ตอนที่ 2018-3
หลินเฟิงนึกถึงข้อมูลที่ตัวเองเสิร์จเจอในอินเทอร์เน็ต เช่นการเป็น
ฝ่ายรุกที่สมบูรณ์แบบ เมื่อตื่นขึ้นในวันต่อมาจะต้องตุ๋นโจ๊กตุ๋นซุป
ให้คนที่อยู่บนเตียง ตอนนั้นเขายังคิดจะอ่อนโยนต่อเจ้าหู่แบบนั้น
ด้วยซ้ำ
ทว่าเวลานี้ตัวเองกลายเป็นฝ่ายที่กินซุปเอง หลินเฟิงรู้สึกอย่างไรก็คง
เข้าใจดี เมื่อต้องเผชิญหน้ากับของโปรดเต็มโต๊ะ แต่ตัวเองกลับกิน
ไม่ได้ ย่อมต้องเศร้าใจอยู่แล้ว แถมหู่ยังบอกว่าจะค้างที่นี่ด้วย!
ถึงอีกนานกว่าจะได้นอน แต่ตอนนี้แค่เห็นเตียงหรือตอนที่ผู้ชายคน
นี้ม้วนแขนเสื้อ ก็เป็นต้องเผลอนึกถึงเรื่องเมื่อคืน น่าอายเหลือเกิน
คุณแม่หลินเองก็สังเกตเห็นลูกชายตัวเองว่าวันนี้ดูจะพูดน้อยกว่าปกติ
ไม่รู้ว่าเพราะเป็นหวัดหรือเปล่า ตอนที่ยกจานผลไม้ไปให้เพื่อนลูกก็
เอ่ยปาก “ลองถามเขาดูหน่อยซิว่า ช่วงนี้มีอะไรในใจหรือเปล่า?”
อวิ๋นหู่รับจานมา “น่าจะไม่สบายครับ พรุ่งนี้คงหายเอง”
“เหรอ?” คุณแม่หลินโล่งอก “น้าล่ะนึกว่าเขาไม่แฮปปี้เพราะจะต้อง
ไปดูตัวเสียอีก”
อวิ๋นหู่ชะงัก “ดูตัวเหรอครับ?”
“เป็นบริษัทที่ร่วมลงทุนด้วยกัน แล้วก็เป็นเพื่อนเก่าด้วย เขาร่วมงาน
กับหลินกรุ๊ปบ่อย” คุณแม่ว่า “ทางนั้นบอกว่าหลานสาวเป็นแฟนคลับ
ของหลินเฟิง อยากเห็นหน้ามานาน ชอบหลินเฟิงมาก เลยจะให้เด็ก
สองคนได้ดูตัวกัน ถ้าความสัมพันธ์พัฒนาไปอีกขั้นหนึ่ง เวลาทำ
ธุรกิจกันจะได้ง่ายขึ้น พูดตรง ๆ นะน้าไม่อยากเห็นหลินเฟิงต้องวิ่ง
สองทาง ทางบ้านเราไม่ขาดเงินก็จริง แต่หลานน่าจะรู้ว่าตอนนี้เรา
ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว คนบางคนเห็นหลินเฟิงก็ขออยู่ห่าง ๆ คง
เพราะกลัวหลินเฟิงไปขอร้องให้ช่วย คนพวกนี้ก็ไม่เข้าใจหลินเฟิง
เลย”
“หลานโตมากับลูกน้าก็น่าจะรู้ ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ เขาไม่มีวันขอร้อง
ใครหรอก ยิ่งหลินกรุ๊ปยังไม่ขั้นที่ต้องลดตัวขอให้ใครช่วย หลายปีที่
ผ่านมาน้าไม่เคยควบคุมหลินเฟิง เขาอยากทำอะไรก็ทำไป เพราะเขา
เคยบอกว่าชอบเล่นเกม ก่อนที่หลานจะไปเมืองนอก เขาก็คุยกับน้า
ว่ารอเขาแข่งชิงแชมป์ เอเชียก่อนแล้วจะออกจากวงการ ตอนนี้เขา
กำลังเตรียมการอยู่ แต่ในฐานะที่เป็นแม่ น้ามองออก อย่าเห็นว่าเขา
เป็นอย่างนี้นะ เวลาที่บ้านเราต้องการเขาเมื่อไร เขาก็จะเข้ามา
รับผิดชอบทันที มีเรื่องหนึ่งนะหู่ที่หลานต้องบอกเขา ถึงตอนนี้
ตระกูลหลินจะเหลือแต่น้ากับคุณย่า แต่ไม่ได้หมายความว่าภาระทุก
อย่างจะตกอยู่ที่เขา เขาอยากทำอะไรก็ไปทำ จะแข่งอีกสักสองปีก็ได้
ไม่ว่าจะเป็นน้าหรือคุณพ่อของเขา พวกเรารอคอยให้เขามาเกิดมา
ความหวังของเราก็คืออยากให้เขาเดินตามทางที่ตัวเองอยากเดิน
เท่านั้น”
ยิ่งได้ยิน นัยน์ตาของอวิ๋นหู่ก็ยิ่งลุ่มลึก…ลึกขนาดที่ไม่เห็นก้นบึ้ง ใช่
ว่าเขาจะไม่รู้สึกผิดต่อคุณแม่หลิน แต่หากเทียบกับความรู้สึกผิดแล้ว
เขาไม่อยากไปจากหลินเฟิง
พ่อแม่ทุกคนล้วนอยากให้ลูกมีความสุข ความสุขนั้นก็คือการได้เห็น
ลูกตัวเองแต่งงานมีทายาทสืบต่อไป เรื่องนี้ย่อมไม่เกิดกับหลินเฟิง
แน่ ถ้าหากเกิดขึ้นจริง ๆ อวิ๋นหู่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำอะไรบ้าง เพราะ
แค่นึกถึงว่าคนรักจะไปดูตัว หัวอกของเขาก็เหมือนมีก้อนหินยักษ์
ทับไว้จนต้องหายใจอย่างทุกข์ทรมานแล้ว…
ตอนที่ 2019-1
นอนกับฉันแล้ว ต้องรับผิดชอบนะ
อวิ๋นหู่กำลังจะพูด แต่เมื่อช้อนสายตาขึ้น ก็เห็นคนคนหนึ่งยืน
ตรงหน้าบันได ส่ายหน้าให้เขาเล็กน้อย
แต่อวิ๋นหู่ก็เข้าใจ วันนี้ไม่เหมาะที่จะสารภาพเรื่องใด ๆ ทั้งสิ้น แต่
เพราะเข้าใจ ถึงได้รู้สึกเหมือนกินอะไรที่ขมมาก ลุกลามจากปลาย
ลิ้นไปถึงหัวใจ
อวิ๋นหู่มองดูอีกฝ่ายเดินกลับไปที่ห้อง ก่อนจะปลอบใจคุณแม่หลิน
อันที่จริง ด้วยสภาพนี้ เขาพูดอะไรไปก็ยังไม่รู้ตัวเลย
เหมือนอย่างที่คุณแม่หลินว่าไว้ คนอื่นอาจจะไม่เข้าใจหลินเฟิง แต่
เขาเข้าใจดี คนคนนั้นเหมือนจะทำอะไรผิวเผิน แต่กลับรู้จักแบก
ความรับผิดชอบเป็นอย่างดี ทั้งยังเข้มแข็งมาก
อวิ๋นหู่ยังจำได้ดี ตอนเด็ก ๆ ทั้งสองต่างตัวไม่สูง พวกเขาโดนรังแก
บ่อย ๆ ทว่าหลินเฟิงมักจะยืนข้างหน้าบังเขาเอาไว้ ตอนนั้นเจ้านั่น
ไม่ได้แข็งแกร่งมากหรอก แต่มักพูดว่า ‘ห้ามพวกนายรังแกหู่’ ถึงแม้
จะสู้ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ หลินเฟิงก็ยังทำเช่นนี้เสมอ
ตอนแรก อวิ๋นหู่รู้สึกว่าหลินเฟิงโง่จริง ทั้งที่ตัวเล็กยังกะซาลาเปา
น้อย แต่กลับมายืนขวางอยู่หน้าเขา เจ้านั่นไม่รู้จักวิ่งหนีเอาตัวรอด
ก่อนหรือไง? ใช่ว่าเขาจะไม่เคยถามอีกฝ่าย แต่หลินเฟิงกลับจ้อง
ตาโตอย่างจริงจัง ‘ถ้าฉันหนีไป แล้วใครจะปกป้องนาย’
ดูเหมือนตั้งแต่เวลานั้นเป็นต้นมา อวิ๋นหู่รู้สึกว่าตัวเองมีคนที่สำคัญ
สำหรับตัวเองแล้ว แม้จะอายุแค่ห้าหกขวบ ทว่ากลับอยากให้หลินเฟิง
อยู่ข้างกาย
ใครกันเป็นคนบอกว่า พวกเราเกิดมาบนโลกนี้ล้วนแต่โดดเดี่ยว
ความรู้สึกแบบนี้ยากจะขจัดทิ้ง
แม้เรามีพ่อแม่ที่รักมากแค่ไหน แต่ท่ามกลางกลางคืนที่เงียบสงัดเรา
ย่อมอยากได้ใครสักคนที่ดีต่อเรา ตั้งแต่ตอนเป็นเด็กแล้วหลินเฟิง
ไม่ใช่คนเรียนดี ทว่าเพื่อจะได้ถูกคัดให้เรียนห้องเดียวกับเขา เจ้านั่น
จึงขยันมากกว่าใคร สิ่งที่เราได้มาอยู่ในมือไม่ใช่ว่าสวรรค์ประทาน
ให้ แม้ในสายตาหลาย ๆ คน การได้ใช้ชีวิตในครอบครัวที่ร่ำรวย
นับว่าโชคดีมาก แต่เมื่อเราได้อยู่ท่ามกลางความร่ำรวยนั่นจริง ๆ เรา
จะอยากได้เพื่อนและคนที่อยู่เหนือคำว่าเพื่อน
ตอนเด็ก ๆ ไม่มีใครอยากได้คนรักหรอก เขาไม่ได้มีความรักฉันท์ชู้
สาวรุนแรงขนาดนั้น แต่หากเทียบกับคนรักแล้ว เขาอยากอยู่กับหลิน
เฟิงตลอดไปมากกว่า ความคิดนี้เกิดขึ้นนับไม่ถ้วน ดังนั้นอวิ๋นหู่จึง
กลัว…กลัวว่าหลินเฟิงจะต้องถอยห่าง เพราะความรับผิดชอบใน
บางอย่าง
ดังนั้นเมื่อถือจานผลไม้เข้าห้อง เขาไม่ได้พูดอะไรก็ดันอีกฝ่ายชิด
กำแพง ก่อนจะจูบอย่างหนักหน่วง แต่ไม่ได้พัวพันอะไรมากไปกว่า
นี้ เอ่ยเสียงหนักตามการกระทำดังกล่าว “ต่อฟ้าผ่าถล่มทลาย นายก็
ห้ามเสียใจ นายปล้ำฉันแล้ว ต้องรับผิดชอบ”
หลินเฟิงอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ร้อง เฮ้ย ๆ ๆ ๆ แต่ขยับตัวลำบาก
ด้วยถูกอีกฝ่ายใช้หน้าผากดัน จึงคำรามเสียงต่ำ “นายเป็นฝ่ายปล้ำฉัน
เองแท้ ๆ อย่าเว่อร์”
อวิ๋นหู่ไม่ได้หยุดพูดแค่นี้แต่ก้มหน้าลง เอ่ยเสียงเรียบ “ฉันไม่ให้นาย
ไปดูตัว ถ้านายไปจริง ๆ ฉันจะทำลายความรักของนายเหมือนเมื่อ
ตอนอยู่มัธยม นายชอบใคร ฉันก็จะแย่งคนนั้น นายน่าจะรู้ว่าเรื่อง
แบบนี้มันง่ายมากสำหรับฉัน”
ตอนที่ 2018-3
หลินเฟิงนึกถึงข้อมูลที่ตัวเองเสิร์จเจอในอินเทอร์เน็ต เช่นการเป็น
ฝ่ายรุกที่สมบูรณ์แบบ เมื่อตื่นขึ้นในวันต่อมาจะต้องตุ๋นโจ๊กตุ๋นซุป
ให้คนที่อยู่บนเตียง ตอนนั้นเขายังคิดจะอ่อนโยนต่อเจ้าหู่แบบนั้น
ด้วยซ้ำ
ทว่าเวลานี้ตัวเองกลายเป็นฝ่ายที่กินซุปเอง หลินเฟิงรู้สึกอย่างไรก็คง
เข้าใจดี เมื่อต้องเผชิญหน้ากับของโปรดเต็มโต๊ะ แต่ตัวเองกลับกิน
ไม่ได้ ย่อมต้องเศร้าใจอยู่แล้ว แถมหู่ยังบอกว่าจะค้างที่นี่ด้วย!
ถึงอีกนานกว่าจะได้นอน แต่ตอนนี้แค่เห็นเตียงหรือตอนที่ผู้ชายคน
นี้ม้วนแขนเสื้อ ก็เป็นต้องเผลอนึกถึงเรื่องเมื่อคืน น่าอายเหลือเกิน
คุณแม่หลินเองก็สังเกตเห็นลูกชายตัวเองว่าวันนี้ดูจะพูดน้อยกว่าปกติ
ไม่รู้ว่าเพราะเป็นหวัดหรือเปล่า ตอนที่ยกจานผลไม้ไปให้เพื่อนลูกก็
เอ่ยปาก “ลองถามเขาดูหน่อยซิว่า ช่วงนี้มีอะไรในใจหรือเปล่า?”
อวิ๋นหู่รับจานมา “น่าจะไม่สบายครับ พรุ่งนี้คงหายเอง”
“เหรอ?” คุณแม่หลินโล่งอก “น้าล่ะนึกว่าเขาไม่แฮปปี้เพราะจะต้อง
ไปดูตัวเสียอีก”
อวิ๋นหู่ชะงัก “ดูตัวเหรอครับ?”
“เป็นบริษัทที่ร่วมลงทุนด้วยกัน แล้วก็เป็นเพื่อนเก่าด้วย เขาร่วมงาน
กับหลินกรุ๊ปบ่อย” คุณแม่ว่า “ทางนั้นบอกว่าหลานสาวเป็นแฟนคลับ
ของหลินเฟิง อยากเห็นหน้ามานาน ชอบหลินเฟิงมาก เลยจะให้เด็ก
สองคนได้ดูตัวกัน ถ้าความสัมพันธ์พัฒนาไปอีกขั้นหนึ่ง เวลาทำ
ธุรกิจกันจะได้ง่ายขึ้น พูดตรง ๆ นะน้าไม่อยากเห็นหลินเฟิงต้องวิ่ง
สองทาง ทางบ้านเราไม่ขาดเงินก็จริง แต่หลานน่าจะรู้ว่าตอนนี้เรา
ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว คนบางคนเห็นหลินเฟิงก็ขออยู่ห่าง ๆ คง
เพราะกลัวหลินเฟิงไปขอร้องให้ช่วย คนพวกนี้ก็ไม่เข้าใจหลินเฟิง
เลย”
“หลานโตมากับลูกน้าก็น่าจะรู้ ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ เขาไม่มีวันขอร้อง
ใครหรอก ยิ่งหลินกรุ๊ปยังไม่ขั้นที่ต้องลดตัวขอให้ใครช่วย หลายปีที่
ผ่านมาน้าไม่เคยควบคุมหลินเฟิง เขาอยากทำอะไรก็ทำไป เพราะเขา
เคยบอกว่าชอบเล่นเกม ก่อนที่หลานจะไปเมืองนอก เขาก็คุยกับน้า
ว่ารอเขาแข่งชิงแชมป์ เอเชียก่อนแล้วจะออกจากวงการ ตอนนี้เขา
กำลังเตรียมการอยู่ แต่ในฐานะที่เป็นแม่ น้ามองออก อย่าเห็นว่าเขา
เป็นอย่างนี้นะ เวลาที่บ้านเราต้องการเขาเมื่อไร เขาก็จะเข้ามา
รับผิดชอบทันที มีเรื่องหนึ่งนะหู่ที่หลานต้องบอกเขา ถึงตอนนี้
ตระกูลหลินจะเหลือแต่น้ากับคุณย่า แต่ไม่ได้หมายความว่าภาระทุก
อย่างจะตกอยู่ที่เขา เขาอยากทำอะไรก็ไปทำ จะแข่งอีกสักสองปีก็ได้
ไม่ว่าจะเป็นน้าหรือคุณพ่อของเขา พวกเรารอคอยให้เขามาเกิดมา
ความหวังของเราก็คืออยากให้เขาเดินตามทางที่ตัวเองอยากเดิน
เท่านั้น”
ยิ่งได้ยิน นัยน์ตาของอวิ๋นหู่ก็ยิ่งลุ่มลึก…ลึกขนาดที่ไม่เห็นก้นบึ้ง ใช่
ว่าเขาจะไม่รู้สึกผิดต่อคุณแม่หลิน แต่หากเทียบกับความรู้สึกผิดแล้ว
เขาไม่อยากไปจากหลินเฟิง
พ่อแม่ทุกคนล้วนอยากให้ลูกมีความสุข ความสุขนั้นก็คือการได้เห็น
ลูกตัวเองแต่งงานมีทายาทสืบต่อไป เรื่องนี้ย่อมไม่เกิดกับหลินเฟิง
แน่ ถ้าหากเกิดขึ้นจริง ๆ อวิ๋นหู่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำอะไรบ้าง เพราะ
แค่นึกถึงว่าคนรักจะไปดูตัว หัวอกของเขาก็เหมือนมีก้อนหินยักษ์
ทับไว้จนต้องหายใจอย่างทุกข์ทรมานแล้ว…
ตอนที่ 2019-1
นอนกับฉันแล้ว ต้องรับผิดชอบนะ
อวิ๋นหู่กำลังจะพูด แต่เมื่อช้อนสายตาขึ้น ก็เห็นคนคนหนึ่งยืน
ตรงหน้าบันได ส่ายหน้าให้เขาเล็กน้อย
แต่อวิ๋นหู่ก็เข้าใจ วันนี้ไม่เหมาะที่จะสารภาพเรื่องใด ๆ ทั้งสิ้น แต่
เพราะเข้าใจ ถึงได้รู้สึกเหมือนกินอะไรที่ขมมาก ลุกลามจากปลาย
ลิ้นไปถึงหัวใจ
อวิ๋นหู่มองดูอีกฝ่ายเดินกลับไปที่ห้อง ก่อนจะปลอบใจคุณแม่หลิน
อันที่จริง ด้วยสภาพนี้ เขาพูดอะไรไปก็ยังไม่รู้ตัวเลย
เหมือนอย่างที่คุณแม่หลินว่าไว้ คนอื่นอาจจะไม่เข้าใจหลินเฟิง แต่
เขาเข้าใจดี คนคนนั้นเหมือนจะทำอะไรผิวเผิน แต่กลับรู้จักแบก
ความรับผิดชอบเป็นอย่างดี ทั้งยังเข้มแข็งมาก
อวิ๋นหู่ยังจำได้ดี ตอนเด็ก ๆ ทั้งสองต่างตัวไม่สูง พวกเขาโดนรังแก
บ่อย ๆ ทว่าหลินเฟิงมักจะยืนข้างหน้าบังเขาเอาไว้ ตอนนั้นเจ้านั่น
ไม่ได้แข็งแกร่งมากหรอก แต่มักพูดว่า ‘ห้ามพวกนายรังแกหู่’ ถึงแม้
จะสู้ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ หลินเฟิงก็ยังทำเช่นนี้เสมอ
ตอนแรก อวิ๋นหู่รู้สึกว่าหลินเฟิงโง่จริง ทั้งที่ตัวเล็กยังกะซาลาเปา
น้อย แต่กลับมายืนขวางอยู่หน้าเขา เจ้านั่นไม่รู้จักวิ่งหนีเอาตัวรอด
ก่อนหรือไง? ใช่ว่าเขาจะไม่เคยถามอีกฝ่าย แต่หลินเฟิงกลับจ้อง
ตาโตอย่างจริงจัง ‘ถ้าฉันหนีไป แล้วใครจะปกป้องนาย’
ดูเหมือนตั้งแต่เวลานั้นเป็นต้นมา อวิ๋นหู่รู้สึกว่าตัวเองมีคนที่สำคัญ
สำหรับตัวเองแล้ว แม้จะอายุแค่ห้าหกขวบ ทว่ากลับอยากให้หลินเฟิง
อยู่ข้างกาย
ใครกันเป็นคนบอกว่า พวกเราเกิดมาบนโลกนี้ล้วนแต่โดดเดี่ยว
ความรู้สึกแบบนี้ยากจะขจัดทิ้ง
แม้เรามีพ่อแม่ที่รักมากแค่ไหน แต่ท่ามกลางกลางคืนที่เงียบสงัดเรา
ย่อมอยากได้ใครสักคนที่ดีต่อเรา ตั้งแต่ตอนเป็นเด็กแล้วหลินเฟิง
ไม่ใช่คนเรียนดี ทว่าเพื่อจะได้ถูกคัดให้เรียนห้องเดียวกับเขา เจ้านั่น
จึงขยันมากกว่าใคร สิ่งที่เราได้มาอยู่ในมือไม่ใช่ว่าสวรรค์ประทาน
ให้ แม้ในสายตาหลาย ๆ คน การได้ใช้ชีวิตในครอบครัวที่ร่ำรวย
นับว่าโชคดีมาก แต่เมื่อเราได้อยู่ท่ามกลางความร่ำรวยนั่นจริง ๆ เรา
จะอยากได้เพื่อนและคนที่อยู่เหนือคำว่าเพื่อน
ตอนเด็ก ๆ ไม่มีใครอยากได้คนรักหรอก เขาไม่ได้มีความรักฉันท์ชู้
สาวรุนแรงขนาดนั้น แต่หากเทียบกับคนรักแล้ว เขาอยากอยู่กับหลิน
เฟิงตลอดไปมากกว่า ความคิดนี้เกิดขึ้นนับไม่ถ้วน ดังนั้นอวิ๋นหู่จึง
กลัว…กลัวว่าหลินเฟิงจะต้องถอยห่าง เพราะความรับผิดชอบใน
บางอย่าง
ดังนั้นเมื่อถือจานผลไม้เข้าห้อง เขาไม่ได้พูดอะไรก็ดันอีกฝ่ายชิด
กำแพง ก่อนจะจูบอย่างหนักหน่วง แต่ไม่ได้พัวพันอะไรมากไปกว่า
นี้ เอ่ยเสียงหนักตามการกระทำดังกล่าว “ต่อฟ้าผ่าถล่มทลาย นายก็
ห้ามเสียใจ นายปล้ำฉันแล้ว ต้องรับผิดชอบ”
หลินเฟิงอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ร้อง เฮ้ย ๆ ๆ ๆ แต่ขยับตัวลำบาก
ด้วยถูกอีกฝ่ายใช้หน้าผากดัน จึงคำรามเสียงต่ำ “นายเป็นฝ่ายปล้ำฉัน
เองแท้ ๆ อย่าเว่อร์”
อวิ๋นหู่ไม่ได้หยุดพูดแค่นี้แต่ก้มหน้าลง เอ่ยเสียงเรียบ “ฉันไม่ให้นาย
ไปดูตัว ถ้านายไปจริง ๆ ฉันจะทำลายความรักของนายเหมือนเมื่อ
ตอนอยู่มัธยม นายชอบใคร ฉันก็จะแย่งคนนั้น นายน่าจะรู้ว่าเรื่อง
แบบนี้มันง่ายมากสำหรับฉัน”