“มันเป็นใคร!?” ผู้ฝึกฝนในชุดขาวมองยืนประสานมืออยู่บนอากาศ เสื้อผ้าของเขาพลิ้วไหวไปตามลมพร้อมสายตาที่ดูเย็นชา
ด้วยการแสดงออกที่ดูมืดมน หนานกงจิวเหวิ่นค่อยๆ หันหน้าไปทางฟางฉี
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้สังเกตเห็นฟางฉี แต่เขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับผู้สัญจนไปมาที่นี่ ในสายตาของเขาผู้สัญจนคนนี้น่าจะตายไปแล้วหลังจากถูกพลังจากแสงแฟลช
ขณะเดียวกันผู้ฝึกฝนของตระกูลหลี่เองก็หันไปมองที่ฟางฉี
พวกเขาเห็นชายหนุ่มคนหนุ่มสวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินขาวพร้อมลอยสลักแปลกๆ ที่ปรากฏขึ้นบนเสื้อเขาเอามือสอดไว้ในกระเป๋าเสื้อทั้งสองข้าง ปรายตามองชายหนุ่มที่กำลังยืนอยู่บนดาบรูปทรงประหลาดพร้อมอักษรแปลกๆ ที่ปรากฎอยู่บนดาบดูเหมือนตัวเขาจะไร้น้ำหนัก
คนนี้ดูแปลกๆ
แม้ว่าจะมีความแปลกประหลาดแต่ก็ไม่มีใครเชื่อว่าชายหนุ่มคนนี้สามารถขัดหวางลูกบอลกักเก็บพลังงานดาบของหนานกงจิวเหวิ่นได้
“ใครช่วยพวกเรา!?” ผู้อาวุโสชุดขาวที่สูญเสียแขนไปข้างหนึ่งเอ่ยถามเสียงต่ำ ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บปวด
หนานกงจิวเหวิ่นตะโกนขึ้นไปบนฟ้าด้วยเสียงสั่นว่า “ผู้ที่แอบแฝงอยู่ข้าไม่รู้ว่าเจ้ามาจากที่ใด แต่เจ้ากล้าปรากฏตัวมั้ย?”
ข้อความเห็นปรากฏขึ้นหน้าจออีกครั้ง
บเขาตาบอดหรอ? เขามองไม่เห็นคนตรงหน้าหรือไง?]
[ฟางฉีถูกเพิกเฉย – -]
…
ใบหน้าของหนานกงจิวเหวิ่นหดลงเมื่อเขาสัมผัสได้ว่าไม่มีบุคคลใดอื่นตอบกลับ
เมื่อมองไปที่ชายหนุ่มที่แต่งตัวประหลาดแล้ว พบว่ามีดาบบินอยู่ใต้เท้าของเขา หนานกงจิวเหวิ่นก็ถามว่า “เจ้าเป็นอะไร? เจ้ามาจากกองกำลังใด? เจ้ารู้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนที่กล้ายุ่งกับธุรกงการของข้า”
“อะไรหรือ?” ฟางฉีทำหน้าครุ่นคิด “ข้าเป็นหัวหน้าสมาคมเกมแห่งสวรรค์”
ผู้ชมที่ดูการถ่ายทอดสดในเมืองครึ่งพูดไม่ออก
ซงฉิงเฟิง [เจ้าของเจ้าเป็นหัวหน้าสมาคมในเกม คนในโลกแห่งความจริงจะไปรู้จักได้ยัง!?]
[พวกเขาไม่ได้เล่นเกมเซียนกระบี่พิชิตมาร พวกเขาจะรู้จักสามาคมของเจ้าของได้อย่างไร ..]
[บอกพวกเขาสิว่าเจ้าเป็นเจ้าของร้านต้นกำเนิดอินเตอร์เน็ตคาเฟ] หลิวหนิงหยุนเอ่ยเตือน
ในไม่ช้าความเห็นมากมายก็ตอบกลับว่า [ข้าว่าการใช้ชื่อว่าเป็นหัวหน้าสมาคมฟังดูมีพลังมากกว่า ..]
ความคิดเห็นเริ่มถกเถียงกันอย่างดุเดือดว่าฟางฉีควรใช้ชื่อไหนดี
ขณะเดียวกันผู้ฝึกฝนของตระกูลหลี่ได้แปรเปลี่ยนความยุ่งเหยิง “สมาคมอะไร?”
อีกด้านหนึ่งหนานกงจิวเหว่นหัวเราะเมื่อได้ยินชื่อ “มันคืออะไร ฮะๆ”
“ข้าหนานกงจิวเหวิ่นอยู่ในโลกแห่งการฝึกฝนมานาน มีแต่ผู้ฝึกฝนระดับน้อย ไม่มีใครใช้ชื่อแบบนี้ นี่เจ้ากล้าขว้างทางข้า?” เขาหันข้อมือพลางหัวเราะ “แล้วนี่คืออะไร? รับดาบอีกสิบครั้ง ถ้าข้าปล่อยเจ้าไป หลังจากนี้เจ้าจะมีชีวิตยังไงกัน?”
เขาดูเหมือนแมวที่เพิ่งจับหนูได้และต้องการเล่นกับมันอย่างทารุณ
ฟางฉีมองซ้ายขวา .. ผู้ชมที่กำลังดูการถ่ายทอดสดทำหน้าตกตะลึงเล็กน้อย
“ข้าขอโทษทีที่ให้เจ้ามีส่วนเกี่ยวข้องในการต่อสู้ครั้งนี้” หญิงสาวของตระกูลหลี่กล่าวพร้อมถอนหายใจเบาๆ “ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ แต่ชายคนนี้มีพลังมาก สิ่งที่ทำได้คือเจ้าต้องวิ่ง!”
“วิ่ง?” เขาทวนถามระหว่างหันไปมองที่หนานกงจิวเหวิ่น ฟางฉีโบกมือและตอบว่า “หรือว่าเจ้าจะเป็นคนวิ่งแทน?”
“เจ้าจะฆ่าข้า?” เขามองด้วยสายตาดูแคลนและคิดว่ามันตลก “เจ้ารู้มั้ยว่าเจ้ากำลังนำความตายมาสู่ทุกคน คำพูดของเจ้านั้นมันเย่อหยิ่ง”
“อะไร? เขาพูดอะไรกัน!?” ความเห็นระเบิดหน้าจออีกครั้ง
“ทำไมผู้ฝึกฝนพลังที่นั้นถึงได้หยิ่งผยองขนาดนี้? แม้แต่นักบวชทั้งสามยังไม่กล้า!” ผู้ฝึกฝนในจิวหัวรู้สึกงุนงงและสงสัย
ที่ร้านครึ่งเมือง
ปีศาจดำฟาดมือลงกับโต๊ะพลางมองที่หน้า “เจ้าของฆ่าเขาซะ!”
ตังหยวน [ถ้าเจ้ากล้ามาเหยียบที่เมืองครึ่งเมื่อไรละก็ .. หึหึ ข้าจะตัดนิ้วและทรมานจนกว่าพวกมันจะตาย!]
พวกเขาดูเหมือนจะอดทนไม่ไหวแทนฟางฉี ถ้าพวกเขาอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเขาป่านนี้พวกเขาคงยกพวกตีไปแล้ว
“อย่าคิดว่าตัวเองเก่งเพียงเพราะขัดขวางการโจมตีของข้าได้” หนานกงจิวเหวิ่นกล่าว “มันเป็นเพียงการโจมตีแบบเบาๆ โดยทีข้าเองยังไม่ได้ใช้เทคนิคใดเลย”
เขาหัวเราะเยาะ ลูกบอลกักเก็บพลังงานของเขาถูกยืดออกกลายเป็นดาบสีดำอันบางเฉียบ .. มันเรียวยาวคล้ายกับมังกรดำ หายแว้บไปกับตา!
เห็นได้ชัดว่าเทคนิคของลูกบอลกักเก็บพลังดูแปลกและหลากหลายกว่าเมื่อเทียบกับเทคนิคดาบของฟางฉี ลูกบอลสามารถแปรเปลี่ยนพลังงานราวกับเส้นไหมที่นุ่มนวลพร้อมด้วยการเคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วจนไม่สามารถตรวจจับได้ด้วยตาเปล่า
“ตอนนี้ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสของพลังงดาบของข้า!”
ขณะที่เขากล่าวแสงสีดำทีไม่สามารถตรวจจับได้ด้วยตาเปล่าได้ มันพุ่งเข้าหาฟางฉีด้วยความเร็วแสงง
“วิ่ง!” หญิงสาวในชุดผ้าไหมสีขาวตะโกนด้วยความตกใจ
“วิ่ง!? พวกท่านต้องการให้ข้าถ่ายทอดสดระหว่างหลหนีหรือไม่?” เขาพูดพลางเหยียบบนด้วบบ
ขณะที่พลังงานดาบสวว่างขึ้นร่างกายของเขาดูเหมือนจะสั่นเทาด้วยความตื่นเต้นและเสียงดาบยังคงดังกล้องอยู่ในหู ลูกบอลกักเก็บกำลังทำท่าทางเหมือนว่ามันกำลังจะกินพลังงานดาบ ขณะเดียวกันออร่าของฟางฉีก็เปลี่ยนไปในทันตา
ด้วยเสียงหวีดหวิวของดาบที่ดังขึ้นคล้ายกับของมีคมฟาดฟันกัน ดาบพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าและตกลงมาราวกับสายฟ้าจากสวรรค์!
แกร๊ก!
ราวกับเสียงฟ้าร้องมันดึงกึกก้องเป็นวงกว้าง
“เจ้ากำลังมองหาความตาย!” แววตาอันโหดร้ายของหนานกงจิวเหวิ่นปรากฎขึ้น เขาประหลาดใจที่ดาบบินนี้สามารถขวางลูกบอลพลังงานได้ “เจ้าต้องการแข่งขันกับลูกบอลของข้าเรื่องความเร็วงั้นเรอะ?”
พลังงานดาบสีดำสนิทอันพร่ามัวได้หลบดาบบินของฟางฉีและยังคงพุ่งเข้าหาฟางฉีด้วยความเงียบ
ฟางฉียังคงนิ่งสงบสยบทุกสิ่งราวกับว่าเขาไม่เห็นว่ามันกำลังพุ่งมา ในทางกลับกันดาบบินได้พุ่งออกไปด้วยความเร็วจนน่ากลัว มันพุ่งเข้าหาหนานกงจิวเหวิ่น
“เจ้าบ้าไปแล้ว!?”
ฟางฉียังคงนิ่งไร้สีหน้าท่าทาง
การโจมตีของหนานกงจิวเหวินนั้นทะลุหน้าออกของฟางฉี แต่ดาบของฟางฉีนั้นสามารถตัดหนานกงจิวเหวิ่นสามารถตัดเขาออกเป็นสองซีก แต่ .. แล้ว
เสียงตะโกนอันน่ากลัวของหนานกงจิวเหวิ่นดังขึ้น ร่างเขาเอียงโดยไม่รู้ตัว
จากนั้นเลือดพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมแขนที่ลอยเลือดกระเซ็น
“นี่คือ ..”
ผู้ชมที่กำลังดูการถ่ายทอดสดตะลึงพูดไม่ออก
ฟางฉีถอนหายใจเบาๆ “น่าเสียดายที่ข้าไม่มีดาบมังกร แต่เทคนิคดาบนี้ใช้ได้ผลดีทีเดียว เคล็ดลับของเทคนิคดาบนี้อยู่ที่ว่าแม้เจ้าจะกล้าหาญเพียงใเ แต่หากบังคับตัวเองให้ใช้มันโดยที่นิ่งสงบและบ้าบิ่นมากเท่าไรเทคนิคก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น”
ฟางฉีใช้เทคนิคดาบที่วันเจียนยี่สอนให้กับหลินจิงหยูในกระบี่เทพสังหาร
ในร้านทั้งสองเงียบกริบ