ตอนที่ 430: รถคันแรง
“ขับรถ?” เจียงเสี่ยวหยูทําหน้าฉงน “เจ้านายขับรถม้ามาหรอ?” เธอพึมพํา
“ฉันสงสัยเสียจริงว่านี่มันอสูรหรือรถม้าแบบไหนของเขา ” เธอมองขึ้นไปบนฟ้าแล้วพูดขึ้น “มันคงดีไม่เท่าของข้า! รถของข้านั้นเป็นถึงสัตว์หายากในยุคก่อนประวัติศาสตร์มันดีที่สุด ข้าอยากจะอวดเจ้านายของข้าซะหน่อย”
เธอยิ้มอย่างมีเลศนัย ระหว่างนั้นฟางฉีเองก็ได้ขึ้นรถเป็นที่เรียบร้อย “ฝากพวกเจ้าดูร้านให้ข้าด้วยข้าจะไปรับคนสักเดี๋ยวจะรีบกลับมา”
“เอ่อ … หัสหน้าสมาคม” หลี่หลันเหลียวมองไปที่ประตูของสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณที่เรียก ว่ารถมันเปิดออกเป็นคู่ราวกับปีก “ยังไม่มีสิ่งใดที่เล็กและบินได้ภายในเมืองหยวนหยาง เรือของท่านนี้ใช่งานได้มั้ย?” เธอถามด้วยความไม่รู้ประสาว่ามันคืออะไร
ต่างจากที่เมืองครึ่งและจิวหัว ที่นี่หยวนหยางมีการห้ามใช้เวทย์มนต์และการใช้พาหนะกา รบินทั้งหมดดังนั้นการตรวจลาดตระเวนและตรวจตราจึงไม่จําเป็นสําหรับที่นี่สักเท่าไรเพราะที่นี่มีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดกว่าที่อื่นๆ
“ดู! ใครสักคนกําลังเปิดใช้งานเรือจิตวิญญาณในหยวนหยาง” ผู้ฝึกฝนที่เดินผ่านไปมาเห็นเขา กําลังสตาร์ทรถพูดด้วยน้ําเสียงแปลกใจปนรังเกียจในเวลาเดียวกัน
– เสียงล้อบดเข้ากับพื้นถนน เงาสีน้ําเงินพุ่งออกมาพร้อมทิ้งฝุ่นผงไว้ข้างหลัง
“ !!??”
“เมื่อกี้มันคืออะไร?”
“สิ่งประดิษฐ์เช่นนี้มาจากไหน??”
“วันนี้กงชีซุนเชิญอัฉริยะทุกคนไปงานเลี้ยงที่บ้านของเขา นอกจากนี้เขายังชวนไปรอบ ”ชายหนุ่มที่กําลังขี่เสือหัวเราะและพูดขึ้นว่า “ฉันแปลกใจว่าทําไมฉันมีรายชื่อในงานเลี้ยงครั้งนี้” เขาพึมพําพลางเดินทาง
“ยินดีด้วย!” ผู้รักษาความปลอดภัยส่วนตัวของเขาแสดงความยินดีต่อเขา
“ฉันจะใช้โชคเดินทางไปกับเจ้าเสือเก้าแต้มตัวนี้” เขาชี้ไปที่ภูเขาด้วยแววตากังวลเล็กน้อย“เจ้าคิดว่ากงซีซุนจะชอบ ..”
ก่อนจะพูดจบ .. สิ่งประดิษฐ์หน้าตาแปลกๆ สีน้ําเงินก็แว็บผ่านหน้าเซาไปราวกับสายฟ้า“เมื่อกี้มัน อะไร?” พวกเขางงเป็นไก่
แม้แต่เจ้าเก้าแต้มของเขายังกระพริบตาไม่ทัน มันคงงงกับสิ่งที่เห็นไม่น้อยไปกว่าเจ้านาย
“ข้าคิดว่ามันคือเรือจิตวิญญาณ”
“หืม? เรือจิตวิญญาณอะไรวิ่งบนพื้น” นายน้อยคนนั้นโบกมือ “ไปดูกันดีกว่า”
“ท่าน! ท่าน! ท่านช่างมีดวงตาที่เฉียบคม ม้าลายลมตัวนี้เป็นสมบัติอันล้ําค่าชิ้นหนึ่งของร้านข้า มันวิ่งได้รวดเร็วและมั่นคงจนลืมไปได้เลยว่ากําลังเดินทางอยู่บนทางที่ครุคระ”
ชายหนุ่มที่กําลังพาม้าออกมาจากร้าน เขาตบหลังมันเบาๆ และพูดว่า “อืม ไม่เลว ไม่เลย…”
เขาเงยหน้าขึ้นมาเห็นความเร็วราวกับพายุทอร์นาโดสีน้ําเงินแว็บผ่านไป
มันเร็วและมั่นคงมากราวกับลอยไปตามเส้นทาง
ชายหนุ่มชี้นิ้วไปยังสิ่งนั้น “มันจะเป็นแบบนั้นหรอ?”
เจ้าของร้านหน้ามืดทันที
ชายหนุ่มขึ้นหลังม้าทันที “ไป ตามมันไป!”
เขารีบตามไปด้วยความอยากรู้ มันอะไรกัน!?
หน้าคอกสัตว์ (ที่ฝากพาหนะ) ณ โรงแรมไต้หวัง
“ได้โปรด กงซีซุน!”
“นั่นพี่หนานกง พี่ซุน!” เสียงตะโกนเรียกพวกเขา
ผู้ชายที่มีนามว่าหนานกงเป็นคนร่างใหญ่ เขามีหน้าผากกว้างใบหน้าของเขาดูอ่อนโยน
ทันใดนั้นเสียงตะโกนดังขึ้นอีกครั้ง “นั่น เธอไม่ใช่หรอ?”
โลลิที่อยู่ในชุดสีขาวดูเรียบร้อย เธอกําลังเดินออกไปที่ประตูพร้อมกับจูงกวางตัวขาวพาหนะคู่ใจที่หายากมันดูสง่างามเทียบคู่กับเจ้านายของมัน
“เอาละ! นี่ก็นานแล้วที่ข้าไม่ได้ออกมาพร้อมกับเจ้ากระดิ่ง!” โลลิลูบหัวที่นุ่มฟูของกวางคู่ใจ
กวางตัวขาวมีกระดิ่งสีน้ําเงินห้อยอยู่ที่คอ มันส่งเสียงกึกก้องขณะที่เดิน
“เธอคือองค์หญิงของตระกูลเจียงไม่ใช่หรอ?”
“เธอมาที่นี่ได้ยังไง?”
“เธอปฏิเสธคําเชิญของกงซีซุนไม่ใช่หรอ? ข้าละสงสัยว่าเธอจะไปไหน?”
ซุนหยวนยิ้มอย่างสุภาพให้เธอพลางเอ่ยถามสุภาพ “เจ้าจะไปไหนหรือให้ข้าช่วยมั้ย?”
“ไม่ละ! ข้าไม่ต้องการ!” เธอตอบและส่ายหัวพลางลูบหัวเจ้ากระดิ่ง “ไปกันเถอะเจ้ากระดิ่ง”เธอเอ่ย
เวลาเดียวกันเสียงคํารามของเหล่าอสูรทั้งเสือมังกรดังขึ้นในคอกที่พวกมันถูกจัดไว้ ไม่นานนักเมฆดําก็รวมตัวกันบนท้องฟ้าราวกับว่าปีศาจตัวร้ายกําลังจะปรากฏตัวออกมา
เสียงคํารามยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่อสูรยังคงคํารามอย่างต่อเนื่องพวกม้า ได้คุกเข่าลงราวกับว่าพวกมันเจียมตัวแสดงความกลัวออกมา ตอนนี้ในครอกเต็มไปด้วยความโกลาหล!
“หืม? เจ้ากระดิ่งเจ้าเป็นอะไรไป?” กวางขาวของเธอก็แสดงความตื่นตนกด้วยความกลัวดวงตาของมันดูกังวลมันนิ่งและตัวแข็งไปแม้ว่าเธอจะดึงแล้วดึงอีกก็ตาม
ใบหน้าของหนานกงชูวก็เช่นกันสีหน้าของเขาเริ่มเปลี่ยน “ใครมันสร้างปัญญหา!?”
แสงวาบปรากฏขึ้นเขาหายตัวไปจากตรงนั้น เขาเดินออกมาจากคอกสัตว์พร้อมกับม้ายูนิคอร์นสีดําหน้าเกรงขาม เมื่อม้าดําเดินออกมา เจ้ากระดิ่งที่แสดงความกลัวอยู่แล้วยิ่งตัวสั่นไปกว่าเดิม
“เฮ้! เจ้ากระดิ่งเจ้าเป็นอะไรไป” เธอเท้าเอวด้วยความโมโห
เสียงหัวเราะดังขึ้น “ข้าว่ากวางน้อยตัวนี้คงกลัวมากจริงๆ”
ขณะเดียวกันหยกสื่อวารได้แจ้งเตือนขึ้น [เสี่ยวหยูเจ้าอยู่ไหน?]
เข้าอยู่หน้าคอกสัตว์หน้าโรงแรมไต้หวัง]
เธอทําหน้า
หลังจากส่งข้อความด้วยความโมโห เธอจ้องหน้ากวางน้อยของเธอและพูดว่า “ทําไมเจ้าช่างขี้ขลาดเช่นนี้!”
ซุนหยวนถอนหายใจเบาๆ พร้อมส่ายหัว “พาหนะของท่านดูเหมือนว่ามันจะไม่มีอารมณ์ที่จะเดินทางถ้าท่านรีบเอาม้าของข้าไปก่อนก็ได้นะ” ซุนหยวนเอ่ย
“ใครจะอยากเอาม้าเจ้าไป!” เจียงเสี่ยวหยูโกรธ เธอก็แค่อยากพาเจ้ากระดิ่งออกมาเดินเล่นก็เท่านั้น
เวลาเดียวกันเสียงแปลกๆ ดังมากจากระยะไกล ไม่นานนักแสงแฟลชสะท้อนตาสีน้ําเงินก็ปรากฏขึ้น มันโผล่มาด้วยความรวดเร็วและมาหยุดอยู่ตรงหน้าเสี่ยวหยู
“เสี่ยวหยูขึ้นรถ!” ฟางฉีลดกระจก
“เอ้ะ!?” เสี่ยวหยุที่ยืนงงชี้นิ้วไปที่รถ “ไม่นะ นี่มัน ”
“มันคือรถคันแรงโอซิริส มันสุดยอดมากจะขึ้นมั้ย?” ฟางฉีขมวดคิ้ว
“ไป ไป ไป!” เจียงเสี่ยวหยูตะโกนด้วยความตื่นเต้น “แต่เจ้ากระดิ่งน้อยของฉันมัน ขยับไม่ได้เลย” เธอมองไปที่กวางของเธอ
ฟางฉีลงจากรถและเปิดหลังคาออก เขาอุ้มกวางขึ้นเบาะหลังทันที
“ไปกันเถอะ เอ้า! เข้าไปได้แล้ว” เขาสวมแว่นกันแดดก่อนจะออกรถไปพร้อมกับเจียงเสี่ยวหยุดที่กําลังตื่นเต้น
คนอื่นๆ ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ไร้คําพูดใดๆ