สายลมอ่อน ๆ พัดอยู่ตรงทางเข้าหุบเขาสันโดษ พาให้ทรายบนพื้นฟุ้งขึ้น
ทั่วพื้นที่เงียบกริบแทบได้ยินเสียงเข็มหล่นลงพื้น
“พี่อวี้ พี่หวงฝู…”
ฝ่ามือของโจวเหวินอู่เริ่มมีเหงื่อออกขณะที่เขาเพ่งอยู่กับฟางหยวนและสืออวี้ถง “แม้ว่านายท่านจะเป็นอู่จง เขาก็เพิ่งได้เป็น ในขณะที่เจ้าสำนักกุยหลิงนั้นเป็นอู่จงผู้มากประสบการณ์…”
“มีใครในพวกเราเดาได้จริง ๆ บ้างว่านายท่านกำลังคิดอะไร?”
อวี้ซินโหลวนั้นก็กังวลเท่า ๆ กันแต่ยังดูใจเย็นอยู่ “บางทีนายท่านอาจจะต้องการอวดความสามารถระดับอู่จงของท่านเพื่อขู่พวกเขาออกไป แต่ว่า… นายท่านเพิ่งอายุ 20 ปี ใช่หรือไม่? ต่อให้เขาแพ้การประมือครั้งนี้ ใครเล่าจะกล้าดูเบาเขา?”
หวงฝูเหรินเหอพยักหน้าเห็นด้วย
แม้แต่อู่จงที่อ่อนแอที่สุดก็ยังแข็งแกร่งกว่า [ผู้ฝึกยุทธ์ (ประตูทองที่ 12)] ที่ระดับสูงสุดมากนัก
ถ้าคิดถึงอายุของฟางหยวนด้วยแล้ว ผู้อื่นย่อมคิดว่าเขาเป็นปิศาจผู้เปี่ยมพรสวรรค์แล้ว อนาคตของเขานั้นไม่อาจจะหยั่งวัดได้!
ฟางหยวนไม่รู้ว่าเหล่าผู้ติดตามของเขากำลังคิดอะไรอยู่
แต่ถ้าเขารู้ว่าในใจพวกเขานั้นตัดสินไปแล้วว่าเขาไม่ใช่คู่มือของสืออวี้ถง เขาก็คงจะพูดไม่ออก
“ข้าฝึกฝนในทั้งสองเส้นทาง ผู้ฝึกยุทธ์และนักรบศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าข้าจะปิดซ่อนการฝึกฝนในเส้นทางจ้าวแห่งฝันเอาไว้ พลังเวทย์ของข้าก็ยังคงสูงกว่าอู่จงทั่วไป นี่คือข้อได้เปรียบของข้า ดังนั้น ข้าสามารถรับมือกับอู่จงผู้มีประสบการณ์ได้โดยไม่ต้องกังวลสิ่งใด รับมือกับสืออวี้ถงวันนี้ ข้าจะทำให้ชื่อเสียงของหุบเขาสันโดษระบือไกลออกไป!”
ความคิดของเขาวิ่งวุ่นวายอยู่ขณะเหลือบมองสืออวี้ถงเร็ว ๆ ครั้งหนึ่ง
“นายท่านฟาง ข้าเป็นผู้หญิง เช่นนั้นข้าจะขอลงมือก่อนแล้ว!”
สืออวี้ถงรู้สึกว่าเขาใจลอยไปชั่วครู่หนึ่งดังนั้นจึงชิงลงมือก่อน!
กระบวนท่าของนางนั้นรวดเร็ว ด้วยท่าเท้าไหลลื่น นางปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าฟางหยวนราวกับผี มืออันบอบบางของนางเปลี่ยนเป็นฝ่ามือและตวัดเข้าใส่ฟางหยวนทันที
ที่ตำแหน่งเดิมของนาง ยังคงทิ้งเงาเอาไว้ และคำพูดของนางก็ดูจะยังก้องอยู่ด้วยซ้ำ
“จังหวะเหมาะสมนัก!”
ฟางหยวนหัวเราะ ยกมือทั้งสองข้างขึ้นและโดยไม่ถอยหลังไม่จู่โจมกลับ เขารับมันด้วยกำลังโดยตรง!
เมื่อเห็น ดวงตางดงามของสืออวี้ถงก็ปรากฏความสงสัย ขณะนางใส่พลังธาตุของตนลงไป มือของนางดูราวกับจะหลอมหยกได้ เส้นเลือดสีเขียวนั้นปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน
“วิชากุยหลิง! ฝ่ามือปทุมขาว?”
หลินเหลยเยว่ร้อง นางรู้ว่าอาจารย์ของนางใช้พลังทั้งหมดในกระบวนท่าเดียว และยังใช้วิชาลับด้วย!
“ติ๊ง!”
เสียงดังลั่นตามมาด้วยคลื่นสั่นสะเทือนแผ่ออกไปทุกทิศทาง คนจากทั้งหุบเขาสันโดษและสำนักกุยหลิงล้วนถอยหลังไปหลายก้าว และยังรู้สึกหูอื้อ
ในสนามต่อสู้ เงาร่างทั้งสองกระทบเข้าหากันและแยกออกอย่างรวดเร็ว ทั้งคู่ตั้งหลักได้ในไม่กี่ก้าว
ฟางหยวนสีหน้าไร้ความรู้สึกและมองแขนของตัวเอง
“ผลัวะ!”
เสื้อผ้าของเขาพลันฉีกออกจากกันและปลิวไปในอากาศราวกับฝูงผีเสื้อ เผยให้เห็นกล้ามเนื้อและผิวเรียบเนียนของเขา
ขณะที่สืออวี้ถงมองภาพนี้ นางก็ไขว้มือไปด้านหลัง นางไม่ได้เปรียบใด ๆ จากกระบวนท่าเปิดนี้ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความสงสัย “ใช้วิชากำลังภายนอกทะลวงผ่านระดับอู่จง? เคล็ดวิชาใดกัน? 13 ระฆังทอง? หรือว่าสุดยอดกระดูกหยก? ไม่… มันดูไม่เหมือนเลย!”
ผู้ที่ใช้วิชาพวกนี้ผ่านระดับอู่จงมักจะคลั่งไคล้ในวิทยายุทธ์และใช้กำลังภายนอกในการต่อสู้โดยมีจุดอ่อนน้อยมากหรือไม่มี นี่ทำให้สืออวี้ถงปวดหัว
“ฝุบ! ขวับ!”
ในเวลาเดียวกัน ร่างกายของฟางหยวนก็เกิดเสียงดังเปรี๊ยะ ตลอดทั้งสันหลังถึงกระดูกทุกชิ้น เขาเหยียดนิ้วทั้งห้าออกและตวัด ทำให้เกิดกระแสลมแรง “อีกครั้ง!”
“แกว๊ก!”
เมื่อพูดจบ เขาก็ลอยตัวไปข้างหน้าและก่อให้เกิดเสียงร้องแหลมสูงจากการเสียดสีกับอากาศ เขาเหยียดมือออกไปเหนือศีรษะของสืออวี้ถง และพลังที่พุ่งสูงในร่างของเขาเมื่อครู่ก็วิ่งลงมาสู่แขนและนิ้วของเขา จนถึงปลายนิ้ว ปลายนิ้วของเขาเปลี่ยนเป็นคมกริบราวกับมี และพุ่งเข้าใส่ศีรษะของนาง
มือของเขายังไม่ทันถึง แต่กระแสลมจากปลายนิ้วก็ทำให้ผิวหนังของนางชาหนึบ
สืออวี้ถงรีบปรับท่าและด้วยสีหน้าปรานี ประกบมือไว้ตรงหน้าอก “เกราะพระพุทธ!”
แสงแห่งเมตตาแผ่ออกจากใบหน้าของนางขณะพลังธาตุของนางก่อตัวขึ้นเป็นรูปวงแหวนล้อมรอบร่างนาง ราวกับพระผู้เมตตามาเยือนโลกมนุษย์
“ทำ…ลาย!”
ฟางหยวนไม่สนใจการป้องกันนั้น และด้วยเคล็ดวิชากำลังภายนอก กระแทกออกอย่างแรงจากมือข้างขวาของเขาราวกับค้อน
“โครม!”
พลังที่ใส่เข้าไปนั้นแตกต่างไปในสายตาของผู้ดูอยู่ด้านข้าง
มันเหมือนกับนกอินทรียักษ์ที่ไร้ปรานีกรีดร้อง พร้อมกับกรงเล็บแหลมคมพุ่งไปทางพระผู้ทรงภูษาสีขาว!
เพียงครู่เดียว สืออวี้ถงก็ร้องออกมาและหลบออกไปจากตำแหน่งที่อยู่ตอนแรก ที่เหลืออยู่ตรงนั้นคือฟางหยวน ที่ลุกยืนขึ้นช้า ๆ
“อาจารย์… เสียเปรียบแล้วจริง ๆ!”
เห็นเงาร่างของพวกเขาพุ่งเข้าหากันอีกครั้ง และเห็นชุดคลุมยุ่งเหยิงของสืออวี้ถง ดวงตาของหลินเหลยเยว่ก็แทบจะถลนออกจากเบ้า
นางไม่เคยคิดเลยว่าอาจารย์ผู้เปรียบดังพระเจ้าของนางจะถูกกดดันและผลักให้เสียเปรียบได้โดยฟางหยวน!
“วิชาที่ดี!”
สืออวี้ถงมองฟางหยวน มีความสงสัยในดวงตา “เคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็ก?!”
หลังจากประมือสองสามครั้ง นางก็เข้าใจเคล็ดวิชาของฟางหยวน แต่ก็ยังมีร่องรอยความไม่อยากเชื่ออยู่ในดวงตาของนาง
เมื่อใดกันที่วิชายุทธ์ระดับ 4 ประตูสวรรค์ธรรมดาจะสามารถทะลุขีดจำกัดไปได้?
“ถูกต้อง… ท่านเจ้าสำนักคิดว่าเป็นอย่างไร?”
ฟางหยวนยักไหล่ เสียงหัวเราะฟังน่ากลัว
แม้ว่าเขาจะเพิ่งเข้าสู่ระดับอู่จง สือวี้ถงก็สู้กับเขาด้วยเคล็ดวิชากำลังภายนอก และเมื่อใช้จุดอ่อนของนางรับมือความแข็งแกร่งของเขา นางย่อมพ่ายแพ้
“ดีมาก! เจ้าเป็นนักสู้รุ่นเยาว์ที่แท้จริง! ข้าคิดว่าข้าคงต้องสู้กับเจ้าในฐานะศัตรูที่แท้จริงแล้ว!”
สืออวี้ถงใบหน้าแดงเรื่อ และประกบมือเข้าด้วยกันอีกครั้ง
“ครืน!”
ประกายสีขาวปรากฏขึ้นจากร่างของนาง และที่กลางอากาศ กลีบดอกไม้สีขาวลอยอยู่รอบ ๆ กลีบดอกไม้เหล่านี้เข้ามารวมกันเกิดเป็นดอกบัวสีขาวที่ค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้น
“ปลดปล่อยพลังธาตุ! ปรากฏรูปลักษณ์ภายนอก!!!”
อวี้ซินโหลวคราว “นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างพลังธาตุเพียงอย่างเดียว นายท่านเพิ่งเข้าสู่ระดับอู่จง และยังไม่เคยใช้พลังเวทย์ ข้าเกรงว่า…”
“โอ้? ในที่สุดก็ลงมือจริงจังแล้ว?”
ดอกบัวขาวดูราวกับภาพมายา แต่อันที่จริงแล้ว ทุก ๆ กลีบล้วนมีน้ำหนักมหาศาลและมีความสามารถในการระเบิดตัว
ฟางหยวนมองภาพตรงหน้าแล้วยิ้ม “เยี่ยม ข้าก็เตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว!”
พลังธาตุคือพลังที่ผู้ฝึกตนสามารถควบคุมได้!
แม้ว่าเขาจะเพิ่งขึ้นเป็นอู่จง แต่ก่อนหน้านี้เขาก็ได้รับตำแหน่งจ้าวแห่งฝันมาแล้ว และดังนั้น การต่อสู้ระหว่างพลังเวทย์นั้นก็อยู่ในระดับเดียวกัน
“การปลดปล่อยพลังธาตุและปรากฏรูปลักษณ์ภายนอกนั้นก็คือการควบคุมพลังธาตุของตน… ผู้ที่มีพลังเวทย์สูงกว่าย่อมได้เปรียบ!”
ขณะที่เขาคิดกับตัวเอง ฟางหยวนก็ส่งพลังธาตุจากจุดตันเถียนของเขามาที่แขนอย่างระมัดระวังและปล่อยมันออกมา
แม้ว่าเขาจะใช้พลังเวทย์ช่วยในการควบคุมพลังธาตุของเขา ความช่วยเหลือที่เขาใช้นั้นก็หาได้ดูถูกได้ไม่ ตอนนี้ เขาควบคุมพลังธาตุได้อย่างละเอียด ซึ่งดีกว่าอู่จงหลายคนนัก!
“แกว๊ก! แกว๊ก!”
พร้อมกับเสียงร้องแหลมสูง กรงเล็บของฟางหยวนก็ยื่นออกมา กรงเล็บอินทรีดำขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นกลางอากาศ สะท้อนกับแสงจนดูราวกับเหล็กอันเนียนเรียบ และทุก ๆ รายละเอียดของกรงเล็บก็มองเห็นได้อย่างชัดเจน ราวกับเป็นกรงเล็บของจริงยื่นออกมา
“ผลัวะ! ผลัวะ!”
ดอกบัวสีขาวหลายดอกถูกกรงเล็บอินทรีตวัดทิ้งและหายไปกลางอากาศ เหลือไว้เพียงจุดสีขาวที่ร่วงสู่พื้น
“เป็นไปได้อย่างไร?”
สืออวี้ถงก้าวเท้าถอยไปหลายก้าว ความเย็นเยือกแล่นขึ้นมาตามสันหลัง
การปลดปล่อยพลังธาตุและก่อรูปลักษณ์ภายนอกนั้นเป็นสิ่งที่มีเพียงอู่จงผู้เปี่ยมประสบการณ์เท่านั้นที่จะทำได้ แน่นอนว่าฟางหยวนเพิ่งขึ้นเป็นอู่จง เช่นนั้นแล้วเขามีความสามารถนี้ได้อย่างไร?
ไม่ต้องพูดถึงว่า รูปลักษณ์กรงเล็บอินทรีเสมือนจริงนี้ยังแข็งแกร่งกว่าของนางนัก!
มันไม่ควรเป็นเช่นนี้!
“พรสวรรค์ระดับนี้…ปิศาจ!”
“ครืน!”
กรงเล็บอินทรียักษ์พุ่งลงมาอย่างไร้ปรานี สืออวี้ถงหลงได้ราวกับกิ่งหลิวพลิ้วตามลมขณะที่นางบิดเอวเล็กน้อย ลมหายใจของนางกระชั้นขึ้น นางเหลือบมองหลินเหลยเยว่ที่จับตาดูการต่อสู้อยู่แล้วก็ถอนหายใจ
ศิษย์ผู้นี้ของนางก็มีพรสวรรค์ยิ่งนักแล้ว แต่เมื่อเปรียบกับฟางหยวน นางก็ไม่นับเป็นอะไรเลย
ในตอนแรก นางพลาดโอกาสไป ชื่นชมเพียงไข่มุก ละทิ้งหยกที่ยังไม่ได้เจียระไน
มันสายเกินไปแล้วจนทุกอย่างดำเนินมาถึงตอนนี้ และไม่มีหนทางย้อนกลับ
“ฮ่าฮ่า! อีกครั้ง!”
แน่นอนว่าฟางหยวนย่อมไม่รู้ว่าสืออวี้ถงกำลังคิดอะไร
ตรงกันข้าม เขาตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามการต่อสู้
สืออวี้ถงนั้นเป็นครูที่ดีที่สุดเท่าที่เขาจะหาได้ นางเผยทุกประสบการณ์การต่อสู้ในฐานะอู่จงออกมาโดยไม่หวง เขาแอบหวังให้นางเก็บเอาไว้สักนิด เผื่อว่าการต่อสู้จะยาวออกไปได้อีกสักหน่อย
“แกว๊ก! แกว๊ก!”
กรงเล็บทั้งคู่ของเขาตวัดไปด้านหน้าพร้อมกับพลังธาตุที่กลางอากาส กรงเล็บหนึ่งจากด้านซ้าย และอีกกรงเล็บทางด้านขวา กักสืออวี้ถงเอาไว้ตรงกลาง!
“เบ่งบานและเติบโต!”
ฝ่ามือของสืออวี้ถงผลักออกไปขณะที่นางส่งพลังธาตุเข้าไป ทำลายรูปลักษณ์กรงเล็บทั้งสอง ส่วนตัวนางก็สั่นสะท้านอย่างแรง
“ฝุบ!”
ภายในหมอก ฟางหยวนปรากฏตัวขึ้นและกรงเล็บอีกข้างหนึ่งก็พุ่งลงมาจากด้านบน!
เคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็กทะลวงผ่านสู่ระดับอู่จงได้หมายความว่าความแข็งแกร่งของเขานั้นไม่ได้ขึ้นกับการปล่อยพลังธาตุของเขา แต่เป็นเคล็ดกำลังภายนอกที่รุนแรงและหนักหน่วงเพียงอย่างเดียว
“เปรี๊ยะ!”
กลีบดอกไม้พลังธาตุร่อนลงต้องฟางหยวนและระเบิดออก แต่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บใด ฟางหยวนยังคงรักษาความคล่องแคล่วเอาไว้ได้และพุ่งเข้าไปตรงหน้าสืออวี้ถง กรงเล็บด้านขวาพุ่งออกไป
สืออวี้ถงพลันรู้สึกถึงความเย็นเยียบของอันตรายสายหนึ่ง
มันเป็นความรู้สึกที่นางไม่เคยสัมผัสมาเป็นเวลานานแล้ว
แน่แล้ว อู่จงน้อยผู้นี้มีความสามารถสังหารนางได้! และเขาก็ตั้งใจจะทำเช่นนั้น!
“ติ๊ง!”
นางยกมือทั้งสองขึ้นด้วยกำลังเพื่อปัดป้องกรงเล็บและถอยออกมา สีหน้าของนางเปลี่ยนไป นางกระอักเลือดออกมาคำโต!
“อาจารย์!”
เมื่อเห็นภาพนี้ หลินเหลยเยว่ก็พุ่งเข้าไปทันที แต่มันก็สายเกินไปแล้ว
ฟางหยวนดูจะจมอยู่ในการต่อสู้และไม่มีหนทางที่จะทำให้เขาสงบลงได้ เขาไล่ตามนางและตวัดกรงเล็บใส่สืออวี้ถงที่ตำแหน่งเดิมอย่างต่อเนื่อง
ในช่วงเวลาที่วิกฤติที่สุด ก็มีเสียงขลุ่ยดังมา เป็นเสียงที่ฟังแล้วราวกับมีทหารม้าสักกองทัพมาเพื่อช่วยเหลือ
เงาร่างงดงามปรากฏขึ้นจากในป่ากำลังเป่าขลุ่ยของนางอยู่
“มีผู้อื่นอยู่ที่นี่ด้วยจริง ๆ!”
ฟางหยวนหัวเราะและก้าวถอยไปก้าวหนึ่ง
“แค่ก แค่ก… นายท่านฟางช่างเก่งกาจ และข้าก็สู้ไม่ได้!”
มีเพียงตอนนี้ที่สืออวี้ถงมีจังหวะที่จะยอมรับการพ่ายแพ้ ใบหน้าของนางซีดเผือด แสดงให้เห็นว่านางได้รับบาดเจ็บสาหัส
“เจ้าคือ… หลิงอิ๋น?”
ก่อนที่จะเริ่มการต่อสู้ ฟางหยวนก็รู้อยู่แล้วว่ามีคนแอบดูพวกเขาอยู่ และตั้งใจต่อสู้อย่างเต็มที่เพื่อบีบให้คนผู้นั้นออกมา จากนั้นเขาจึงพบว่านั่นคือศิษย์วิญญาณผู้ลึกลับที่เขาเคยพบที่ตำหนักเร้นคีรี
“คารวะนายท่านฟาง!”
หลิงอิ๋นหัวเราะเบา ๆ “ตอนที่พบกัน ข้าก็รู้อยู่แล้วว่าท่านไม่ใช่คนธรรมดา แต่ใครจะรู้ว่าตอนนี้ท่านกลับเป็นถึงอู่จง…”