ฟางหยวนเดาว่า ตั้งแต่ลู่เหริยเจียตายไป อัตตาของหลิวเอี๋ยนก็เพิ่มสูงขึ้น
เมื่ออยู่ใต้หินก้อนใหญ่ ก็ได้แต่ปีนขึ้นไปทางเดียวเท่านั้น
การกบฏของลู่เหรินเจียนั้นมีผลกระทบกับอี้ซานฝูอย่างมาก แต่มันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ หรือ? เมื่อกองกำลังกบฏรวมตัวกัน กลยุทธ์ของฟางหยวนที่จัดการโจมตีหัวหน้านั้นทำให้กองกำลังอี้ซานฝูกำจัดลู่เหรินเจียและเจ้าสำนักทั้งสองไปได้ ทำให้พวกมันพ่ายแพ้ ไม่ได้มีผลกระทบใดต่ออี้ซานฝูเกิดขึ้นตามมา และยังไม่มีความเสียหายใดให้ต้องพูดถึง
อย่าว่าแต่หลิวเอี๋ยนที่ใช้โอกาสนี้ล้างบางกบฏและทำลายสำนักและกลุ่มอำนาจที่คิดต่อต้าน การแบ่งอำนาจออกเป็น 6 มณฑลนั้นได้ถูกดึงกลับมารวมกันและอำนาจก็ตกอยู่ในมือของเจ้าเมืองอี้ซานฝู ดังนั้น นี่จึงทำให้อำนาจในมือของเขาเติบโตขึ้นอย่างมาก
อย่างน้อยก็ในอีก 2 รัฐของประเทศเซี่ยก็ไม่ใช่เช่นนี้
ตามที่ฟางหยวนคิด หลิวเอี๋ยนกำจัดทุกอย่างที่อาจจะท้าทายอำนาจและอิทธิพลของตนออกไป
การมีอำนาจมากขึ้นเช่นนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะทำให้เกิดความคิดไม่เหมาะไม่ควรขึ้นมา
นอกจากนี้ หลิวเอี๋ยนยังเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในระดับสูงสุดของระดับรวบรวมพลังธาตุและอยู่ห่างจากระดับแยกธาตุอีกเพียงแค่ก้าวเดียว!
“ตามรายงานของตระกูลเฉิน หลิวเอี๋ยนใช้ช่วงเวลาเพียงสั้น ๆ ในการจัดการใช้เล่ห์กลนี้ ในครึ่งปีนี้ เขาตั้งใจจะขยายอำนาจของตัวเองออกไปจากอี้ซานฝู… เขาอาจจะเริ่มลงมือไปแล้วก็ได้!”
ก่อนหน้านี้ ระหว่างเหตุการณ์วุ่นวายจากลู่เหรินเจีย ฟางหยวนก็ได้คาดเดาถึงอำนาจภายนอกที่จะถูกดึงเข้ามายุ่งเกี่ยว ด้วยจุดยืนของหลิวเอี๋ยนตอนนี้ เขาย่อมต้องแก้แค้นคนพวกนั้น
ขณะที่ฟางหยวนรู้เรื่องนี้มาตั้งแต่ปีก่อน กองทัพของอี้ซานฝูก็เปิดรับทหารจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อการนี้ พวกเขาถึงกับลดข้อกำหนดลงและรับ [ผู้ฝึกยุทธ์ (ประตูทองที่ 3)] เข้ากองทัพ ด้วยวิธีนี้ พวกเขามีทหารมากกว่าสามหมื่นคน!
“ด้วยทั้งหมดนี้ ย่อมไม่ยากที่จะคาดเดาความตั้งใจของหลิวเอี๋ยน…”
ฟางหยวนถอนหายใจ “นอกจากนี้… แม้แต่ราชวงศ์เองก็ไม่มั่นคง! เหตุใดพวกเขาจึงมาหาข้าแทนที่จะเป็นอี้ซานฝู? พยายามลากข้าเข้าไปเกี่ยวข้อง?”
เขารู้สึกกดดันหลังจากคิดเช่นนี้
“ให้ผู้ส่งสารมาพบข้า!”
ฟางหยวนมาถึงห้องโถงหลักและโบกมือ
ในฐานะผู้ที่ฝึกทั้งเคล็ดวิญญาณและวิทยายุทธ์ และยังเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่ใช้พลังธาตุได้ โดยเฉพาะในเมื่อเขายังอายุเพียง 20 ปีและมีอนาคตสดใส เขาย่อมมีบรรยากาศรอบตัวเช่นนี้
“ขอรับ นายท่าน!”
โจวเหวินอู่ไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติใดที่ฟางหยวนยอมพบผู้ส่งสารจากราชวงศ์ เขาคารวะและออกไป
ไม่นานจากนั้น ก็มีแม่นางหลายคนเข้าประตูมาและคารวะฟางหยวน “ข้าคือเซี่ยหลิงอวิ๋น ได้โปรดรับการคารวะจากข้า!”
แม่นางที่อยู่ด้านหน้านั้นรูปร่างสูงและบอบบาง นางแต้มรูปดอกไม้เอาไว้ที่หน้าผาก และมีผมยาวดำ นางใช้ปิ่นปักผมที่ดูธรรมดาและปล่อยผมที่เหลือทิ้งตัวลงบนบ่า นางมีท่าทางอ่อนโยน แตกต่างไปจากสืออวี้ถง
“ท่านแซ่เซี่ย?”
ฟางหยวนขมวดคิ้ว “ท่านเป็นอะไรกับเซี่ยฉวน?”
เซี่ยฉวนคือจักรพรรดิคนปัจจุบันของประเทศเซี่ย!
ทว่า ชื่อของเขานั้นไม่น่าหวาดกลัวมากพอ ในฐานะนักรบศักดิ์สิทธิ์และอู่จง ฟางหยวนสามารถเรียกชื่อเต็มของคนผู้นั้นได้โดยไม่ต้องเอ่ยถึงฐานะตำแหน่งและไม่มีใครกล้าตั้งคำถามกับเขา
ในตอนแรก มันไม่ใช่นิสัยปกติของเขา แต่ว่า เมื่อแม่นางผู้นี้ตรงมาหาเขาย่อมหมายความว่านางต้องการดึงเขาไปร่วมในเรื่องด้วย เขาย่อมไม่เผยท่าทีเคารพออกมา
“นั่นคือบิดาของข้า!”
เซี่ยหลิงอวิ๋นเค้นรอยยิ้มออกมา มองฟางหยวน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“โอ้ เช่นนั้นเจ้าก็เป็นองค์หญิง ข้าต้องขออภัยด้วย! อย่าได้ถือสาเลย!”
ฟางหยวนกล่าวขออภัยอย่างง่ายดายและยังคงไม่มีท่าทีเคารพยำเกรง
ข้ารับใช้สองคนที่ข้างเซี่ยหลิงอวิ่นแทบจะพ่นไฟออกมา และมีเพียงเซี่ยหลิงอวิ๋นที่ยังสงบและรักษาท่าทีเอาไว้ได้ “ข้าเป็นเพียงพลเมืองต้อยต่ำ ข้าจะกล้ารับคำองค์หญิงได้อย่างไร?”
ท่าทีของนางทำให้ฟางหยวนประทับใจ “ข้าขอทราบจุดประสงค์ของการมาเยือนของท่านได้หรือไม่ องค์หญิง?”
“เพื่อกำจัดภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้น!”
เซี่ยหลิงอวิ๋นยังคงใบหน้าซื่อตรงเอาไว้ “ข้าได้ข่าวว่าเจ้าเมืองอี้ซานฝู หลิวเอี๋ยน นั้นตั้งใจจะขยายอำนาจและแทรกซึมเข้าสู่เซี่ยหยางฝู ไม่ว่าผู้ใดจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ความเสียหายของเมืองย่อมนับเป็นหลายเท่าเทียบกับตอนอี้ซานฝู ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่เพื่อสร้างความสงบของสถานการณ์…”
“เจ้าควรจะไปหาเจ้าเมืองอี้ซานฝูเรื่องนี้ เหตุใดจึงเป็นข้า?”
ฟางหยวนแตะคาง รู้สึกไม่เข้าใจ
“คำของข้าไร้น้ำหนัก ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่เพื่อขอร้องท่านอู่จง!”
เซี่ยหลิงอวิ๋นโค้งตัวคารวะ “ความวุ่นวายภายในก่อนหน้านี้ ความคิดอันรวดเร็วและการลงมือของท่านอู่จงป้องกันการเกิดเหตุวุ่นวายในอี้ซานฝู และทั้งหมดล้วนเป็นเพราะท่าน ครั้งนี้ อันตรายนั้นรุนแรงกว่าครั้งก่อน และข้าหวังว่าท่านอู่จงจะช่วยข้า!”
ถ้อยคำจริงใจของนางทำให้ฟางหยวนคล้อยตาม “ได้โปรดลุกขึ้นเถอะ!”
เมื่อเขาโบกมือ เขาก็ปล่อยพลังธาตุของตนออกมา และพลังนั่นก็พยุงเซี่ยหลิงอวิ๋นขึ้นอย่างนุ่มนวล
‘พลังนี่… เป็นอู่จงนักรบศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริง ไม่น่าเชื่อ! และเขายังเป็นเหมือนในตำนาน ทั้งเยาว์วัยและเก่งกาจ!’
เซี่ยหลิงอวิ๋นมองฟางหยวนแล้วก็หน้าซับสีเรื่อขึ้น
เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับผู้มีพรสวรรค์เช่นนี้ เหตุใดจักรพรรดิบิดาของนางจึงจะสนใจองค์หญิงอย่างนางกัน? จุดประสงค์ของเขาในการส่งนางมาที่นี่ก็เพื่อยกนางให้ฟางหยวน
สละบุตรสาวคนหนึ่งและได้รับพวกพ้องที่แข็งแกร่งย่อมเป็นเรื่องพื้นฐานของผู้ที่ทำการใหญ่
ฟางหยวนนั้นไม่ใช่ผู้งมงายในราคะ และยังมีผู้อื่นตั้งมากมายที่อยากร่วมเตียงกับเขา เขาย่อมไม่เลือกผู้ที่จะนำความยุ่งยากมา
“ถ้าเจ้าคิดว่าข้าจะมีอิทธิพลเหนือท่านเจ้าเมือง เช่นนั้นเจ้าก็คิดผิดแล้ว! ข้าไม่ใช่ผู้ที่เจ้าต้องการตัว!”
ฟางหยวนส่ายหน้าและถ้อยคำก็ตรงไปตรงมาจนแทบจะทำให้เลือดของเซี่ยหลิงอวิ๋นเย็นเฉียบ
“นอกจากนี้ จุดประสงค์ที่เจ้ามาเยือนก็เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับตัวข้ามากขึ้น ในเมื่อเจ้ามีความตั้งใจอันเลวร้าย เหตุใดข้าจึงต้องช่วยเจ้า?”
เขาได้ตรวจสอบมาก่อนแล้ว และคำพูดของเขาก็ราวกับใบมีด
เซี่ยหลิงอวิ๋นตกตะลึง
นางเดินทางอ้อมมาถึงที่นี่ด้วยความตั้งใจเช่นนั้นจริงแต่นางคิดว่าอู่จงเยาว์วัยผู้นี้น่าจะใช้ประโยชน์ได้โดยง่าย แม้ว่านางจะไม่สามารถโน้มน้าวเขาได้ มันก็ไม่ผิดที่นางจะลองเสี่ยงโชคดู
นางไม่เคยคิดเลยว่าฟางหยวนจะมีปฏิกิริยาต่างไปจากธรรมดา และไม่ตอบสนองในแบบที่ผู้อื่นทั่วไปจะมี
‘คนผู้นี้ไม่มีความทระนงและจองหองเหมือนชายหนุ่มผู้อื่น และสนใจเพียงรางวัลตอบแทนที่จับต้องได้!’
เซี่ยหลิงอวิ๋นไม่พอใจอย่างรุนแรง นางรู้ว่านางแทบจะไม่มีโอกาสทำตามเป้าหมายได้สำเร็จ
“ดินแดนทั้งหมดนี้เป็นของจักรพรรดิ และทุกชีวิตบนผืนดินนี้เป็นพลเมืองของจักรพรรดิ!”
นางสูดลมหายใจลึก และเปลี่ยนท่าทีจากหน้ามือเป็นหลังมือ “อู่จงฟางก็นับเป็นพลเมืองของประเทศเซี่ย และเจ้ายังไม่มีความภักดีต่อประเทศ? นอกจากนี้… เจ้ายังได้พบข้าแล้ว เหตุใดจึงคิดว่าผู้อื่นจะไม่สงสัยในตัวเจ้า?”
ขณะที่เซี่ยหลิงอวิ๋นเอ่ยคำพวกนี้ หัวใจของนางก็เต้นรัวขึ้น นางคิดว่าฟางหยวนคงจะโมโห แต่เขากลับนิ่งไปและเริ่มปรบมือ
“ฮ่าฮ่า… พูดได้ดี!”
ฟางหยวนชมนาง “ในที่สุดองค์หญิง เจ้าก็เผยท่าทีที่แท้จริงออกมาแล้ว!”
“ท่านอู่จงจะยินยอมช่วยเหลือหรือไม่?”
ดวงตาของเซี่ยหลิงอวิ๋นเป็นประกายขึ้นอย่างคาดหวัง
“ข้าอาศัยอยู่อย่างสันโดษและไม่ต้องการเข้าไปมีส่วนร่วมกับเรื่องราวใด ๆ ข้ารู้เพียงว่า ยังมีอี้ซานฝูอยู่เหนือข้า ส่วนราชวงค์แห่งประเทศเซี่ยนั้น แม้จะมีอำนาจ แต่ก็ยากที่จะลงมาควบคุมทั่วถึง…”
ฟางหยวนถอนหายใจ และเซี่ยหลิงอวิ๋นก็หน้าแดงด้วยความอับอาย
การไร้อำนาจเบ็ดเสร็จนั้นเป็นส่วนที่ยังขัดแย้งกันอยู่ภายในราชวงศ์ และตอนนี้ฟางหยวนก็ย้ำเตือนนางในจุดนี้
“นอกจากนี้ การสานสัมพันธ์ก็เป็นเรื่องง่ายดายนัก!”
ฟางหยวนเผยยิ้มลึกลับออกมา “ลองคิดดู… หากข้าสังหารเจ้าและนำหัวของเข้าไปให้เจ้าเมืองอี้ซานฝู เจ้าคิดว่าข้าจะได้รับความเชื่อถือจากเขาหรือไม่?”
“เจ้า?!”
เซี่ยหลิงอวิ๋นตัวสั่นและข้ารับใช้สองคนที่ด้านหลังนางก็ลุกขึ้นราวกับคิดว่าต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดแล้ว
ต่อให้มีคนรับใช้อีกยี่สิบกว่าคนเข้ามา พวกเขาก็มีเพียงแค่ตายตกในเงื้อมมือฟางหยวนเท่านั้น
“เจ้าโชคดีมาก แม้ว่าเจ้าจะท้าทายอำนาจข้า ข้าก็ยังใจดีพอ และจะไม่สังหารเจ้าเพียงเพราะเราเห็นต่างกัน กลับไปเสีย!”
ฟางหยวนโบกมือ “ไปในที่ที่เจ้าควรไป และอย่าอยู่ในเมืองชิงเย่ต่อ!”
“นั่น…”
เซี่ยหลิงอวิ๋นกัดริมฝีปากและไม่สามารถลืมจุดประสงค์ของนางได้
“ร่วมมือ?”
ฟางหยวนหัวเราะอย่างน่ากลัว “ข้าไม่เคยร่วมมือกับผู้อื่นที่พยายามขุดค้นประวัติของข้า!”
ได้ยินคำตอบเช่นนี้ เซี่ยหลิงอวิ๋นก็ถอนหายใจ โค้งตัวลงและถอยออกไปพร้อมคนรับใช้ของนาง
…
“อาจารย์ฟาง! อาจารย์ฟาง!”
ไม่นานหลังจากเซี่ยหลิงอวิ๋นจากไป ก็ได้ยินเสียงตึงตัง แม่ทัพหนิวพุ่งเข้ามาในเมืองอย่างรีบร้อน
“หนิวติ้งเทียน?”
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” ฟางหยวนถามขณะสอนเฉินจื่ออิงอยู่ในสวนด้านหลัง
“หลังจากได้ยินว่าองค์หญิงเดินทางมา ข้าก็รีบมาที่นี่ เฆี่ยนม้าล้มไปก่อนจะถึงแล้ว!”
แม่ทัพหนิวเกาหัวและหัวเราะ “ข้ามาที่นี่เพื่อเตือนท่านว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นตัวปัญหา อย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับนาง!”
“ขอบคุณมากพี่หนิว!”
ได้ยินว่าเขารีบมาที่นี่เพื่อส่งข่าว แม้จะว่าสายเกินไป ฟางหยวนก็ยังรู้สึกซาบซึ้งอย่างมาก
“อ้ะ… ถ้านี่เป็นเมื่อตอนนั้น เรื่องนี้ย่อมไม่นับเป็นกระไร แต่ตอนนี้ อารมณ์ของเจ้าเมืองเลวร้ายขึ้นมาก เมื่อเดือนก่อน เขาตำหนิเซียงจื่อหลงและน้องชายของเขาด้วยเรื่องเพียงนิดเดียว ทำให้พวกเขาเสียหน้าต่อหน้าแม่ทัพคนอื่น…”
หนิวติ้งเทียนถอนหายใจ
ดวงตาของฟางหยวนเป็นประกายวาบเมื่อได้ยินข่าว
ก่อนที่โลกจะถูกทำลาย จะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นก่อน นี่ก็ดูเหมือนจะเอามาใช้กับหลิวเอี๋ยนได้เช่นกัน
…
“องค์หญิง…”
ในขบวนรถม้าของราชวงศ์ รถม้าคันที่ใหญ่ที่สุด ข้ารับใช้หญิงคนหนึ่งออกความเห็นอย่างโมโห “เจ้าฟางหยวนนั่นเกินไปแล้ว กล้าดีอย่างไรมาดูถูกท่าน!”
“ข้าไม่มีพลังมากพอ จะโทษใครได้เล่า?”
เซี่ยหลิงอวิ๋นไม่ได้เอาเรื่องนั้นมาใส่ใจแต่กลับหัวเราะ “นอกจากนี้… พวกเรายังได้ประโยชน์อยู่บ้าง อย่างน้อยพวกเราก็รู้ว่าฟางหยวนนั่นเป็นพวกเดียวกับหลิวเอี๋ยน นี่มิใช่ข้อมูลอันเป็นประโยชน์หรอกหรือ?”
“ข้าได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญในการเดินทางมาอี้ซานฝูครั้งนี้ ดังนั้นเรื่องเล็กเพียงแค่นี้ย่อมไม่นับเป็นกระไร!”
มองไปทางอี้ซานฝูแล้ว เซี่ยหลิงอวิ๋นก็เต็มไปด้วยความกังวล
นางเป็นผู้ส่งสารและนำเอาเงื่อนไขสุดท้ายของราชวงศ์มากับตัวนางด้วย
ถ้าหลิวเอี๋ยนตัดสินใจทำตามที่เขาต้องการ สงครามย่อมต้องเกิดขึ้น!