ตอนที่ 1864-2
ฉินมั่วเห็นข้างบ้านไม่มีแสงไฟ หันมามองดูแผ่นหลังยัยเสือน้อย ก่อนจะขมวดคิ้วขึ้นพลางออกปาก “คุณป๋อยังไม่กลับมา”
“หือ?” ป๋อจิ่วไม่เข้าคำพูดของเขา
ฉินมั่วจึงหยิบหนังสือตามมา “รอให้ไฟสว่างก่อน แล้วฉันจะให้คุณพ่อบ้านพาเธอไปส่ง ตรงโน้นมีโซฟาอยู่ เธอไปนอนก่อนเถอะ”
“ได้” หากเทียบกับการกลับไปนอนที่บ้าน ป๋อจิ่วยินดีจะได้อยู่ในที่ที่มีเจ้าหญิงน้อยอยู่ด้วย เมื่อกี้เธอเกรงว่าจะเป็นการรบกวนเจ้าหญิงน้อยอ่านหนังสือ แต่ธรรมชาติของคนเรา หากไม่นอนก็ต้องพูด “มั่วมั่ว เธออ่านหนังสืออะไรเหรอ?” ป๋อจิ่วชะโงกหน้าเข้าไปหา
ฉินมั่วตอบเพียง “เจ้าชายน้อย” แล้วไม่พูดอะไรอีก เขาให้เธอนอนบนโซฟา เพราะเห็นว่าเธอตัวเล็ก ไม่คิดว่าจะสนิทกันให้มากมาย
ป๋อจิ่วจับสังเกตถึงความเย็นชานั่นได้ หางเสือยังคงส่ายอยู่ ก่อนจะเริ่มสัปหงกอีก ทั้งนี้ฉินมั่วสังเกตเห็นหัวของเธอจะมาตกกระทบเขาอีกครั้ง ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารู้ดีว่าถ้ายัยเสือน้อยอยู่ด้วย จะต้องอ่านหนังสือไม่ได้แน่นอน แต่ในเวลานี้ คุณตาผลักประตูเข้ามาเห็นภาพดังกล่าวก็ถึงกับตะลึง เพราะฉินมั่วไม่เคยใกล้ชิดกับใครมาก่อน ก่อนจะหัวเราะเสียงเบา “จิ่ว ดึกมากแล้ว วันนี้หนูนอนที่นี่ดีไหม?”
ป๋อจิ่วได้ยินแล้วมีชีวิตชีวาทันที “ได้ค่ะ” นอนสักคืน เจ้าหญิงน้อยกับเธอก็สนิทยิ่งขึ้น ไม่เอาแต่เย็นชาเหมือนในตอนนี้ที่ทำให้รู้สึกลำบาก ป๋อจิ่วก้มดูมือตัวเอง ท่าทางร่าเริงของเธอกับท่าทีเย็นชาของฉินมั่วแตกต่างกันอย่างชัดเจน
ฉินมั่วไม่รู้ว่าคุณตาคิดอะไร คณตาน่าจะรู้ดีว่าเขาไม่ชอบให้เด็กคนไหนมาอยู่ในบ้าน แต่พอหันไปมองอีกด้าน ไฟจากด้านนอกก็ยังไม่สว่าง ส่วนยัยเสือน้อยก็ช่างหอมกลิ่นนมเด็ก แสดงให้เห็นว่าเธอยังเด็กมากนัก ต่อให้อายุเท่ากัน แต่เด็กผู้หญิงก็ไม่เหมือนกับเด็กผู้ชาย คงจะไม่เข้มแข็งสักเท่าไร
ฉินมั่วหันกลับมาครุ่นคิด ข่มความรู้สึกต่อต้านไว้ รู้เถอะว่าเห็นแก่ที่เธอยังเด็กอยู่ จะปล่อยให้เธออุ้มกระปุกออมสินกลับไปได้อย่างไร
ข้างนอกหิมะตกแล้ว แถมบ้านนั้นก็ยังไม่มีใครกลับมา เอาเป็นว่าแค่คืนนี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้เขาจะบอกคุณตาว่าเขาไม่อยากมีเพื่อน
“เดี๋ยวตาจะบอกให้พ่อบ้านไปเตรียมห้องนอนรับแขกให้จิ่วที่น่ารักของพกเรานะลูก” คุณท่านอานพูดพลางออกนอกประตู
ป๋อจิ่วส่ายหน้าอย่างตั้งใจ “ไม่รบกวนคุณตาล่ะค่ะ เดี๋ยวหนูนอนห้องเดียวกับมั่วมั่วก็ได้ ยังไงเราก็เป็นผู้หญิงด้วยกัน ตรงนี้มีโซฟาด้วย
ฉินมั่วได้ยินแล้ว เริ่มขมวดคิ้ว ใบหน้าเล็กๆ นั่นเย็นชาขึ้นไม่น้อย อะไรที่บอกว่ายังไงเราก็เป็นผู้หญิงด้วยกัน? ยัยโง่ ยังไม่รู้อีกหรือไง?
คุณท่านอานเห็นแล้วอดขำไม่ได้ เป็นครั้งแรกที่เห็นหลานหลุดสีหน้าหลากหลายอารมณ์ออกมาภายในวันเดียว ท่านพลันรู้สึกว่าเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน หลานท่านไม่เคยนอนห้องเดียวกับใครมาก่อน น่าจะลองดู “เอาสิลูก” คุณตาลูบศีรษะยัยเสือน้อย “งั้นหนูก็นอนเบียดกับมั่วเอ๋อร์หน่อยนะ”
ฉินมั่วไม่คิดว่าคุณตาจะพูดแบบนี้ พอจะเอ่ยปากปฏิเสธก็ถูกคนกอดเอวเข้าให้ จากนั้นจึงเห็นใบหน้าน่ารักของยัยเสือน้อย มีเขี้ยวเสน่ห์แถมด้วยใฝเสน่ห์ใต้ตาอีกด้วย เจ้าหล่อนมองเขาด้วยตาโตๆ ตามด้วยเสียงดังจุ๊บ…
………………………………………………..
ตอนที่ 1865-1
ฉินมั่วตัวน้อยถึงกับตัวแข็งทื่อ เบือนหน้าไปก็สัมผัสเข้ากับความอ่อนนุ่ม ทำให้เขาลืมกระทั่งจะผลักยัยเสือน้อยให้ถอยห่าง นอกจากกลิ่นนมแล้ว ก็มีแต่กลิ่นลูกอมนี่แหละที่โชยเข้าจมูก เขาค่อยๆ เบิกตากว้างราวกับไม่อยากจะยอมรับภาพตรงหน้า ทว่าห้ามไม่ทันแล้ว นิ้วมือเขาแข็งเกร็ง คุณตาเห็นสีหน้าของหลานชาย ก็พลันหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่
ยัยเสือน้อยนี่ช่างกล้า มาถึงก็หอมแก้มเลย จะว่าไปนี่ถือเป็นครั้งแรกที่หลานท่านถูกหอมแก้ม ไม่นับตอนที่เพิ่งเกิดนะ
ตั้งแต่เขาจำความได้ก็ไม่เคยถูกใครหอมมาก่อน เมื่อตอนที่อยู่ในเขตทหาร พวกเด็กรุ่นเดียวกันรู้สึกว่าหลานท่านเป็นผู้ใหญ่มากเกินไป ทำอะไรที่สนิทสนมไม่เป็น แถมหลานท่านยังเป็นโรคบ้าความสะอาดอีกต่างหาก
คุณท่านอานมองดูหลานชายที่มีสภาพเหมือนโดนฟ้าผ่า รอยยิ้มที่กลั้นไม่อยู่คลี่ออกตรงมุมปาก แต่ยัยเสือน้อยนี่สิยังไม่รู้ตัวว่าได้ก่อเรื่องอะไรไว้ เจ้าหล่อนเกาะหลานท่าน ชะโงกหน้าจับใบหูฉินมั่ว “มั่วมั่ว เธออายเพราะโดนฉันหอมแก้มใช่ไหมล่ะ หูเลยแดงเลย ไม่ต้องอายหรอก เดี๋ยวพวกเราก็นอนด้วยกันแล้ว”
เดิมทีฉินมั่วยังไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อโดนยัยเสือน้อยแตะเนื้อต้องตัว ก็รู้ตัวว่าทั้งสองอยู่ใกล้ชิดกันมากเกินไป จึงดึงหางเสือเจ้าหล่อนพลางเอ่ยเสียงเย็น “ใครจะนอนด้วยกันกับเธอ”
ยัยเสือน้อยนี่แยกผู้ชายกับผู้หญิงไม่ออกก็ว่าเถอะ แต่รู้จักคนเข้าหน่อยก็หอมแก้ม ไม่รู้จักคำว่าเรียบร้อยหรือไง
ป๋อจิ่วกะพริบตาอย่างไม่เข้าใจ หน้าเริ่มคว่ำ กระทั่งหูเสือยังผล็อยตกไปด้วย “ถ้าเธอไม่ยินดีต้อนรับฉัน ฉันก็จะกลับไปนอนที่บ้านแล้ววันพรุ่งนี้ค่อยมาหาเธอใหม่”
ตอนแรกฉินมั่วยังไม่พูดอะไร แต่พอเห็นยัยตัวเล็กคว้ากระปุกออมสินมากอด แล้วหันไปมองหิมะนอกหน้าต่าง รวมถึงความมืดสนิทด้านนอก เขาเบือนหน้าเล็กน้อย “เรื่องอะไรที่รับปากเอาไว้ ฉันไม่เคยผิดคำพูด คุณตาอุตส่าห์รับปากให้เธอนอนที่นี่ เธอก็นอนที่นี่ได้”
“จริงเหรอ?” ป๋อจิ่วหูตั้งขึ้นอีกครั้ง ขาดก็แต่ส่ายหางนี่แหละ “เธอรับปากว่าจะนอนกับฉันแล้ว”
ฉินมั่วเพียรบอกตัวเองอีกครั้งว่า เห็นแก่ที่เธอยังเด็ก “เธอนอนโซฟา ฉันนอนเตียง ไม่ได้นอนด้วยกันสักหน่อย” ฉินมั่วแก้คำพูดของยัยเสือน้อยที่เพิ่งได้ถึงสามชั่วโมงก็ทำให้ชีวิตเขาอลวน “อย่าพูดเว่อร์นะ อีกอย่าง อยู่ห่างจากฉันประมาณหนึ่งเมตรทุกครั้ง”
“หนึ่งเมตร?” ป๋อจิ่ววางกระปุกออมสินพยายามยืดมือวัด ก่อนจะเบะปาก เซ็งนิดๆ “ทำไมต้องไกลขนาดนั้นด้วยล่ะ? ทำไม? ฉันแตะตัวเธอไม่ได้อะ”
ฉินมั่วหัวเราะหยัน อายุน้อยๆ ก็มีนิสัยแบบนี้แล้ว “ก่อนจะถามฉัน เธอควรจะดูพฤติกรรมตัวเองก่อนไหม?”
“พฤติกรรมเหรอ?” ป๋อจิ่วไม่เข้าใจ พยายามคิดอยู่นาน กว่าจะเอ่ยอย่างเขินอาย “เพราะฉันพลังเยอะใช่ป่ะ”
ฉินมั่วไม่อยากพูด มันเกี่ยวอะไรกับพลังล่ะ
“ฉันรู้แล้ว ในนิทานบอกว่าพวกเจ้าหญิงอ่อนนุ่มเหมือนทำจากน้ำ ต่อไปเวลาฉันอุ้มเธอจะใช้พลังนิดเดียว เพราะเธอตัวเตี้ยจะแย่ แถมยังอ่อนแออีก ฉันอาจเผลอทำให้เธอเจ็บได้” ป๋อจิ่วตัวน้อยพูดประโยคดังกล่าวด้วยความตั้งใจ กระทั่งสำนึกผิดในการกระทำของตัวเองด้วยความเศร้า
ไม่รู้เสียเลยว่า ฉินมั่วเกิดความคิดอยากจะหิ้วเธอไปโยนทิ้งนอกหน้าต่างขึ้นมา พวกเจ้าหญิงที่อ่อนนุ่มเหมือนทำมาจากน้ำ? ตัวเล็กจะแย่? แถมอ่อนแอมากอีกด้วย? เขาเนี่ยนะ? ฉินมั่วยึดมืออีกฝ่ายแน่น สูดลมหายใจลึก “เธอควรจะหุบปากนะ”
……………………………………..
ตอนที่ 1865-2
ป๋อจิ่วได้ยินแล้ว ตอบอย่างยินดี “ได้เลย” และคำพูดที่ว่าทำให้ฉินมั่วพูดต่อไม่ออก หน้าหล่อลูกครึ่งเหมือนเทวดาตัวน้อยถึงกับบึ้งตึง แม้จะดูสูงส่ง แต่ก็เดือดดาลไม่น้อย
คุณท่านอานดูเด็กๆ คุยกันอย่างเป็นสุข ท่านรู้สึกว่าคิดถูกจริงๆ ที่พาฉินมั่วมาเมืองนอก ใครจะเชื่อล่ะว่า ภายในวันเดียวหลานท่านจะพูดได้เยอะขนาดนี้ แถมยังแสดงอารมณ์ออกมามากมายอีกด้วย ทั้งยังแพ้ให้กับเด็กน้อยคนหนึ่ง เขาต้องอดทนอยู่ตลอดเวลา คงเพราะรู้สึกว่ายัยเสือน้อยยังเล็ก หลานท่านมักจะไม่เอาเรื่องคนที่เล็กกว่าตนเอง
พูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนักหรอก เพราะเมื่ออยู่ที่จีนก็ใช่ว่าจะไม่มีใครที่เล็กกว่า แต่ไม่เคยเห็นฉินมั่วเป็นแบบนี้เลย อาจเป็นเพราะตอนที่ยัยเสือน้อยกระโจนเข้ากอดเขา เจ้าหล่อนคงจะยินดีมาก กระทั่งท่านที่ดูอยู่ข้างๆ ยังรู้ว่าหลานท่านสลัดกอดของยัยหนูนี่ไม่ได้ ท่าทางเขาคงได้เจอกับมารน้อยแล้ว ยังดีที่มารน้อยเป็นเด็กว่าง่าย กอดกระปุกออมสินเดินตามหลานท่าน สั่งให้ไม่พูดก็ไม่พูด แถมยังเอาแก้วน้ำมาให้อีกด้วย เหมือนจะใช้การกระทำแสดงถึงการดูแลเอาใจใส่เพื่อน
อย่าถามว่าทำไมคุณท่านอานถึงได้รู้สึกเช่นนี้ เพราะยัยเสือน้อยทำให้คนรู้สึกแบบนั้น ทำไมถึงน่ารักแบบนี้ อยากยื่นมือลูบหัวจริงๆ โดยเฉพาะนัยน์ตาคู่โตที่จ้องหลานท่าน หากท่านเป็นหลาน คงลูบหัวอีกฝ่ายไปแล้ว แต่หลานท่านก็จริงๆเชียว ผลักไสให้อีกฝ่ายอยู่ห่างตัวเองอยู่นั่นแหละ
จากนั้นสายตาคู่นั้นก็จ้องมาทางท่าน คุณท่านอานหุบยิ้ม รู้ดีว่าคนเป็นหลานบอกว่า ‘คุณตาจะดูละครฉากนี้ถึงเมื่อไร’ ท่านจึงขยับไม้เท้าหัวมังกร “ตามีธุระนะลูก ถ้าพวกหนูอยากกินมื้อดึก ก็ให้คุณพ่อบ้านทำให้กินนะ ข้างนอกมีนมอุ่นๆ ขนมก็ยังมีอีกเยอะ”
“ครับ” จะว่าไปก็ยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่หรอก ยังว่าง่ายอยู่ ฉินมั่วตัวน้อยเดินไปข้างหน้า เอ่ยกับคุณตา “ราตรีสวัสดิ์ครับคุณตา”
คุณท่านอานอยากมองดูต่อไป แต่มองข้ามความฉลาดของหลานไม่ได้ ปล่อยให้ทั้งสองพัฒนาความสัมพันธ์กันเองจะดีกว่า แต่เมื่อเห็นหลานเป็นแบบนี้ เดาว่าน่าจะให้ยัยเสือน้อยอยู่เป็นเพื่อนทั้งคืนแน่
ป๋อจิ่วตามฉินมั่ว ไปราตรีสวัสดิ์ต่อคุณท่านอาน เธอดูมุ่งมั่นอันต่างไปจากความน่ารักของเด็กผู้หญิงทั่วไป
เมื่อเห็นคุณตาเดินออกไป ป๋อจิ่วก็ประคองแก้วนมมาให้ตรงหน้าฉินมั่ว “ฉันรู้ว่าเธอต้องโมโหที่ฉันบอกว่าเธอเตี้ย มั่วมั่ว ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ เธอดูดีออก เด็กผู้หญิงจะเตี้ยหน่อยก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย เธอน่ารักออกจะตาย แถมสวยด้วย แต่ถ้าเธออยากตัวสูงขึ้นก็ดื่มนมเยอะๆ เดี๋ยวฉันเอาส่วนของฉันให้เธอนะ”
“ไม่ต้อง” ฉินมั่วหักดอกไมยราบที่โปรดปรานคามือ ส่วนป๋อจิ่วก้มหน้าลงมองดูปลายนิ้วเท้าของตนอย่างไม่รู้จะทำอะไรไม่ถูก
ฉินมั่วหายใจเข้าลึก รับแก้วนมมาก็เกิดปวดหัว ทำไมนะ เขาถูกมองว่าเป็นผู้หญิงแล้ว ยังจะมากังวลว่ายัยเสือน้อยจะเศร้าเพราะเขาเย็นชาเกินไป คงเพราะหน้าตาเขาดูเหมือนคนชอบรังแกคนอื่นมั้ง เมื่อคิดได้ดังนี้ หลังจากที่ดื่มนมจนหมด เขาก็ยื่นมือบีบแก้มเธอเบาๆ แต่รสสัมผัสที่ได้ช่างอยู่เหนือความคาดหมาย หน้าเธอเนียนนุ่มเหมือนพุดดิงไข่ นุ่มมาก…มากจนลงมือไม่ลง
ฉินมั่วเอียงศีรษะมองดู ดึงมือกลับมา ช่างเถอะ ยังไงก็แค่คืนเดียว ส่วนป๋อจิ่วมองดูเจ้าหญิงน้อยของเธอเดินเข้าห้องน้ำ โดยก่อนที่จะเข้าไป เจ้าหญิงน้อยยังจับหน้าเธอด้วย คงเพราะเธอน่ารักมากๆ กระทั่งเจ้าหญิงน้อยยังคันไม้คันมืออยากจับหน้าเธอเลย เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ป๋อจิ่วตัวน้อยก็เริ่มวางแผนจริงจังว่า จะทำให้เจ้าหญิงน้อยชอบเธอมากขึ้นอย่างไร เพราะการจะเอากลับไปเลี้ยงที่บ้านคงจะยาก เจ้าหญิงน้อยร้ายเกิน แถมยังขี้อายอีก
……………………………………..