Carefree Path of Dreams – ตอนที่ 128

หลังจากย้ายหญ้าวงเดือนและบุปผากงจักรแล้ว ฟางหยวนก็พบว่าพืชวิญญาณทั้งสองชนิดนี้มีคุณสมบัติพิเศษ มันเติบโตได้ดีมาก!

ในตอนแรกนั้นเขาหว่านเมล็ดลงไปอย่างง่าย ๆ แล้วมันก็กลายเป็นทุ่งหญ้าทุ่งดอกไม้! พืชวิญญาณทั้งสองชนิดนี้เพิ่งปลูกเพียงไม่นานและมีความทนทานสูงมาก ถ้ามีเหยื่อ พวกมันก็มีอาหาร แต่ถ้าไม่มีเหยื่อ พวกมันก็สามารถคอยอยู่นิ่ง ๆ และดูดซับสารอาหารจากดินคล้ายพืชธรรมดาอื่น ๆ

เพียงมีเลือดและเนื้อเพียงพอ การป้องกันของยอดเขาชอุ่มดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกติดตั้งเรียบร้อย

“ผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดาย่อมพบว่ามันไม่มีทางที่จะทะลวงฝ่าการป้องกันสองชั้นของหมอกสะกดและพืชวิญญาณมาได้ และอู่จง ถ้าหากไม่ระวังก็ย่อมติดกับดัก… ถ้ามีการทำงานร่วมกันเป็นอย่างดี รวมทั้งการลอบสังหารจากสัตว์วิญญาณทั้งสอง พวกมันย่อมสามารถทำให้อู่จงได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ด้วยซ้ำ! การป้องกันนี้เพียงพอแล้วสำหรับตอนนี้!”

ที่บนยอดเขา ฟางหยวนชงชาชำระจิตกาหนึ่ง และดื่มด่ำไปกับชาพร้อมกับอินทรีดำหางเหล็กและฮวาหูเตียว

ตั้งแต่หลังการตายของลู่เหรินเจีย เขาก็กลับมาอยู่บนเทือกเขาชอุ่มในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้อย่างสันโดษ

ทุกวันประกอบไปด้วยการทำนา ปลูกพืช และค้นหาวิถีทางของจ้าวแห่งฝัน บางครั้งเขาก็ออกไปจัดการงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่โลกภายนอก และเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้

ราวกับพริบตาเดียว หลายเดือนก็ผ่านไป

“ดี! ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ผืนนี้ช่างไม่ธรรมดาจริง ๆ!”

ในไร่ที่ปลูกข้าวหยกเพลิงเอาไว้ ฟางหยวนก็เริ่มเก็บเกี่ยวเมล็ดข้าว และใบหน้าก็เต็มไปด้วยความยินดี “พอมีปุ๋ยสำหรับพืชวิญญาณ ระยะเวลาที่ใช้ในการเติบโตก็สั้นลงกว่าเดิม…”

ด้วยความสามารถในการดูดซับสารอาหารอันน่าตระหนกของข้าวหยกเพลิง ถ้าปลูกมันเอาไว้ในหุบเขาสันโดษ สิ่งที่จะตามมาก็คือพื้นดินเสียความอุดมสมบูรณ์และพืชวิญญาณอื่น ๆ ที่เหลือก็จะแห้งเหี่ยวตายไป

นี่จะทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นเสียเปล่าไป

“หลังจากการเก็บเกี่ยวฤดูนี้แล้ว จะยังเหลือพอให้ได้กินอยู่ ข้าเริ่มเบื่อที่ข้าวหยกแดงแล้ว คงจะดีถ้าได้เปลี่ยนเสียที…”

เมื่อคิดเช่นนี้ ฟางหยวนก็ขึ้นขี่อินทรีดำหางเหล็กแล้วบินออกไปจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ยอดเขาชอุ่ม

อย่างไรเสีย เขาก็ไม่ได้ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว เมื่อมีธุระอะไรที่ต้องทำที่โลกภายนอก คนของเขาก็ไม่กล้าตัดสินใจเรื่องใหญ่ ๆ โดยที่ไม่ผ่านการเห็นชอบจากเขาก่อน

แต่ว่า ก็ไม่ได้มีการตัดสินใจที่จำเป็นต้องรอเขามากนัก แต่ครั้งนี้ มันค่อนข้างสำคัญ

“แม้ว่าเจ้ามณฑลชิงเหอจะไม่ได้มีอิทธิพลและอำนาจมากเหมือนเจ้าสำนักกุยหลิงก่อนหน้านี้ เขาก็ยังไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป และมีคนมากมายอยากจะได้มีอำนาจเช่นนี้…”

แม้ว่าเจ้าเมืองอี้ซานฝูจะอยากแต่งตั้งฟางหยวนขึ้นสู่ตำแหน่งนี้ ฟางหยวนกลับไม่ต้องการ แต่ไม่ช้าเขาก็พบว่าไม่มีคนของเขาคนใดที่สามารถรับหน้าที่นี้ได้นอกเสียจากเขาจะตัดสินใจก้าวขึ้นไปเอง

“ความจริงก็คือ… สืออวี้ถงเป็นตัวเลือกที่ดีถ้าหากว่านางภักดีและเชื่อฟัง… น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถเชื่อใจนางได้อีกต่อไปแล้ว!”

ความคิดนั้นวิ่งผ่านเข้ามาในใจเขาขณะที่เขาลอยขึ้นไปบนฟ้า อินทรีดำหางเหล็กเริ่มมุ่งหน้าสู่เมืองชิงเย่

“นายท่าน!”

คนของเขาหลายคนรวมตัวกันอยู่ที่ในคฤหาสน์เจ้าเมือง และแม้แต่หวงฝูเหรินเหอและจางเฉิงก็รีบร้อนตรงมาหาเขาเช่นกัน

“ลุกขึ้นเถอะ!”

ฟางหยวนโบกมือ และตรงไปที่ห้องโถงหลักและนั่งลง

“หวงฝูเหรินเหอ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของสำนักกุยหลิงเป็นอย่างไรบ้าง?”

พอเขาถาม หวงฝูเหรินเหอก็โค้งตัวลงตอบ “ตอบนายท่าน ข้ารับเอาสวนขนาดสิบหมู่มาได้อย่างราบรื่น ทั้งหมดนับและตรวจสอบแล้ว ข้าได้รับเมล็ดธัญพืชวิญญาณทั้งหมด 587 ชั่ง ส่วนดอกไม้และหญ้าวิเศษนั้น…”

“อืม?”

ฟางหยวนคิ้วกระตุก

ไม่ใช่เพราะหวงฝูเหรินเหอจัดการงานได้ไม่ดี แต่เพราะการส่งต่อที่ราบรื่น

แม้ว่าจะมีเจ้าเมืองอี้ซานฝูสนับสนุน หวงฝูเหรินเหอกลับสามารถตรวจสอบทั้งหมดได้อย่างง่ายดายทำให้ฟางหยวนประหลาดใจ

‘เดิมที่ข้าต้องการใช้โอกาสนี้แสดงอำนาจของข้าและทำลายผู้ที่ไม่เชื่อฟัง… ดูเหมือนว่าแต่ละตระกูลในมณฑลนี้ล้วนฉลาดนัก!’

ฟางหยวนถามขึ้น “เจ้าเจอกับความยากลำบากใดหรือไม่ระหว่างทำงาน?”

“มีบางส่วนยากอยู่บ้าง แต่ด้วยการสนับสนุนจากตระกูลเฉินในมณฑล ทุกอย่างค่อนข้างราบรื่นและข้าจึงทำตามที่นายท่านสั่งได้สำเร็จ!”

หวงฝูเหรินเหอตอบด้วยความนับถือ

ชายหนุ่มที่ให้เขามาทำงานด้วยตอนนี้นั้นต่างจากเขามากทำให้หวงฝูเหรินเหอมองเขาเปลี่ยนไป

“ตระกูลเฉิน?”

ฟางหยวนไม่ได้สนใจตระกูลพวกนี้แต่ชื่อนี้ก็ยังค่อนข้างคุ้นเคย

ถ้าขนาดเขาที่อาศัยอยู่อย่างสันโดษยังเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน ตระกูลเฉินย่อมต้องมีอิทธิพลอยู่บ้างในมณฑลนี้

“ตอบนายท่าน ตระกูลเฉินนั้นมาจากมณฑลชิงเหอ เจ้าตระกูลคือเฉินชิ่งตอนนี้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับประตูทองที่ 8 ที่มีชื่อเสียงในมณฑล ยังมีข่าวลือด้วยว่า เขาอยู่ห่างจาก 4 ประตูสวรรค์เพียงก้าวเดียวแล้ว!”

โจวเหวินอู่ก้าวมาข้างหน้าและอธิบายเพิ่ม “เมื่อข่าวสำนักกุยหลิงล่มสลายลงแพร่ออกไปนั้น ตระกูลนี้เป็นตระกูลแรกที่เปลี่ยนข้างและสังหารทุกคนในตระกูลที่เป็นศิษย์สำนักกุยหลิง ข้าได้ยินมาว่าผู้ที่ถูกสังหารไปเป็นผู้อาวุโสสามคนและยังทายาทสายตรงอีกสองคนด้วย… หลังจากมอบบัญชีรายชื่อเปื้อนเลือดนั้นออกไป พวกเขาก็รอดพ้นจากการตรวจสอบจากอี้ซานฝูและนับว่าบริสุทธิ์ พวกเขาตอนนี้นับเป็นหนึ่งในตระกูลที่มีอิทธิพลในมณฑลชิงเหอ…”

“เฉิงชิ่งผู้นั้นช่างโหดเหี้ยมนัก!”

ฟางหยวนยิ้ม

ในเมื่อพวกเขาสามารถฝังรากอยู่ในมณฑลชิงเหอได้ จะไม่มีความเกี่ยวพันกับสำนักกุยหลิงได้อย่างไร? การชำระล้างตระกูลนั้นไม่ง่ายดายเพียงแค่สังหารคนไม่กี่คน แต่เป็นแนวทางความคิดตั้งแต่แรกของสมาชิกในตระกูลด้วย

แน่นอนว่า อนาคตของตระกูลเฉินก็ไม่ใช่ธุระอันใดของฟางหยวน

“ทำเช่นนั้นแล้ว ตระกูลเฉินก็มีความชอบพอให้ร้องขอสิ่งใด?”

ฟางหยวนมองหวงฝูเหรินเหอและยิ้ม

“นายท่าน ท่านพูดได้ตรงเรื่องทีเดียว! บุตรชายของเฉินชิ่ง ชื่อเฉินจื่ออิง ต้องการเข้าเป็นศิษย์ของท่าน ลูกชายเขาอายุไม่ถึงยี่สิบปีแต่ตอนนี้เป็นผู้ใช้กำลังภายในแล้ว เขามีความสามารถที่ข้าเองก็สู้ไม่ได้!”

หวงฝูเหรินเหอถูกเฉินจื่ออิงเกลี้ยกล่อมมาและตอนนี้ก็พยายามพูดให้เขา

“อายุ 20 ปีและเป็นผู้ฝึกยุทธ์ประตูทองที่ 6 แล้ว! น่าประทับใจจริง ๆ!”

ฟางหยวนพยักหน้า

แม้แต่หลินเหลยเยว่ยังต้องได้รับความช่วยเหลือจากเม็ดยาวิญญาณกว่าจะทะลวงผ่านประตูชางได้ ตระกูลเฉินย่อมไม่มีทรัพยากรมากเท่าสำนักกุยหลิง ซึ่งหมายความว่าเฉินจื่ออิงนั้นมีพรสวรรค์จริง ๆ!

แน่นอนว่าเอามาเทียบกับตัวฟางหยวนเองไม่ได้ ถ้าเขาทำเช่นนั้น ผู้มีพรสวรรค์ทั้งประเทศย่อมต้องอับอายเมื่อได้รู้จักฟางหยวน

“น่าเสียดาย… ข้าไม่มีความตั้งใจที่จะรับศิษย์!”

ฟางหยวนส่ายหน้าและถอนหายใจ “แต่ว่า… ถ้าตระกูลเฉินต้องการสถานะให้เขา ข้าสามารถมอบสถานะศิษย์ในนามของข้าให้เขาได้ ส่วนที่ข้าจะสั่งสอนอะไรเขานั้น ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ข้า นำข้อความนี้ไปบอกตระกูลเฉินให้ตรองดู!”

ฟางหยวนเดาว่าตระกูลเฉินเพียงต้องการให้ผู้อื่นหวาดกลัวด้วยชื่อของเขาเอง ดังนั้นศิษย์ในนามก็เพียงพอทำให้พวกเขาพึงพอใจ

ส่วนลูกศิษย์ที่แท้จริง?

เฉินจื่ออิงนั้นไม่เก่งพอ แม้แต่หลานรั่วเองก็ยังด้อยไปเล็กน้อย

“นายท่านฝึกทั้งวิทยายุทธ์และเคล็ดวิญญาณในเวลาเดียวกันและยังสามารถเป็นผู้ใช้พลังธาตุได้แล้ว เช่นนั้นข้าคิดว่าตระกูลเฉินย่อมรับข้อเสนอของนายท่านอย่างแน่นอน!”

หวงฝูเหรินเหอสามารถคาดเดาความตั้งใจของตระกูลเฉินได้ และดังนั้นจึงตอบออกไปตามสัญชาตญาณ

“อื้ม เอาตามนั้น!”

ฟางหยวนโบกมือและให้หวงฝูเหรินเหอถอยไปได้ และอวี้ซินโหลวก็ก้าวออกมา “นายท่าน… สมาคมการค้าเมฆาขาวตั้งขึ้นใหม่แล้ว และเรียกคืนร้านค้าทั้งมณฑลชิงเหอมาแล้ว สมาคมนี้ตอนนี้ยิ่งใหญ่กว่าที่เคย และอยู่ภายใต้คำสั่งของท่าน!”

อวี้ซินโหลวรู้ว่าสมาคมการค้าของเขานั้นพึ่งพิงฟางหยวนเพื่อให้กระบวนการเป็นไปได้อย่างราบรื่น ดังนั้นจึงไม่ลังเลเลยที่จะแสดงออกถึงความภักดีต่อฟางหยวน

“เป็นเรื่องดีที่การค้าในมณฑลเป็นไปอย่างราบรื่น!”

ฟางหยวนให้คำแนะนำอีกเล็กน้อย เขาไม่เข้าไปวุ่นวายมากนักกับอิทธิพลภายนอกพวกนี้ แต่ก็ยังเป็นเรื่องดีที่มีการพัฒนาไป โดยที่เขาก็ไม่ต้องออกไปร่อนเร่ไกล ๆ เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการอีกต่อไป

“หวงฝูเหรินเหอ พาหลานรั่วเข้ามาที่ห้องหนังสือ!”

หลังจากการจัดธุระทั้งหมดแล้ว ฟางหยวนก็บอกให้หวงฝูเหรินเหอตามเขาไป

“ขอรับ นายท่าน!”

แม้ว่าเขาจะไม่รู้จุดประสงค์ของการพาหลานรั่วไปด้วย หวงฝูเหรินเหอก็ยังตอบรับอย่างนอบน้อมและพาน้องสาวไปที่ห้องหนังสือของเจ้าเมือง

ห้องหนังสือนี้กว้างขวาง และมีชั้นหนังสือเต็มไปด้วยหนังสือโบราณมากมาย มีแจกันโบราณอยู่บนชั้นหนังสือ ด้านในเป็นดอกท้อเสียบไว้

“คาวรวะนายท่าน!”

หวงฝูเหรินเหอกล่าวทักทายขึ้นก่อนจะแตะบอกให้หลานรั่วทำเช่นเดียวกัน

เด็กหญิงรู้สึกกลัวเล็กน้อย โค้งตัวลงและน้ำเสียงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “คารวะนายท่าน…” เสียงของเธอเบาราวเสียงยุงบิน

“ฮ่าฮ่า! ไม่ต้องเป็นทางการขนาดนั้น!”

ฟางหยวนให้ความรู้สึกใจดีและเป็นมิตรขณะที่เขาประเมินหลานรั่ว

เด็กหญิงผู้นี้ ก่อนหน้านี้เคยผ่านความลำบากอดอยากและกินนอนข้างถนนมากับหวงฝูเหรินเหอ หลังจากได้รับการดูแลอย่างดีในตอนนี้ รูปร่างของนางก็มีน้ำมีเนื้อมากขึ้นและแก้มก็ยังกลมขึ้น ราวกับเป็นตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ น่ารักเป็นที่สุด ฟางหยวนอดไม่ได้ต้องยื่นมือไปดึงแก้มนางครั้งหนึ่ง

‘ไม่ดีแล้ว!’

หวงฝูเหรินเหอเห็นแล้วก็รู้สึกตัดสินใจไม่ได้

‘เป็นไปได้ไหมว่านายท่านชอบหลานรั่ว? นางยังเด็กเกินไป!’

‘แต่ว่า ก็มีผู้ชายบางคนชอบอะไรแบบนี้… ข้าจะทำอย่างไรดีหากนายท่านเป็นเช่นนั้น?’

และเมื่อคิดถึงว่าฟางหยวนยังเป็นชายหนุ่มไร้พันธะก็ยืนยันความเป็นไปได้นี้ และหวงฝูเหรินเหอก็เหงื่อตก

“หวงฝูเหรินเหอ… เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมพรรคสุนัขป่าถึงต้องการจับตัวหลานรั่วไปเมื่อตอนนั้น?”

แน่นอน ฟางหยวนไม่รู้ว่าหวงฝูเหรินเหอกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ แต่เขารู้สึกได้ถึงความไม่สบายใจ ดังนั้นจึงทอดเสียงอ่อนขึ้น

“ข้าไม่ทราบ…”

ยังคงมีความขัดแย้งอยู่ในใจเขา และกดความสับสนลงไป เขาตอบ

“เพราะว่าหลานรั่วเกิดมาพร้อมกับพลังเวทย์ที่สูงกว่าปกติ! นางเป็นผู้ที่มีโอกาสขึ้นเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์!”

ฟางหยวนยิ้ม “ด้วยความสามารถของนาง นางจะแข็งแกร่งกว่าเจ้ามาก!”

“อะไรนะขอรับ?”

หวงฝูเหรินเหอตกนะลึง มองตาหลานรั่วแล้วเขาก็ไม่อยากจะเชื่อ “นายท่าน ท่านกำลังบอกว่า… หลานรั่วจะเป็นศิษย์วิญญาณได้?”

“ถ้านางฝึกฝนหนักมากพอ นางอาจจะเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์ได้!”

ฟางหยวนยิ้มและพยักหน้าขณะมองนาง “หลานรั่ว เจ้าอยากจะมาเป็นศิษย์ของข้าและเรียนการเล่นแร่แปรธาตุหรือไม่?”

“รีบตกลงเร็ว! คุกเข่าลงคารวะอาจารย์ของเจ้า!”

หวงฝูเหรินเหอรีบบอกให้หลานรั่วทำตาม มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่จะปล่อยโอกาสนี้ผ่านไป

“อาจารย์!”

เด็กหญิงน้อยไม่เข้าใจแต่ก็ทำตามโดยดี นางคุกเข่าลงคารวะฟางหยวน

“อืม ดีมาก ในมือข้า มีตำราแปรธาตุทั้งชุดที่ได้มาจากลู่เหรินเจีย ถ้าเจ้าฝึกให้มากพอ ก็เป็นไปได้ที่เจ้าจะได้เป็นเจ้าแห่งการเล่นแร่แปรธาตุในอนาคต!”

ฟางหยวนมองหวงฝูเหรินเหอ “เหรินเหอ เจ้าก็เรียนด้วย!”

“ขอบคุณขอรับ นายท่าน!”

หวงฝูเหรินเหอแสดงความนับถืออย่างสุดกำลังราวกับขายทั้งชีวิตให้ฟางหยวนไป ความสัมพันธ์และความภักดีของเขาขยับสูงขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง

 

 

 

Carefree Path of Dreams

Carefree Path of Dreams

CPoD, 逍遥梦路
Score 7.4
Status: Ongoing Type: Author: , , Artist: Released: 2017 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Carefree Path of Dreamsนี่เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มที่ใช้ชีวิตสันโดษอยู่บนภูเขา ปลูกพืช เลี้ยงปลา และฝันถึงความฝันของเขา เอ๋? จู่ ๆ ข้าก็ออกไปพิชิตทั่วหล้าและกลายเป็นผู้ครองโลกเหรอ? หรือว่าข้ายังอยู่ในความฝันกันแน่?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset