Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1912 เฉิดฉายนำโดด

ตอนที่ 1912 เฉิดฉายนำโดด
ข้ายอมแพ้…

เสียงที่เจือแววเดือดดาล หวาดสะพรึงของอู่หวงนั่น ก้องสะท้อนกลางฟ้าดิน

ในที่นั้นเงียบกริบทั้งแถบ

สายตาทั้งหมดล้วนเจือแววตื่นตกใจ มองไปในสนามประลองเป็นจุดเดียว

ที่ตรงนั้นอู่หวงนั่งหมดสภาพบนพื้น เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง บาดเจ็บอาบเลือดทั่วทั้งร่าง น่าอนาถถึงที่สุด

และเหนือศีรษะของเขา ปราณกระบี่โปร่งแสงแวววาวประหนึ่งเพลิงผลาญแถบหนึ่งเบียดเสียดแน่นขนัดอยู่ตรงนั้น เจือประกายแสงแข็งกร้าวที่ชวนหวั่นหวาด

ไม่ไกลออกไปเงาร่างหลินสวินไร้มลทิน ดุจดั่งเทพเซียน

สู้จนอู่หวงไร้เรี่ยวแรงต้านทาน เจ็บหนักปางตาย

ยิ่งบีบให้เขาไม่อาจไม่เป็นฝ่ายยอมจำนน!

ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์นี้ล้วนสะท้านสะเทือนไร้คำพูด

อู่หวง…

แพ้แล้ว!

แพ้อย่างเละไม่เป็นท่า เสียหน้ายับเยินต่อหน้าจินตู๋อีคนนั้น!

วู้ม…

หลินสวินโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง ฝนกระบี่ทั่วฟ้าราวกับวิหคกลับรัง หายลับเข้าไปภายในร่างของเขา

“สู้กับผู้อื่นคราวหน้าก็พูดไร้สาระให้น้อยหน่อย หาไม่ยามถูกบีบกลับต้องเอ่ยปากร้องขอความเมตตา เช่นนั้นก็น่าขายหน้าเกินไปแล้ว”

หลินสวินยิ้มพลางทิ้งประโยคนี้ไว้ ก่อนเดินออกจากสนามประลองอย่างผ่าเผย

สีหน้าอู่หวงวูบไหวไม่นิ่ง กัดฟันจวนจะหัก การต่อสู้ครั้งนี้เขาแพ้อย่างน่าอนาถเกินไป ถูกทรมานสาหัสอย่างสิ้นเชิง

ไม่เพียงเสียอันดับหนึ่งที่หมายมั่นว่าต้องเอามาให้ได้ ยังทำให้ตนเสียหน้ายับเยินด้วยเหตุนี้ด้วยเช่นกัน

ต่อให้สุดท้ายจะยังเป็นอันดับสองของศึกถกมรรคแคว้นเมฆา แต่ยามเมื่อผู้คนเอ่ยถึงเขา มีหรือจะไม่รู้ว่าเขาเคยถูกจินตู๋อีซัดพ่ายไปหนหนึ่ง

‘จินตู๋อี… ช้าเร็วเจ้าต้องตาย!’

ภายในใจอู่หวงคำรามเดือด

……

ยามหลินสวินเดินลงจากสนามประลอง สายตาในที่นั้นทั้งหมดล้วนมองที่เขาเป็นจุดเดียว

มองเห็นชายหนุ่มที่เสื้อผ้าสะอาดสะอ้าน มาดไร้มลทิน ไร้อาการบาดเจ็บแต่อย่างใด สีหน้าของทุกคนล้วนเต็มไปด้วยแววสั่นสะท้านและยำเกรง

ตอนนี้ การแข่งขันรอบที่สามได้สิ้นสุดลงในวันนี้

หลินสวินชนะสองครั้ง!

อู่หวงชนะหนึ่งครั้ง!

ลู่ตู๋ปู้แพ้!

หลินสวินในเวลานี้ เป็นอันดันหนึ่งของศึกถกมรรคแคว้นเมฆาเรียบร้อยแล้วโดยไม่ต้องสงสัย!

“ชนะแล้ว…”

“ฮ่าๆ ชนะแล้วๆ!”

ในที่นั้นเกิดเสียงฮือฮาประหนึ่งฟ้าร้องก็ไม่ปาน

บนดวงหน้าเลอโฉมเย็นเยียบดุจหิมะของจินเทียนเสวียนเยวี่ยผุดรอยยิ้มสดใสชวนเคลิบเคลิ้ม สีระเรื่อเจือสองแก้ม ภายในใจก็ตื่นเต้นหาใดเปรียบ

แคว้นเมฆาเป็นหนึ่งในสี่สิบเก้าแคว้นของโลกใหญ่หงเหมิง อาณาเขตกว้างขวางยิ่งกว่าโลกใหญ่แห่งหนึ่ง สามารถบุกฝ่าการคัดเลือกด่านแล้วด่านเล่าออกมา และคว้าตำแหน่งอันดับหนึ่งในการคัดเลือกถกมรรคได้ นี่ก็ไม่ง่ายอย่างที่สุดแล้ว

และตอนนี้หลินสวินทำได้แล้ว

“เผิงใหญ่ทะยานนภาสูงเก้าหมื่นลี้ แปดพันปีกระบี่ครวญยืนยาว! การต่อสู้นี้ ชนะอย่างสวยงาม!”

เหิงเซียวปรบมือหัวเราะลั่น สะใจหาใดเปรียบ

ในใจเขายิ่งสะอื้น สมกับเป็นอาจารย์อาเล็กของท่านบรรพจารย์สำนักตน แข็งแกร่งยิ่งยวด

‘เจ้าหนุ่มนี่เป็นพวกชั้นเลิศที่หาตัวจับยากแห่งยุคจริงๆ เป็นม้ามืดที่สามารถสะเทือนโลก การต่อสู้ในวันนี้ทำให้ข้าได้เปิดโลกเช่น’

ก้วนซวีทอดถอนใจ

คนใหญ่คนโตในที่นี้ต่างก็ใจเต้นกระหน่ำ

ก่อนหน้านี้ไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึง ว่าท้ายที่สุดแล้วอันดับหนึ่งจะถูกม้ามืดอย่างจินตู๋อีคว้าไปครอง

โดยเฉพาะการต่อสู้ของเขากับอู่หวงครั้งนี้ ทำให้คนรุ่นอาวุโสอย่างพวกเขายิ่งตกใจทบทวี ในใจพบเจอแรงจู่โจมที่ไม่เคยมีมาก่อน

“มองเห็นจุดสูงสุด ไม่อาจไม่ศิโรราบ…” ลู่ตู๋ปู้พึมพำ

‘เหตุใดข้ารู้สึกว่าต่อให้เป็นการต่อสู้กับอู่หวงในครั้งนี้ ก็ไม่อาจบีบรากฐานพลังทั้งหมดของจินตู๋อีนี่ออกมาได้’

เนตรดาราของเซี่ยอวี่ฮวาดุจมายา สีหน้าเจือแววอึ้งค้าง

จินตู๋อีในเวลานี้เป็นเป้าสายตาของทุกคนอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่าในสายตาของเซี่ยอวี่ฮวา กลับยิ่งมองไม่ออกขึ้นเรื่อยๆ

ตัวเขาดั่งหุบเหว ลึกล้ำสุดหยั่ง!

ผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ อย่างพวกหวังถู ซูมู่หาน เหลิ่งซิวเจีย กุยซานสิง แต่ละคนต่างก็สีหน้าซับซ้อน

จินตู๋อี!

นี่เป็นเหตุพิเศษที่เกิดขึ้นในศึกถกมรรคแคว้นเมฆาครั้งนี้อย่างแน่นอน ผู้ชนะคนสุดท้ายที่ทำให้ใครก็ตามต่างคิดไม่ถึง!

ในที่นั้นชุลมุน ฮือฮาโกลาหล

อู่หวงที่บาดเจ็บสาหัสกลับไร้คนสนใจ

นักพรตหลันจากเกาะเทพเวหาทมิฬกลับสีหน้าเขียวคล้ำ อัดอั้นที่อก

เพียงแต่ไม่มีใครสนใจเช่นกัน

และในวันนี้เอง

ศึกถกมรรคแคว้นเมฆาปิดม่าน และข่าวสารเกี่ยวกับการคัดเลือกถกมรรคก็เริ่มแพร่กระจายเหมือนมรสุมพัดโกรก พุ่งไปยังสี่ทิศแปดทาง เรียกความฮือฮาไม่รู้เท่าไหร่

“อะไรนะ จินตู๋อีเป็นอันดันหนึ่งหรือ”

“ลู่ตู๋ปู้ อู่หวงถึงกับไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาหรือ”

“จินตู๋อีนี่… ก็ช่างทำให้ผู้คนแปลกใจซะเหลือเกิน”

ไม่ว่าผู้แข็งแกร่งคนใดที่ได้รู้อันดับสุดท้ายของศึกถกมรรคแคว้นเมฆา ต่างก็รู้สึกประหลาดใจและงงงัน ไม่อยากจะเชื่อ

อย่างไรเสียใครเลยจะคาดคิด ว่าชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งไร้ชื่อเสียงก่อนศึกถกมรรคแคว้นเมฆาจะเริ่มขึ้น หลังจากศึกถกมรรคแคว้นเมฆา อานุภาพกลับสยบผู้คน ชิงอันดันหนึ่งมาได้

“พวกเจ้าสังเกตเห็นหรือไม่ จินตู๋อีนี่นับตั้งแต่เข้าร่วมการคัดเลือกถกมรรคจนบัดนี้ ไม่เพียงไม่เคยพ่ายแพ้สักครั้ง ซ้ำยังไต่ขึ้นอันดันหนึ่งตลอด”

“การคัดเลือกรอบแรก เขาสร้างสถิติชนะเก้าสิบเก้าครั้งรวด กลายเป็นม้ามืดที่เด่นสะดุดตาที่สุดในหมู่อันดับหนึ่งทั้งสิบ”

“การคัดเลือกรอบสอง เขาเป็นคนแรกที่ทะลวงเจดีย์หลอมมรรคว่างเปล่าเก้าชั้น พวกลู่ตู๋ปู้ยังถูกเขาทิ้งไว้ข้างหลัง”

“และในการคัดเลือกรอบสุดท้าย เขายิ่งทะยานโดดเด่น ใช้ท่วงท่าไร้ทัดเทียมสยบพวกลู่ตู๋ปู้ อู่หวงอย่างต่อเนื่อง คว้าอันดันหนึ่งมาได้ในคราวเดียว!”

หลังจากข่าวเกี่ยวกับหลินสวินได้รับการรวบรวมและเรียบเรียง ผู้คนค้นพบความจริงข้อหนึ่งด้วยความตกใจ

ในศึกถกมรรคแคว้นเมฆาที่อาณาเขตกว้างใหญ่ครั้งนี้ จินตู๋อีที่หลินสวินปลอมตัวอยู่ถึงกับสร้างวีรกรรมมากมายซึ่งสามารถสะท้านทั่วหล้า

“เขามาจากไหนกันแน่ และเป็นศิษย์ของสัตว์ประหลาดเฒ่าคนใดกัน”

“จินตู๋อี จินตู๋อี… เขาแข็งแกร่งปานใดกันแน่”

“เร็วเข้า รวบรวมข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับคนผู้นี้เต็มกำลัง”

ในช่วงเวลาต่อมา ทุกแห่งหนทั่วแคว้นเมฆาล้วนกำลังถกถึงเรื่องหลินสวิน

น่าเสียดาย จนสุดท้ายก็ไม่มีใครล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา

ประการแรกหลินสวินไม่ได้ปรากฏตัวโดยใช้ฐานะที่แท้จริง สองคือมีชุดนักพรตสมประสงค์ปิดบังพลัง จึงไม่มีใครคาดคิดว่าชายหนุ่มเช่นนี้ชื่อสะท้านทั่วโลกหล้าในฟ้าดารานานแล้ว ตั้งแต่ตอนที่แหล่งสถานคุนหลุนปิดม่านเมื่อหลายปีก่อน!

ขณะที่โลกภายนอกอึกทึกครึกโครม พวกหลินสวิน ลู่ตู๋ปู้ อู่หวง เซี่ยอวี่ฮวา หวังถู ทั้งสิบคนก็ได้รับคำเชิญจากคนใหญ่คนโตอย่างพวกก้วนซวี

ภายในห้องโถงเก่าแก่แห่งหนึ่งของสำนักว่างเปล่า

บรรยากาศเคร่งขรึม

ก้วนซวีเอ่ยปากเสียงขรึม “งานชุมนุมถกมรรคที่หกเรือนมรรคใหญ่ร่วมมือกันจัดขึ้นจะเปิดม่านในอีกครึ่งปีให้หลัง”

“ถึงตอนนั้นพวกเจ้าสิบคนจะเป็นตัวแทนโลกฝึกปราณแคว้นเมฆา มุ่งหน้าสู่เรือนมรรคโลกาสวรรค์แห่งแคว้นกลางมรรค เข้าร่วมชุมนุมครั้งนี้ด้วยกัน”

“นี่คือป้ายประจำตัวสิบป้าย พวกเจ้าแต่ละคนเก็บไว้ให้ดี”

กล่าวพลางก้วนซวีโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง แสงเคลื่อนสิบสายพุ่งโฉบ และร่วงลงบนมือของพวกหลินสวินทีละสาย

หลินสวินหยิบมาดู ป้ายนี้สร้างขึ้นจากหยกเทพโลกาสวรรค์อันลึกลับ บนนั้นประทับสัญลักษณ์ภาพหินเอาไว้

“หวังว่าพวกเจ้าจะไม่หลงระเริงเพราะเรื่องนี้ ควรรู้ว่าศึกถกมรรคในครั้งนี้จำกัดอยู่แค่ในแคว้นเมฆาของพวกเราเท่านั้น และผู้ที่สามารถเข้าร่วมงานชุมนุมถกมรรคได้ ล้วนเป็นบุคคลแห่งยุคชั้นยอดทั่วหล้า!”

น้ำเสียงของก้วนซวีดุจระฆังกังวาน ทำการตักเตือน

พวกหลินสวินต่างพยักหน้า

พวกเขาเองก็รู้ดี การคัดเลือกในศึกถกมรรคแคว้นเมฆา ก็เกิดขึ้นภายในแคว้นอื่นๆ ของโลกใหญ่หงเหมิงเช่นกัน

สิบอันดับแรกของแต่ละแคว้นเหมือนเช่นพวกเขา ล้วนมีคุณสมบัติเข้าร่วมงานชุมนุมถกมรรคทั้งสิ้น

นอกจากนี้ผู้สืบทอดและศิษย์ของหกเรือนมรรคใหญ่ สิบเผ่านักรบใหญ่ในแคว้นกลางมรรค รวมถึงพวกปีศาจจากโลกอื่นๆ ในฟ้าดารา ต่างล้วนจะมาเข้าร่วมงานชุมนุมถกมรรคครั้งนี้เช่นกัน

สามารถคาดเดาได้ว่ายามการถกมรรคเปิดม่านขึ้น ผู้แข็งแกร่งที่สามารถเข้าร่วมได้ แต่ละคนจะต้องแกร่งกล้าและวิปริตยิ่งยวดอย่างแน่นอน!

……

และในวันนั้นเอง ผู้แข็งแกร่งที่เข้าร่วมการคัดเลือกถกมรรคแคว้นเมฆา ต่างทยอยจากไปภายใต้การนำทางของผู้อาวุโสในตระกูล หรือสำนักต่างๆ

หลินสวินเองก็จากไปในวันนั้นเช่นกัน ออกเดินทางเพียงลำพัง

เขาได้นัดหมายกับเหิงเซียวไว้แล้ว หลังจากกลับสู่สำนักยุทธ์เสวียนจี ก็จะเริ่มตระเตรียมเรื่องมุ่งหน้าไปเผ่าจักรพรรดิตระกูลเจียง

สวบ!

เหนือเวิ้งฟ้า ยานสมบัติลำหนึ่งทะยานเหินกลางห้วงอากาศ บรรทุกหลินสวินมุ่งหน้าไปยังทิศที่ตั้งของสำนักยุทธ์เสวียนจี

บนยานสมบัติหลินสวินนั่งขัดสมาธิทำสงบจิต กำลังหยั่งรู้และย่อยประสบการณ์ทั้งหมดที่ได้รับจากการเข้าร่วมศึกถกมรรคแคว้นเมฆาในครั้งนี้

‘ตอนนี้ระยะห่างจากระดับมกุฎราชันอริยะขั้นปลายเหลืออีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น การควบคุมเขตแดนมรรคบรรลุถึงขั้นสำเร็จส่วนใหญ่แล้ว…’

หลินสวินครุ่นคิด

ศึกถกมรรคครั้งนี้ คู่ต่อสู้ที่พอสมน้ำสมเนื้อมีนับนิ้วได้ แต่กลับทำให้หลินสวินได้รับประโยชน์ไม่น้อย

การหลอมพลังต้นกำเนิดวีถียุทธ์ ทำให้เขาควบรวมกายมรรคเพลิงแดงออกมา ครอบครอง ‘เนตรผลาญเผา’ ได้

การกินลูกกลอนศุภโชคต้นพิสุทธิ์ ก็ทำให้ปราณของเขาพัฒนาขึ้นช่วงใหญ่ ใกล้จะทะลวงระดับมกุฎราชันอริยะขั้นปลาย

ที่หายากที่สุดคือ การเข้าร่วมการต่อสู้คัดเลือกหนแล้วหนเล่า ทำให้เขาได้สัมผัสพลังเขตแดนมรรคหลากหลาย ได้ทำความเข้าใจและหยั่งรู้มากมาย

และทำให้เขาได้สั่งสมประสบการณ์ล้ำค่า สำหรับปรับแก้เขตแดนมรรคแห่งตนให้สมบูรณ์แบบ

ครุ่นคิดเนิ่นนาน หลินสวินก็ตัดสินใจว่าจะเร่งทำเวลาก่อนเข้าร่วมงานชุมนุมถกมรรค ทำการทะลวงระดับปราณในคราเดียว พร้อมกันนั้นก็จะทำให้เขตแดนมรรคไปถึงขั้นสมบูรณ์!

ตูม!

ทันใดนั้นยานขนส่งอวกาศสั่นโคลงรุนแรง คล้ายกับชนโขดหินอย่างไรอย่างนั้น

หลินสวินที่รู้สึกไม่เข้าทีอยู่ก่อนแล้วพุ่งออกจากยานสมบัติทันที ยืนนิ่งกลางอากาศ แวบเดียวก็เห็นบนหนทางเบื้องหน้ามีเงาร่างกลุ่มหนึ่งยืนตระหง่านอยู่

ผู้นำเป็นชายวัยกลางคนองอาจชุดม่วงคนหนึ่ง นัยน์ตาราวกับอสนี อานุภาพน่าสะพรึง แผ่กลิ่นอายกร้าวแกร่งอันเป็นของระดับกึ่งจักรพรรดิออกมา

ข้างกายเขารายล้อมด้วยคนกลุ่มหนึ่ง คนไม่น้อยถึงกับเป็นกึ่งจักรพรรดิ!

หนึ่งในนั้นยังมีเงาร่างของคนผู้หนึ่งที่หลินสวินคุ้นตาเป็นที่สุด เฮ่อเหลียนฉีนั่นเอง

“เจ้าหนุ่ม รู้หรือไม่ว่าพวกเรามาหาเจ้าทำไม”

ชายวัยกลางคนชุดม่วงเอ่ยปากเย็นชา

หลินสวินสีหน้าเรียบเฉย เก็บยานขนส่งอวกาศลวกๆ จากนั้นค่อยกล่าวว่า “พอจะเดาออกอยู่บ้าง”

ขนาดเฮ่อเหลียนฉียังปรากฏตัวด้วย มีหรือเขาจะไม่เข้าใจว่าต่อไปจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น

หนำซ้ำตอนที่ออกจากสำนักยุทธ์ว่างเปล่า เขาก็เดาได้แล้วว่าหลังจากศึกถกมรรคแคว้นเมฆาปิดม่าน จะต้องมีคนเคลื่อนไหวหมายเล่นงานตนแน่ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมาไวเช่นนี้

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าเตือนเจ้าว่าอย่าได้ต่อต้านเป็นดีที่สุด ตามพวกเรามาแต่โดยดี”

ชายวัยกลางคนชุดม่วงสีหน้าราบเรียบ

ขณะพูด ทุกคนข้างกายเขากระจายตัวออกเป็นรูปพัด ใช้อานุภาพของการปิดล้อมมาบีบคั้นกดดันหลินสวิน

นัยน์ตาดำของหลินสวินลึกล้ำ เรียบเฉยสุกใส สงบนิ่งไม่ไหวติง

ในศึกถกมรรค เขาอาจต้องเก็บซ่อนรากฐานพลังและความแข็งแกร่งส่วนหนึ่ง เพื่อเลี่ยงไม่ให้สะดุดตาเกินไป ก่อให้เกิดคลื่นลมที่ไม่จำเป็น

เช่นนั้นเวลานี้ ในสถานที่เวิ้งว้างห่างไกลแห่งนี้ เขาก็เหมือนมังกรคืนสมุทร ไม่จำเป็นต้องปิดบังฝีมือของตนอีกต่อไป!

——

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset