ตอนที่ 433 : อันตราย
“เทคนิคการควบคุมดาบนี้ดีมาก!”
“หัวหน้าสมาคมท่านมีวิธีฝึกเทคนิคการควบคุมดาบนี้บ้างมั้ย?” ทั้งสามคนกําลังศึกษเทคนิคการควบคุมดาบของเซียนกระบี่พิชิตมาร 3 ทุกวันด้วยความกระตือรือร้น
หลังจากเหลือบมองไปรอบๆ พวกเขายังไม่ค้นพบสถานที่ที่จะนําพาและทดสอบเทคนิคนี้เลย
พวกเขาทราบดีว่าสิ่งนี้ไม่สามารถทําได้นอกร้าน เนื่องจากที่นี่มีข้อความเยอะมากแม้แต่สิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณก็ยังไม่สามารถใช้บินในเมืองได้
ร้านค้าจิตวิญญาณบางร้านยังต้องขออนุญาตเพื่อทําการทดลองหรือทําการบิน เนื่องจากพื้นที่ที่นี่ถูกควบคุมความปลอดภัยพวกเขาจึงต้องทําการขอใช้พื้นที่ในบางส่วน
แน่นอนว่าไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่าแม้จะขออนุญาตแล้วจะได้รับการอนุญาตหรือไม่
ฟางฉีเกาหัวเล็กน้อยสําหรับลูกค้าจากร้านอื่นๆ พวกเขาเองก็เพิ่งได้ทดลองสอบเทคนิคนี้เช่นกัน ต่างเพียงแต่พวกเขาสามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่หน้าร้านได้และเขาเองยังไม่เคยเจอสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน
“หืม? เทคนิคดาบบินในร้าน?” หลี่หรูหยาค่อยๆ มองการควบคุมดาบที่ลอยขึ้นอย่างช้าๆ
ข้างๆเขาหลี่หลันเหลียวตะโกนด้วยความแปลกใจ “ท่านหัวหน้า! ข้ารู้เทคนิคควบคุมมันแล้ว”
เมื่อเสียงตะโกนเงียบลง ร่างหนึ่งก็ลอยผ่านเขาไป ตึง! ร่างนั้นชนเข้าให้กับประตูกระจก ใช่ โชคดีที่กระจกนั้นมีความหนา แต่…เขาคนนั้น
ถังหยวนที่กําลังสนใจกับรถซุปเปอร์คาร์ด้านนอกถึงกับต้องเหลียวหันกลับไปมองในร้าน เมื่อได้ยินเสียงจากข้างใน เขาเห็นร่างหนึ่งติดอยู่ที่ประตูกระจก
ใช่ หน้ายู่ติดกับกระจก
ฟางฉี
เสี่ยวหยูที่กําลังเพลิดเพลินกับการจิบชานมพร้อมกับกวางคู่หูนั่นถึงกับต้องหยุดชะงักเช่นกัน
ถังหยวนที่ยังคงงวนกับรถหันไปมองร่างนั้นโดยไร้คําพูด เขาหันกลับมาหารถราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เราคงต้องหาที่ฝึกฝนกันที่อื่น” ฟางฉีมองด้วยสายตาเอื้อมเล็กน้อย “อย่าทําร้านเลอะเทอะนะ”
ถึงอย่างนั้น
ฟางฉียังคงไม่วางใจเขาหันไปจ้องที่หลี่หลั่นเหลี่ยวซึ่งยังคงสั่นคลอนจากการกระแทกเมื่อกี้ “เจ้าใช้เทคนิคการควบคุมดาบเรอะ?”
แม้ว่าเธอจะไม่สามารถควบคุมเทคนิคได้สมบูรณ์แบบ แต่ถือว่าเธอเริ่มต้นด้วยดีและเรียนรู้ไว ซึ่งหมายความว่าแน่นอนหากได้รับการฝึกฝนเธอจะต้องเชี่ยวชาญเป็นแน่
เธอเรียนรู้มันได้รวดเร็วมากในเวลาอันสั้น
ในขณะเดียวกันผู้คนมากมายทั้งจิวหัวและเมืองครึ่งผู้คนที่นั้นต่างใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นเวลานานกว่าจะเรียนรู้จนเข้าใจและฝึกฝนจนชํานาญ แม้จะเป็นแค่ดาบเพียงเล่มเดียวแต่สําหรับ พวกเขาแล้วมันช่างยากเหลือเกิน
ถ้าให้ความดีความชอบในการฝึกฝน ฟางฉีขอมอบให้สองคนที่นี่ทั้งหลี่หลันเหลียวและหลี่หวู่หยา ผู้อาวุโสยังคงพยายามที่จะฝึกฝนกับเทคนิคนี้ต่อไปแม้ว่าสําหรับเขาแล้วมันจะใช้เวลานานกว่าคนอื่นๆก็ตาม
ฟางฉีกวักมือเรียกเธอ “เข้ามาในรถ”
“นี่เจ้ายังไม่เลิกสนใจมันอีกเรอะ?” ฟางฉีมองหน้าเค้า ถังหยวนหันกลับไปมองหน้าเขาแล้วรีบเอ่ยถามทันที “พี่ชาย ให้ข้าไปด้วยได้มั้ย?”
ฟางฉีทําหน้าเอื้อมเล็กน้อย
เมื่อเริ่มสังเกตเห็นถึงสีหน้าที่เริ่มเปลี่ยนไปของฟางฉีเขาจึงเปลี่ยนบริบททันที “ข้าได้ยินมาว่าท่านมีปัญหากับตระกูลหนานกงไม่ต้องห่วงข้าจะปกป้องท่านเอง”
จากนั้นเขากระตือรือร้นที่จะขึ้นรถอย่างมากแต่..
ฟางฉี “…”
เขาอยากจะบอกว่าเขาเองนี่แหละได้เป็นปฏิปักษ์ตัวเกร็งกับตระกูลหนานกงไม่เพียงเท่านั้น เขายังได้กําจัดเหล่าสมาชิกในครอบครัวนั้นไปมากกว่าร้อยคน
“ท่านหัวหน้าสมาคมเราจะไปไหนกัน?” หลี่หลันเหลียวนั่งอยู่ตรงที่นั่งผู้โดยสารชมวิวที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วเอ่ยถาม
“เราจะไปนอกเมือง” เนื่องจากเธอเพิ่งเริ่มเรียนรู้เทคนิคการควบคุมดาบจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะต้านความกระหายในการเรียนรู้ เธอสามารถใช้เทคนิคนี้ได้อย่างเต็มที่เมื่ออยู่นอกเมือง
ด้านนอกประตูเมืองทางทิศใต้ของเมืองหยวนหยางมีสี่เหลี่ยมจตุรัสขนาดใหญ่ชื่อว่าทะเลหมอก ที่นั่นไม่มีถนนเชื่อมต่อจากผู้เขา เมืองนี้ไม่ได้สนใจการเดินทางในรูปแบบของการบินเท่าไรนัก
มีที่จอดสําหรับรถต่างๆ เป็นลานกว้างขนาดใหญ่อยู่ใกล้ประตูผู้ฝึกฝนและพาหนะจิตวิญญาณเล็กสามารถจอดได้ สี่เหลี่ยมจตุรัสที่ตั้งอยู่นอกเมืองที่นั้นไม่มีแนวรบใดที่จํากัดการบินได้ฟางฉี หยุดรพของเขาที่ขอบของจตุรัส และข้างๆจตุรัสนั่นคือเหวลึก
แม่น้ําที่ไหลออกจากเมืองได้เชื่อมต่อและไหลผ่านทอดลงมายาวราวกับทางช้างเผือก มองดูแม่น้ําพร้อมด้วยเรือจิตวิญญาณที่บินอยู่บนท้องฟ้ามันสวยราวกับภาพเขียน
ฟางลงจากรถ “เจ้าลองบินที่นี่ดูสิ”
ชั่วพริบตา เสียงกรีดร้องของเธอดังขึ้น มีพลังที่มองไม่เห็นพลักเธอออกจากขอบจตุรัส
หลี่หลันเหลี่ยวกรีดร้อง “อ๊ะ!”
ในไม่ช้าหญิงสาวที่สวมชุดสีน้ําเงินก็พุ่งขึ้นไปบนฟ้าด้วยดาบที่เธอกําลังเหยียบ
“นั่น…อะไร? ดูดาบนั่นสิ”
“อะไรนั่น?”
“รวดเร็วมาก!”
ผู้ฝึกฝนที่ผ่านไปผ่านมาต่างตกตะลึงกับภาพที่เห็น
ถังหยวนรู้สึกประหลาดใจ เขาตะโกนขึ้นด้วยความตื่นเต้น “เธอบินได้ยังไง? เธอบินได้เร็วกว่าปีกลมของตระกูลถังของฉันอีก!”
ท้องฟ้านั้นกว้างใหญ่เหมาะที่จะเป็นสนามฝึกซ้อมสําหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มเรียนรู้เทคนิคการควบคุม ดาบเพราะมันไร้สิ่งกรีดขวางใดๆ แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่รู้วิธีการเลี้ยวก็ตาม เสียงกรีดร้องยังคงดังลั่นอยู่บนท้องฟ้าที่มีก้อนเมฆบดบัง
คนบนดาบเริ่มเรียนรู้ที่จะควบคุมเส้นทางในการบินทีละน้อย เธอเริ่มเข้าใจมันมากขึ้นเริ่มจับทางได้ว่าควรยืนหันหรือทรงตัวยังไง เธอค่อยๆชะลอตัวลงก่อนจะมุ่งหน้าสู่สี่เหลี่ยมจตุรัส หญิงสาวในชุดน้ําเงินยืนอยู่บนดาบด้วยความหมั่นใจผมเธอปลิวไสวไปกับสายลม แสงจากดาบสะท้อนส่องประกายสะท้อนกับดวงตาของเธอ
คนรอบข้างต่างตกตะลึง
ฟางฉีปรบมือ “ยอดเยี่ยม สุดยอด! เจ้าเก่งมากเจ้าสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว”
เธอเรียนรู้ได้รวดเร็วก็จริงแต่ก็ไม่ใช่เล่นๆ เกือบจะตกตายหลายต่อหลายรอบ!
อย่างไรก็ตาม เธอตอบกดลับเขา “ขอบคุณท่านหัวหน้า! ข้าดูเหมือนจะเข้าถึงเทคนิคดาบแล้ว
“อืม น้าเรียนรู้ได้รวดเร็วมาก” ฟางลูบคางตัวเอง ฟางฉีมองเธอด้วยสายตาสงสัย “ดี ข้า คิดว่าเจ้าจะต้องทําได้ดีแน่นอนในการสอบของสํานักสวรรค์ อย่างน้อยก็ไว้ใช้หนีเมื่อมีคนตามล่าเจ้า”
“หนี!?” ถังหยวนเอ่ยทวน “เธอสามารถเอาชนะผู้ฝึกฝนส่วนใหญ่ได้”
“เธอนะหรอ?” ฟางฉีมอง “ข้ารู้สึกว่าดาบของหนานกงค่อนข้างเร็ว เธอยังต้องใช้ความเร็วในการบินอีกเยอะ”
“…” ถังหยวนมองด้วยแววตาประหลาดใจ “ท่านเพิ่งซื้อร้านนี้มาไม่ใช่หรอ? ทําไมท่านดูรู้เรื่องหนานกงเยอะ”
เขาตัวแข็งทันทีเมื่อประมวลผลได้ในหัว “เมื่อสองสามวันก่อนข้าได้ยินว่าตระกูลหนานกงสูญเสียสมาชิกไปกว่าร้อยคน เนื่องจากพวกเขาพยายามที่จะตามล่าครอบครัวเล็กๆ ท่านคือหนึ่งในเป้าหมายของพวกเขาหรือไม่?”
แววตาของเขาจับจ้องอย่างไม่ไว้ใจนัก “เจ้าวางแผนที่จะเข้าร่วมการทดสอบของสํานักสวรรค์ใช่หรือไม่!?”
ฟางฉีตอบ “ใช่เธอจะเข้าร่วมมีปัญหาอะไรหรือไม่?”
“กองกําลังน้อยคนแจ่กล้าท้าทายตระกูลหนานกง พวกเขาไม่ปล่อยให้พวกเจ้าหนีไปได้ แน่นอน พวกเจ้าต้องระวังตัวให้มาก” เขาพูดด้วยน้ําเสียงจริงจัง “แต่พวกเจ้าน่าทึ่งจริงๆ”
เขากล่าวต่อ “อย่างไรก็ตามจระกูลหนานกงมีไพ่ใบสุดท้ายแน่นอนพวกเขาฆ่าคนไปจํานวนมาก”
เขาส่ายหัว “ข้าไม่รู้เลยว่าไพ่ใบสุดท้ายของพวกเขาคืออะไร แต่การสอบครั้งนี้อันตรายและไม่ธรรมดาแน่นอน”