ตอนที่ 449 : พรุ่งนี้พาข้าไปที่
ตอนนี้วังดาบที่เคยหยิ่งผยองกลับกลายเป็นเงียบงันแตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
หลังจากที่หนานกงชูวไม่ประสบความสําเร็จในการสอบแถมยังถูกตัดสิทธิ์จากการสอบนอกจากนี้ผีทาสดาบที่เคยส่งไปก็สลายหายไปนอกเมือง ทุกอย่างถูกทําลาย
ไม่มีแม้แต่เสียงกระซิบจากพวกเขาดูเหมือนว่าในที่สุดพวกเขาจําต้องยอมแพ้
ขณะเดียวกันฟางฉีค่อนข้างสบายใจหลังจากเรื่องราวร้ายๆ ได้ผ่านพ้นไปเขาใช้เวลาไปกับการฝึกเทคนิคดาบจนเหนื่อยถึงเวลานั่งพักบนโซฟาตัวนุ่มจิบชานมพลางอ่านนิยายเรื่องเดโบสอง
ช่วงเช้าของวันนี้เริ่มยุ่งพอสมควร
ร้านที่เคยอยู่ใจกลางพายุสงบลง ไม่มีใครกล้าวนเวียนหรือยุ่งกับร้านนี้เพราะแม้แต่คนจากวังดาบยังไม่สามารถทําอะไรพวกเขาได้แม้ว่าจะมีภูมิหลังที่แข็งแกร่งแค่ไหนก็เอามาเทียบกับปัจจุบันไม่ได้ทุกคนที่เข้ามาในร้านปฏิบัติตามกฏของร้านไม่มีใครสร้างปัญหา
เวลานี้ปกติแล้วร้านข้างๆ จะมีเสมียนที่คอยปรามไม่ให้คนเข้าร้านฟางฉีตอนนี้เขาได้หายตัวไปอย่างลึกลับ
ฟางใช้เวลานานพอควรเพื่อฝึกให้ชินกับการพัฒนาในรูปแบบใหม่เขาคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมเก่ามากกว่า
ที่นี่นั้นห่างไกลจากดาจินอยู่มาก ชื่อเสียงคือเรื่องของตระกูลบางตระกูลดังใหญ่ไพศาลไปทั่วเช่นเดียวกับสํานักสวรรค์ถือเป็นหนึ่งในสํานักที่จัดอันดับและมีเหล่าอัจฉริยะมากฝีมือ
แน่นอนว่านานมาแล้วผู้บังคับบัญชาซงวูเองก็เคยเป็นศิษย์ของสํานักสวรรค์เช่นกัน
ดวงอาทิตย์ส่องแสงขึ้นทางทิศตะวันออกเสียงเจื้อยแจ้วของเหล่าสาวกที่กําลังถยอยเดินเข้ามาข้างสระบัวไกลออกไปชายชราผมขาวกําลังจดจ่ออยู่กับการปรุงชาในกาน้ําชาเคลือบสีแดงเข้มขนาดเล็ก
เขาดูมีความสุขกับชีวิตการใช้ชีวิตธรรมดาๆเขาเป็นปรมาจารย์ผู้เก่าแก่ของสํานักสวรรค์ผ่านการสอนเด็กจากตระกูลโบราณมานับรุ่นไม่ถ้วน
ข้างหลังเขาคือชายหนุ่มนักปราชญ์ในชุดขาวส่วนข้างๆคือนักรบเต๋ชุดดําที่คอยเฝ้าติดตามการสอบ
เขาดูนิ่งสงบไม่ปริปากแม้จะยืนเป็นเวลานาน
ชายชราพยักหน้า “ข้าชอบการมีอยู่ของเจ้าข้ามีสาวกหลายคนข้าสอนเทคนิคไปก็มากมายแต่รู้มั้ยข้าไม่เคยสอนบทเรียนของสํานักสวรรค์ให้ใครเลย เจ้ารู้มั้ยทําไม?”
ชายหนุ่มคนนี้คือหวังซีเขาสามารถเอาชนะซุนหยวนได้แถมยังได้ตําแหน่งอันดับหนึ่งไปครอบครอง
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า“ข้าได้ยินมาว่าความลับของสํานักสวรรค์ไม่เคยรั่วไหลคัมภีร์เล่มนี้เป็นความลับเช่นนี้จะสามารถเรียนรู้ได้หรือ?”
ชายชรากล่าวอย่างอ่อนโยน “ไม่ใช่เชิงความลับของสํานักสวรรค์ก็ไม่ได้จะคาดเดายากไม่งั้นผู้คนส่วนมากจะรู้จักสํานักสวรรค์ของข้ารี”
“แล้วทําไมละ?” หวังชีถามด้วยความสงสัย
“ข้าไม่รู้ว่าคัมภีร์ลับนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อไรสิ่งเดียวที่จําได้คือตั้งแต่เกิดมาคําทํานายไม่เคยพลาดเลยและข้าเองก็กลัวว่าจะเปลี่ยนชะตากรรมของผู้คนมากมาย” ชายชราตอบ
“คัมภีร์เล่มนี้ทรงพลังมาก?”
ชายชราพยักหน้า “ข้าไม่ได้ต้องการนําเทคนิคนี้ติดตัวไปในโลกพิภพข้ามองว่าเจ้าอาจจะเหมาะกับการฝึกเทคนิคนี้มาข้าจะสาธิตให้เจ้าดู”
“นี่เป็นโทเค็นสามเหลี่ยมซึ่งจําเป็นต่อการฝึกฝนหยินหยางเมื่อเชื่อมโยงกันและกันนั่นหมายถึงสวรรค์และโลกรวมเข้าด้วยกัน”
ชายชรากล่าวต่อ “หากเจ้ามีคําถามใดๆเจ้าสามารถถามข้าได้”
“เป็นโอกาสหายากที่ท่านอาจารย์ยินดีที่จะตอบคําถามท่าน”นักรบเต๋ชุดดําที่ยืนอยู่ข้าง หลังหวังซีกล่าวด้วยความตื่นเต้น“ท่านควรจะคว้าโอกาสนี้ไว้ท่านทํานายได้แม่นยําและไม่เคยพลาดเลยสักครั้ง”
“จริงหรอ?” หวังซีชะงัก
“ช่วงนี้ ข้าสงสัยอะไรบางอย่าง” เนื่องจากไม่ได้มีสมบัติให้ต้องตามล่าหวังซีจึงพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง “เมื่อสองสามวันก่อนทาสดาบของวังดาบถูกฆ่า และหัวหน้าตระกูลกงก็ถูกกําจัดออกไปเรื่องที่กําลังเป็นที่พูดถึงในตอนนี้คือเซียนกระบี่พิชิตมารสามของร้านต้นกําเนิดอินเตอร์คาเฟข้าไม่รู้ว่ามันคืออะไรท่านอาจารย์ช่วยหาคําตอบได้มั้ย?”
“เดี๋ยวไม่คิดว่าเจ้าจะถามอะไรแบบนี้” นักรบเจ้หัวเราะ “ข้าแปลกใจที่เจ้าสนใจสิ่งเล็กน้อย มันจะเป็นการสิ้นเปลืองความพยายามของท่านอาจารย์ ”
“ฟูว!” ก่อนที่เขาจะพูดจบชายชราสําลักกระอักเลือดออกมา
โทเค็นสามเหลี่ยมข้างหน้าเขาแตกสลายต่อหน้าต่อตา โต๊ะกาน้ําชา พื้นดินและแม้แต่พื้นที่โดยรอบเริ่มสั่นสะท้าน
“ไป .. พาข้าออกไปจากที่นี่!”
ปากของหวังซีที่เปิดกว้างเขากําลังจะตะโกน
ตุ้ม!
เสียงสั่นสะเทือนของพื้นดิน ดูเหมือนว่าที่ที่พวกเขายืนในตอนนี้กําลังจะแตกแยก
พวกเขาทั้งหมดพูดไม่ออก
“ต้นกําเนิดอินเตอร์เน็ต?” กูถึงหยุนเอ่ยหลังจากฟื้นขึ้น
“ใช่” ใบหน้าของเขากระตุกหวังซีไม่สามารถใจเย็นได้อีกต่อไปแม้เขาจะไม่รู้ว่ามันเป็นยังไงแต่เขารู้ว่าก่อนหน้านี้มันน่ากลัวมาก
นักรบเต๋ชุดดําเงียบ
เซียนกระบี่พิชิตมารคืออะไรกันแน่” ชายชราเอ่ยด้วยสีหน้ามืดมนนี้
หวังชี้ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาควรทําอย่างไร “เอ่อ ข้าไม่แน่ใจเสี่ยวหยูและคนอื่นๆ มักจะพูดถึงเรื่อง ข้าได้ยินชื่อชงหลิว,จิงเทียนและซูฉิงฉาง พวกเขาชวนข้าไปเล่น”
“ฟูว!” เขาพ่นเลือดออกมา
“วันนี้ข้าจะพักผ่อน” ชายชราเอ่ย “พรุ่งนี้พาข้าไปที่นั่นที”