ตอนที่ 1774
ตอนที่ประชุมกัน เฟิงอี้เคยบอกว่า อย่าไปโต้ตอบคอมเมนต์บนโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะดีหรือเลวร้าย ถึงกับตั้งระเบียบการใช้อินเทอร์เน็ตกับพวกเขา ก็เพราะกลัวว่าจะมีผลกระทบต่อสภาพจิตใจลูกทีมอย่างไรล่ะ
ในวงการอีสปอร์ต ยังมีหลายๆ คนที่ไม่เข้าใจ เริ่มตั้งแต่การดูถูกในอดีต จนไม่มีใครกล้าด่าในปัจจุบันอีกว่าก็แค่การเล่นเกม
หลายๆ คนทุ่มเทมากมาย บ้างก็หาคนมาเล่นแทนเพื่อไลฟ์สด อันเป็นวิธีการหาเงินในรูปแบบหนึ่ง เพื่อจะได้เอาใจแฟนคลับที่กลายเป็นผู้มีบุญคุณประหนึ่งพ่อตัวเอง
นานวันเข้า หลายๆ คนต่างรู้สึกว่าตัวเองมีสิทธิ์ตัดสินว่าชะตาของทีมที่ตนชอบ แต่บางคนคงลืมไปว่านี่คืออีสปอร์ต ในสนามแข่ง ฝีมือการเล่นต่างหากที่ตัดสินทุกสิ่ง
สำหรับคนในวงการ เมื่อตอนเข้ามาใหม่ๆ ไม่ได้เห็นเส้นทางในอนาคตหรอก ทว่าพวกเขาเล่นด้วยเหตุผลง่ายๆ ก็คือพวกเขารักมัน
พวกผู้หญิงอาจไม่เข้าใจความรู้สึกที่ได้นั่งเล่นเกมในหอพัก ล้มเมืองคู่แข่ง เล่นกันจนถึงเที่ยงคืน เตะเก้าอี้ของเพื่อน หยิบมือถือมาสั่งอาหารเดลิเวอร์รี่ งับปีกไก่พลางเล่นอีกตาหนึ่ง วันเวลาเช่นนี้จะไม่มีอีกแล้วเมื่อเรียนจบ ดังนั้นพวกเขาถึงถนอมมันมาก
เช่นเดียวกัน พวกเขาก็หวังว่าทีมที่เกิดขึ้นในห้วงเวลาวัยรุ่นของพวกเขาจะไปได้ไกล พวกเขาเข้าใจว่าอะไรที่เรียกว่าสนับสนุน นั่นคือการซื้อตั๋วสักใบเพื่อมาดูพวกเขาแข่งอย่างสุดเหวี่ยงเหมือนเมื่อก่อน คว้าเอาชัยชนะ และสร้างชื่อเสียงให้ประเทศ
ไม่ใช่ตกอยู่ในความรุนแรงครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ละครั้งก็ล้วนแต่เป็นเหตุจากความชอบที่คนพวกนั้นพูด หากถามว่ารู้สึกกดดันบ้างไหม?
การแข่งอีสปอร์ต ไม่เพียงแค่ต้องแบกรับความกดดัน หากแต่เวลาที่เขาฝึกซ้อมและต้องนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ ยังมากกว่าพวกนั้นเยอะ ทั้งนี้พวกพนักงานบริษัทและนักเรียนที่อย่างมากก็โดนเจ้านายด่า แต่พวกเขาต้องเผชิญกับการก่นด่าทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะด่าคืนก็ไม่ได้ เพราะหากทำเช่นนั้นก็จะกลายเป็นว่าเรามารยาททราม
คงเพราะพวกเขาเหล่านั้นไม่เคยนึกถึงช่วงเวลาที่หมดอายุของวงการนี้ ขอยกตัวอย่างเช่นอินอู๋เย่า จึงไม่มีใครรู้ว่าทำไมเขาถึงชอบสูบบุหรี่ อาจเพราะเพื่อคลายเหนื่อย หรืออาจเป็นทำให้เขาลดการใช้งานต้นคออันหนักหน่วง ซึ่งเขาเจ็บต้นคอจริงๆ การฝึกหนัก ต้องนั่งหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลาแปดถึงเก้าชั่วโมงติดกัน ยังต้องกังวลว่าตัวเองจะเล่นได้ไม่ดีในตอนแข่ง ซึ่งเวลาที่กดดันมากๆ ก็มีผลต่อการนอนหลับด้วย จนทำให้ทุกวันนี้เขาสัปหงกตอนกลางวัน เหมือนคนสะลึมสะลือตลอดเวลา
หลายๆ คนบอกว่า นั่นแหละเป็นบุคลิกของท่านเทพทั้งหลาย ดูเรียบเรื่อยเหมือนอยู่เหนือโลก อันที่จริง พวกเขาง่วงมาก หากว่างสักนิดก็อยากจะนอน ต้องปรับสภาพอารมณ์ของตน
ตอนแรกหลินเฟิงคิดว่า พอเขาระเบิดอารมณ์ไป จะต้องโดนด่าแน่ ซึ่งเขาเองก็เตรียมใจไว้แล้ว ด้วยเวลานี้เฟิงอี้โทรมา แต่ไม่รู้ว่าทำไมเสียงจากฝั่งนั้นถึงต่างจากยามปกติ “เจอประธานฉินบ้างไหม?”
“ก็นัดกันวันนี้นี่นา แต่เจ้าแบล็กบอกว่าให้ไปหาวันพรุ่งนี้แทน” ถึงจะบื้อแบ๊ว แต่เขาก็ยังน้ำเสียงออก “จิ้งจอกเฟิง ช่วงนี้มีอะไรปิดบังพวกเราหรือเปล่า?”
เฟิงอี้นั่งบนเก้าอี้ทำงาน เอนหลังพิงพนัก “มีเรื่องหนึ่งที่ก่อนหน้านี้ไม่มั่นใจสักเท่าไร แต่ตอนนี้น่าจะชัวร์แล้ว หลินเฟิง”
“หืม?”
“ถ้าประธานฉินจะไม่เล่นเกมอีกต่อไป พวกนายจะทำยังไง?”
………………………………..
ตอนที่ 1775
“หมายความว่าไง? จิ้งจอกเฟิงล้อเล่นหรือเปล่า? คนอย่างหัวหน้า ต่อให้ถอนตัวจากวงการไปแล้วก็ยังเก่งกว่าพวกเราอีก” หลินเฟิงพูดอย่างร้อนรน
ทั้งนี้เฟิงอี้เข้าใจสมาชิกทีมไดมอนด์ทุกคนในระดับหนึ่ง คนแบ๊วบื้ออย่างหลินเฟิง ยิ่งพูดอย่างใจร้อนแค่ไหน ก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวรู้สึกหวาดหวั่น
เฟิงอี้นวดหัวคิ้ว “มันก็ต้องมีกรณีพิเศษกันบ้างแหละ”
“หรือว่ามือของหัวหน้าใช้การไม่ได้แล้ว?” หลินเฟิงถือโทรศัพท์เดินออกไปสองก้าว “งั้นไม่เป็นไร ขอแค่มีหัวหน้าคอยดูตอนแข่งเป็นพอ อันที่จริงฉันเองก็ไม่เห็นด้วยหรอกที่หัวหน้าจะลงแข่งอีก เพราะคุณหมอเคยบอกว่า สุขภาพมือของเขาไม่เหมาะที่จะเล่นเกมอีกต่อไป ตอนนี้ถือเป็นโอกาสที่ดี”
หลินเฟิงพูดมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ยกมือขยี้ผม เสียงหมองตามไปด้วย “จิ้งจอกเฟิง เกิดอะไรขึ้นกับหัวหน้ากันแน่?”
เฟิงอี้รู้ว่าเขาเตรียมใจไว้แล้ว “สูญเสียความทรงจำ ลืมทุกอย่าง รวมถึงการเล่นเกมกับ…” พูดจบ เฟิงอี้ก็ชะงัก ก่อนจะต่อให้จบ “พวกเรา”
คำว่า‘พวกเรา’ ฟาดหัวเขาอย่างจัง หลินเฟิงตะลึง หางตาเริ่มแดง “เจ้าแบล็กถึงได้พาหัวหน้ากลับมาใช่ไหม”
“ความลับ ฉันยังไม่รู้สถานการณ์ในตอนนี้สักเท่าไร” เฟิงอี้เอียงศีรษะจุดบุหรี่ เอ่ยช้าๆ “แต่โชคดีที่เขาไม่ได้อยู่คนเดียว” เขาพอจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นมาสามปีก่อน หลินเฟิงก็เหมือนพวกเขานั่นแหละ ตอนนั้นฉินมั่วเร่งในสภาพไข้ขึ้นสูงและมีอาการบาดเจ็บที่มือ เร่งมาก็เพื่อเข้าร่วมการแข่งนี่แหละ ทว่าบางอย่างเมื่อพลาดแล้วก็พลาดเลย และสิ่งที่ทำให้ทุกคนไม่อาจลืมคือ เมื่อเปลี่ยนผ้าพันแผลบนไหล่ชายหนุ่ม บาดแผลนั่นต่อให้คนที่ไม่รู้เรื่องได้เห็นก็รู้ว่าเป็นบาดแผลจากปืนแน่นอน
ทุกครั้งที่หายตัวไป ฉินมั่วไปทำอะไรบ้าง พวกเขาไม่รู้ แต่ทุกครั้งที่ชายหนุ่มกลับมา ก็จะมีข่าวประกาศภายในเวลาไม่กี่วันถัดมาว่าคดีไหนบ้างที่ถูกไขได้ คนจีนที่อยู่ต่างประเทศคนไหนบ้างที่ถูกส่งกลับบ้านเกิดเมืองนอนอย่างปลอดภัย
หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง และหลายๆ ครั้ง อาจจะดูเหมือนว่าบังเอิญ ทั้งนี้คนอื่นอาจไม่รู้ แต่เขา อวิ๋นหู และหลินเฟิง ล้วนมาจากครอบครับที่มีเส้นสาย เคยอยู่ในแดนทหาร ซึ่งสิ่งที่พัวพันเหล่านั้น ใช่ว่าจะไม่รู้
เฟิงอี้จะเปิดเผยทั้งหมด “บางหคนเมื่อสูญเสียความทรงจำไปแล้ว จะรับไม่ได้กับการใช้ชีวิตของตนเองในอดีต อันที่จริง ฉันไม่ใช่คนแรกที่รู้ว่าประธานฉินลืมวิธีเล่นเกมไปแล้ว แต่เป็นเจ้าแบล็ก เมื่อกี้เขาส่งเมสเสจหาฉันว่าให้เตรียมใจไว้ในวันพรุ่งนี้ที่จะได้เจอกัน”
“ไม่มีอะไรที่ต้องเตรียมใจเลย” หลินเฟิงลุกขึ้นยืน เอ่ยเสียงจริงจัง “หัวหน้าของทีมไดมอนด์คือฉินมั่วคนเดียวเท่านั้น แม้ว่าเขาจะเล่นเกมไม่ได้อีกต่อไป ก็ยังเป็นเทพในหัวใจพวกเราที่ไม่มีใครมาแทนที่ได้”
เฟิงอี้ถึงกับยิ้มในทันทีทีได้ยิน “งั้นก็เตรียมเจอเขาในวันพรุ่งนี้แล้วกัน แล้วหาโอกาสเหมาะๆ บอกพวกเขาด้วยว่า ก่อนแข่ง พวกนายควรจะต้องเจอหน้ากันจริงๆ จังๆ”
“แล้วเรื่องบนอินเทอร์เน็ต?” หลินเฟิงไอเล็กน้อย
แววตาอีกฝ่ายลุ่มลึก “ฉันจัดการเรื่องประชาสัมพันธ์เอง แล้วจะให้คำตอบที่พวกนายพอใจ”
เฟิงอี้ถือเป็นคนที่ปกป้องคนของตัวเอง แต่ ทุกคนต่างรู้ดี หลังจากที่รู้เรื่องนี้ ไม่มีใครรับได้
หลินเฟิงยังคงครุ่นคิดจนเมื่อเอนตัวนอนลงบนเตียง เจ้าแบล็กเป็นคนแรกที่รู้ ตอนนั้นเด็กนั่นรู้สึกยังไงนะ?
คงทรมานเสียยิ่งกว่าพวกเขา?
………………………………………..
ตอนที่ 1776
ทรมานไหม? ป๋อจิ่วไม่รู้เหมือนกันว่ารู้สึกอย่างไร มองดูเขาหยิบมือถือไปดูแผนที่อย่างไม่ค่อยคล่อง ราวกับเป็นมือใหม่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนที่เดินตำแหน่งเชื่องช้า ถึงขั้นที่ชนกำแพง
นานมากแค่ไหนกันนะที่เธอสาบานว่าจะไม่ยอมให้เขาตกจากแท่นเทพ เพราะเธอยังคงจำถึงร่างในชุดขาวที่ถือดาบยาว สะบัดแขนเสื้อที ต้องมีเลือดติดตัวมาด้วย จนมาถึงในตอนนี้ก็ยังมีคลิปของเขาอยู่ในแพลตฟอร์มใหญ่ๆ ที่ไม่ว่าจะเป็นการเดินตำแหน่งหรือเทคนิคการเล่น ก็เหมือนเป็นหนังสือเรียนเลยทีเดียว คลิปที่แสดงให้เห็นตัวเขาช่ำชองเรื่องแผนที่บนเกมเลเจนด์ เหาะละลอยได้สบายเหมือนสายลม แถมใช้สามพันดาบประหารครั้งแล้วครั้งเล่า ฆ่าได้ถึงห้าชีวิตติดๆ กัน ราวกับเป็นภาพสลักฝังลึก ป๋อจิ่วแค่หลับตาก็นึกถึงภาพออก ดังนั้นตอนที่นักฆ่าหัวเราะเยาะการเดินตำแหน่งของท่านเทพ เธอจึงได้เกิดปฏิกิริยาทันที
คนพวกนั้นไม่มีวันรู้ถึงคุณค่าของเขา เธอไม่ได้ทรมาน แต่เวทนา เจ็บปวดจนอยากจะโอ๋เจ้าหญิงน้อยให้มีความสุข ไม่ว่าจะต้องทำอะไรก็ตาม มันก็แค่ไล่จับคนในเกมไม่ใช่หรือ?
พอเห็นท่านเทพสนใจ เริ่มเล่นตาที่สอง ป๋อจิ่วเล่นต่อไปเรื่อยๆ ก็เข้าใจ ท่านเทพชอบกวนเธอ เช่น เธอกำลังฆ่าบลูอยู่ เขาจะเคลื่อนนิ้วบังคับตัวละครให้ถอยหลัง เท่ากับว่าเธอฆ่าฟรี ทำให้สร้างความแค้นได้ไม่พอ ต้องกลับมาฆ่ามอนสเตอร์ใหม่ แต่เวลาเธอฆ่าคน เขากลับไม่ห้าม แถมยังพูดกลั้วหัวเราะข้างหูเธอ “โหดขนาดนั้นเชียว?”
“ก็พี่มั่วสอนมาดี” ป๋อจิ่วชอบซ่อนในพุ่มหญ้า เพราะได้เรียนรู้จากท่านเทพอย่างเงียบๆ
ท่านเทพเกยคางไว้บนไหล่เธอ จับประเด็นสำคัญเก่ง “ฉันสอนเธอเล่นเกมเหรอ?”
“ส่วนหนึ่งก็ใช่” ป๋อจิ่วพูด ตาสว่างทันที “เอางี้ฉันจะเล่าเรื่องที่พี่ไล่จีบฉันให้ฟัง”
ฉินมั่วเลิกคิ้ว พูดเสียงเรียบเรื่อย “ฉันจีบเธอ?”
“แหงสิ จะให้ฉันไล่จีบพี่ได้ไง ฉันเป็นผู้หญิงนะ” ป๋อจิ่วพูดโดยไม่มองฉินมั่ว คนเจ้าชู้อย่างเธอก็มีพิรุธเหมือนกันนะ ฝ่ายฉินมั่วโฉบเข้ามางับใบหูเธออย่างขำขัน “โชคยังดีที่ป๋าสายเปย์ของฉันยังจำได้ว่าตัวเองเป็นผู้หญิง”
ป๋อจิ่ว “…”
“งั้น ฉันจีบเธอได้ยังไง?” อย่าทำลายความกระตือรือร้นของเหยื่อ โดยเฉพาะเหยื่อที่เลี้ยงไว้ในบ้านยิ่งเป็นเช่นนั้น ฉินมั่วยิ่งรับรู้ถึงอุณหภูมิในกายเธอ เรียวปากบิดโค้งนิดๆ
ป๋อจิ่วหัวเราะเจ้าเล่ห์ “พวกเรารู้จักกันตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก ต่อมาครอบครัวฉันเกิดเรื่องขึ้นจนต้องย้ายไป ตอนนั้นไม่รู้ว่าพี่โกรธฉันหรือเปล่า ขนาดฉันส่งจดหมายให้พี่ พี่ยังไม่ตอบเลย พวกเราถึงได้ขาดการติดต่อกัน รอจนโตขึ้น ฉันอยากจะหาเงินผ่านอินเทอร์เน็ตเลยลงดันเจี้ยนหาเงิน ซึ่งพี่ก็ชอบฉันทันที บอกว่าฉันเล่นเกมเท่ดี จะต้องดึงตัวมาเข้าทีมพี่ให้ได้ พี่มาขอแอดฉันในเกมตั้งหลายครั้ง แต่โดนปฏิเสธหมด พี่ถึงขนาดพาพวกบุกโรงเรียนฉันเลยนะ พี่ก็รู้นี่นาว่าฉันมีมารยาทออกจะตาย พี่อุตส่าห์มาเชิญอย่างจริงใจขนาดนี้ แล้วจะปฏิเสธได้ไง พอคบกันไปคบกันมา พี่ก็ยิ่งหลงรักฉัน มาคิดดูดีๆ พี่มั่ว ตอนที่พี่ดึงฉันเข้าทีม ก็เพราะอยากอยู่ใกล้ประภาคาร จะได้ชมจันทร์ก่อนใช่ไหมล่ะ!”
……………………………