บทที่ 269 – กาซอล
กรีนและคนอื่นๆรู้สึกแปลกที่มีมนุษย์จากทวีปนี้ไปอยู่ที่ทุ่งหญ้า แต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าทําไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ และนั่นก็ทําให้พวกเขาไม่สามารถรู้ว่าทําไมมนุษย์ถึงไปอยู่ที่นั่นได้
เจ่าไห่ก็ไม่ได้อยากจะรู้คําตอบจากกรีนและคนอื่นๆ เพราะพวกเขาไม่เคยไปที่ทุ่งหญ้า เรื่องที่พวกเขาพูดก็น่าจะได้รับข่าวมาจากลอร่า ดังนั้นเจ่าไห่ก็เลยคิดว่าพวกเขาไม่ได้รู้เรื่องพวกนี้จริงๆ
เช้าวันรุ่งขึ้น เจ่าไห่และพวกของเขายังคงเดินทางต่อไป แต่พวกเขาก็เร่งการเดินทางให้เร็วขึ้น เจ่าไห่ต้องการไปให้ถึงที่นั่นด้วยความรวดเร็ว และไม่เจอกับเผ่าที่คิดจะทําร้ายพวกเขา
เจ๋าไห้ไม่ได้มาที่ทุ่งหญ้าแห่งนี้เพื่อทําให้ตัวเองปวดหัว แต่การช่วยเวลส์นั้น จะทําให้เขาได้รับผลประโยชน์มากมาย แต่สิ่งที่เล่าไม่ต้องการมากๆก็คือสัตว์เวทย์และพืชที่เขาไม่เคยเห็น และเป็นสิ่งที่หายาก นี่เป็นความตั้งใจตั้งแต่แรกของเจ่าไห่แล้ว
ทุกอยากตอนนี้อยู่ในสถานการณ์ที่ดี เจ่าไห่ก็เยออกมาจากมิติ เขาเดินทางด้วยรถม้าและกลุ่มของเขา
การเดินทางบนทุ่งหญ้าแบบนี้ ไม่จําเป็นต้องกังวลว่ารถม้าจะชนกับอะไรที่อยู่ข้างทาง บนทุ่งหญ้าแห่งนี้มีหญ้าขึ้นมากมาย และพวกมันก็ขึ้นหนาจนที่นี่ไม่ได้มีหลุมเลย แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นปัญหากับเจ่าไห่ เนื่องจากสัตว์ที่ลากรถของเขาเป็นสัตว์ที่มีชีวิตปกติ
แม้ว่าเจ่าไห่และพวกของเขาจะเพิ่มความเร็วขึ้น แต่พวกเขาก็ยังสนใจทุกสิ่งที่อยู่รอบๆพวกเขาอยู่ ตอนนี้เล่าให้ก็ใช้ให้นกไฟ 2 ตัวบินเพื่อตรวจตาทุกอย่างว่ามีอะไรผิดปกติไหม
แน่นอนว่าแค่นกไฟก็ไม่พอที่จะดูและคอยระวังในทุกทาง เจ๋าไฟก็เลยปล่อยนกอินทรีย์จํานวนมากออกมาเพื่อเฝ้าระวังให้แก่พวกเขา นกไฟนั้นไม่ได้เหมือนกับนกอินทรีย์ของเจ่าไห่ พวกมันไม่ยอมรับคําสั่งของเจ่าไห่ อย่างไรก็ตาม ลอร่า เม็ก และเนียร์ก็ชอบนกไฟมาก ดังนั้นพวกมันก็ถูกดูแลโดยพวกเขาทั้งสาม
เจ่าไห่มองดูแผนที่ในขณะที่เขากําลังนั่งอยู่บนรถและแผนที่นั้นก็เริ่มให้เขาได้เห็นทุ่งหญ้าแห่งนี้มากขึ้น และนี่ก็เป็นข่าวดีของเจ่าไห่ที่เขาน่าจะเป็นคนแรกที่มีแผนที่ที่สมบูรณ์
เจ่าไห่และพวกของเขาใช้เวลาเพียง 1 ถึง 3 วันพวกเขาก็น่าจะไปถึงที่ที่เขาต้องไป พวกเขาทั้งหมดไม่อาจจะเดินทางช้าได้เมื่อในแผนที่เขียนว่ามีเผ่าอยู่แถวนี้
เผ่าที่ถูกทําเครื่องหมายเป็นคนตัวเล็กๆ ซึ่งควรจะมีจํานวนประมาณ 1000 คน มอทอเป็นที่รู้จักว่ามีความแข็งแกร่งมาก สัตว์ที่พวกเขาใช้นั้นเป็นสัตว์ที่แข็งแกร่งและทรงพลังมากๆ พวกเขาถูกเรียกว่าเผ่ามอทอที่แข็งแกร่ง
ตอนนี้เจ่าไห่กําลังรอนกอินทรีย์และข้อมูลที่พวกมันจะแจ้งมา
ตอนนี้พวกเขาได้เข้าไปในพื้นที่ที่อยู่ใกล้กับเผ่ามอทอ ตอนนี้เจ่าไห่อาจจะเข้าไปใน เขตของพวกเขาได้ตลอดเวลา เจ่าไห่ได้เพิ่มจํานวนของนกอินทรีย์ เพื่อไม่ให้เขาไปผิดทาง
นกอินทรีย์กลับมาหลังจากผ่านไปนานกว่าหนึ่งชั่วโมง เจ่าไห่สังเกตเห็นว่าพวกมันกําลังพบอะไรบ้างอย่าง และพวกมันก็ส่งเสียงดังออกมา เขาหันไปหาลอร่าและพูดว่า “มีที่ตั้งแคมป์ร้างอยู่ข้างหน้า ดูเหมือนว่าน่าจะเกิดอะไรขึ้นที่นั่น ไปดูกันเถอะ”
ลอราพยักหน้า หลังจากผ่านไปมากกว่า 2 ชั่วโมงพวกเขาก็ค้นพบที่ตั้งแคมป์ที่ถูกทิ้งร้าง มีซากศพมากมายอยู่ที่นั่นและพวกเขาทั้งหมดเป็นคนของเผ่ามอทอและม้าของพวกเขา
ดูเหมือนว่าจะมีจํานวนประมาณ 1000 คน อย่างไรก็ตามมันถูกโจมตีและทุกสิ่งที่ใช้ได้ถูกเอาออกไป แม้เสื้อผ้าของศพก็ถูกถอดออกไป
เจ่าไห่มองไปและขมวดคิ้ว เขาถอนหายใจอกมา และเจ่าไห่ก็ทําให้พวกเขาทั้งหมดกลายเป็นซอบบี้ เขาได้เปลี่ยนให้กลายเป็นซอบบี้ระดับสูงเพื่อที่จะรู้ว่าใครเป็นคนโจมตีที่ตั้งแคมป์นี้
เจ่าไห่นับเป็นเวลานาน ชนเผ่าที่เสียชีวิตมีจํานวนมากกว่า 300 ราย คนไหนที่สามารถที่จะต่อสู้ได้ เจ๋าไร่จะเลือกคนที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาทั้งหมดและทําให้เขากลายเป็นซอบบี้ในระดับสูง เพราะเขารู้ว่าในบรรดานักสู้คนที่แข็งแกร่งที่สุดมักเป็นหัวหน้ามาก่อน
เช่นเดียวกับที่เขาคิดไว้ ซอบบี้ระดับสูงถูกชื่อว่าอเดต้าหัวหน้าเผ่านี้ เผ่าของพวกเขามีมากกว่า 1300 คนและอื่นๆกว่า 400 คนที่เหลือคือผู้สูงอายุและหญิง
ชะตากรรมของพวกเขาเป็นเรื่องน่าจะดี สิ่งที่แปลกใจเจ่าไห่ก็คือคนที่ทําร้ายพวกเขา มันไม่ใช่ใครอื่นนอกจากกาซอลและคนของเขาและการโจมตีเกิดขึ้นมากกว่า 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา
กล่าวคือก่อนที่นกอินทรีย์จะค้นพบที่ตั้งแคมป์นี้ได้ถูกทําลายโดยกาซอลและคนของเขา เมื่อถึงข้อสรุปนี้ เจ่าไห่นําอเดต้าและคนอื่นๆ เข้าไปในมิติและพวกเขาก็ตามเส้นทางที่กาซอลได้เดินทางไป
จากเส้นทางที่ดูแล้วก็เห็นว่าตอนนี้พวกเขากําลังมุ่งหน้าไปที่เผ่าราชา และมันก็เป็นไปได้มากที่สุด ดูเหมือนว่ากาซอลจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฐานของเขาเองแล้ว แต่เขาไม่ฉลาดเท่าเวลส์ซึ่งมุ่งหน้าไปยังสถานที่ของเผ่ามาร์ซี
เจ๋าไร่ก็ไม่รู้ว่าเขาต้องทํายังไง เขาส่ายหัวและรู้ว่ากาซอลไม่ใช่คนฉลาดอะไรเลย ความสัมพันธ์ระหว่างกาซอลและเผ่าราชาไม่ค่อยดีนัก แต่ตอนนี้เขากําลังอยู่ภายใต้การบริการของเผ่าราชา
เห็นได้ชัดว่ากาซอลได้เห็นว่าเผ่าราชาและหัวหน้าเผ่าบูลมีความขัดแย้งกัน แต่เขาก็ลืมว่าสถานการณ์ตอนนี้กําหนดว่าผู้คนจะออกไปได้อย่างไร ตอนนี้ที่เผ่าเฮคัสไม่สามารถต่อสู้กับเผ่าบูลได้
แต่หลังจากที่คิดว่าสถานการณ์นี้ทําให้รู้สึกถึงเจ่าไห่ เขารู้ถึงความเจ็บปวดของกาซอลเหตุผล ที่เผ่าบูลมาถึงจุดนี้ก็เป็นเพราะเขา บางทีเขาอาจจะคิดว่าเผ่าของเขาจะไปที่ไหน แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้น แม้หลังจากการหาพวกเขา? เขาจะถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ โดยที่ไม่มีใครฟังเขา ดังนั้นเขาจึงไปที่เผ่าราชาได้
มันไม่ใช่ทางเลือกที่ดี เจ่าไห่คิด กาซอลมีทหารเพียงไม่กี่คน แต่จากการที่พวกเขาได้โจมตีพวกเผ่ามอทอพลังการต่อสู้ของพวกเขาก็ยังดีอยู่ กาซอลควรทิ้งอาณาเขตของเผ่าไว้เพราะการอยู่ที่นี่ ก็คล้ายกับการรอคอยความตาย แม้ว่าเขาจะได้รับการสนับสนุนจากเผ่าราชา เขาก็คงไม่เป็นภัยคุกคามต่อเผ่าอื่นๆบางทีเผ่าบูลอาจจะไม่เคยเห็นเผ่าราชาซึ่งเป็นภัยคุกคาม มิฉะนั้นเผ่ามูลจะไม่ทําลายซานของเผ่าเฮคัส
อย่างไรก็ตามเจ๋าไห้ไม่ปล่อยให้ความคิดเหล่านี้แกว่งไปแกว่งมาเขาตัดสินใจทันที เขาไม่สนใจว่าความคิดของกาซอลจะคืออะไร สิ่งที่เขาต้องทําตอนนี้คือการไปจับกาซอล และส่งข่าวไปยังเวลส์เพื่อสอบถามเกี่ยวกับวิธีการจัดการกับเขา
ตอนนี้เขาเป็นน้องชายของเวลส์ไม่ใช่กาซอล ดังนั้นแน่นอนว่าเขาต้องการที่จะช่วยเวลส์ ไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือตายกาซอลไม่ได้อยู่ในขอบเขตของความกังวล
สิ่งสําคัญที่สุดคือเขาต้องนึกถึงกาซอลและคนของเขากําลังขี่ม้า ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถจับกาซอลได้ แต่ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น
เจ๋าไร่เชื่อว่ากาซอลจะไปไม่ได้เร็ว ในขณะที่นําคนจํานวนมากไปด้วย มิฉะนั้นเขาจะไม่ได้บุก เข้าไปในเผ่ามอทอ
ความเร็วของเจ่าไห่ไม่ได้ช้าเลย ม้าที่ดึงเกวียนคือสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งและอยู่ในระดับที่สูง มันจะไม่ยากที่จะจับกาซอล
เพื่อยืนยันทิศทางการเดินทางของกาซอล เขาจึงส่งนกอินทรีย์ออกไปอีกครั้งพร้อมทั้งนกไฟด้วย ตอนนั้นกไฟเป็นของเขา พวกมันควรมีปฏิกิริยา เมื่อได้เห็นกาซอล
หลังจากผ่านไปนานกว่า 3 ชั่วโมงเล่าไร่ก็สามารถติดตามกาซอลได้ เพียง 2 ชั่วโมงต่อมาก่อนค่ําเขาและขบวนรถของเขาจะสามารถจับกาซอลได้และคนของเขาได้
หากอ่านไม่รู้เรื่องก็ขออภัยด้วยนะครับ กําลังเร่งพัฒนาอยู่ครับ