคร่งขรึม ในใจไหวกระเพื่อม
โชควาสนา!
สำหรับผู้ฝึกปราณแล้ว พลังที่ดูเหมือนว่างเปล่าเลื่อนลอยเช่นนี้กลับสำคัญนัก ถึงกับส่งผลต่อมรรคาและโชคชะตาทั้งชีวิต!
“ต่อไป เริ่มจับฉลากเลือกคู่ต่อสู้ ผู้ที่จับฉลากโชคดีได้เข้ารอบทันที อีกสิบสองคนแบ่งออกเป็นหกคู่ เลือกผู้แข็งแกร่งหกคน”
“จากนั้นผู้ที่แพ้หกคนให้ประลองกัน เลือกคนที่จะเข้าไปอยู่ในสิบคนแรกออกมาสามคน”
“เช่นเดียวกัน สามอันดับแรกจะได้มาจากการประลองโดยแบ่งผู้ชนะหกคนออกเป็นสามกลุ่ม จนกว่าจะได้ที่หนึ่ง ที่สองและที่สาม”
ก้วนซวีประกาศกติกาคัดเลือกทีละข้อ จึงทำให้พวกหลินสวินเข้าใจ
ต่อมาก็เป็นช่วงจับฉลาก
หลินสวินออกไปเป็นคนแรก แล้วพวกลู่ตู๋ปู้ อู่หวงก็ตามไปจับฉลากตามลำดับดังเดิม
คู่ต่อสู้ของหลินสวินคือซูมู่หาน
คู่ต่อสู้ของลู่ตู๋ปู้คือโหยวเทียนซิง
คู่ต่อสู้ของอู่หวงคือหวังถู
คู่ต่อสู้เซี่ยอวี่ฮวา…
ที่ทำให้ทุกคนฮือฮา ถึงกับตระหนกตกใจก็คือ ฉลากโชคดีคราวนี้ดันถูกจินเทียนเสวียนเยวี่ยจับได้อีกแล้ว!
คนใหญ่คนโตอย่างก้วนซวี เหิงเซียว นักพรตหลันต่างมองหน้ากัน ทายาทจักรพรรดิขาวดึกดำบรรพ์คนนี้มีโชคดีเย้ยฟ้าจริงๆ!
ตัวจินเทียนเสวียนเยวี่ยเองยังเขินอยู่บ้าง จับฉลากโชคดีได้สามครั้งติดกัน แม้แต่นางเองยังคิดไม่ถึง ช่างเหมือนกับฝัน
นางไม่รู้ว่าตนโชคดีเลิศขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร
“นี่ไม่ยุติธรรม นางต้องมีวิชาลับบางอย่าง สามารถมองทะลุฉลากหยกที่อยู่ในกล่องได้แน่!”
โหยวเทียนซิงพูดเสียงดัง
เขาสวมชุดสีฟ้าทั้งตัว เท้าสวมรองเท้าหุ้มข้อลายมังกร เงาร่างผอมบาง บุคลิกไม่ธรรมดา เพียงแต่ขณะนี้กลับดูไม่พอใจนัก
“ไม่ว่าจะเป็นวิชาลับใดสอดแนมต่างก็ถูกข้าสัมผัสได้ทันที เจ้าหนุ่ม นี่เจ้าแคลงใจว่าข้าก้วนซวีโกงหรือ”
ก้วนซวีเอ่ยเสียงเข้ม
โหยวเทียนซิงหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย เอ่ยว่า “ผู้น้อยมิกล้า เพียงแต่เรื่องนี้แปลกประหลาดเกินไป แม้จะมีโชคแกร่งกล้าเป็นที่สุดก็ไม่มีทางจับฉลากโชคดีได้สามครั้งติดแน่”
เห็นได้ชัดว่าเขายังสงสัยว่าจินเทียนเสวียนเยวี่ยโกง
หนำซ้ำ พอดูปฏิกิริยาของคนอื่นในที่นั้นก็เผยสีหน้ากังขาไม่มากก็น้อย
“ในเมื่อเจ้ากังขา ก็เอาหลักฐานออกมา”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยสีหน้าเย็นชา นางก็รู้สึกไม่พอใจนัก เจ้าหมอนี่เห็นนางเป็นอะไร คนที่โกงเพื่อเข้าไปเป็นสิบคนแรกหรือ
“หลักฐานข้าไม่มี แต่ถ้าเจ้ากล้าประลองกับข้าสักยก ขอเพียงเจ้ายืนหยัดได้หนึ่งถ้วยชา ข้าก็จะเชื่อในความสามารถและโชคของเจ้า ทั้งยังยอมรับความจริงที่เจ้าอยู่สิบอันดับแรกด้วย”
โหยวเทียนซิงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง พูดอย่างเด็ดขาดว่า “มิเช่นนั้นต่อให้ไม่อาจเปลี่ยนผลลัพธ์ได้ ข้าก็เชื่อว่าผู้ร่วมมรรคในที่นี้ไม่น้อยต้องไม่พอใจเช่นเดียวกันแน่”
ทุกคนต่างเหลือบมองอย่างห้ามไม่อยู่ ทั้งยังมีคนที่เห็นด้วยกับความเห็นของโหยวเทียนซิง
หลินสวินหัวเราะหยันในใจ ไม่พอใจอะไรกัน ก็แค่อิจฉาโชคของจินเทียนเสวียนเยวี่ยเท่านั้น
ที่เกินคาดคือจินเทียนเสวียนเยวี่ยกลับตอบรับโดยไม่หยุดคิดว่า “ได้ ข้ารับปากเจ้า”
นางสีหน้าเรียบเฉย แววเย็นชาปรากฏขึ้นในดวงตาเป็นประกายดุจสายน้ำฤดูใบไม้ร่วง นางกำลังทุกข์ใจที่ไม่มีโอกาสได้สำแดงศักยภาพ
การท้าทายของโหยวเทียนซิงในตอนนี้ตรงใจนางพอดี!
เห็นดังนี้ก้วนซวีก็ชำเลืองมองโหยวเทียนซิงครั้งหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะยอมให้พวกเจ้าสองคนประลองกันก่อนครั้งหนึ่ง เจ้าหนุ่ม ขอเตือนเจ้าไว้ก่อนว่า แม่นางผู้นี้เป็นถึงลูกหลานจักรพรรดิขาวดึกดำบรรพ์ มีชื่ออยู่ในอันดับที่สี่สิบเก้าของกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์มาหลายปีแล้ว ถ้าเจ้าแพ้แล้วในใจยังไม่พอใจอีก ก็ออกจะพูดไม่รู้เรื่องแล้ว”
ในเสียงเจือความไม่พอใจ เห็นได้ชัดว่าไม่ชอบใจที่โหยวเทียนซิงก่อกวน
และเมื่อพูดเช่นนี้ออกไป ก็ทำให้คนไม่น้อยหวาดหวั่นใจ
อันดับที่สี่สิบเก้าของกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์!
ข้อมูลนี้คนบางส่วนยังเพิ่งรู้เป็นครั้งแรก อันดับนี้น่าตกใจนัก อยู่ในโลกใหญ่หงเหมิงเรียกได้ว่าสะดุดตา
“ผู้อาวุโสวางใจ ข้ากำลังอยากขอคำชี้แนะวิชากับแม่นางเสวียนเยวี่ยสักครั้ง ทำความรู้จักกับพลังของผู้อยู่อันดับที่สี่สิบเก้าของกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์พอดี ถ้าแพ้ก็ย่อมพูดคับแค้นใจอะไรไม่ได้”
โหยวเทียนซิงเอ่ยเรียบๆ
ก้วนซวีไม่พูดอะไรอีก สะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่ง
ครืน!
สนามประลองเก่าแก่อุบัติขึ้น ลอยอยู่เหนือห้วงอากาศอีกครั้งหนึ่ง
จินเทียนเสวียนเยวี่ยแต่งกายชุดขาว เส้นผมดั่งน้ำตก มายังสนามประลองอย่างรวดเร็ว เงาร่างอรชรสะพายกระบี่โบราณเล่มหนึ่งไว้ข้างหลัง สง่างามดุจเซียน ประหนึ่งบทกวีภาพเขียน
หลังจากการคัดเลือกรอบที่สอง นี่ยังเป็นครั้งแรกที่ทุกคนมีโอกาสได้เห็นพลังต่อสู้ของจินเทียนเสวียนเยวี่ย ชั่วขณะเดียวก็ทำให้นางกลายเป็นจุดสนใจของสายตาทุกคู่ในที่นั้น
“แม่นางเสวียนเยวี่ย ตัวข้าไม่ได้อคติกับเจ้า การประลองครั้งนี้เพียงต้องการยืนยันความสามารถของเจ้า ว่ามีคุณสมบัติขึ้นเป็นสิบอันดับแรกหรือไม่ ขอเจ้าอย่ากล่าวโทษ”
โหยวเทียนซิงทะยานตัวมาถึงสนามประลองก็เอ่ยเสียงขรึม
“พูดไร้สาระให้น้อยหน่อย เริ่มเถอะ”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยเสียงเย็นชา ยามเผชิญหน้ากับหลินสวิน นางนุ่มนวลเรียบง่าย สุภาพอ่อนน้อมเหมือนเด็กสาวชาวบ้านที่งดงามน่ารักคนหนึ่ง
แต่ตัวนางในตอนนี้กลับเหมือนเซียนกระบี่หญิงผู้หนึ่ง ท่วงท่าสง่างาม!
“เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว”
โหยวเทียนซิงส่งเสียงหึหยันครั้งหนึ่ง ออกโจมตีทันควัน
สวบ!
เงาร่างเขาแปรสภาพ แสงเทพขมุกขมัวเป็นริ้วๆ อุบัติขึ้นทั่วร่าง ส่องแสงเจิดจ้า ส่วนในมือเขาก็มีดาบศึกแคบยาวขาวเปล่งปลั่งเล่มหนึ่งปรากฏขึ้น ประกายดาบพุ่งทะลุเมฆา
“ลำนำหมู่ดารา!”
ก็เห็นว่าพอเขาฟันดาบออกมา ราวกับฟ้าดารามาเยือน ดวงดาวนับหมื่นพันส่ายไหวโคจร เสียงครวญสูงระลอกแล้วระลอกเล่ากระจายออก
แสงดาวไร้สิ้นสุดแปลงเป็นคมดาบไร้เทียมทาน รวมตัวอยู่ในดาบเดียวและแผ่กระจายออกมา!
คนใหญ่คนโตบางคนยังลอบพยักหน้า โหยวเทียนซิงดูเหมือนไม่พอใจจึงท้าทายจินเทียนเสวียนเยวี่ย ความจริงแล้วพอมาสู้กันก็ไม่ได้ชะล่าใจ
เฉกเช่นตอนนี้ ทันทีที่เขาลงมือก็ใช้เขตแดนมรรค ‘โลกหมู่ดารา’ อานุภาพน่าตกใจหาใดเทียบ
ชิ้ง!
ในขณะเดียวกันจินเทียนเสวียนเยวี่ยก็ลงมือ ลำนำกระบี่ดุจกระแสธาร สะเทือนไปทั้งเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน ประกายกระบี่ถาโถมพลันแปลงเป็นเมืองจักรพรรดิขาวกลางฟ้าดิน!
เมืองเทพลอยอยู่กลางฟ้า สูงตระหง่านดั่งอมตะนิรันดร์กาล!
ชั่วขณะเดียวก็เห็นว่าบนสนามประลองนั้น ประกายดาบเงากระบี่ชิงชัยกัน แสงมรรคประกายเทพโชติช่วงม้วนตลบแผ่กระจายราวภูเขาไฟระเบิด สะท้อนให้เห็นภาพชวนหวาดผวาสะท้านโลกหลายครั้ง
จิตใจทุกคนในที่นั้นถูกดึงดูดไป
หลินสวินจ้องมองอยู่ครู่หนึ่งก็เก็บสายตากลับมา ในใจตัดสินได้ว่าแม้โหยวเทียนซิงคนนี้จะแกร่งกล้า แต่ย่อมไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของจินเทียนเสวียนเยวี่ย!
ในฐานะของผู้มีประสบการณ์ที่เคยเห็นเขตแดนกระบี่เมืองจักรพรรดิขาว หลินสวินจึงรู้ดีกว่าคนอื่นว่ารากฐานพลังของจินเทียนเสวียนเยวี่ยยอดเยี่ยมปานไหน
อีกทั้งจินเทียนเสวียนเยวี่ยในตอนนี้ต่างจากตอนที่อยู่บนยานลมกรด พลังปราณทะลวงขั้นสมบูรณ์ของระดับมกุฎราชันอริยะไปนานแล้ว พลังต่อสู้จึงเทียบกันไม่ได้
ดังคาด เพียงครู่เดียวเท่านั้นโหยวเทียนซิงที่อยู่บนสนามประลองก็มีทีท่าถูกกำราบ ดูอ่อนด้อยกว่า!
และผ่านไปอีกไม่นาน ตัวเขาก็ไม่มีพลังโจมตีกลับอีกแล้ว ทำได้เพียงตั้งรับ ดูยับเยินขึ้นมา
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ชักนำเสียงตื่นตะลึงในที่นั้นไม่รู้เท่าไร
ทุกคนถึงรับรู้ได้ในยามนี้ ว่าจินเทียนเสวียนเยวี่ยที่จับฉลากโชคดีได้สามครั้งรวด แม้แต่พลังต่อสู้ยังแข็งแกร่งจนน่าตกใจ!
อย่างโหยวเทียนซิง หากไม่เหนือความคาดหมายก็เป็นไปได้สูงที่จะอยู่ในหมู่สิบผู้แข็งแกร่ง
แต่ตอนนี้ในการประลองกับจินเทียนเสวียนเยวี่ย กลับถูกกำราบโดยสมบูรณ์ นี่จะให้ทุกคนไม่ตกใจได้อย่างไร
คนใหญ่คนโตบางคนยังลอบถอนใจ สมเป็นทายาทจักรพรรดิขาวดึกดำบรรพ์ ภายหน้าจินเทียนเสวียนเยวี่ยคนนี้…เป็นไปได้สูงมากที่จะกลายเป็นจักรพรรดิกระบี่หญิงที่ชื่อเสียงกึกก้องเหนือฟ้าดาราผู้หนึ่ง!
เคร้ง!
ไม่นานนักเสียงปะทะเสียดหูก็ดังขึ้น
ดาบศึกขาวเปล่งปลั่งของโหยวเทียนซิงกระเด็นหลุดจากมือ ส่งเสียงหวือ ส่วนตัวเขาก็ล้มลงไปอย่างรุนแรงเหมือนว่าวสายป่านขาด
ปึง!
พอเงาร่างตกลงไปที่พื้น เขาก็กระอักเลือดอย่างทนไม่ไหว ใบหน้าหล่อเหล่าถอดสี เต็มไปด้วยความประหลาดใจและตื่นตะลึง
นี่…
ก็คือพลังของอันดับที่สี่สิบเก้าแห่งกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์หรือ
ในที่นั้นเงียบเชียบไร้เสียงใดๆ
ทุกคนที่อยู่ที่นั่น ไม่ว่าจะเป็นคนใหญ่คนโตเหล่านั้นหรือพวกลู่ตู๋ปู้ เซี่ยอวี่ฮวา ต่างก็สะท้านสะเทือนกับพลังต่อสู้อันน่าตะลึงที่จินเทียนเสวียนเยวี่ยสำแดงออกมา
หากไม่ได้เห็นกับตา เกรงว่าใครก็คงไม่กล้าเชื่อว่าหญิงสาวที่พริ้มเพราดั่งภาพเขียน งามล้ำดั่งนางเซียน พลังต่อสู้กลับน่ากลัวปานนี้!
มีเพียงหลินสวินที่ยิ้ม ดูใจเย็นนัก เช่นนี้จึงจะปกติ และเป็นมาดสง่างามของจินเทียนเสวียนเยวี่ย!
——