บทที่ 224 ครั้งสุดท้าย
มารุก็ยืนอยู่กับเจ่าไห่ และเห็นคนพวกนั้นเหมือนที่เจ่าไห่ได้เห็นเหมือนกัน แม้พวกพวกนักรบเหล่านั้นจะสวมชุดเหมือนทหารแต่การเดินของพวกมันก็ดูเหมือนจะเป็นระบบมาก แต่ก็ยังเห็นได้ชัดว่าพวกมันมีประสบการมากเลยทีเดียว และอาจจะไม่ใช่นักรบที่ธรรมดาทั่วไป และพวกมันน่าจะได้รับการฝึกมาอย่างดี
เจ่าไห่มองดูนักรบพวกนั้น คนที่กระโดดข้ามกำแพงมานั้นมีจำนวนหลายคนมาก เมื่อพวกมันเดินมาถึงลานที่เจ่าไห่ยืนอยู่พวกมันก็ไม่ได้ทำอะไรเจ่าไห่ทันที แต่พวกมันกับเดินวนรอบๆ ตัวของเจ่าไห่ แม้จะผ่านไปสักพักพวกมันก็รวมตัวกันเป็นกลุ่ม หลังจากนั้นพวกมันก็ทำท่าเหมือนจะโจมตีเจ่าไห่
และในทางกลับกันนั้นเจ่าไห่กับไม่ได้กังวนอะไรเลย เพราะตัวขอเจ่าไห่นั้นถูกล้อมรอบโดยซอมบี้จำนวนมากและพวกซอมบี้ก็ไม่ได้ขยับไปไหนเลย
เจ่าไห่ได้มองการโจมตีของนักรบพวกนั้น ซึ่งมาจากด้านหน้า 18 คน และด้านหลังของเขาอีก 18 คน
ไม่นานมากนักมารุและพวกนักเวทย์ที่สวมชุดสีขาวก็รู้สึกประหลาดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก พวกซอมบี้นั้นไม่ได้มีความสามารถพิเศษอะไรแต่พวกมันก็ไม่ได้กลัวกิลแห่งความสว่างเลย
ต้องเข้าใจว่าอาวุธที่พวกคนสวมชุดขาวนำมานั้น จำเป็นต้องใช้พลังของเวทย์แห่งแสง นอกจากนี้อัศวินเหล่านั้นเองมีกำลังรบสูงมาก อย่างไรก็ตามเจ่าไห่ก็ได้สั่งให้ซอมบี้พวกนั้นโจมตีพกของกิลแห่งความสว่างด้วยเหมือนกัน
อัศวินและนักรบนั้นมีความแตกกันอยู่นิดหน่อย ความเข้าใจของคนทั่วไปนั้นอัศวินมีคุณค่าสูงกว่านักรบมาก อาจเรียกได้ว่าอัศวินเป็นขุนนางของนักรบ
นักรบนั้นสวมเกราะป้องกันที่ไม่ค่อยดีนักและมีอาวุธที่ไม่มีคุณภาพเลย ถ้านักรบพวกนี้มีเกาะที่ดี และอาวุธที่ดีพวกเขาจะไม่ใช่นักรบที่ธรรมดาอีกต่อไป
อัศวินในเมืองอื่นๆ จะต้องมีม้าและสวมเกราะทั่วร่างกาย และอาวุธของพวกเขาไม่ได้มีเพียงอาวุธชนิดเดียว อัศวินพวกนี้ต้องมีหอกโล่และดาบอยู่กับตัวตลอด เมื่อพวกเขามีทุกสิ่งที่ได้บอกไปนั้นพวกเขาจะถูกเรียกว่าอัศวิน
นักรบพวกนี้ต้องดูแลตัวเอง แม้ว่าอาวุธของพวกเขาจะเกิดความเสียหายแต่พวกเขาก็ต้องหาอาวุธอื่น เพี่อมาแทนอาวุธที่พังไป เพราะพวกเขาจะได้ไม่ต้องซื้อหรือเสียเงินไปโดยใช่เหตุ
แต่อัศวินนอกจากที่ต้องดูแลตัวเองแล้วพวกเขาจะต้องดูและม้าองพวกเขาด้วย หอกของพวกเขาน่าจะเป็นอาวุธี่เสียได้ง่าน ดังนั้นพวกเขาจะต้องรักษามันหรือเปลื่ยนอุปกรณ์ต่างๆของหอก เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ต้องซื้อของใหม่เพราะมันมีราคาที่แพ เมื่อเทียบกับอาวุธอื่น ด้วยเหตุน้อาจจะทำให้นักรบหรืออัศวินดูมีความแข็งแกร่ง แต่อาชีพพวกนี้ก็จำเป็นต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก หากไม่ได้เป็นขุนนางหรือคนที่รวยก็อาจจะไม่ได้เป็นอัศวินเลยก็ได้
นอกจากนี้คนรวยที่ได้เป็นอัศวินก็มีมาก ผู้้ที่ได้เป็นอัศวินแล้วนั้นพวกเขาจะดูแลตัวเองเหมือนที่ดูแลม้าของพวกเขา เมื่ออัศวินพวกนี้ได้เข้าสู่สนามรบพวกเขาจะอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความแข็งแกร่งของพวกอัศวินจะมีมากขนาดไหน ความแข็งแกร่งของพวกอัศวินก็ขึ้นอยู่กับม้าของพวกเขาด้วย ในปกติแล้วถ้าภูเขาน่าเกรงขามขนาดไหน อัศวินก็น่าเกรงขามเหมือนกัน ปกติและผู้คนที่ต้องการ คนที่จะมาดูแลเป็นอัศวินพวกเขาจะต้องจ่ายเงินเป็นจำนวนมาก
เหล่าอัศวินของกิลแห่งความสว่างมีชุดประจำของตัวเอง แต่ละคนมียูนิคอร์นเป็นสัตว์ที่อยู่กับพวกเขา ยูนิคอร์นเป็นสัตว์ที่มีพลังแห่งธาตุแสงและความแข็งแกร่งอยู่ที่ระดับห้าและมีข่าวลือว่านักรบแห่งลำดับที่เก้าของเผ่าฃเอลฟ์มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับยูนิคอร์น พวกเขามีกำลังรบสูงมากและสามารถยกของหนักได้ ยูนิคอร์นพวกนี้จึงแข็งแกร่งมาก
อัศวินแห่งความสว่างส่วนใหญ่ใช้ยูนิคอร์นเป็นม้าของพวกเขา นี่ไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งในการสู้รบของพวกเขา แต่ยังเพราะมันดูแข็งแกร่งมาก
เมื่อมีการต่อสู้เกิดขึ้นมาจริงอัศวินเพียง 18 คนสามารถเอาชนะกับนักรบ 100 คน ความสามารถจริงของอัศวินนั้นมีความแข็งแกร่งมากและสามารถฆ่านักรบเป็นจำนวนมากได้ ถ้าพวกเขาถูกโจมตีโดยนักรบพวกอัศวินจะจัดการกับพวกเขาได้ภายในไม่กี่วัน และเป็นเรื่องที่ง่ายสำหรับพวกเขามาก
แต่น่าเสียดายตอนนี้อัศวินพวกนั้นไม่ได้สู้กับนักรบทั่วไป แต๋ต่อสู้กับพวกซอมบี้ที่มีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับที่ 7 สิ่งที่สำคัญตอนนี้กับพวกอัศวินพวกเขาไม่ได้มีแผนหรือวิธีที่จะจัดการกับซอมบี้เหล่านี้ จึงทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยากมาสำหับพวกเขา
การจัดการกับพวกซอมบี้ไม่ใชช้เรื่องง่ายของอัศวินเลย เนื่องจากอาวุธของพวกเขาได้ใช้พลังแห่งแสง ตราบใดที่พวกเขาเจอกับซอมบี้ โดยปกติแล้วพวกเขาสามารถจัดการกับซอมบี้ได้อย่างง่ายดาย แต่ปัญหาก็คือซอมบี้พวกนี้ไม่ได้ซอมบี้ทั่วไป ซอมบี้พวกนี้ไม่ได้กลัวเวทย์แห่งแสงเลย
มารุมองดูสถานการณ์ สิ่งที่เขาได้เห็ในตอนนี้ เหมือนสิ่งที่เขาเคยเห็นแล้วในอดีด: การต่อสู้ระหว่างกิลแห่งความสว่างกับซอมบี้ อย่างไรก็ตามการต่อสู้ในวันนี้ได้เกินความคิดของเขาไปแล้ว
ซอมบี้ที่ถูกล้อมรอบด้วยเหล่าอัศวิน ที่ปกกันการโจมตีให้กับเจ่าไห่ และเจ่าไห่ก็นั่งอยู่ที่นั่นเหมือนกับพระเจ้า ราวกับว่าเขากำลังดูอะไรบ้างอย่างอยู่
ตอนนี้มารุไม่รู้เลยว่าในหัวของเจ่าไห่กำลังคิดอะไรอยู่ เขาสงสัยว่าเจ่าไห่ไม่ใช่แค่สติไม่ดี แต่เขาก็คิดว่าคนที่สติไม่ดีไม่น่าจะทำแบบนี้ได้ มารุคิดกับตัวเองว่า เขาไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดว่าเขาได้ชวนเจ่าไห่เข้ากลุ่มพันธมิตรนักเวทย์แห่งความมืด
ในเวลานี้ลอร่ามองไปที่คนที่อยู่ข้างนอกและพุดกับเจ่าไห่ว่า “พี่ไห่พี่ไม่ควรออกไปจากที่นี่ มันจะไม่ดีถ้าพี่ทำแบบนั้น”
เจ่าไห่ก็ได้พยักหน้าและโบกให้กับลอร่า ทันใดนั้นมีซอมบี้มากมายที่ปรากฏอยู่ภายในลานของคฤหาสน์ศรัทธา ลักษณะของซอมบี้เหล่านี้มีขนาดที่ใหญ่มาก ซอมบี้แต่ละตัวมีความสูงอย่างน้อยสองถึงสามเมตร บางตัวมีความสูงตั้งแต่ห้าถึงหกเมตร นอกจากนี้โครงร่างของพวกมันมีสีเขียวเข้มและมีหนามแหลมยื่นออกมาจากกระดูกของพวกมัน
เมื่อเหล่าซอมบี้เหล่านี้ปรากฏตัวขึ้นหนามบนร่างของพวกมันก็พุ่งอย่างดุเดือดเหมือนลูกศรถูกยิงออกมา พวกมันพุ่งไปหาอัศวินพวกนั้น
หลังจากที่หนามพุ่งออกไป อย่างไรก็ตามมารุก็ตั้งข้อสังเกตว่าเบื้องหลังเหล่าอัศวินมีคนตายจำนวนมาก ซอมบี้เป็นเหมือนความตายเนื่องจากพวกมันใช้ยุทธวิธีการลอบสังหารเป็นหลัก พวกมันได้ทำการกำจัดอย่างเงียบๆ
การสังหารในครั้งนี้ผ่านไปเร็วมาก อัศวินพวกนั้นไม่ได้มีเวลาเพียงพอที่จะตอบโต้ก่อนที่พวกเขาจะถูกสังหาร คนที่ยังไม่ตายยังติดอยู่ในวงของซอมบี้และไม่สามารถหลบหนีได้
เพื่อจัดการกับอัศวินเหล่านี้มีเพียงไม่กี่คนที่ถูกสังหารเท่านั้น ส่วนใหญ่ของซอมบี้ถูกแทนที่อัศวิน
มารุไม่รู้ว่าจะพูดอะไร เขาไม่เคยคิดว่าเจ่าไห่จะมีซอมบี้จำนวนมากขนาดนี้ ความสามารถในการสู้รบของเหล่าซอมบี้นั้นสูงมาก คราวนี้กิลแห่งความสว่างน่าจะแพ้แน่นอน
ชายที่สวมชุดสีขาวก็คิดว่าตอนนี้สถานการณ์ที่พวกเขาอยู่ดูไม่ค่อยดีแล้ว พวกเขาไม่ได้คิดว่าเจ่าไห่จะมีพลังที่ไม่คาดฝันเช่นนี้ พวกเขาเริ่มที่จะหมดหวัง พวกเขารู้ว่าวันนี้พวกเขาต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ชีวิตของเจ่าไห่
เจ่าไห่ก็ได้ยืนอยู่ในเวลานี้และมองดุชายที่สวมชุดสีขาวทั้งห้าคน เจ่าไห่รู้ว่าคนพวกนี้เป็นผู้นำ
เจ่าไห่แอบสั่งเจ่าฉินอีี้ว่า ถ้าพวกเขาคิดจะทำอะไรหรือเคลื่อนไหว ให้จัดการพวกเขาได้เลย
เหตุผลที่เจ่าไห่ได้สั่งให้เจ่าฉินอี้ ทำแบบนั้นเนื่องจากความสงบ เมื่อเขาให้ซอมบี้ออกไป สีหน้าของชายที่สวมชุดสีขาวทั้งห้าเปลื่ยนไป แต่กับมีอีกคนที่ไม่ได้รู้สึกตกใจ นี่เป็นเรื่องที่เจ่าไห่กำลังคิดอยู่ว่าชายคนนั้นกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
ชายคนนั้นดูสงบมากเขาน่าจะสงบเพราะเขามีความแข็งแกร่งมาก ความสามารถของชายคนนี้เมื่อเทียบกับอีกสี่คนเขาน่าจะแข็งแกร่งที่สุด แต่อย่างไรก็ตามเขาสงบมากราวกับว่าเขาไม่ได้มีความกลัวใดๆ
บุคคลดังกล่าวต้องซ่อนสิ่งที่อยู่ในมือ คนที่มีพื้นหลังลึกๆ จะต้องมีไพ่ใบสุดท้ายในการเล่น นอกจากนี้ไม่มีใครรู้ว่าเขามีแผนอะไร จึงทำเจ่าไห่ให้ความสนใจเป็นพิเศษกับเขา นี่เป็นเหตุผลที่เขาสั่งให้เจ่าฉินอี้จัดการกับเขา
ลอร่าและคนอื่นๆ ก็ได้ไปดูฉากเดียวกัน พวกเขามองไปที่ชายสวมชุดสีขาวและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถหนีออกไปได้
มารุไม่รู้จัก แต่คนอื่นๆ เข้าใจว่ามีเทพผู้มีพลังระดับเก้าของพวกเขา เมื่อถึงเวลา ถ้าพวกเขาสังเกตุเห็นอะไรผิดปกติเทพผู้มีพลังระดับเก้าจะทำตามคำสั่งและกำจัดฝ่ายตรงข้ามของพวกเขา แม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีเครื่องมือเวทย์โบราณ แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถหลบหนีได้
การต่อสู้เต็มไปด้วยโอกาส ตราบเท่าที่คนหนึ่งพร้อมแล้วการโจมตีทั้งหมดอาจหลีกเลี่ยงได้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เจ่าไห่พร้อมแล้ว เขากำลังรอให้ศัตรูทั้งหมดของเขามาถึง ถ้าศัตรูไม่มาก็ไม่มีปัญหา ถ้าพวกเขาทำเช่นนั้นพวกเขาก็จะไม่สามารถหลบหนีได้
อัศวินลงไปทีละคนและสนามรบก็ไม่ได้ทำให้เสียความกังวลใดๆ อีกต่อไป ทั้งกิลและแผนการของโบเรดได้รับการพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์ ชายที่สวมชุดสีขาวได้นำโล่แสงออกมา
แม้ว่าพวกชายที่สวมชุดสีขาวใช้โล่ป้องกันแสงบางส่วนพวกเขาไม่สามารถปิดกั้นการโจมตีของดาบที่เจาะเข้าไปได้ จึงทำให้ชายที่สวมชุดสีขายทั้งสามคนตาย
ในเวลานี้เจ่าไห่ยังคงให้ความสนใจกับชายคนที่สงบและเห็นการแสดงออกทางสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเมื่อเขากันฟัน เขามองอย่างโหดเหี้ยมที่เจ่าไห่ ขณะที่ยื่นมือเข้าไปที่หน้าอกของเขา ในขณะที่เขากำลังจะสัมผัสมันองุ่นปะทุขึ้นมาจากพื้นดินและผลักไปที่หน้าอกของทั้งสองคนที่เหลืออยู่ เมื่อต้นองุ่นมาแสงสีขาวก็ปรากฏขึ้นและพยายามปิดกั้นเถาองุ่น แต่ล้มเหลว ชายที่สวมชุดสีขาวถูกสังหารในที่เกิดเหตุตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อว่าเขาจะพ่ายแพ้ไป