“ดีใจจังเลยที่ได้ยินคุณชมผมแบบนี้”
เสียงนั้นแหบเซ็กซี่อย่างบอกไม่ถูก
แทบจะดึงดูดความสนใจของทุกคนได้ในทันที
ไม่ว่าใครหันกลับมามอง ต่างก็ตะลึงกันทั้งนั้น
ผู้ชายคนนั้นสวมเสื้อแจ็กเก็ตสีดำ กางเกงยาวถึงข้อเท้า เผยให้เห็นถึงความขาวด้านใน ส่งผลให้คนรู้สึกถึงความลึกลับและเซ็กซี่
ร่วมด้วยใบหน้าของเขาที่หล่อเหลาคมสันจนไม่รู้ว่าจะบรรยายอย่างไร
ร่างเขาสูงชะลูดแต่ไม่ทำให้รู้สึกถึงความเปราะบาง กลับดูลึกลับดำมืดชนิดบรรยายไม่ถูก และยิ่งเด่นชัดขึ้นตามจังหวะที่เขาเดินใกล้เข้ามา
เวลานี้ พวกเพื่อนๆ ต่างรู้สึกตรงกัน
ผู้ชายคนนี้เหมือนหมาน้อยที่ตรงไหน นี่มันหมาป่าชัดๆ
ดูแววตาก็ไม่เหมือนพวกที่ชอบออดอ้อนออเซาะเสียหน่อย
ผู้ชายคนนี้ดูอ่อนวัย แต่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเขาเป็นคนจริงจังมุ่งมั่นต่อทุกสิ่ง
โดยเฉพาะเวลาที่สายตาของเขาจับจ้องสาวน้อยคนนั้น ความรู้สึกที่ว่ายิ่งชัดเข้าไปใหญ่ เขาหยักยิ้มมุมปาก จากนั้นก็เดินมาหยุดข้างตัวโหลวลั่ว
“ข้างนอกหนาวมาก ผมไปซื้อผ้าพันคอให้มาเพื่อนคุณคนละผืนแล้ว” ป๋ออิ่นว่าพลางยกมือขึ้น
ผ้าแต่ละผืนล้วนแต่เป็นยี่ห้อดัง แต่ราคาไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะซื้อได้
ผู้ชายคนข้างๆ เอ่ยขึ้น “เอาเงินของโหลวลั่วมาซื้อของให้เพื่อนเขา อืม น่าสนใจจริงๆ”
ป๋ออิ่นเหลือบตามองราวกับจะหัวเราะ “สามีภรรยาใช้กระเป๋าเดียวกัน เราสองคนไม่เคยแบ่งกระเป๋าเงินกัน”
สีหน้าเยาะหยันของชายคนนั้นเด่นชัดเข้าไปใหญ่ “นายยังมีหน้าพูดอีก?”
“ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเกาะเมียเก่ง” ป๋ออิ่นพูดออกมาพลางหมุนแหวนสีดำวงเล็กบนนิ้วหัวแม่มือ “คนแบบคุณชายจางคงกำลังวุ่นอยู่กับการจัดการตัวเลขในบัญชี”
ชายคนนั้นตัวแข็งทื่อในพริบตา เจ้าหมอนี่รู้เรื่องของเขาได้อย่างไร
แต่ยังไม่ทันได้ตะคอกถาม มือถือในมือของคุณชายจางก็ดังขึ้น เป็นสายจากพ่อเขานั่นเอง ซึ่งเขาไม่กล้าที่จะไม่รับ
“ตอนนี้ผู้ชายที่มีไฝเสน่ห์ที่หางตาอยู่ตรงหน้าแกใช่ไหม”
คุณชายจางเพิ่งจะตอบยืนยัน พ่อเขาก็ลดเสียงลง “แกหาเรื่องใครไม่หา รู้หรือเปล่าว่าเขาเป็นใคร!”
คนเป็นลูกชายกำลังจะพูด แต่พ่อกลับขัดจังหวะขึ้นมาก่อน “แกรู้ว่าเขาไม่ธรรมดาก็พอ ตอนนี้แกอ่อนข้อให้เขาหน่อย แล้วรีบกลับมา”
คุณชายจางได้ยินแล้ว ก็ไม่กล้าพูดอีกแม้จะสงสัยมากแค่ไหน
คนที่ทำให้พ่อเขาต้องยำเกรงเช่นนี้ เขาถึงขั้นไม่รู้ว่าจะจินตนาการอย่างไร
แต่เจ้านี่ดูยังไงก็เหมือนเด็กที่โหลวลั่วเลี้ยงไว้นี่นา!
“พ่อไม่ได้เข้าใจอะไรผิดใช่ไหม?”
คนเป็นพ่อตอบเพียงว่า “ฉันสั่งให้แกกลับมา!”
คุณชายจางต้องพึ่งพาครอบครัว พ่อเขาพูดอะไร มีหรือที่เขาจะไม่เชื่อฟังได้
เมื่อช้อนสายตามอง กำลังจะเอ่ยขึ้น
ฝ่ายนั้นก็พูดอีกว่า “ดูท่าพ่อคุณคงโทรมา”
สีหน้าของคุณชายจางใช้คำว่าไม่น่าดูมาบรรยายไม่ได้แล้ว ทั้งยังรู้สึกได้ถึงความน่ากลัวบางอย่าง
ผู้ชายคนนี้ช่าง…
สาวน้อยคนนั้นอยากพูดขึ้นบ้าง แต่โดนคุณชายจางลากกลับไปอย่างรีบร้อน ราวกับมีสัตว์ร้ายไล่ตามหลังมา
ส่วนคนอื่นๆ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นแต่ลูกหมาน้อยที่โหลวลั่วเลี้ยงดูกำลังพูดอะไรกับฝ่ายนั้นก็ไม่รู้ แต่ทำให้คุณชายจางผู้ถือตัวว่าดีกว่าคนอื่นต้องถอยหนีและมีสภาพแบบนี้ได้
ทำให้รู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้ขี้อ้อนสักนิด แถมยังลึกลับจนคนอ่านไม่ออกอีกด้วย
……………………………………..
โหลวลั่วไปเจอคนคนนี้จากที่ไหน
ได้ยินว่าเก็บมาจากข้างทาง
มีผู้ชายหล่อเหลาเอาการแบบนี้อยู่ตามริมทางตั้งแต่เมื่อไร?
ผู้หญิงเหล่านั้นสมกับเป็นคนเก่งในวงการอาชีพ หลอกยากเป็นที่สุด
ถ้าพวกเธออายุยังน้อยอยู่ คงเชื่อว่าโหลวลั่วเก็บผู้ชายมาเลี้ยงจริงๆ
แต่พวกเธออายุขนาดนี้ มีสติปัญญามากพอแล้ว
‘ลูกหมาน้อย’ คนนี้มีความเป็นมาอย่างไรกันแน่?
นี่คือสิ่งที่พวกเธอคิดในใจเป็นอย่างแรก
การสวมผ้าพันคอเป็นเรื่องที่พวกหนุ่มๆ ต่างคิดไม่ถึงแน่
ก่อนหน้านี้ พวกเธอได้ยินว่าโหลวลั่วเลี้ยงดูหมาน้อย ใช่ว่าจะไม่เดาว่าเขาหวังเงินตราของโหลวลั่ว
อย่างไรพวกเธอก็เคยเจอคนแบบนี้มาเยอะมาก ปกติแล้วก็เป็นเช่นนั้น
ทว่าตอนนี้พวกเธอไม่แน่ใจแล้ว
เพราะบุคลิกของอีกฝ่ายที่แม้จะเรียกตัวเองว่าเกาะเมียกินอย่างเต็มความภาคภูมิ กลับไม่อ่อนปวกเปียกเสียเลย
เรียกว่าหาได้น้อยมากในโลกนี้
หร่านชิงไม่คิดจะเก็บความสงสัยไว้กับตัว กำลังจะพูดออกไป
แต่แม่หมอที่อยู่ด้านหลังกลับกระตุกแขนเธอไว้ ใบหน้าใสซื่อซีดจนสีเลือดจางหายจากใบหน้าไปเยอะ
“ทำไม?” หร่างชิงหันกลับมามอง
แม่หมอกลัวว่าคนอื่นจะเห็นพิรุธ จึงพูดเพียงว่า “ฉันไม่ค่อยสบาย”
เดิมทีคิดว่าเป็นอย่างนี้แล้วจะไม่ถูกอีกฝ่ายจับพิรุธได้
เพราะว่าเธออ่านดวงลูกหมาน้อยของโหลวลั่วไม่ออกจริงๆ
นี่ชวนให้คนเหลือเชื่อเกินไปแล้ว
ทว่าแม่หมอคิดไม่ถึงว่า เมื่อเธอจะพูดขึ้น ป๋ออิ่นก็จ้องมองมา
แม้จะมีท่าทีไม่แยแส แต่หางตากลับเห็นถึงความมืดทะมึนที่ทำให้คนขนลุกได้
ส่งผลให้แม่หมอตัวแข็งทื่อ จู่ๆ ก็อยากถามประธานโหลวขึ้นมาว่า เธอคิดว่าผู้ชายคนนี้เป็นพวก ‘ลูกหมาน้อย’ ได้อย่างไร
หากว่ากันตามหลักการแล้ว คนที่ไม่มีชะตา หากไม่ใช่คนตายก็ต้องเป็นปีศาจ
แต่คนคนนี้ไม่ใช่วิญญาณที่ตายไปแล้ว มีทั้งเงาและจิตวิญญาณ
แม่หมออ่านอีกฝ่ายไม่ออก ก็ยิ่งใจหายวาบ
โดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายรู้ว่าเธอเป็นใครแล้ว
นี่ทำให้แม่หมอต้องฝืนใจ อาศัยจังหวะที่คุยกันยื่นมือส่งของให้เพื่อน “ประธานโหลว เอาอันนี้ไป”
โหลวลั่วหันไปมอง นั่นคือจี้พระสบสลักจากไม้จันท์ ทว่ากลับมีกลิ่นหอมโชยออกมารางๆ
นี่เป็นกลิ่นของธูปที่มักปรากฏตามวัดวาอาราม หากเห็นเพียงสีก็จะรู้ว่าจี้พระนี้มีคุณภาพต่างจากที่วางขายตามท้องตลาดทั่วไป
“นั่นมันเป็นของที่ประธานซางสั่งไว้กับเธอคราวก่อนไม่ใช่เหรอ?” โหลวลั่วไม่ได้รีบรับมา
แม่หมอว่า “ฉันค่อยไปเอาของใหม่ให้เขา ตอนนี้เธอจำเป็นต้องใช้มากกว่า”
โหลวลั่วเลิกคิ้ว “ฉันเหรอ จี้พระเนี่ยนะ?”
คนอื่นๆ ต่างหันมามอง
เพราะพวกเธอต่างรู้จักแม่หมอเป็นอย่างดี
การที่เธอให้จี้พระคนอื่นก็เพราะฝ่ายนั้นมีของสกปรกติดตัว
ทว่าโหลวลั่ว?
ป๋ออิ่นทำแค่นั่งยิ้มร้ายอยู่ที่เดิม
ราวกับสิ่งที่พูดในตอนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขาสักนิด
แต่แม่หมอที่พูดเช่นนี้ขึ้นมาขนหัวลุกแล้ว
“เอ่อ ของแบบนี้ไม่จำเป็นต้องมีเรื่องไม่ดีหรอก แค่เอาไว้คุ้มครองเธอเท่านั้น” เธอพูดพลางหลบสายตาลุ่มลึกมืดมิดนั่นตามจิตใต้สำนึก
โหลวลั่วกำลังพินิจพิเคราะห์ ส่วนป๋ออิ่นที่นั่งข้างเธอกลับยื่นมือออกไป ข้อนิ้วขาวเห็นข้อกระดูกชัดเจนราวกับเครื่องเคลือบหยกรับจี้พระไว้ รอยยิ้มไม่น้อยลงเลย “เพื่อนคุณพูดถูก เก็บเอาไว้ป้องกันตัวเอง”
………………………………