ตอนที่ 438 : ต้องตายในไม่ช้า ..
ฟางฉีมองขึ้นไปบนท้องฟ้าเห็นร่างๆ หนึ่งกําลังแผ่กระจายพลังมืดดูน่ากลัว มันมีรูปร่างครึ่งคนครึ่งมนุษย์ เขาคิดในใจว่าแล้ววิธีไหนกันที่จะทําให้เขาดูน่าตกใจและมีอํานาจเหนือกว่า?
สมาชิกในตระกูลหนานกงโดยส่วนมากเป็นเพียงแค่ผู้ฝึกฝน แต่สิ่งที่เขาเห็นข้างหน้านั้นแตกต่างออกไป เหมือนมันถูกสร้างมาเพื่อออกล่าและต่อสู้เท่านั้น!
การโจมตีแต่ละครั้งของดาบ หากเกิดการบาดเจ็บหรือตายจะส่งผลให้พลังจิตวิญญาณกระจายตัวยิ่งพลังนรุนแรงมากเท่าไรการกระจายตัวยิ่งตีแผ่ออกไปไกลมากเท่านั้น การแตกสลายของร่างกายส่งผลให้เลือดนั้นเกิดกลิ่นคลุ้งเหม็นชวนสะอิดสะเอียนไปหมด
ครอบครัวหนานกงนั้นขึ้นชื่อในเรื่องของดาบ มันคือดาบประจําครอบครัวมีพลังคล้ายกับดาบอมตะด้วยชื่อเสียงของตระกูลที่มีมาอย่างนาวนานนับพันปีจึงทําให้ชื่อเสียงของดาบเป็นที่เลื่องชื่อลือนาม
นอกจากชื่อเสียงอันกระฉ่อนแล้วจํานวนคนในครอบครัวรวมไปถึงเหล่าศิษย์ในวังยังมีมากจนสามารถเรียกได้ว่าเป็นกองทัพหรือกองกําลัง ซึ่งผู้ที่ฝึกฝนจนชํานาญจะถูกคัดเลือกให้เข้าร่วมกองกําลังเพื่อเป็นแนวหน้าในการต่อสู้ การคัดเลือกนั้นคัดจากความสามารถการเรียนรู้รวมไปถึงอารมณ์ร่วมในการทําสงคราม ซึ่งพวกเขาส่วนมากมักเป็นพวกไร้อารมณ์และบ้าการสู้รบ
เป็นเวลานานแล้วที่ไม่มีใครกล้าต่อกรกับตระกูลหนานกงและไม่มีใครได้เห็นอาวุธสงครามที่แท้จริง เพราะอาวุธนั้นสร้างความเสียหายอย่างมาก ในประวัติศาสตร์ของเมืองเขียนไว้ว่าอาวุธ สงครามเหล่านี้ถูกทิ้งไว้ในดินแดนรกร้าง เนื่องจากความโลภของคนก่อให้เกิดปัญหาแกร่งแย่งอํานาจ ถึงกระนั่นของวิเศษอย่างอาวุธแม้จะถูกทิ้งไว้นานแค่ไหนก็ยังคงสภาพเดิมอยู่ดี
พลังดาบอันทรงพลังสีแดงดําที่ถูกดูดกลืนพลัง สร้างความตกใจส่งผลให้ผู้คนได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนมาจากหมอกควัน
ภูเขาทั้งสูงแตกออกเป็นสองข้าง พื้นผิวของมันกระจัดกระจายแตกออกเป็นหินยักษ์ ถ้าไม่ใช่เพราะเกราะป้องกันของเมืองหยวนหยาง ปานนี้เมืองคงแหลกสลายไปแล้ว ดีที่เกราะป้องกันทํางานจึงส่งผลให้เกราะและภูเขาเป็นแหล่งรับพลังดาบที่พุ่งชน
แสงสว่างจิตวิญญาณปรากฏขึ้นนอกเมืองหยวนหยาง เห็นได้ชัดว่าที่นี่มีระบบป้องกันอย่างดีเยี่ยมเมืองถูกโจมตี
เหล่าทหารที่กําลังทําหน้าที่เฝ้ายาวถึงกับสะดุ้ง เขาหลีกทางให้ชายวัยกลางคนที่ดูทรงพลัง “ท่านผู้บังคับบัญชา!” ทหารเอ่ยทักพลางก้มหัว
ชายวัยกลางคนพยักหน้าเล็กน้อยเขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก
“ครั้งสุดท้ายก็คงเมื่อสองร้อยปีที่แล้วละมั้งที่ตระกูลหนานกงส่งพลังงานดาบออกไป” ผู้ฝึกฝนวัยกลางคนเอ่ยขึ้นเขายืนอยู่ข้างผู้บังคับบัญชาท่าทางของชายคนนี้ดูเหมือนนักปราชญ์
“อืม.. นานมาแล้วสินะ”
“ผู้บังคับบัญชาซง ท่านคิดว่าชายหนุ่มคนนี้จะสามารถป้องกันการโจมตีได้กี่ครั้งกัน?” ผู้ฝึกฝนวัยกลางคนถาม
ผู้บังคับบัญชายืนนิ่ง พร้อมใบหน้าที่คิดไม่ตก
“ห้า?” เขาถามเองตอบเอง
“ข้าว่าประมาณสิบ” ผู้บังคับบัญชาตอบ “ดูจากหน้าตาของเขาแล้ว เขาอาจจะแพ้ในไม่ช้า”
“น่าเสียดาย ทําไมชายคนนี้ถึงได้มีความสามารถถึงขั้นทําให้ตระกูลหนานกงสะเทือนได้”
ทันทีที่เขาพูดจบ เสียงในกําแพงก็ดังขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น?”
“เจ้าเด็กคนนี้บ้าไปแล้ว”
“ข้าคิดว่าเขาอาจจะรอที่จะถูกฆ่าอยู่!”
ท้องฟ้าที่เคยสดใสในตอนนี้กลับเริ่มมืดมน ชายหนุ่มที่กําลังเหยียบดาบบินในตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะถูกบังคับให้เข้ามุมโดยการต้อนของพลังดาบ แม้ว่าดาบที่เขาเหยียบจะมีความเร็วสูง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็จําต้องหลีกหนีการโจมตีอันทรงพลัง
อย่างไรก็ตามผู้คนกําลังจับตามองการต่อสู้ครั้งนี้อย่างใจจดใจจ่อ จู่ๆ สิ่งที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น!
ฟางฉีที่อยู่บนดาบหยิบบุหรี่จากกระเป๋าออกมาจุดสูบ …. ปลายบุหรี่สว่างขึ้นภายใจท้องฟ้าอันมืดมน .. ใช่ พลังงานดาบยังคงโจมตีเขาอย่างต่อเนื่อง!
แกร๊ก!
ตู้ม!
พลังงานดาบพุ่งชนภูเขา … รอยราวค่อยๆ ปรากฏขึ้นและแตกออกในที่สุด
ความเงียบบังเกิด
ม่านหมอกจากฝุ่นควันปรากฏขึ้น ฟู่ว! ฟางฉีพ่นควันของจากปาก
มือซ้ายของเขาเผยออกให้เห็นถึงแสงจิตวิญญาณที่หดตัวอยู่ในมือมันมีลักษณะคล้ายลูกบอลโลหะ มันเปล่งแสงอันเจิดจ้าและแพรวพราวราวกับตัวอาทิตย์ขนาดย่อม
“มันคือ ?”
“เขาปิดกั้นการโจมตีหรอ?”
ผู้ฝึกฝนทุกคนที่กําลังสังเกตการถึงกับอ้าปากค้าง
“นั่นมันสมบัติจิตวิญญาณประเภทไหนกัน!?”
“เขาใช้สิ่งนั้นป้องกันการโจมตีของพลังดาบหรอ? ทําไมเขาดูไม่เป็นอะไรเลย”
“สมบัตินั่นล้ำค่า! มันต้องเป็นสมบัติล้ำค่าในระดับทองแน่นอน”
กงล้อสีทอง!
มันเป็นหนึ่งในขุมทรัพย์ทางจิตวิญญาณชั้นสูงสุดของกลุ่มคุรหลุนในหนังเรื่อง “ภูเขาในหนังเรื่องนี้แม้แต่ปีศาจผู้โหดร้ายอย่างหยูกวนเองก็ไม่สามารถทําลายหรือดูดซับพลังงานได้
ติ่ง! ต่าง! เสียงของดาบสองเล่มกระทบกันดังกังวาล ดาบเจาะเข้าไปในสมบัติจิตวิญญาณ
น่าแปลก! ชายหนุ่มคนนั้นไม่บุบสลายร่างกายของเขาไม่มีรอยเลยสักนิด!
“กงล้อทองหรอ?”
ผู้ฝึกฝนหลายคนที่กําลังจับตามองรู้สึกอิจฉาอยากจะฉกมันมาจากมือเขา ทําไมไม่เห็นรู้มาก่อนเลยว่ามีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ในโลก!?
ขณะเดียวกันผู้บังคับบัญชาชงกับนักปราชญ์ข้างๆ พูดคุยกันอย่างออกรส
“ข้าไม่แปลกใจเลยที่เขากล้าจะต่อกรกับตระกูลหนานกง!”
นักปราชญ์หนุ่มส่ายหัวขณะมองดูเหตุการณ์อันดุเดือด พลังงานดาบกําลังเจาะเข้าสู่กงล้อทองอย่างไม่รู้จักเหนื่อย “สมบัติทางจิตวิญญาณนี้ทรงพลังจริงๆ แต่เมื่อแก่นแท้จิตวิญญาณหมดลงพลังงานเกราะแตกเขาจะต้องตายแน่นอน”
ผู้บังคับบัญชาพยักหน้ารับฟังเหตุผล “พลังดาบโจมตีอย่างต่อเนื่อง แต่ถึงอย่างนั้นจะมีใครยอมตายหรอข้าว่าอย่างน้อยเขาก็ต้องสู้ให้ถึงที่สุด”
“ชายหนุ่มคนนี้จะต้องตายในไม่ช้า!”
ขณะที่พวกเขากําลังพูดคุยกัน ผู้ฝึกฝนและเหล่าทหารหลายคนกระตือรือร้นที่จะเดินออกไปแถวขอบสนามการต่อสู้ด้วยความกระหายหวังจะให้สมบัติทางจิตวิญญาณตกลงมา
แต่ก่อนที่ผู้บังคับบัญชาจะพูดจบ สมบัติทางจิตวิญญาณรูปพระจันทร์เสี้ยวสีเทสก็ปรากฏขึ้นในมือของฟางฉี
มือข้างหนึ่งเต็มไปด้วยกงล้อทองที่ลุกโชนไปด้วยไฟ ส่วนอีกครั้งหนึ่งฟางได้สร้างคาถาดาบควบคุมวงล้อพระจันทร์ให้หมุนรอบตัว
เขายังคงยืนนิ่งเมื่อถูกพลังดาบโจมตี
แม้ว่าเสียงกระแทกของดาบจะดังชัดแจ๋ว แต่นั่นก็ไม่ได้ส่งผลกระทบใดต่อฟางฉี แถมตอนนี้พลังของพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวได้แยกตัวออกอีกวง
ทุกคนยืนงง ผู้ฝึกฝนที่รอคอยพลังงานตกลงมาจําต้องถอยหลังกลับโดยไม่รู้ตัว!
การต่อสู้ยังไม่จบ มันเพิ่งเริ่มต้นขึ้นด้วยซ้ำ ในสายตาของทุกคนในตอนนี้ควันสีดําจํานวนมากพุ่งออกมาจากร่างของครึ่งปีศาจที่แตกหัก .. มันรวมตัวเข้าต่อกันอีกครั้ง
“ข้าจําได้แล้ว!” ผู้ฝึกฝนคนหนึ่งในกลุ่มตะโกนด้วยความตกใจ “เมื่อประมาณสองร้อยปีก่อย! ดาบของตระกูลหนานกงได้ทําลายอาณาเขตจิตวิญญาณของหุบเขา แม้ว่าผู้คนที่เข้าร่วมการต่อสู้จะถูกตัดหัวแต่พลังงานดาบไม่เคยบุบสลายและหายไป!”
“ข้าคิดมาตลอดเลยว่าข่าวลือนั้นเป็นเรื่องล้อเล่น .. แต่ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่ามันเป็นเรื่องจริง!”
บุหรี่ที่เขาสูบยังคงไม่ถึงครึ่งม้วน ฟางฉีปลายตามองด้วยความประหลาดใจ พลังงานดาบและเจ้าครึ่งปีศาจนั้นกําลังรักษาตัวเอง “พวกมันยังมีชีวิต?” เขาพึมพํา
สีหน้าของผู้บังคับบัญชาเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ดูเหมือนว่าเราจะประเมินเหตุการณ์ครั้งนี้ต่ำเกินไป!”