ตอนที่ 1879 การดูแลจากเจ้าหญิงน้อย
ฉินมั่วรู้ตัวถึงข้อนี้ก็หยุดชะงัก ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ไปนั่งตรงนั้น”
ป๋อจิ่วไม่รู้ถึงความในใจของเจ้าหญิงน้อย จึงกอดคีย์บอร์ดไปนั่งตรงที่เพื่อนชี้ จากนั้นมีคนเอาผ้าขนหนูมาคลุมศีรษะแล้วเช็ดอย่างอ่อนโยน แรงเช็ดผมจากอีกฝ่ายทำให้คนง่วงงุนได้ง่ายๆ แถมยังได้กลิ่นหอมสบู่เข้าจมูก ยิ่งรู้สึกสบายขึ้นกว่าเดิม
ป๋อจิ่วสวมชุดนอนตัวเล็กพลางโอบคีย์บอร์ด ปล่อยให้คนอื่นเช็ดผมให้ตัวเอง น่าเอ็นดูมากมาย แต่เสียอย่างเดียว เธอซุกซนมากไปหน่อย จึงไม่ยอมปล่อยโอกาสที่จะลงมืออยู่แล้ว
เมื่อฉินมั่วเช็ดผมให้ เธอก็เล่นชายเสื้อเขา หลังจากที่โดนรู้ทันและได้สบแววตาเย็นชาคู่นั่น เจ้าหล่อนจึงยิ้มหลุดเขี้ยวเสน่ห์ออกมา ก่อนจะก้มหน้าเล่นต่อไป
ฉินมั่วไม่คิดจะเอาเรื่องยัยเสือน้อยกับเรื่องแบบนี้ เพราะเรื่องที่มันยิ่งกว่านี้เจ้าหล่อนก็ทำมาแล้ว ทว่าเมื่อเช็ดได้ครึ่งทาง ยัยคนตรงหน้าก็ไออย่างรุนแรง กระทั่งหายใจยังไม่ปกติ ฉินมั่วครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วป้อนยาให้อีก
หลังจากที่กินยาอาบน้ำเสร็จ ก็ได้เวลาเข้านอนอย่างเป็นทางการสักที เวลานี้ป๋อจิ่วง่วงนอนจะแย่ คงเพราะไม่สบาย เธอจึงนอนไม่หลับ เมื่อเห็นเจ้าหญิงน้อยหยิบผ้าห่มไปที่โซฟาก็รู้สึกเศร้าในใจ
แม้เธอจะเดาได้ว่าเจ้าหญิงน้อยไม่ชอบนอนกับเธอ แต่เมื่อเห็นเป็นเช่นนี้ก็รู้สึกว่าตัวเองพยายามไม่มากพอ รอจนเธอหายหวัดก่อนเถอะ จะเล่นบทรุกบ้าง แต่ตอนนี้ไม่ไหว ถ้าทำแบบนั้นมีหวังแพร่เชื้อหวัดให้เจ้าหญิงน้อยแน่
ป๋อจิ่วคิดอย่างนี้ เธอกอดคีย์บอร์ดนอนด้วยกัน ส่วนฉินมั่วก็นอนที่โซฟา ทั้งห้องมีเพียงไฟข้างผนังส่องสว่าง
หิมะยังคงตกอยู่ด้านนอก นกเค้าแมวกระพือปีกทีมักจะสะเทือนหิมะบนต้นคริสมาสต์ บางทีก็ได้ยินเสียงหมาเห่าหอน ส่งผลให้คนยิ่งง่วงงุน แต่คนที่มีไข้จากฤทธิ์หวัดล้วนรู้กันดีว่าการมีไข้ไม่ได้หายกันภายในวันเดียว โดยเฉพาะเด็กน้อย อีกทั้งป๋อจิ่วยังคออักเสบอย่างเห็นได้ชัด ไม่งั้นเธอคงไม่เอาแต่ไอ เธอนอนหลับไม่สนิทจริงๆ และเพราะเป็นเช่นนั้น เธอถึงได้กอดคีย์บอร์ดไว้แน่นเพื่อห้ามตัวเองไม่ให้ไอ เพราะเกรงว่าจะรบกวนมั่วมั่วที่นอนอยู่
ในระหว่างที่ป๋อจิ่วกังวลด้วยเรื่องดังกล่าว มือเล็กขาวนวลก็แปะลงบนหน้าผากเธอ หลังจากสัมผัสได้ถึงความร้อน ใบหน้าของเด็กชายเย็นชากว่าเดิม แสดงว่าเจ้าหล่อนยังมีไข้อยู่ ยังดีที่ไข้ไม่ขึ้นสูง
ฉินมั่วเดินไปอยู่ด้านข้าง หยิบแก้วน้ำร้อนมาให้ รู้ว่าเธอยังไม่หลับจึงเขย่าตัวเธอ
“มั่วมั่ว” ป๋อจิ่วยังคงตาโต
ฉินมั่วจรดปากแก้วที่เรียวปากเธอ เอ่ยเพียงว่า “กินซะ”
ป๋อจิ่วก้มหน้าก้มตาดื่ม ฉินมั่วเห็นเธอดื่มหมดก็ให้ยาเธออีก จากนั้นจึงใช้มือซ้ายวัดความร้อนที่หน้าผากเธออีกครั้ง ซึ่งเวลานี้เธอดูเป็นเด็กดีออก
ฉินมั่วกวาดสายตามองดูสิ่งที่อยู่ในอ้อมแขนยัยเสือน้อย “คีย์บอร์ดมันเย็นนะ”
“แต่ถ้าไม่กอดอะไรเลย ฉันก็นอนไม่หลับ” ป๋อจิ่วพูดทุกอย่างที่อยากพูด “ไม่งั้น มั่วมั่ว เธอมาให้ฉันกอดสิ”
ฉินมั่วกวาดสายตามองอีกฝ่าย ยัยเสือน้อยในเวลานี้ไม่ได้มีชีวิตชีวาเหมือนเมื่อครู่ แต่นัยน์ตายังคงแฝงแววทะเล้น เขาจึงดึงหมอนกอดที่อยู่ด้านข้างมายัดเข้าอ้อมแขนเธอ “อย่าเอาแต่ฝันหวาน อยากกอดเหรอ เอามันไปกอดซะ”
……………………………………………
ตอนที่ 1880 ซื้อกลับไปเลี้ยงที่บ้าน
ป๋อจิ่วรู้สึกเสียดายที่แผนแตก เธอเปลี่ยนไปกอดอย่างอื่น แต่ผลก็ยังคงเหมือนเดิม
คงเพราะเห็นเธอเศร้า ฉินมั่วจึงเอ่ยอย่างเรียบเรื่อย “นอนไม่หลับเหรอ?”
“อืม” เสียงดูซึมหน่อยๆ น่าจะเพราะอยากไอออกมา ฉินมั่วเห็นแล้วจึงลุกขึ้นไปรินน้ำให้ นอกจากน้ำแล้วเขายังหยิบหนังสือเล่มหนึ่งจากชั้นวางหนังสือมาด้วย เล่มนั้นเป็นเล่มที่เขาอ่านในตอนปกติ
ป๋อจิ่วจำหน้านั้นได้ เพราะเมื่อวานเจ้าหญิงน้อยอ่านอยู่
“เขยิบหน่อยสิ” ฉินมั่วยืนข้างเตียง สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงสักเท่าไร ส่วนป๋อจิ่วได้ยินคำพูดสั้นๆ นั่นแล้วก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมา เจ้าหล่อนเขยิบไปยังด้านซ้าย ทำให้พื้นที่เหลือกว้างไม่น้อย จากนั้นยังรับประกันด้วยสีหน้าจริงจังว่า “มั่วมั่ว เธอวางใจได้เลยนะ ต่อให้นอนด้วยกัน ฉันก็จะไม่แตะเนื้อต้องตัวเธอเหมือนเมื่อวานแน่นอน ไม่ต้องกลัว”
มือที่เลิกผ้าห่มขึ้นของฉินมั่วถึงกับกำแน่น เงยหน้าขึ้นสั่งแค่ “หุบปาก”
ทางด้านเสือน้อยกลับเริงร่า ไม่สนท่าทีไม่พอใจของอีกฝ่าย ก็คนเขาอาย เธอเข้าใจดี
หากฉินมั่วรู้ว่ายัยเสือน้อยโยนให้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเขาเขินอายล่ะก็ รับรองว่าเส้นที่ขมับต้องระเบิดแน่ แต่ยังดีที่ตอนนี้ป๋อจิ่วว่าง่าย แถมตายังโตอีกด้วย เจ้าหล่อนมองจ้องเพื่อนที่ตาโต เบือนหน้าที่คล้ายเทวดาอยู่บ้าง
ฉินมั่วนอนพิงพนักเตียง เปิดหนังสือเรื่อง ‘พันหนึ่งราตรี’ ออก น้ำเสียงกังวานน่าฟังของเด็กชายจึงดังขึ้น เสียงนั่นยังแฝงความเป็นเด็กด้วย “เมื่ออดีตกาลนานมาแล้ว มีเกาะแห่งหนึ่งที่อยู่กลางระหว่างอินเดียในอดีตและประเทศจีน เกาะแห่งนั้นเป็นที่ตั้งของประเทศซาเซเนียน มีพระราชาชื่อพระเจ้าชาร์เรยาร์ด พระองค์จะทรงเข้าพิธีแต่งงานกับหญิงสาวทุกวัน และเมื่อไก่ตัวผู้ขันขึ้นในเช้าวันต่อมา ก็จะทรงฆ่าหญิงสาวผู้นั้นอย่างโหดร้าย…
พวกเด็กน้อยชอบฟังคนเล่านิทานให้ฟัง สำหรับป๋อจิ่วแล้ว เธอถือว่าเรื่องที่พ่อเล่าล้วนเป็นนิทานที่น่าสนุกของเธอ แต่ด้วยคุณป๋อไม่เคยว่าง ทำให้แทบจะไม่มีเวลาเล่านิทานให้ลูกฟัง
หากพูดให้ถูกต้องคือ นี่เป็นคนครั้งแรกที่มีคนเล่านิทานก่อนนอนกล่อมเธอ ป๋อจิ่วเริ่มตะลึง ไม่นานเธอก็ฟังเอาๆ แล้วไอน้อยลง มุ่งสมาธิไปยังเสี้ยวหน้าของเจ้าหญิงน้อยกับเรื่องราวที่เล่าออกมา
เวลาค่อยๆ เคลื่อนคล้อยตามแสงจันทร์ ทั้งสองไม่เหมือนกับคนเด็กอื่น ด้วยความที่มีวิถีชีวิตเหมือนกันมาก เพราะฉินมั่วเองก็ไม่มีใครเล่านิทานให้ฟัง ถูกอยู่ที่เขาเหมือนเจ้าชายน้อย แต่ก็เป็นเจ้าชายน้อยที่หงอยเหงา ต้องอ่านหนังสือก่อนนอนอยู่คนเดียว ตอนนี้แม้จะไม่มีใครเล่านิทานให้ฟังก่อนนอน ทว่าการที่ยัยเตาผิงตัวน้อยกำลังนอนเอียงศีรษะฟังเขาอ่านนิทานอยู่ข้างตัว ทำให้รู้สึกว่ามีเธอมานอนเป็นเพื่อนก็เป็นเรื่องดีเช่นกัน
เสียงอ่านหนังสือยังคงดังต่อไป จนเมื่อเล่านิทานในเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่สาม ก็มีคนมาเยือนที่ชั้นหนึ่งของบ้าน คนดังกล่าวไม่ใช่ใครอื่น เป็นคุณป๋อที่สวมชุดกันลมสีดำนั่นเอง มีดอกกุหลาบทัดบนเสื้อเขาด้วย ตอนแรกเขาจะมาพาตัวท่านจิ่วน้อยกลับบ้าน แต่คุณท่านอานบุ้ยใบ้ให้เขาฟังเสียงจากด้านบน คุณป๋อจึงหัวเราะอย่างร้ายกาจหน่อยๆ “ท่านจิ่วของผมนี่เร็วจริงๆ นอนบ้านคุณเร็วได้ขนาดนี้ เห็นทีต่อไปคงซื้อตัวหลานชายคุณกลับบ้านแน่”
……………………………..……….