ตอนที่ 453 : ตอบโต้ด้วยความเงียบ
ซวนเจียนและหลงกุยถูกจับตัวไปโดยชงหลิวนี่จึงเป็นสาเหตุของการต่อสู้ การต่อสู้ครั้งนี้เป็นช่วงเวลาอันหนักหน่วงคล้ายเวอร์ชั่นดั้งเดิมของเกม
เนื่องจากช่วงเวลาที่จํากัดและตามเนื้อเรื่องที่สมบูรณ์แบบผู้เล่นจึงได้รับอนุญาตให้ใช้วิธีการช่วยเล่นในทุกรูปแบบ
หากผู้เล่นต้องการต่อสู้กับชงหลิวโดยไร้การช่วยเหลือ พวกเขาเองสามารถเดินไปตามเส้นทางอื่นเพื่อได้รับจุดจบแบบอื่น หลังจากที่ซวนเจียนเสียสละตัวเองจิงเทียนผู้โศกเศร้าจึงหมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝนจนเทคนิคดาบของเขาฟื้นตัวในที่สุดเขาก็มีพลังมากพอที่จะต่อกรกับชงหลิว
“ไม่มีใครชื่นชมกับการแสดงออกที่ยอดเยี่ยมของข้าหน่อยหรือ?” เขาเอ่ยหลังจากชนะการต่อสู้ได้ด้วยสมบัติทางจิตวิญญาณและยาอายุวัฒนะ “เจ้าคิดว่ามันง่ายหรอที่จะเอาชนะปีศาจได้” ฟางฉีเอยอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
หากเป็นเวอร์ชั่นเก่าฟางฉีมั่นใจว่าเขาสามารถเอาชนะชงหลิวได้แน่ๆ ถึงแม้จะใช้แค่เทคนิคดาบธรรมดาก็ตาม
แต่ตอนนี้ตัวเกมมีกลไกลที่พัฒนากว่าภาคเก่า ซึ่งหมายความว่าฟางฉีไม่สามารถเอาชนะปีศาจ ได้เลยหากใช้การเคลื่อนไหวธรรมดาๆ แบบก่อน
อย่างไรก็ตามผู้คนไม่ได้สนใจในรายละเอียดการต่อสู้เท่าไรนักเขาโฟกัสกับความจริงที่หลงกุยกลับมามีชีวิตอีกครั้ง แถมยังกลายเป็นหนึ่งคนสองบุคลิก เนื่องจากกุยแดงและกุยน้ําเงินอยู่ในร่างเดียวกัน
นี่จึงทําให้หลงกุยเป็นเด็กหญิงสองบุคลิก
ผู้ชมเฝ้าดูจิงเทียนกลับมามีชีวิตอีกครั้งในบทบาทเจ้าของโรงรับจํานํา เขาผนึกดาบของเขาและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและเป็นอิสระอีกครั้ง
จุดเริ่มต้นจากการต่อสู้ในโลกอมตะและจบลงด้วยการต่อสู้เช่นกัน การกลับชาติมาเกิดจบลงอย่างมีความสุข
ขณะที่จุดจบของเซียนกระบี่พิชิตมารหนึ่งนั้นได้สร้างบาดแผลในใจผู้เล่น ทุกครั้งที่พวกเขานึกถึงมันจะรู้สึกเจ็บในหัวใจทุกครั้ง ต่างจากเซียนกระบี่พิชิตมารสามมันจะตราตรึงความสุขไปอีกเป็นเวลานาน
บนหน้าจอใหญ่ความเห็นเริ่มปะทุขึ้นอีกครั้ง
รวนหนิง [ข้ารู้สึกประทับใจ… ]
นาหลันหมิงชื่อ [ถ้าเทียบกับภาคหนึ่งข้าชอบภาคนี้มากกว่า]
หลันยัน [ข้าชอบทั้งคู่]
ซูเทียนจิ [ข้าก็ชอบทั้งสองเรื่องเช่นกัน]
ไม่ได้มีแค่สาวๆ อย่างซูฉีซินและดงชิงเท่านั้นที่ชื่นชอบ แต่ผู้ชายอย่างเหลียงชีและซงฉิงเฟิงเองต่างก็มีความสุขพวกเขากระโดดโลดเต้นกันอย่างร่าเริง
“ข้ารู้แล้ว!” ณ ร้านในหยวนหยางซงวดื่มโค้กและตบที่ต้นขาอย่างพอใจ “ผู้หญิงคนนี้ดูไม่เหมือนคนโชคร้าย หลงกุยเธอดูโชคดี!”
เนื่องจากหนุ่มสาวในสํานักสวรรค์นั้นมีอายุใกล้เคียงกับตัวละครในเกม พวกเขาจึงรู้สึกเยอะกว่าคนอื่นๆ เนื่องจากด้วยช่วงวัยที่ใกล้กันมันทําให้เข้าใจถึงความรู้สึกของการสูญเสียว่าหากเกิดขึ้นกับพวกเขามันคงจะเจ็บเจียนขาดใจ และเมื่อจบลงอย่างมีความสุขพวกเขาจึงรู้สึกเหมือนตื่นจากฝันร้าย
ในโลกแห่งความเป็นจริงว่าง่ายๆ ว่าคนหนุ่มสาวเหล่านี้เพิ่งจะเริ่มต้นการเดินทางในการใช้ชีวิต
“ดีมาก!” คนในกลุ่มหนุ่มสาวส่งความเห็น
ขณะเดียวกันผู้เล่นที่มาใหม่อย่างหวังชีพร้อมด้วยนักรบเต๋าชุดดําและปรมาจารย์อย่างกูถึงหยุนแม้พวกเขาจะดูมาสักพักแล้วแต่ก็ยังสงสัยเกี่ยวกับเรื่องราวที่นําไปสู่การต่อสู้ครั้งสุดท้ายอยู่ดี “มีใคร…เล่าให้ฟังได้มั้ย?”
หลายคนประหลาดใจที่ได้เห็นเขา ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะได้มีโอกาสเจอหรือใกล้ชิดเขา ผู้คนมากมายอยากเข้าไปเรียนรู้ในสํานักสวรรค์เพียงเพราะคําร่ําลือว่าเขานี่แหละสุดยอดปรมาจารย์!
กูถึงหยุนลุกขึ้นทักทายทุกคน “ข้ามาที่นี่ เพื่อมาพักผ่อนประใจไม่น้อยที่เห็นพวกเจ้าหลายคนที่นี่”
“พวกเรา…” ซงวุและคนอื่นๆ ยิ้มด้วยความเขินอาย “ท่านเพิ่งบอกว่าอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับเซียนกระบี่พิชิตมารสามใช่มั้ย?”
“เซียนกระบี่พิชิตมารสาม? เรื่องราว?” กูถึงหยุนขมวดคิ้ว “เรื่องไหนคือ…”
กูถิงหยุนชี้นิ้วไปที่หน้าจอ “ข้าอยากรู้ว่าเจ้าของร้านสู้กับปีศาจและชุบชีวิตคนได้ยังไง?”
“แล้ว…ใครเป็นเจ้าของร้าน? เขาแข็งแกร่งมากจนสามารถต่อกรกับปีศาจได้”
ใบหน้าของซงวูกระตุก
นี่เป็นความเข้าใจผิดครั้งยิ่งใหญ่
เขาอธิบายเกี่ยวกับการเล่นเกมให้แก่ผู้เล่นใหม่ทั้งสามได้ฟังแถมยังพาไปทําความรู้จักกับสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณรุ่นใหม่อย่างคอมพิวเตอร์อีก
ไม่กี่นาทีต่อมา…
พวกเขาใช้เวลาไม่นานในการฟังและรู้สึกตกหลุมรัก “ท่านหมายความว่าไง? เราสามารถต่อสู้กับปีศาจชงหลิวได้เช่นกันหรอ?”
มันยอดเยี่ยมมากตอนได้ดูการเล่น มันคงจะดีกว่านี้ถ้าได้เล่นเกม พวกเขาตระหนักได้ว่าพวกเขาเองก็สามารถต่อสู้อย่างทรงพลังแบบนี้ได้
แม้ว่าจะเป็นเพียงเกมแต่ประสบการณ์ทุกอย่างที่ได้เห็นเกือบจะเป็นเหมือนกับโลกในชีวิตจริง แม้แต่กถึงหยุนเองยังรู้สึกมีความสุขตามไปด้วยแม้จะเป็นแค่เพียงการดูก็ตาม
“อืม…” พวกเขาพยักหน้า
การต่อสู้ของฟางฉีและชงหลิวทําให้พวกเขาเกิดแรงบรรดาลใจ ตราบใดที่พวกเขามีกลยุทธ์ที่ถูกต้อง สะสมประสบการณ์และทักษะมากเพียงพอ พวกเขาจะต้องได้รับสมบัติล้ําค่าในเกมแน่และ สิ่งที่พวกเขาตื่นเต้นมากไปกว่านั้นคือมันได้รับพลังในการฝึกฝนอีกด้วย
ณ จิวหัว นาหลันหมิงชื่อ ซงฉิงเฟิงและซูเทียนจิที่กําลังเล่นเซียนกระบี่พิชิตมารหนึ่งด้วยความช่ําชอง พวกเขาบางคนมาถึงครึ่งเรื่องของภาคสามแล้ว แต่สําหรับผู้ฝึกฝนที่หยวนหยางเองพวกเขาเพิ่งถึงจุดเริ่มต้น
“ผู้หญิงคนนี้ดื้อมาก เธอกล้าดียังไงมาตีข้า!” ซูโมผู้ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านการต่อสู้มาก่อนถูกทุบตีอีกครั้งก่อนที่เขาจะหันกลับไปตอบโต้
เขาหันหน้ามาหาอาจารย์ “ท่านผ่านส่วนนี้ไปได้ยังไง?”
กูถิงหยุนไม่มีคําตอบเขากําลังตอบโต้ด้วยความเงียบ
“…” ดูเหมือนว่าพวกเขาคงต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะได้ท้าทายชงหลิว