ฟางหยวนนั้นมีประสบการณ์มากมายในการหุงข้าววิญญาณ
แต่เขาก็ไม่รู้ว่าข้าวหยกเพลิงจะออกมาเป็นเช่นไร ไม่นาน ไฟก็ถูกจุดขึ้นเพื่อหุงข้าว
ถ้าเขาไม่เตรียมให้พร้อม เขาเกรงว่าจะได้ข้าวดิบและเสียข้าววิญญาณหม้อแรกไปซึ่งนั่นก็จะกลายเป็นเรื่องตลกไปเสีย!
“ฟู่!”
เมื่อข้าวเริ่มสุก ฟางหยวนก็เปิดฝาหม้อขึ้น ความร้อนสูงวาบออกมาจากหม้อ
“กิกี๊!”
“แกว๊ก! แกว๊ก!”
ฮวาหูเตียวและอินทรีดำหางเหล็กกรูเข้ามาล้อมจ้องข้าวหยกเพลิงที่สุกแล้ว
ในหม้อ ข้าวแต่ละเม็ดมีสีแดงประกายและมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมจนเกือบเท่าลูกลิ้นจี่ มันใสและดูเหมือนมีเปลวเพลิงเล็ก ๆ อยู่ด้านใน
“ทำไมถึงให้ความรู้สึกเหมือนว่าข้ากำลังปรุงยาอยู่เลยเล่า?”
พอได้ใช้เวลาสั่งสอนลูกศิษย์ เขาก็ค่อย ๆ เข้าใจการแปรธาตุของลู่เหรินเจีย และรู้สึกของการหุงข้าวหม้อนี้นั้นคล้ายกับการปรุงยาวิเศษ และผลผลิตที่ได้สุดท้ายของทั้งสองกระบวนการยังเหมือนกันมากอีกด้วย
‘ใช่แล้ว… ข้าววิญญาณนั้นเติบโตขึ้นโดยธรรมชาติ และดังนั้นจึงดีกว่ายาธรรมดาทั่วไป นอกจากนี้ มันยังสามารถกินได้เป็นประจำ แต่ยานั้น ก็ยังต้องกังวลว่ามันอาจจะพิษหรือไม่…’
เขาตักข้าวขึ้นมาสองเม็ดและส่งให้ฮวาหูเตียวกับอินทรีดำหางเหล็ก จากนั้นก็หยิบอีกหนึ่งเม็ดสำหรับตัวเอง เขาเอาเม็ดข้าวใส่ปาก
“อู้ว!”
ข้าวนี้กรุบและหอมมาก ไม่ต้องพูดเลยว่ารสชาติจะยอดเยี่ยมเพียงไหน ที่สำคัญไปกว่านั้น หลังจากขบเม็ดข้าวแตกแล้ว มันก็ราวกับมีเปลวไฟระเบิดอยู่ในปากของเขา ไหลผ่านลำคอลงไปที่กระเพาะอาหาร จุดตันเถียนของเขาอุ่นขึ้น ราวกับมีลูกไฟเล็ก ๆ อยู่ข้างใน
“คุณสมบัติทางเวทย์อันน่ามหัศจรรย์นัก!”
ด้วยพลังเวทย์เสริมอันมหาศาลนี้ มันจึงมีประโยชน์กว่าข้าวหยกแดงหลายเท่า ทำให้ฟางหยวนตาเป็นประกายขึ้นมา
ด้วยพลังเวทย์อันสูงส่งของเขา เขาก็ยังสัมผัสได้ว่าพลังธาตุในจุดตันเถียนของเขานั้นได้รับการกระตุ้นและแข็งแกร่งขึ้นกว่าก่อนหน้าเล็กน้อย
“ด้วยระดับนี้… มันให้ผลดีกว่าชาวิญญาณในอี้ซานฝูเสียอีก…”
ฟางหยวนแตะหน้าผากแล้วพบว่ามือของเขาเปียก เหงื่อเริ่มไหล
“ถ้าข้ากินมันเป็นอาหารหลักทุกวัน มันก็จะเพิ่มพลังธาตุไฟให้ข้าและยังชำระล้างกระดูกเส้นเอ็น! นอกจากนี้…”
ดวงตาของเขาเปล่งแสงวูบ เขาตวัดมือทำท่า
“เปรี๊ยะ!”
เปลวไฟเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นที่ปลายนิ้ว
“คาถาเวทย์ธาตุไฟ… ข้าใช้มันได้แล้ว?”
ฟางหยวนสนใจในคาถาเวทย์มาก เขาอ่านหนังสือทั้งหมดที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ที่มีที่อี้ซานฝูและจดจำทั้งหมดเอาไว้
ตัวหลิวเอี๋ยนเองนั้นเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์ธาตุไฟ แม้ว่าเขาจะไม่ได้สอนคาถาเวทย์ลับของตัวเอง เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธคำร้องขอเรียนรู้คาถาเวทย์พื้นฐานที่มีไว้สำหรับศิษย์วิญญาณ
คาถาเวทย์นั้นเรียนรู้ได้ยากที่สุด และฟางหยวนก็พยายามลองใช้ เขาก็พบว่ามันยากเย็นยิ่งนัก
แต่ว่า ตอนนี้ เมื่อเรียกใช้คาถาเวทย์ เขาก็รู้สึกว่าเขาเข้าใจการฝึกฝนของธาตุไฟได้มากขึ้น และยังสัมผัสถึงพลังธาตุไฟในฟ้าและดินได้ นี่เป็นวิถีทางต่างออกไปจากการแฝงฝันและคาถาเวทย์ธาตุไม้ แต่จุดหมายนั้นเป็นอย่างเดียวกัน ทั้งหมดล้วนลึกซึ้งไม่ต่างกัน
“ข้าวหยกเพลิงนี้เป็นธาตุไฟ ถ้าข้ากินมันไปนาน ๆ ข้าย่อมสามารถเพิ่มสัมผัสธาตุไฟของข้าได้…”
ฟางหยวนลูบคางและจมลงในห้วงความคิด “ถ้าหลิวเอี๋ยนรู้เรื่องนี้ เขาย่อมใช้ทุกอย่างเพื่อให้ได้มันไป!”
หลิวเอี๋ยนอยู่ที่จุดสูงสุดของระดับรวมธาตุแล้ว และอยู่ห่างจากการฝ่าระดับอีกเพียงก้าวเดียว
แต่ว่า ก้าวสุดท้ายนี่แหละที่ยากจะข้ามได้!
เพื่อตัวช่วยที่อาจจะเพิ่มโอกาสทะลวงด่านแม้เพียงเล็กน้อยที่สุด เขาคงจะยอมลงมือขโมยข้าวหยกเพลิงถ้าเขารู้ว่ามีมันอยู่
“กิกี๊!”
“แกว๊ก! แกว๊ก!”
ขณะที่ฟางหยวนกำลังจมในห้วงความคิด เขาก็รู้สึกตัวขึ้นมาและพบว่าฮวาหูเตียวและอินทรีดำหางเหล็กนั้นกินข้าวหยกเพลิงหมดไปครึ่งหม้อแล้ว และรู้สึกโมโหนิด ๆ “ฮึ่ม… เจ้าทั้งคู่ไม่เหลือเผื่อข้าแล้ว!”
เขาเข้าไปร่วมผสมโรงกับทั้งคู่เพื่อฉวยมากินมากขึ้น
ข้าวหยกเพลิงนี้เม็ดโตเต่งเป็นที่สุด แต่ละเม็ดใหญ่เท่าลูกลิ้นจี่ และเขาก็อิ่มหลังจากกินไปเพียง 7 หรือ 8 เม็ดเท่านั้น เห็นฮวาหูเตียวและอินทรีดำหางเหล็กล้วนกินช้าลง ค่อย ๆ เคี้ยว เขาจึงนึกได้ว่าควรจะค่อย ๆ ซึมซับรสชาติของมันบ้าง
“ด้วยความสามารถของข้า ถ้าข้าตั้งใจฝึกคาถาเวทย์ธาตุไฟ ข้าคงจะสามารถขึ้นไปอยู่ระดับเดียวกับหลิวเอี๋ยนได้ภายในยี่สิบปี!”
หลังจากกินอิ่มแล้ว ฟางหยวนก็รู้สึกว่าเขาเข้าใจประโยชน์ของข้าวหยกเพลิงได้มากขึ้น
“แน่นอนว่า การฝึกเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์เพียงอย่างเดียวนั้นไม่ฉลาดเกินไปและยังทำให้พรสวรรค์ของข้าเสียเปล่าไป!”
ฟางหยวนดวงตาสว่างวาบ “ด้วยความช่วยเหลือจากของวิเศษเยอะเพียงนี้ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าข้าจะฝ่าแต่ละระดับของจ้าวแห่งฝันไม่ได้!”
…
“แกว๊ก! แกว๊ก!”
ที่ยอดเขาชอุ่มดินแดนศักดิ์สิทธิ์ นกสีขาวฝูงใหญ่บินวนไปรอบ ๆ กระพือปีกและส่งเสียงร้อง
ในฐานะเจ้าของดินแดนแห่งนี้ นอกจากการล่าแล้ว นกเหล่านี้ก็เป็นอิสระยิ่งนัก นาน ๆ ครั้งพวกมันก็จะบินไปที่แม่น้ำ อาบน้ำและเล่นกันอยู่รอบ ๆ สนุกสนานยิ่งนัก
ในพื้นที่อันสงบสุขเช่นนี้ มีเงาสีเทาแอบปีนขึ้นไปบนยอดเขา
“ราชานกหงเอี่ยนป๋ายตัวนี้แทบจะอดตายอยู่แล้ว ก็ยังมีเจตจำนงที่แรงกล้านัก! เป็นปัญหาจริง ๆ เลย!”
เงาสีเทานี้ก็คือฟางหยวนนั่นเอง!
ไม่ต้องสงสัยเลย ที่นี่คือโลกแห่งความฝันของราชานกหงเอี่ยนป๋าย
มันมีระดับสูงพอให้เกิดการรู้ตนได้และทำให้เขากลายเป็นเงาในโลกแห่งความฝันของผู้อื่น
ตอนนี้เขากลายเป็นเหมือนวิญญาณลอยเลื่อนในความฝันของผู้อื่น ซึ่งหมายความว่าเขามีความก้าวหน้าในเส้นทางจ้าวแห่งฝันแล้ว
นอกจากนี้ หลังจากเกิดใหม่เป็นนกอยู่หลายครั้งและทดลองสิ่งต่าง ๆ มากมาย ฟางหยวนก็สามารถสร้างร่างมนุษย์ในความฝันนี้และยังไม่ต้องบังคับให้ตนเองเติบโตขึ้นมาในฐานะนกตัวหนึ่งอีกต่อไป
ไม่อย่างนั้น ถ้าเขาต้องทำเช่นนั้นสักหลายครั้ง เขาเกรงว่าตัวเองจะติดนิสัยแบบนกไปเสียก่อนและจะมีผลต่อชีวิตจริงของตนเอง อย่างเช่น รู้สึกว่าตัวเองมีปีก หรือรู้สึกอยากจะบินเมื่ออยู่บนหน้าผา
“ระดับรวมธาตุของจ้าวแห่งฝันนั้นแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือผู้แฝงฝัน และส่วนที่สองก็คือผู้สร้างฝัน!”
ผู้แฝงฝันนั้นสามารถเข้าไปในความฝันใด ๆ ของสิ่งมีชีวิต แก้ไขและเปลี่ยนโลกแห่งความฝัน การสร้างมโนภาพนั้นเป็นความสามารถของผู้สร้างฝัน!
“เมื่อคนผู้หนึ่งกำลังฝัน เขาจะลดการป้องกันตัวเองลง การสร้างภาพที่คล้ายคลึงกับความฝันของคนผู้นั้น จะสามารถขโมยความลับได้… นี่เป็นสิ่งพื้นฐานที่สุดที่ใช้ในการสร้างฝัน ใครจะบอกความแตกต่างระหว่างความจริงกับมโนภาพได้กัน? แก่นที่แท้จริงของผู้สร้างฝันก็คือหลอมรวมความทรงจำเข้าด้วยกัน!”
ฟางหยวนมาถึงยอดหน้าผา เขาคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมดีแล้ว ขณะเล็งไปที่พื้นราบและกระโดด
“ตุ้บ!”
หลังจากหล่นลงไปอยู่ช่วงหนึ่ง เขาก็หยั่งเท้าลงได้เป็นครั้งแรกและกลิ้งตัวไป
“แกว๊ก! แกว๊ก!”
เสียงที่เกิดขึ้นดึงดูดความสนใจของเหล่านกสีขาว และนกสีขาวบางตัวก็ร้องและพุ่งเข้าใส่เขา
“ไปซะ!”
ฟางหยวนผลักมือออกเป็นกรงเล็บเล็งใส่นกพวกนั้น
“ฝุบ! ฝุบ!”
จากโจมตีของเขาทำลายกะโหลกของนกสีขาวและมันก็ร่วงลงพื้น ฟางหยวนยังคงพุ่งต่อไปที่ถ้ำที่เป็นรังของราชานก
ท้ายที่สุดแล้ว นี่ก็เป็นความฝันของราชานกหงเอี่ยนป๋ายและมันก็รู้ตัวขึ้น อย่างไร ความสามารถของฟางหยวนก็อยู่เพียงแค่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับ 4 ประตูสวรรค์
แต่นี่ก็พอแล้ว!
“ราชานกมงกุฏทองตอนนี้ออกล่าอยู่และยังไม่กลับมา แต่ว่า มันก็จะกลับมาไม่ช้านี้แล้ว… นี่เป็นเพราะว่าไข่ในรังของมันกำลังจะฟัก มันย่อมต้องการรีบกลับมาให้ลูกนกเหล่านั้นเห็นมันเป็นสิ่งแรก!”
ฟางหยวนยิ้ม
นกนั้นมีพฤติกรรมที่เฉพาะ ลูกนกเกิดใหม่จะปฏิบัติกับสิ่งที่มันเห็นสิ่งแรกเหมือนเป็นพ่อแม่ของมัน และจะให้ความสนิทสนมกับสิ่งนั้น
“แกว๊ก! แกว๊ก!”
ที่ด้านนอก มีเสียงร้องของนกดังมา ราชานกมงกุฏทองกลับมาและพบว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นทำให้มันโมโหมาก
“รออยู่ที่นั่นแหละ! สร้างฝัน!”
ในตอนนี้ ฟางหยวนรู้สึกว่าเขาสามารถความคุมเหนือโลกนี้ได้มากขึ้นและเริ่มจัดการกับถ้ำ
“กรงเล็บอินทรี!”
“ครืน!”
ขณะที่กรงเล็บของเขาพุ่งออกไป ทางออกถ้ำก็ถล่ม หินก้อนใหญ่หล่นลงมาปิดปากถ้ำ ราชานกมงกุฎทองกระวนกระวายแต่ทำอะไรไม่ได้
“ข้าต้องการ…แสงสว่าง!”
ฟางหยวนพึมพำสองสามคำและทันใดนั้น ทั้งถ้ำก็สว่างขึ้นด้วยแสงอันอบอุ่น
“ชี่! ชี่!”
ในตอนนี้ ที่ใกล้ ๆ นั้น ไข่ใบใหญ่หลายฟองเริ่มกลิ้งไปมา มีรอยแตกปรากฏขึ้นที่เปลือกไข่ มีจะงอยปากเล็ก ๆ โผล่ออกมาและจิกเปลือกไข่ช้า ๆ เกิดเป็นรูเล็ก ๆ
“ใช่แล้ว พยายามเข้า!”
ฟางหยวนเดินไปที่รังและคอยสังเกตดู
“แกรบ! แกรก!”
พร้อมกับเสียงแตก เปลือกไข่ก็แยกออกเผยให้เห็นลูกนกที่มีขนเป็นหย่อม ๆ เป็นลูกนกตัวเล็กผิวยังเป็นสีชมพู
เห็นลูกนกเหล่านี้ ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่าหนึ่งในพวกมันจะโตขึ้นไปเป็นราชานกหงเอี่ยนป๋าย
“จิ๊บ! จิ๊บ! จิ๊บ! จิ๊บ!”
พอลูกนกลืมตาของมันขึ้น มันก็สลักรูปเงาของฟางหยวนเอาไว้ในดวงใจเล็ก ๆ ของมันแล้ว
“นกดี!”
ไม่เพียงแค่นั้น ฟางหยวนยังยื่นมือออกไปลูบตัวพวกมันทีละตัว ให้ลูกจดจำลมหายใจของเขาได้
…
ในถ้ำ ฟางหยวนลืมตาขึ้น
ในเวลาเดียวกัน ราชานกหงเอี่ยนป๋ายที่ตรงหน้าเขาก็ลืมตาของมันขึ้นเช่นกัน ขณะที่มันมองฟางหยวน มันก็แปลกไป มันไม่มีท่าทีดุร้ายเหมือนเคย แต่ว่า เป็นท่าทางเป็นมิตร
“ดี… นี่ กินอาหารเสียหน่อย!”
ฟางหยวนยิ้มและส่งลูกไผ่กับข้าวหยกเพลิงสองสามเมล็ดให้มัน
“แกว๊ก! แกว๊ก!”
ราชานกหงเอี่ยนป๋ายร้องอย่างอ่อนแรงและเปิดจะงอยปากกินอาหารเข้าไปอย่างเชื่อฟัง
“เรียบร้อย!”
เห็นเช่นนี้แล้ว ฟางหยวนก็ดีใจมาก เขารู้ว่าราชานกหงเอี่ยนป๋ายยอมรับเขาอย่างสมบูรณ์แล้ว
‘ใครจะรู้ว่าความพยายามในการเปลี่ยนความทรงจำของมันนี้จะสำเร็จลงได้ โชคดี ข้าได้เตรียมใจเอาไว้ก่อนแล้ว…’
แม้ว่าโลกแห่งความฝันจะต่างไปจากความทรงจำ การโกหกซ้ำ ๆ เป็นพันครั้งก็กลายมาเป็นความจริงได้ ตราบใดที่เขายังคอยโน้มน้าวมันในความฝันของมันอีกหลาย ๆ ครั้ง ราชานกหงเอี่ยนป๋ายย่อมสับสนในความฝันของมันกับความทรงจำของมัน
นอกจากนี้ จิตใจของนกวิญญาณล้วนบริสุทธิ์กว่าเหล่ามนุษย์ และยังทำงานด้วยง่ายกว่า
สิ่งเดียวที่ฟางหยวนไม่ได้คาดคิดเอาไว้ก็คือเขาทำสำเร็จได้ในการพยายามครั้งแรก!
“ดีมาก… ราชานกหงเอี่ยนป๋ายนี้มีความสามารถเทียบได้กับจอมยุทธ์ระดับ 4 ประตูสวรรค์และยังเทียบได้กับจอมยุทธ์ระดับประตูทองที่ 12 เมื่อมันคลั่ง! นอกจากนี้ มันยังเป็นนกวิญญาณ มันบินได้ และยังสามารถควบคุมฝูงนกหงเอี่ยนป๋ายได้ ยามนี้ข้ามีผู้ช่วยที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นแล้ว!”
ในเมื่อเขาสามารถกล่อมราชานกหงเอี่ยนป๋ายได้แล้ว ฟางหยวนก็รีบปล่อยโซ่มันทันทีและเอาอาหารวิญญาณจำนวมมากให้มันกินเพื่อฟื้นฟู
“ตอนนี้ข้าเข้าสู่ระดับผู้สร้างฝันแล้ว และยังขาดเพียงการฝึกฝนในความฝันของมนุษย์… ข้ายังไม่มีประสบการณ์มากพอ…”
ฟางหยวนรู้ความสามารถของตนเองดี ครึ่งเดือนหลังจากเก็บเกี่ยวข้าวหยกเพลิงครั้งแรก การฝึกตนของเขาก็คืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว