Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1906 สามอันดับแรก

ตอนที่ 1906 สามอันดับแรก!
เพลิงดั่งสมุทร กลิ่นอายชำระล้างอันน่ากลัวไร้สิ้นสุดกระจายออกมา คล้ายสามารถชะล้างจักรวาล กำราบสังหารหมื่นมารร้าย!

“เพลิงธรรมชำระโลก! ตั้งแต่ยุคบรรพกาลจนถึงตอนนี้ ในสำนักธรรมคานาอันถึงกับยังมีคนฝึกยอดเพลิงธรรมเช่นนี้!”

คนใหญ่คนโตผู้หนึ่งผุดลุกขึ้น สีหน้ามีแต่ความสั่นสะท้าน

เพลิงธรรมชำระโลก ถูกมองเป็นหนึ่งใน ‘สี่มหาเพลิงเทพ’ ในยุคบรรพกาล จอมจักรพรรดิมรรคพุทธในสำนักธรรมคานาอันผู้หนึ่งเคยใช้เพลิงนี้เผาแดนมารแห่งหนึ่งในคราวเดียว ทำให้ทั่วหล้าต่างสั่นสะเทือน

เพียงแต่ใครก็คิดไม่ถึง ว่าเพลิงเทพที่มีอานุภาพเลิศล้ำเช่นนี้กลับปรากฏขึ้นหลังผ่านกาลเวลายาวนานไร้สิ้นสุด ถูก เหลิ่งซิวเจียสำแดงออกมาในสนามประลองอีกครั้ง!

ตูม!

เพลิงธรรมอันโปร่งแสงแผ่แสงสว่างเหลือคณาออกมา ส่งเสียงอึงอลดั่งมังกรจู่โจมแผลงฤทธิ์

เหลิ่งซิวเจียที่ยืนอยู่ในนั้นก็เหมือนมุนินทร์เดือดคลั่งองค์หนึ่ง!

นัยน์ตาหลินสวินหดรัดลงเล็กน้อย ฝีเท้ายังไม่หยุดลง มีเพียงสารกาย พลังชีวิต และจิตวิญญาณภายในร่างของเขาที่โคจรออกมา

ร่างกายดั่งภูผาสูงตระหง่าน จิตดุจผืนพสุธาหนักแน่นกว้างใหญ่

และในจุดชีพจรทั้งร่างเขา มีปราณกระบี่ไท่เสวียนอันพร่างพราวแหลมคมพุ่งผ่านอากาศออกมาเสียงดังวู้มๆ ในชั่วขณะนี้

ปราณกระบี่แต่ละสายล้วนมีประกายแสงเปล่งปลั่งอิ่มเอิบไหววูบ ประทับนัยเร้นลับมหามรรค พอปรากฏอยู่ในห้วงอากาศก็เหมือนม่านฝนกระบี่บดบังฟ้าดิน!

ฝนกระบี่สิบทิศ!

นี่เป็นกระบวนท่าสังหารที่หลินสวินเพิ่งหยั่งรู้และฝึกฝนจากคัมภีร์กระบี่ไท่เสวียนเมื่อไม่นานมานี้

ฝนกระบี่เหมือนผ้าม่าน รวมปราณกระบี่สามแสนหกหมื่นสาย ปกคลุมผืนดินสิบทิศ สำแดงมรรคสังหารไท่เสวียน

และตอนนี้ กระบวนท่านี้ก็ถูกหลินสวินสำแดงด้วยกายมรรคดินเหลือง อานุภาพเช่นนั้นเรียกได้ว่าน่าหวาดหวั่น

วู้มๆๆ!

ก็เห็นว่าลำนำกระบี่ดุจกระแสธาร ซัดสาดเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน ฝนกระบี่ดุจม่านพาดขวางตัดกัน ม้วนตลบออกมาอย่างหนาแน่น เบื้องบนพิฆาตเก้าชั้นฟ้า เบื้องล่างสังหารเก้านรกได้

ภาพเช่นนี้ทำให้ทั้งที่นั้นต่างเผยแววสะท้านสะเทือน

นี่มันมรรคกระบี่ระดับใดกัน

ตูม ครืน!

บนสนามประลอง ปราณกระบี่ดุจสายฝนกระหน่ำ ปะทะเข้ากับเพลิงธรรมชำระโลก ชั่วขณะเดียวปราณกระบี่ไหลวน แสงเพลิงกระเจิดกระเจิง ส่งเสียงดังครั่นครืน ทำให้ทั้งสนามประลองสั่นโคลงขึ้นในทันใด

น่ากลัวเกินไปแล้ว!

ก่อนหน้านี้ การโจมตีสุดท้ายตอนที่ซูมู่หานกับหลินสวินประลองกันเรียกได้ว่าวิปริตแล้ว แต่เทียบกับการต่อสู้ในตอนนี้ก็ดูหมองลงทันที

อีกทั้งทุกคนในที่นั้นก็เพิ่งเคยเห็นหลินสวินสำแดงพลังมรรคกระบี่เป็นครั้งแรก และยังได้รู้เป็นครั้งแรกว่าที่แท้ม้ามืดที่ทะยานออกมาคนนี้ถึงกับมีความช่ำชองในมรรคกระบี่ที่น่ากลัวปานนี้ด้วย

นี่ก็ทำให้ทุกคนรู้สึกเหลือเชื่อ

พอฝุ่นควันกระจายตัว เปลวไฟกับปราณกระบี่ถดถอยไป ก็เห็นว่าบนสนามประลองเงาร่างเหลิ่งซิวเจียแข็งทื่ออยู่เช่นนั้นเหมือนรูปปั้นดิน ไม่กล้ากระดิกแม้แต่นิดเดียว

นัยน์ตาเขาขยายออก หน้าผากผ่องใสเต็มไปด้วยเหงื่อกาฬ ใบหน้ามีแต่ความซีดเผือด

เพราะโดยรอบๆ ร่างเขามีปราณกระบี่แหลมคมวับวาวโปร่งแสงเป็นสายๆ จ่ออยู่ตรงนั้น คมกระบี่แต่ละสายอยู่ห่างจากผิวหนังเพียงหนึ่งชุ่น!

เมื่อมองโดยละเอียด เหลิ่งซิวเจียขนลุกเกรียวไปทั้งตัว!

และไกลออกไปหลินสวินยืนมือไพล่หลัง สันโดษละโลกีย์

พอได้เห็นภาพนี้ทั้งที่นั้นก็เงียบสงัด ไม่มีใครไม่หวาดหวั่น

เพลิงธรรมชำระโลกยังต้านการโจมตีจากจินตู๋อีไม่ได้!

ไม่ว่าใครต่างรู้ชัดว่าในตอนท้ายถ้าไม่ใช่จินตู๋อีหยุดมือทันเวลา เป็นไปได้สูงที่เหลิ่งซิวเจียจะถูกกระบี่มากมายแทงทะลุ ตายคาที่ไปแล้ว

“ที่แท้นี่จึงจะเป็นฝีมือต่อสู้ที่แท้จริงของพี่จิน…”

ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบเชียบ เหลิ่งซิวเจียเอ่ยปากเบาๆ สีหน้าเต็มไปด้วยแววทอดถอนใจ ทั้งผิดหวัง หวาดผวา และชื่นชม

“ข้าแพ้แล้ว”

พอเหลิ่งซิวเจียยอมแพ้ ปราณกระบี่ไท่เสวียนนับไม่ถ้วนที่ปกคลุมเหนือร่างเขาหนึ่งชุ่นกลายเป็นละอองแสงอย่างรวดเร็ว พุ่งหายเข้าไปในร่างหลินสวิน

“ออมมือแล้ว”

หลินสวินพูดจบก็หันหลังจากไป

เมื่อเห็นเขาเดินลงมาจากสนามประลองด้วยท่าทางของผู้ชนะอีกครั้งหนึ่ง คนใหญ่คนโตที่อยู่ที่นั่นต่างเผยสีหน้าซับซ้อน

จินตู๋อีคนนี้… จะเก็บงำล้ำลึกเกินไปแล้ว!

ก่อนหน้านี้ ใครจะคาดว่าเขาจะมีมรรคกระบี่ที่น่ากลัวดุดันปานนี้ด้วย

ปราณกระบี่ดั่งสายฝน มาเยือนเป็นผืนม่าน!

เมื่อนึกถึงภาพเมื่อกี้ก็ทำเอาทุกคนขนลุกเกรียว ศีรษะชาหนึบ

ความจริงแล้วปราณกระบี่เช่นนั้นไม่เพียงมีจำนวนมหาศาล พลังที่มียังน่ากลัวเกินจินตนาการ

“ถึงตอนนี้จินตู๋อีคนนี้ก็รักษาตำแหน่งสามอันดับแรกเอาไว้มั่น ผลลัพธ์นี้… ก่อนหน้านี้ใครจะคาดถึง”

มีคนใหญ่คนโตทอดถอนใจ

คนอื่นต่างก็คิดเช่นนี้

ส่วนเหลิ่งซิวเจีย ในตอนนี้ก็ทำได้เพียงยุติการประลองอย่างเงียบเชียบ

เขาแข็งแกร่งแค่ไหน น่าตื่นตาเพียงใด แต่สุดท้ายก็ยังหยุดอยู่ที่ก่อนสามอันดับแรกอยู่ดี

‘เจ้าหมอนี่ เป็นศัตรูตัวฉกาจ’

ลู่ตู๋ปู้สีหน้าเคร่งขรึม

ตอนแรกยามได้ยินชื่อจินตู๋อีที่หลินสวินสวมรอยอยู่ เขาเพียงแค่ระวังนิดหน่อย ไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าไร

จนกระทั่งในการคัดเลือกรอบที่สอง ถูกหลินสวินแซงหน้า เขาถึงเริ่มให้ความสำคัญกับม้ามืดที่มาจากเขตเข้าร่วมต่อสู้เมืองหลิงเฟิงคนนี้

และตั้งแต่การคัดเลือกรอบที่สามเริ่มขึ้นจนตอนนี้ เมื่อหลินสวินเอาชนะเฮ่อเหลียนฉี หลันอวิ๋นเคอ ซูมู่หาน เหลิ่งซิวเจีย…

ได้เห็นรายละเอียดการเอาชนะของหลินสวินในแต่ละครั้ง ในใจลู่ตู๋ปู้ก็เริ่มรู้สึกกดดันขึ้นมา

คู่ต่อสู้คนนี้ ไม่เพียงมั่นคงจนน่ากลัว มิหนำซ้ำยังซ่อนฝีมือไว้มากมายอีกด้วย!

‘เสอหลิงกับเสอจื่อพ่ายแพ้อย่างหมดจดจริงๆ สินะ…’

นัยน์ตาสีน้ำตาลเทาของอู่หวงวับวาบไม่หยุด ชัยชนะแต่ละครั้งของหลินสวินทำให้เขาหวั่นไหวเช่นกัน ตระหนักได้ว่าศึกถกมรรคแคว้นเมฆาคราวนี้ตนได้พบกับศัตรูที่น่าสะพรึงอย่างแท้จริงคนหนึ่ง

‘สามอันดับแรกของศึกถกมรรคแคว้นเมฆาจะไปสำคัญอะไร ที่คุณชายของข้าสนใจจริงๆ ก็คืองานชุมนุมถกมรรคที่รวมเหล่าปีศาจแห่งยุคทั่วหล้าไว้ต่างหาก…’

จินเทียนเสวียนเยวี่ยพึมพำในใจ รู้สึกเป็นเกียรติไปด้วย

มีแต่นางที่รู้ตื้นลึกหนาบางของหลินสวินดีที่สุด

ไม่นานนักการประลองยกที่สองก็เปิดฉากขึ้น

ลู่ตู๋ปู้สู้กับเถิงอี๋เฉิน

เถิงอี๋เฉิน ทายาทเผ่าเถาวัลย์ทองดึกดำบรรพ์ ผู้สืบทอดแกนหลักเขาวิญญาณประกายหงส์หนึ่งในเจ็ดสำนักใหญ่ ชายหนุ่มมากสามารถซึ่งครอบครองพรสวรรค์หายากคนหนึ่ง

ผลการต่อสู้ก่อนหน้านี้ก็เรียกได้ว่าสะดุดตาเป็นที่สุด

แต่ในการประลองกับลู่ตู๋ปู้ เห็นได้ชัดว่าเถิงอี๋เฉินด้อยกว่าอยู่บ้าง แม้ทุ่มฝีมือทั้งหมด สุดท้ายก็ไม่อาจพลิกจากสถานการณ์เพลี่ยงพล้ำได้ ถูกโจมตีพ่ายแพ้ไป

ทว่าพลังและฝีมือที่เขาสำแดงออกมาก็ทำให้ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงไม่หยุด

ยกที่สาม

อู่หวงสู้กับเซี่ยอวี่ฮวา

การประลองยกนี้ก็กลายเป็นศึกที่ถูกจับตามองที่สุดในทันใดเช่นกัน

สาเหตุก็ง่ายดายนัก ทั้งสองฝ่ายที่สู้กันอยู่ไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง

ความแข็งแกร่งของอู่หวง พิสูจน์ชัดจากการต่อสู้แต่ละครั้งของเขาเองไปนานแล้ว ราวกับไร้ศัตรูในระดับเดียวกัน บดขยี้เอาชนะมาได้ตลอดทาง

ความสามารถที่เซี่ยอวี่ฮวาสำแดงออกมาก็น่าตื่นตาเกินธรรมดา ควรค่าแก่การชื่นชมเช่นกัน กอปรกับจนถึงตอนนี้ นางเป็นผู้หญิงคนเดียวที่มีโอกาสฝ่าเข้าไปถึงสามอันดับแรก ย่อมได้รับความสนใจเป็นพิเศษ

และในความจริง หลังจากการประลองยกนี้เริ่มขึ้นก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังจริงๆ

อู่หวงกับเซี่ยอวี่ฮวาต่างพอฟัดพอเหวี่ยง ฝีมือและพลังที่เผยออกมาล้วนเรียกได้ว่าล้ำเลิศในโลก อยู่เหนือผู้คน

อย่าว่าแต่ผู้แข็งแกร่งรุ่นเยาว์เลย แม้แต่คนใหญ่คนโตที่อยู่ในที่นั้นยังจิตใจส่ายไหว พิศวงงงงวย อุทานตกตะลึงไม่ว่างเว้น

บรรยากาศในที่นั้นถูกการประลองของทั้งสองชักนำโดยสมบูรณ์

มีเพียงหลินสวินที่ดูใจเย็นอยู่บ้าง เขาก็จับจ้องอย่างสนอกสนใจยิ่ง กระทั่งยังทึ่งเป็นครั้งคราว

พร้อมๆ กับเวลาที่ผ่านไป สถานการณ์การต่อสู้ของอู่หวงกับเซี่ยอวี่ฮวาก็ยิ่งดุเดือดขึ้น ยากจะชี้ขาด สู้กันอย่างสมน้ำสมเนื้อโดยสมบูรณ์

ทำให้ทุกคนไม่อาจมองออก ถึงกับไม่อาจตัดสินได้ว่าสุดท้ายใครจะได้ชัยชนะไปกันแน่

‘ถ้าต้องการตัดสินผลลัพธ์ ทำได้เพียงเอาชนะโดยที่อีกฝ่ายคาดไม่ถึง และการเอาชนะโดยที่อีกฝ่ายคาดไม่ถึงมีสองกรณี หนึ่งคือสำแดงวิชาลับก้นกรุบางอย่าง สองคือเรียกสมบัติลับที่เป็นไพ่ตายออกมา…’

หลินสวินใคร่ครวญพลางคาดเดา

และตอนที่ความคิดเหล่านี้ผุดขึ้นในใจเขา ในสนามประลองก็มีเสียงวู้มดังขึ้น ก็เห็นว่าในมืออู่หวงมีจักระสำริดชิ้นหนึ่งเพิ่มขึ้นมา ลายมรรคสีเลือดมากมายปรากฏบนพื้นผิว แผ่กลิ่นอายคาวเลือดที่โบราณพิลึกพิลั่นออกมา

ทุกคนในที่นั้นต่างหวาดหวั่นใจ

กลิ่นอายของจักระสำริดนี้พิสดารและคาวเลือดเกินไปแล้ว มองจากไกลๆ ยังทำให้อกสั่นขวัญแขวน ขนพองสยองเกล้า

โดยเฉพาะคนใหญ่คนโตเหล่านั้นยิ่งนัยน์ตาหดรัด ตัดสินได้อย่างหนึ่ง

สมบัติจักรพรรดิ!

ไม่ต้องสงสัยว่าสมบัตินี้จัดเป็นยอดสมบัติในระดับจักรพรรดิเหมือน ‘ทวนมารสยบมายา’ ที่เฮ่อเหลียนฉีเคยเรียกออกมา มีอานุภาพที่เทพผียังหยั่งไม่ถึง

วู้ม…

ก็เห็นว่ายามจักระสำริดนั้นหมุนบิน ห้วงอากาศบริเวณใกล้เคียงล้วนบิดเบี้ยวพังทลาย สะท้อนภาพประตูคาวเลือดบานหนึ่งเข้าปกคลุมเซี่ยอวี่ฮวาอย่างรวดเร็ว

เซี่ยอวี่ฮวาเหมือนเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ แทบจะใช้พลังทั้งหมดที่มีเข้าต้านทาน

แต่เพียงไม่กี่ลมหายใจ ใบหน้างามของนางก็ซีดเผือด การเคลื่อนไหวช้าลง ถูกกำราบโดยสมบูรณ์

สาเหตุก็เพราะพลังคาวเลือดที่ปลดปล่อยออกมายามจักระสำริดนั้นโคจร กลายเป็นพลังเขตแดนที่แปลกประหลาดอย่างหนึ่ง สามารถสร้างอานุภาพกัดเซาะอันน่ากลัวได้ ทำให้การเคลื่อนไหวของนางถูกเหนี่ยวรั้ง ให้ความรู้สึกเหมือนถูกมัดมือเท้า ไม่อาจดิ้นรนประหนึ่งตกอยู่ในบ่อโคลน

สุดท้านนางก็แพ้แล้ว ในที่นั้นมีเสียงถอนใจเสียดายไม่รู้เท่าไรดังขึ้นเพราะเหตุนี้

ใครก็มองออกว่าพลังต่อสู้ของเซี่ยอวี่ฮวากับอู่หวงน่าจะสูสีกัน แต่สุดท้ายก็แพ้เพราะยอดสมบัติในมือของอู่หวงชิ้นนั้น

และเมื่อได้เห็นภาพนี้ ในใจเจ้าสำนักลัทธิเทพเมฆดาราก็หลั่งเลือด พึมพำอย่างขมขื่นว่า “ถ้ารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ คงเอาสมบัติพิทักษ์สำนักมาให้เซี่ยอวี่ฮวาใช้…”

ใช่แล้ว เขาดูออกเช่นกัน ว่าความพ่ายแพ้ของเซี่ยอวี่ฮวาเป็นเพราะขาดสมบัติจักรพรรดิที่สามารถต้านจักระสำริดนั้น!

“จะแพ้ชนะก็ไม่เป็นไร ขอเพียงได้เข้าร่วมงานชุมนุมถกมรรคก็พอ ถึงตอนนั้นถ้ามีโอกาส ข้าก็หวังว่าจะได้สู้กับเจ้าอีกสักครั้ง”

บนสนามประลอง ดวงตาเซี่ยอวี่ฮวากระจ่างดุจภาพฝัน สงบนิ่งเยือกเย็น พอพูดประโยคนี้ออกมานางก็หันหลังจากไป

มุมปากอู่หวงยกยิ้มเย็นชา ไม่ได้พูดอะไรอีก

ถึงตอนนี้รายชื่อสามอันดับแรกของศึกถกมรรคก็ได้รับการคัดเลือกแล้ว ได้แก่หลินสวิน ลู่ตู๋ปู้ และอู่หวง!

ลู่ตู๋ปู้กับอู่หวงชิงอันดับเช่นนี้ไปได้ ยังอยู่ในความคาดหมายของทุกคน

มีเพียงจินตู๋อีซึ่งเป็นหลินสวินปลอมตัวมาเพียงคนเดียวที่ฝ่าวงล้อมอันแน่นหนา เบียดตัวมาถึงสามอันดับแรกได้ ทำให้เกินความคาดหมายของคนส่วนใหญ่

ม้ามืดเช่นนี้ผ่านการคัดเลือกรอบแรก รอบสอง มาจนถึงตอนนี้ ไม่พูดถึงว่ายังไม่เคยมีสถิติแพ้ ยังมีชื่ออยู่ในอันดับต้นๆ มาตลอด นี่ก็ทำเอาพวกเขาสะท้านสะเทือนเกินไปแล้ว

โดยเฉพาะนักพรตหลันแห่งเกาะเทพเวหาทมิฬ ท่าทางย่ำแย่ประหนึ่งกินแมลงวันเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น

เมื่อหันมองเหิงเซียว กลับยิ้มหน้าบาน ชื่นชมและสนับสนุนหลินสวินอย่างไม่ปิดบังสักนิด

แต่สุดท้ายใครจะอยู่อันดับหนึ่งกันแน่ และใครจะอยู่เพียงอันดับสองและสาม ยังคงต้องคัดเลือกกันต่อไป

——

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset