ตอนที่ 435 : เซลฟี่
บนเรื่องจิตวิญญาณลาดตระเวนลอยฟ้าขนาดใหญ่ของสํานักสวรรค์ เต็มไปด้วยเหล่าผู้ฝึกฝนรุ่นเยาว์จากทั่วสารทิศมารวมตัวกันที่นี่เพื่อเข้าร่วมในการสอบเข้าของสํานัก
ใช่ มีนักรบบางคนในหมู่พวกเขา
ในประวัติศาสตร์อันยาวนานของที่นี่ มีปรมาจารย์นักรบชั้นสูงสองสามคนปรากฏตัวขึ้น ที่อของพวกเขาถูกจารึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ ครั้งหนึ่งอัจฉริยะจากตระกูลสูงได้เลือกเปลี่ยนจากผู้ฝึกฝนมาเป็นนักรบและในที่สุดเขาก็ประสบความสําเร็จอย่างมาก พวกเขาล้วนเป็นผลผลิตจากสํานักสวรรค์
นอกจากนักรบคนธรรมดาทั่วไปแล้วข้างๆ เจียงเสี่ยวหยูยังมีเชื้อสายปีศาจบางคนมีรูปร่างเหมือนมนุษย์ทั่วไป ส่วนบางคนมีรูปร่างอาจจะผิดจากเดิมไปบ้างแต่ทุกคนล้วนมีจุดหมายเดียวกันเพื่อแสวงหาดวงดาว
คนทุกประเภทปรากฏตัวขึ้นที่นี่
ที่นี่ สํานักสวรรค์
ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีดํายืนอยู่บนดาดฟ้าต่อหน้าผู้คน ผมของเขามีสีขาวหงอกเขาม้วนมวยผมขึ้นและปักด้วยปืนไม้แกะสลัก การแต่งตัวของเขาไม่ได้จัดว่าเรียบร้อยนักภายนอกดูคล้ายผู้ฝึกฝนลัทธิเต๋
อีกคนหนึ่งเป็นหญิงวัยกลางคนเธอมีผมสีน้ําเงินเข้มคัดกับชุดสีขาวจากรูปร่างลักษณะเธอน่าจะอายุประมาณสี่สิบปีเท่านั้น
“ข้าคิดว่าพวกเจ้าทุกคนคงเข้าใจกฏในการสอบของที่นี้เป็นอย่างดีแล้วแล้ว” ชายวัยกลางคนกล่าว “ถ้าไม่มีข้อสงสัยใดๆ ตอนนี้พวกเจ้าสามารถบินออกจากเรือจิตวิญญาณและเข้าสู่ภูเขาจิตวิญญาณได้แล้ว พวกเจ้าจะต้องไปถึงประตูสํานักภายในวันที่เจ็ด มิฉะนั้นจะถูกตัดสิทธิ์ แม้ว่าจะไปพร้อมสมบัติมากมายแต่หากเกินเวลาที่กําหนดพวกเจ้าจะถือว่าโดนตัดสิทธิ์เช่นกัน”
“มันจะยากอะไรขนาดนั้น!?” เสียงจากใครสักคนเอ่ยขึ้น จากนั้นก็มีคนค่อยๆกระโดดลงจากเรือที่ละคน
แสงแห่งจิตวิญญาณก็พุ่งออกมาจากเรือที่ละลํา มันมุ่งหน้าลงไปด้านล่างภูเขาราวกับกลีบดอกไม้ที่ร่วงโรยลงจากท้องฟ้า
“ลงจอดที่ภูเขาหมอกตรงนั้น”
“เห็นว่าที่นี่มีสมบัติจิตวิญญาณที่ดีมากมาย”
“ศิษย์น้องซวน เราจะไปที่ภูเขาหมอกกันมั้ย?”
ในร้ายของฟางฉี เจ้ากระดิ่งกวางขาวตัวใหญ่แสนรู้มันถูกฝึกมาคล้ายกับคนแถมยังฉลาดมากเป็นพิเศษ มันชงชานมเสร็จแล้วจึงเดินขึ้นไปนั่งพักบนโซฟา ท่าทางของมันคล้ายกวางไร้จุดหมายหลังจากตกงานในฐานะยานพาหนะที่รอผู้ขี่
ทันใดนั้น จู่ๆ เงาก็ปรากฏขึ้นหน้าทางเข้า หรือนี่จะเป็นครั้งแรกที่ได้รับเกียรติจากผู้เล่นใหม่
“เสี่ยวหยูเจ้าอยู่ไหน?” เจียงซวนเดินเข้าไปในร้านตามด้วยกลุ่มคน คนในกลุ่มดูมีท่าทางแข็งแกร่งพวกเขาใส่เกราะป้องกัน ส่วนบางคนนั้นมีหงอกพร้อมขนที่ยาว เจียงซวนมองไปรอบๆ “เจ้าของร้านอยู่ไหน?”
กวางขาวตัวใหญ่ที่กําลังเอนกายอยู่บนโซฟาอย่างสงบนิ่งถึงกับสั่นสะท้านและกลิ้งตกลงมาบนพื้นทันที “ท่าน .. ฝา ฝาบาท! องค์หญิงเสด็จไปสอบ” มันตอบ
“ลุกขึ้น!” เจียงซวนโบกมือ “เจ้าไม่ต้องทําตัวทางการก็ได้ ไม่เป็นไร!”
“เอ่อ . หวัหน้า” หลี่หรูหยาเดินไป “หัวหน้าของเราออกไปแล้ว ท่านสนใจจะเล่นเกมอะไรมั้ย? เรามีเซียนกระบี่เทพพิชิตมาร 3 มันสนุกมาก!”
เขาอีกอักและพูดอีกรอบว่า “อ้อ มันมีประโยชน์ต่อการฝึกฝนอย่างมาก!”
“ข้าเข้าใจแล้ว!” เจียงซวนยืนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะจําได้ว่าผู้เล่นสวนมากที่เขาเคยเจอในเมืองอื่นล้วนแสดงความรู้สึกต่อคาเฟอินเตอร์เน็ตในทํานองนี้
“ข้าเป็นผู้เล่นเก่า ช่วยเอาชานมและบะหมี่กึ่งสําเร็จรูปมาให้หน่อย!” เจียงซวนเอ่ย
หลี่หรูหยาและหลินเอ๋อตัวแข็ง
ผู้เล่นเก่าคืออะไร!?
“เชิ้นหยัน! เซียวหมิง! ไปไปเทชานมมาสองถ้วย!” เมื่อเห็นหน้าอันเหลอหลาของคนรับใช้เธอรู้สึกละอายเล็กน้อย เธอใช้คําพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า
“ใช่!”
เขาเพิ่งเดินทางไปถึงในส่วนที่ไปเหยาตายและกําลังจะดําเนินไปถึงตอนจบ เขานั่งลงและสวมชุดหูฟังวีอาร์ก่อนจะเปิดเรื่องกระบี่เทพสังหารและเริ่มดูอย่างตั้งใจ
“ท่าน ” ใบหน้าของหลี่ว์เลี้ยกระตุกขณะที่เขาเอ่ย “ท่านไม่อยากลองเล่นเกมใหม่อย่างเซียนกระบี่พิชิตมารหรอ?”
“ข้า ข้าอยากลอง!” กวางขาวตัวใหญ่เดินเข้ามาพร้อมกับคริสตัลหนึ่งกํามือในปาก
“คือ .. เพียงพอหรือไม่” มันตะโกนเหมือนเด็กวัยหัดเดินหัดพูด “ถ้าไม่ ไม่พอข้ามีอีก”
ดูเหมือนว่ามันพูดตะกุกตะกักเนื่องจากกําลังหัดพูดภาษามนุษย์อยู่
“…” มันกระดูกชานม แถมยังอยากเล่นเกม?
พนักงานสองคนมองหน้ากันอย่างสงสัยว่า นี่มันปีศาจชนิดใดอยู่ในร้านขณะที่เจ้าของร้านไม่อยู่กันเนี่ย!?
ในฐานะสมาชิกในครอบครัวเล็กๆ พวกเขาตกใจกับพัฒนาการที่แปลกประหลาดของเจ้ากวางอย่างมาก
“โอ้ๆๆๆ นี่มันสนุกมาก มันมีประโยชน์สําหรับการแปลงร่างเพื่อเป็นมนุษย์ของข้า!” เนื่องจากเจ้าหญิงไม่ต้องการขี่ข้าแล้ว เจ้ากวางจึงตัดสินใจใช้โอกาสนี้เล่นเกมเพื่อหาทางแปลงร่าง
พนักงานในร้านทั้งสองรู้สึกอยากจะร้องไห้ คําถามเกิดขึ้นเต็มหัวว่านี้มันอะไรกัน!?
หัวหน้า! ได้โปรดกลับมาสักทีเถอะ เราควรปล่อยให้เจ้าสิ่งนี้เล่นได้ไหม?
อย่างไรก็ตามเวลานี้ อีกฝั่งหนึ่ง .. ฟางฉีกําลังยุ่งมาก
ผู้ฝึกฝนจากจิวหัวและเมืองครึ่งเองก็แอบตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นข้อความในกลุ่มพูดคุย “เห้ย!นี่มันที่ไหนกัน”
ภาพถ่ายถูกโฟสต์ลงในกลุ่มแสดงให้เห็นถึงปาทึบแต่ดูมีพลังทั้งจิตวิญญาณและสาระต่างๆมากมายเห็นได้ชัดว่านอกจากคนถ่ายแล้วยังมีสาวสวยในชุดน้ําเงินยืนอยู่ข้างๆ เธออีกด้วย
“ดูนั้นล่างขวา! มันคือดอกไม้เจ็ดใบ”
“นั้นซ้าย! นั้นคือห้าแสงจันทร์อายุราวพันปี!”
“ตึง! อึ้ง! อึ้ง!” เจียงเสี่ยวหยูทําหน้าเป้เล็กน้อย เธอขี้เกียจดึงหน้าแจ้งเตือนของคิวคิวจากหยกสื่อสารขึ้นมา หยกสื่อสารของเธอเป็นรุ่นใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยกลุ่มเตรู่เว้ย แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะยังทําการพัฒนาไม่ได้ไกลมากนักแต่มันถือว่ามาไกลกว่าเดิมอย่างมากมันสามารถถ่ายโอนข้อมูลได้รวดเร็วเพียงใช้สาระทางจิวิญญาณ
ด้วยวิธีนี้ ผู้ใช้ส่วนมากจําเป็นต้องเชื่อมต่อกับโปรแกรมคิวคิวเพื่อรับรู้และเข้าถึงตลอดเวลาแน่นอนว่าผู้ฝึกฝนใช้เวลาอย่างคุ้มค่าและเนิ่นนานในการพัฒนาโปรแกรมให้คล้ายคลึงกับสมาร์ทโฟนของจริง
เธอถ่ายรูปตัวเองด้วยหยกสื่อสารและส่งลงกลุ่มด้วยข้อความตามหลังว่า [ตอนนี้ข้าอยู่บนภูเขาเมฆหมอกนอกสํานักสวรรค์!]
ในไม่ช้ารูปของเจียงเสี่ยวหยูผู้น่ารักก็ปรากฏขึ้นในกลุ่มพูดคุย
“พี่หลันเหลี่ยวข้าถ่ายรูปแล้วสางไปในกลุ่มแล้วนะ”
หลันเหลียวตกใจเล็กน้อย ไหนเจ้าบอกว่าจะพาข้าไปสู่ชัยชนะ ไหงเจ้ามัวแต่เล่นกับหยกกันละ!? แล้วงี้หากผู้อาวุโสของสํานักรู้เข้าเขาจะโกรธมากแน่ๆ เขาห้ามเล่นหยกสื่อสารระหว่างการสอบ
กวางขาวตัวใหญ่ยังคงวุ่นกับการเล่นเกมอยู่
มันไม่มีความรู้เกี่ยวกับเกมสักนิดแต่มันกลับเล่นสุ่มสี่สุ่มห้าที่เล่นออนไลน์แบบเล่นคนเดียว
บนหน้าจอปรากฏแม่มดสาวขึ้นเธอสวมชุดผ้าฝ้ายยืนอยู่ในนั่นพร้อมกับดาบไม้เล็กๆ ในมือเธอ
นักรบหลายคนปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ เสียงดังแข็งฟังดูก้าวร้าวมาจากนักรบเมืองจิวหัว “พวกนายมาทําอะไรที่หมู่บ้านนี้!?”
“เรากําลังสอนเด็กผู้หญิงเล่นเกม เจ้ารู้อะไรมั้ย? เด็กคนนี้น่ารักมาก เธอพูดเหมือนเด็กเพิ่งหัดเธอน่ารักกว่าน้องสาวของข้าเสียอีก!”
“ไหนๆ อะไร? มีเด็กสาวในเกมด้วยหรอ?” นักรบพูดแซวเจ้ากวางที่เลือกตัวอวาต้าเป็นเด็กผู้หญิง น้ําเสียงของเขาดูตื่นเต้นเมื่อได้เจอ
“ฮ่าๆๆๆ พวกท่านช่างยอดเยี่ยม” แม่มดสาวที่หลังจอคือเจ้ากวางยักษ์ออกเสียงอย่างพอใจ