มหาสมุทรเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุด มันไม่อาจหยั่งถึงเลยว่าภายใต้มหาสมุทรอันลึกลับนั้นจะมีอะไรแฝงหรือซ่อนตัวอยู่ใต้ท้องน้ำอันกว้างใหญ่ไพลศาล
หลังจากข้ามมหาสมุทรอันกว้างใหญ่และเดินทางไปยังทิศใต้ เรื่องราวมากมายได้ยินมาว่าเราสามารถเดินทางไปยังดินแดนที่ห่างไกลแสนไกล ว่ากันว่าบุคคลระดับสูงหรือผู้ที่มีชีวิตอมตะในโลกมนุษย์รวมไปถึงจักรพรรดินักรบผู้ทรงอำนาจที่ไร้ผู้เทียบเทียมเท่าได้ที่ปรากฏตัวบนดินแดนอันกว้างใหญ่แห่งนี้
เช่นเดียวกับไข่มุกที่เปล่งประกายร่างกายที่ทรงพลังเต็มเปรี่ยมไปด้วยความสามารถที่จะเหมาะกับที่แห่งนี้ ที่นี่เป็นพื้นที่อันกว้างใหญ่ในประวัติศาสตร์เล่ากล่าวว่ามันใหญ่จบแทบบดบังดวงดาวนับร้อยบนท้องฟ้า
ที่นี่เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยแก่นแท้ทางจิตวิญญาณมากมายพร้อมไปด้วยทรัพยากรมากมายซึ่งแม้แต่มนุษย์ผู้ไร้ความสามารถเองหากมาที่นี่ก็จะสามารถเรียนรู้เทคนิคการต่อสู้เพื่อเสริมสร้างร่างกายของพวกเขาได้ แม้แต่สัตว์ป่าธรรมดาทั่วไปยังได้รับพละกำลังมหาศาลอย่างน่าประหลาดใจ
สำหรับปีศาจและอสูรร้ายพวกเขาเองก็ได้รับพลังมากขึ้นเช่นกัน
ในเมืองเล็กๆ ริมชายฝั่งทะเลชายคนหนึ่งสวมเสื้อแขนกุดเขาได้รับรางวัลจากการเดินทางล่าสัตว์ ศพหมาป่าปีศาจที่มีขนาดตัวใหญ่กว่าคน คนที่เดินเท้าที่นี่ส่วนมากจะเห็นได้ว่าในใือพวกเขาเต็มไปด้วยอาวุธในทั่วทุกมุมถนนนี่ถือเป็นเรื่องปกติ
ใต้ท้องฟ้าสีคราม มหาสมุทรในเวลานี้ดูสงบเงียบผิดปกติ
กล่าวถึงเพียงไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ลมค่อยๆ พัดผ่านแรงขึ้นจนกระโชกไปทั่วมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ แสงสว่างค่อยๆ จางงและมืดลง สายฟ้าปรากฏขึ้นกลางท้องฟ้าเพื่อเป็นสัญญาณบ่งบอกอะไรสักอย่างง
ในท้องฟ้าที่มืดครึมยังมีแสดงสว่างวาบแสดงออกมาในระยะไกล .. นั่นคือแสงของดาบ
“ดู ..”
“นั่นอะไร!?”
นักรบบางคนมองขึ้นไปเหนือฟ้าและชี้ไปทางแสงตัดผ่านที่ดูคลุมเครือ มันเร็วมากจนหายไปในพริบตา ก่อนที่พวกเขาจะมองอีกครั้งและพบว่ามันกลายเป็นเพียงจุดแสงเล็กๆ บนท้องฟ้าเท่านั้น
เวลาเดียวกันดวงตาสีขุ่นคู่หนึ่งในฝูงชนจ้องไปที่แสงอันรวดเร็วด้วยสัมผัสที่ต่างออกไป
“เป็นเวลาหลายปีแล้ว ..”
“มีคนเดินทางออกมาจากดินแดนทะเลทรายร้าง ..”
…
“เฮ้ออ ..” ฟางฉีมองไปที่นกที่กำลังบินอยู่บนท้องฟ้าเขาหายใจเข้าลึก “แม้แต่อากาศยังมีกลิ่นของแก่นจิตวิญญาณปะปน!”
เขารู้สึกราวกับว่าในที่สุดเขาก็เข้ามาในภูเขาที่ห่างไกลหลังจากอยู่ในเมองที่เต็มไปด้วยคุณภาพที่ไม่ดีเป็นเวลานาน อากาศบริสุทธิ์พร้อมกลิ่นหอมของดอกไม้ทำให้จิตใจของเขาสดชื่นขึ้น
ฟางฉีทำการถ่ายทอดสดในเวลาเดียวกัน
“สวัสดีทุกคน! ข้ามาถึงยังปลายทางของการเดินทางครั้งนี้แล้ว!”
หลิวหนิงหยุน, โมเทียนซิงและคนอื่นๆ ในเมืองครึ่งพร้อมด้วยซูเทียนจิ, ซงฉิงเฟิงและคนอื่นๆ จากจิวหัวยังคงกินบะหมี่พลางนั่งบนโซฟาหลังจากกล่าวอำลากับฟางฉีเมื่อชั่วครู่
“ฟู่ว!” พวกเขาแทบจะสำลักบะหมี่ที่เพิ่งกินเข้าไป
หืม!?
พวกเขาเพิ่งกล่าวอำลากันและเขาก็ถึงที่หมายแล้ว!?
ซูเทียนจิรู้สึกโกรธเคือง [เจ้าหลอกใครกัน!?]
หลันยัน [เสี่ยวหยูอยู่ไหน!?]
โมเทียนซิง [หัวหน้าสมาคมอย่าล้อเราเล่นสิ เราไม่ได้โง่นะ]
หนิงไป่เบิกตา [เจ้าอยู่ในดินแดนแก่นจิตวิญญาณแล้วหรือ?]
ฟางฉีกล่าวว่า “แน่สิ ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงของร้าน พวกท่ายังสงสัยในความรวดเร็วของข้าอยู่หรือไม่!?”
[ข้าสงสัย!]
[ที่นั่นดูไม่แตกต่างจากที่ของเรา!]
ในไม่ช้าคนกลุ่มใหญ่ก็เดินเข้าไปมุงดูการถ่ายทอดสด แต่ถึงอย่างงั้นก็ไม่มีใครเชื่อเขา
“บ้าเอ้ย ..” ฟางฉีหงุดหงิด “คือทุกคนมองข้าว่าพูดเรื่องไร้สาระงั้นสิ”
รวนหนิง [งั้นบอกเราว่าที่นั่นคือที่ไหน แล้วเสี่ยวหยูละ? สำนักสวรรค์อยู่ไหน?]
ฟางฉียืนนิ่ง .. ใช่ที่นี่คือที่ไหน? ข้าอยู่ที่ไหน!?
การเคลื่อนย้ายของระบบนั้นสะดวกและรวดเร็วมาก แต่ ..
เขาเองก็ลืมไปว่าเขานั้นถูกโยนไปที่ใด .. เขาไม่มีแผนที่ของสถานที่นี้ แม้ว่าเขาจะมีอยู่แต่ก็ไม่พบตำแหน่งของเขาหากไม่มีจุดสังเกตที่ชัดเจน
ทันใดนั้นข้อความก็เริ่มโห่เขา [เจ้าแกล้งเรา!]
[เป็นไปได้ข้าขอดูสำนักสวรรค์และบ้านของเสี่ยวหยูหน่อยสิ]
ฟางฉีเกาหัวด้วยความอับอาย [รอก่อนข้าจะไปตามหาใครสักคนเพื่อถามหาเส้นทาง]
เขามองไปรอบๆ แต่ .. ไม่เจอใคร
ซูเทียนจิและคนอื่นๆ ดูการถ่ายทอดสดพลางกินอาหารเช้า
ขณะเดียวกันฟางฉีมองเห็นเรือจิตวิญญาณที่เดินทางมาในระยะไกล
“ดูนั่นข้าเจออะไร!”
เรือจิตวิญญาณที่เดินทางมาลำเดียวโดดเดี่ยว .. ทุกคนเงียบ
[เจ้ากำลังจะอวดเทคนิคการควบคุมดาบให้พวกเขาที่ไม่เคยเห็นมาก่อนงั้นสิ]
[โอ้ย!] หลังจากนั้นพวกเขาก็เพิกเฉยต่อฟางฉีและหันกลับมากินบะหมี่ต่อ
“”ข้าแค่อยากจะขอเส้นทาง มันโอ้อวดตรงไหน!? ฟางฉีควบคุมดาบและบินข้ามไป .. เขารู้สึกคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้
เขาเคยทำเช่นนี้มาแล้วหลายครั้งและมักจะหายตัวไปทันทีหลังจากขอเส้นทางเพื่อซ่อนตัวตน
พลังงานดาบพุ่งไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว เขาบินเข้าหาเรือจิตวิญญาณสีน้ำเงินด้วยความเร็วสูง หากมองจากระยะไกลจะพบว่าวิวด้านนอกสวยมากเมฆสีฟ้าสดใส ตัดเข้ากับลวดลายบนเรือที่ถูกสร้างขึ้นอย่างหรูหรา
ความคล่องตัวที่สง่างามของตัวเรือทำให้เรือดูพิเศษแถมนอกจากนี้รอบๆ ตัวเรือยังมีแสงสีฟ้าอ่อนๆ รอบๆ เพียงแวบเดียวแค่มองก็รู้ว่ามันไม่เหมือนกับเรือจิตวิญญาณทั่วไป
“หืม? เรือจิตวิญญาณลำนี้ดูแปลก ..”
“แสงแบบนี้ดูแลปกตา ดูเหมือนว่าจะมีพลังของจิตวิญญาณ”
[มีเรือจิตวิญญาณแบบนี้ในเมืองครึ่งมั้ย?] ซูเทียนจิส่งข้อความอย่างสงสัย
รวนหนิง [เราไม่เคยเห็นเรือจิตวิญญาณแบบนี้ในเมืองครึ่ง เทคนิคการสร้างสิ่งประดิษฐ์ดูก้าวหน้ากว่าของเรามาก นอกจากนี้เรือลำนี้ยังเคลื่อนที่เร็วมาก!]
[ฮ่าๆๆๆ ดูเจ้าของร้านสิ]
ฟางฉียังคงบินตามเรือ เขาบินเข้าใกล้มันมากขึ้น
“เป็นเรื่องตลก ข้าขอกินบะหมี่ก่อนที่เข้าจะขึ้นเรือ”
ฟางฉีเองก็ตะลึงเช่นกัน “ทำไมเรือจิตวิญญาณนี่เคลื่อนที่เร็วขนาดนี้”
เขาจะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ นี่เขากำลังถ่ายทอดสด! เขารีบเร่งความเร็วของดาบทันที
ความเร็วของเทคนิคการควบคุมดาบส่วนใหญ่จะพิจารณาจักความแข็งแกร่งในการฝึกฝนของผู้ใช้ เนื่องความแข็งแกร่งในการฝึกฝนของฟางฉีเพิ่มขึ้นจนถึงระดับนักรบชั้นสูง เขาจึงสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วตามดั่งใจ
เขาเทียบกับเรือด้วยความรวดเร็ว ฟางฉีกล่าวอย่างใจเย็น “มันง่ายราวกับกัดเค้ก”
ผู้ชมเงียบ
“หลังจากที่ข้าถามเส้นทาง ..”
ก่อนที่เขาจะพูดจบเขารู้สึกถึงความอันตรายที่พุ่งเข้ามาหาเขา!
เขาถอยกรูดทันที ขณะเดียวกันเรือจิตวิญญาณเบื่องหน้าเขาแยกตรงกลางออกจากกัน ปัง! เสียงสนั่นราวกับระเบิด
ฟางฉีตัวแข็ง
“เกิดอะไรขึ้น!?” ผู้ชมจ้องหน้าจออย่างตั้งใจ