การเดินทางไปอี้ซานฝูในช่วงปีใหม่จบลงอย่างไม่ดีนัก
ฟางหยวนกลับมาที่มณฑลชิงเหออย่างไร้ผลกระทบจากความตึงเครียดที่จู่ ๆ ก็พุ่งสูงในประเทศเซี่ย
สำหรับฟางหยวน การเข้าสู่โลกแห่งความฝันเพื่อฝึกวิทยายุทธ์ ปลูกพืชวิญญาณของเขา และสั่งสอนศิษย์ทั้งสองนั้นเป็นกิจวัตรประจำวัน เป็นวิถีชีวิตที่เขาชื่นชอบ
นอกจากนี้ เขายังมีสมบัติล้ำค่ามากมายรอให้เขาเข้าครอบครอง เขายังไม่มีเวลาไปวุ่นวายกับเรื่องอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว
…
ภายในโลกแห่งความฝัน
“ปัง!”
ศพของเจ้าสำนักห้าผีล้มลงบนพื้น
หลิงอวิ๋นหัวเราะแห้ง ๆ และพูด “ยินดีด้วยที่เอาชนะศัตรูอันร้ายกาจได้ ท่านไม่ต้องมีชีวิตอยู่อย่างหวั่นวิตกอีกต่อไปแล้ว!”
“คนผู้นี้มากแผนการและยังส่งสายลับเข้ามาในมณฑลของข้า จุดประสงค์และความตั้งใจของเขานั้นประมาทมิได้… ขอบคุณที่พวกเราสามารถทำให้เขาเผยตัวออกมาได้ในการปฏิบัติภารกิจซ่อนแผนที่สมบัติครั้งนี้…”
สืออวี้ถงเต็มไปด้วยความมั่นใจ นี่ไม่เหมือนสภาพน่าสงสารของตัวนางในอนาคตเลย
ภาพตรงหน้านี้มาจากตอนที่แย่งชิงแผนที่สมบัติกันในมณฑลเลี่ยหยาง!
นอกจากนี้ ฟางหยวนกำลังดูเหตุการณ์ในฐานะบุคคลที่สาม แม้ว่าเขาจะยืนอยู่ข้าง ๆ แม่นางทั้งคู่และจับสังเกตุพวกนาง พวกนางก็ไม่ได้ตระหนักถึงการมีตัวตนอยู่ของเขาเลย
“ตอนนี้ข้าควบคุมเหนือโลกแห่งความฝันของหลิงอิ๋นได้แล้วและข้าก็ยังสามารถเรียกความทรงจำของนางกลับมา…”
แม้ว่านี่จะเป็นขอบเขตที่เป็นมายา แต่มันก็คือความจริงที่เคยเกิดขึ้นและหลิงอิ๋นจดจำมันไว้
สำหรับจ้าวแห่งความฝันแล้ว ไม่มีอะไรเป็นความลับ!
“การทำงานของจ้าวแห่งความฝันนั้นเรียบง่ายจน…”
ขณะที่ฟางหยวนทิ้งตัวเองดำดิ่งไปกับภาพตรงหน้า เขาก็ตกใจเช่นกัน ตราบใดที่จ้าวแห่งความฝันตั้งใจแล้ว ไม่มีใครซ่อนความคิดหรือความลับจากเขาได้
ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ในชีวิต ความทรงจำ ทรัพย์สมบัติ ล้วนถูกเอาไปได้ในโลกแห่งความฝัน
“แล้วจะเรียกว่าผู้สร้างฝันได้อย่างไร? ควรจะเรียกว่าเป็นผู้ชิงฝัน… แม้แต่หมูตัวหนึ่งยังกลายเป็นอู่จงหมูได้ถ้าหากได้รับการฝึกฝนหลาย ๆ ปีในโลกแห่งความฝันของอู่จง!”
ฟางหยวนคิดว่า ตราบใดที่เจ้าแห่งความฝันต้องการ เขาย่อมกลายเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ได้ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม!
“แน่นอนว่า ข้ายังต้องคำนึงถึงพรสวรรค์โดยธรรมชาติและความเพียรพยายามที่ใส่ลงไป… จ้าวแห่งความฝันต้องให้ความสนใจกับวิถีการฝึกตนที่เลือกและใช้เวลากับวิถีอื่นที่ไม่ได้ใช้ให้น้อยลง เมื่ออุทิศเวลาให้กับวิถีนั้น ๆ ไปนาน ๆ ก็อาจจะเกิดผลเสียขึ้นมาบ้าง… แต่นั่นก็ยังไม่อาจหยั่งรู้ได้เช่นกัน!”
สิ่งที่ฟางหยวนทำกับหลิงอิ๋นนั้นเป็นอีกวิถีหนึ่ง เขาไม่ได้กรองเอาแต่ประสบการณ์ด้านการแปรธาตุของนาง แต่เขาสำรวจทั้งหมดเพื่อดูความลับอื่นของนาง
พระจันทร์ส่องสว่างอยู่บนท้องฟ้ามืดมิดไร้แสงดาว นกบินลงใต้
ความวุ่นวายจากที่ไกล ๆ ค่อย ๆ สงบลงช้า ๆ
แน่นอนว่าผู้ฝึกยุทธ์เหล่านั้นรู้แล้วว่าฝ่ายไหนจะชนะและไม่กล้าจะหันมองกลับมาก่อนที่จะหนีไปอย่างรวดเร็ว
หากสืออวี้ถงและเจ้าสำนักห้าผีไม่ได้บาดเจ็บสาหัสกับทั้งคู่คงไม่มีทางปล่อยให้คนพวกนั้นได้ทันมีปฏิกิริยาเป็นแน่ เป็นโอกาสดีให้พวกมันหนีไปขณะที่ยังทำได้
ฟางหยวนยืนดูอยู่ด้านข้างเงียบ ๆ
“แผนที่สมบัติ?”
มีประกายวิบวับในดวงตาของหลิงอิ๋น
ขณะที่ฟางหยวนควบคุมโลกแห่งความฝันของนางอยู่ เขาก็สัมผัสได้ถึงความสงสัยที่ผุดขึ้นในใจหลิงอิ๋น
“อะไรกัน? น้องหลิงอิ๋น เจ้ามาจากตระกูลร่ำรวยและยังมีอาจารย์สอนแปรธาตุ เหตุใดจึงสนใจในสมบัติเล็กน้อยของข้า?”
สืออวี้ถงยกยิ้มมุมปาก
ดวงตาของหลิงอิ๋นเป็นประกายขึ้นอีกครั้งขณะเซ้าซี้ต่อ “พี่สาว ท่านล้อข้าเล่นอีกแล้ว เล่าให้ข้าฟังอีกหน่อยสิ…”
“ข้าก็เพิ่งรู้เรื่องนี้!”
สืออวี้ถงพูดต่อ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าบรรพบุรุษของเจ้าสำนักห้าผีไม่ใช่คนประเทศเซี่ย?”
“หืม?” หลิงอิ๋นอึ้งไป และถามต่อ “เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาอพยพมา? แต่นั่นก็ดูจะไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้นี่!”
“ไม่ใช่แค่นั้นสิ!”
สืออวี้ถงส่ายหน้า “บรรพบุรุษของคนผู้นั้นมาจากอาณาจักรต้าเฉียน!”
“อะไรนะ!”
หลิงอิ๋นนิ่งไป
“ตอนนี้เจ้าก็รู้สึกแล้วใช่ไหมว่ามีบางอย่างผิดไป? ต้าเฉียนนั้นอยู่ไกลจากที่นี่มาก และหนทางมาก็เต็มไปด้วยอันตรายอย่างไม่น่าเชื่อ บรรพบุรุษของเขาฝืนฝ่ามาจนถึงที่นี่ พวกเขาย่อมแข็งแกร่งพอที่จะฝ่าภูเขาข้ามแม่น้ำมาจนถึงที่นี่… นอกจากนี้ คนพวกนี้ยังเลือกพื้นที่ชนบทห่างไกลเช่นนี้เพื่อตั้งรกราก มันน่าสงสัยยิ่งนัก!”
สืออวี้ถงพูดช้า ๆ
หลิงอิ๋นคิดทบทวนอย่างรวดเร็วและตอบ “แต่… ท่านรู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้อย่างไร? ท่านมีสายลับอยู่ในสำนักของพวกเขาเหรอ?”
“ข้าเพียงมอบของขวัญตอบแทนเท่านั้น…”
สืออวี้ถงโบกมือ เป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้มีอำนาจจะวางสายลับเอาไว้ในสำนักของผู้อื่น
ถึงแม้เจ้าสำนักห้าผีจะไม่ได้วางตระกูลกั๋วเอาไว้เป็นสายลับในมณฑลของพวกนาง นางก็จะทำเช่นนี้อยู่ดี นี่ไม่ใช่เรื่องการตอบแทนหรืออะไร แต่เป็นเรื่องพื้นฐานที่สุดที่ทำต่อสำนักคู่แค้นที่มีอำนาจ
“บรรพบุรุษของเจ้าสำนักห้าผีมาจากต้าเฉียน เป็นไปได้ไหมว่าแผนที่สมบัติจะเป็นของเขา?”
ดวงตาของหลิงอิ๋นเปล่งประกาย
“แน่นอน!”
สืออวี้ถงพยักหน้าเป็นเชิงยอมรับและตอบ “มีข่าวลือว่าบรรพบุรุษผู้นั้นเก่งกาจอย่างเหลือเชื่อและคาดเดาไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ได้มีชีวิตอยู่ยาวนานและตายไปหลังจากมาถึงที่นี่เพียงไม่นาน เห็นได้ชัดว่าเขาน่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัสและก่อนที่เขาจะตาย เขาทิ้งแผนที่สมบัติชุดหนึ่งที่แบ่งออกเป็นสามชิ้นเอาไว้ให้ศิษย์สามคนของเขาดูแล!”
“สามชิ้น?”
หลิงอิ๋นถามด้วยความสงสัย “เพื่ออะไรกัน? ถ้าเขามีสมบัติล้ำค่าเช่นนั้น จะไม่ดีกว่าหรือถ้าเพียงแค่ส่งมอบให้ทายาทของเขาไป?”
“ข้าก็ไม่แน่ใจเรื่องนี้ บางทีเขาอาจจะมีความตั้งใจลึก ๆ บางอย่าง!”
สืออวี้ถงพูดต่อ “หลังจากเขาตาย ศิษย์ทั้งสามก็ทะเลาะกันทำให้เป็นไปไม่ได้ที่แต่ละชิ้นจะกลับมาประกอบกันเป็นแผนที่สมบัติอันสมบูรณ์ มันถูกทิ้งไว้เช่นนั้นจนถึงตอนนี้ ตอนนี้ พวกเขาทั้งสามล้วนตายไปแล้วและไม่มีครอบครัวที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ว่า เป็นทายาทของบรรพบุรุษผู้นั้นเองนั่นแหละที่พยายามอ้างสิทธิ์เหนือแผนที่สมบัตินั่น!”
“เท่าที่ได้รู้มา เขาได้ไปแล้วชิ้นหนึ่ง แต่ว่า มันถูกขโมยไปโดยศิษย์ที่ชื่อฮั่นโจว ชิ้นที่ปรากฏขึ้นมาครั้งนี้คือชิ้นที่สอง! เพื่อที่จะระบุตำแหน่งแน่นอนของสมบัตินี้ พวกเราต้องประกอบทั้งสามชิ้นเข้าด้วยกัน!”
“สมบัติที่ทิ้งเอาไว้โดยยอดยุทธ์จากต้าเฉียน?”
หลิงอิ๋นตาเป็นประกายและพูด “อาจารย์ของข้าต้องสนใจเรื่องนี้แน่!”
“ถ้าอาจารย์ลู่สามารถช่วยเหลือพวกเรา ก็เป็นเรื่องดีแล้ว!”
จากนั้นสืออวี้ถงก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ถ้าคนผู้นั้นมีสมบัติล้ำค่าซ่อนเอาไว้จริง เหตุใดเขาจึงไม่ทิ้งเอาไว้ให้ทายาทของเขา? ต้องมีบางอย่างซับซ้อนเกิดขึ้นจนกระทั่งเขาเองก็รู้สึกว่ามันยากลำบาก เช่นนั้นแล้วข้าจะทำงานนี้คนเดียวได้อย่างไร? รบกวนเจ้าถามอาจารย์ลู่…”
“ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือสืออวี้ถง นางชัดเจนในท่าทีและรู้ความเสี่ยงและผลประโยชน์จากของพวกนี้ นอกจากนี้ นางยังไม่ได้ตาบอดด้วยความละโมบในสมบัติ…”
ฟางหยวนยืนดูอยู่ด้านข้าง จู่ ๆ เขาก็ดีดนิ้วขึ้น
“เป๊าะ!”
เขาหลุดออกจากโลกแห่งความฝัน
อย่างไรเสีย นี่ก็คือความทรงจำทั้งหมดที่หลิงอิ๋นมีเกี่ยวกับแผนที่สมบัติ
เขารู้ทุกความคิดที่ผ่านเข้ามาในใจของหลิงอิ๋น หลิงอิ๋นไม่สามารถซ่อนกระทั่งความคิดที่เล็กที่สุดที่นางมีเอาไว้จากเขาได้ แต่ว่า เขาไร้พลังที่จะจัดการกับสืออวี้ถง
อย่างไรนี่ก็เป็นความฝันของหลิงอิ๋นเท่านั้น ไม่ใช่ของสืออวี้ถง
“ทำเช่นนี้กับอู่จงเช่นสืออวี้ถงค่อนข้างเสี่ยงไปสักนิดด้วยระดับทักษะของข้าในตอนนี้!”
แม้ว่าสืออวี้ถงจะถูกเขาจับเอาไว้ แต่นางย่อมรู้และมีประสบการณ์มากกว่าหลิงอิ๋นเป็นแน่ ฟางหยวนก็ยังระแวงที่จะเข้าไปในความฝันของนาง
การใช้เคล็ดวิชานี้ก็เกือบจะเหมือนการเล่นพนัน
ถ้าฟางหยวนได้รับบาดเจ็บหรือถูกสังหารในโลกแห่งความฝันของนาง พลังเวทย์ของเขาจะได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ ฟางหยวนยังไม่มั่นใจที่จะสะกดความคิดมุ่งร้ายในจิตใต้สำนึกของอู่จงผู้หนึ่งได้
“เมื่อข้าถึงระดับสูงสุดของขอบเขตรวมธาตุ หลังจากทักษะสร้างฝันของข้าสมบูรณ์แล้ว ข้าอาจจะลองใช้กับสืออวี้ถง…”
ฟางหยวนเกาคางขณะคิดถึงสิ่งที่เพิ่งได้เห็นมา
แผนที่สมบัตินั้นล้ำค่าเป็นที่สุด และตอนนี้เขาก็มีอยู่สองชิ้นจากทั้งหมดสามชิ้น ที่เขาไม่คิดก็คือสมบัตินี้กลับเป็นของยอดฝีมือจากต้าเฉียน ซึ่งทำให้เขาตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย
“น่าเสียดายที่เจ้าสำนักห้าผีตายไปแล้ว มิฉะนั้น ข้าน่าจะสามารถหาข้อมูลที่ละเอียดมากที่สุดได้จากโลกแห่งความฝันของเขา ตอนนี้สำนักก็สลายไปแล้ว สิ่งของของพวกเขาก็คงถูกชิงเอาไปหมดแล้ว… อย่างน้อยที่สุดก็ยังมีความหวังที่จะไปเก็บเกี่ยวมา ข้าจะให้โจวเหวินอู่กับศิษย์อื่นของข้าทำภารกิจนี้ให้!”
นี่เป็นประโยชน์ของการมีอำนาจ เขาสามารถให้คนใต้ปกครองของเขาทำงานน่าเบื่อเช่นนี้แทนเขา แล้วเขาค่อยปรากฏตัวขึ้นรับเอาสิ่งที่พวกเขาค้นหามาได้
“เช่นนั้นก็ไปต่อเถิด!”
หลังจากตรองตัวเลือกดูแล้ว เขาก็เหยียดแขนออก
“ซู่ ซู่!”
ทั้งโลกแห่งความฝันเปลี่ยนไปต่อหน้าเขา
พระอาทิตย์ขึ้นจากทางทิศตะวันออกและตกไปทางทิศตะวันตกอย่างรวดเร็ว ผู้คนขยับไปข้างหน้าด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อและยากที่จะมองให้ชัดเจน
แน่นอนว่า นี่เป็นโลกจากมุมมองของหลิงอิ๋น
ทั้งโลกแห่งความฝันของนางอยู่ภายใต้การควบคุมของฟางหยวนโดยสมบูรณ์
“นี่เป็นส่วนที่น่ากลัวของการเป็นจ้าวแห่งความฝัน… ข้าเพียงต้องทำงานหนักขึ้นเล็กน้อยแล้วไม่ช้าข้าก็สามารถควบคุมจิตของนางได้อย่างสมบูรณ์ เกือบจะเหมือนกับนกหงเอี่ยนป๋าย ข้าสามารถเปลี่ยนความทรงจำของนางและให้นางสาบานจงรักภักดีกับข้า…”
ฟางหยวนรู้พลังความสามารถของตนดี แต่เขาก็ยังระวังตัวในเวลาเดียวกัน
“ถ้าพลังเช่นนี้ไม่ถูกควบคุมให้ดีไม่ใช่ว่าโลกจะตกอยู่ในความวุ่นวายหรอกหรือ?”
“ข้าสงสัยว่ามันจะมีกฎหรือข้อจำกัดใดเกี่ยวกับความสามารถของจ้าวแห่งความฝันในต้าเฉียนหรือไม่…”
ฟางหยวนนั้นตระหนักได้ถึงด้านที่น่ากลัวของมนุษย์ ถ้าพลังเช่นนี้ก้าวหน้าต่อไปโดยไม่มีการควบคุม ต้าเฉียนย่อมจะกลายเป็นนรกอันเลวร้ายไปนานแล้ว
แน่นอนว่า กฎและข้อกำหนดนั้นก็เป็นเพียงคำที่เขียนขึ้นบนกระดาษเท่านั้น ผู้รักษากฎจะรับมือกับจ้าวแห่งความฝันได้อย่างไรกัน?
“อาจารย์!”
ฟางหยวนหลุดออกจากภวังค์และมองฉากต่อไป
ภายในอี้ซานฝู หลิงอิ๋นมาตรงหน้าลู่เหรินเจียและคารวะอย่างเคารพก่อนจะรายงาน “เตรียมการเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ ข้าโน้มน้าวสืออวี้ถงให้สนับสนุนท่านขึ้นตำแหน่งได้สำเร็จแล้ว!”
“พวกเราต้องปรับตัวตามสถานการณ์!”
ลู่เหรินเจียไพล่มือไว้ด้านหลังขณะถอนหายใจ
ฟางหยวนมองอยู่ด้านข้าง เขาพบบางอย่างผิดไปและก็คิด “ตอนนี้น่าจะเป็นช่วงวันเกิดของเจ้าเมืองอี้ซานฝู และยังเป็นช่วงก่อนการกบฏของลู่เหรินเจียด้วย เหตุใดเขาจึงไม่ได้ดูมีกำลังใจและพร้อมที่จะสู้? แต่กลับมาอยู่เงียบ ๆ ตรงนี้ เป็นไปได้ไหมว่าข่าวลือเรื่องการแทรกแซงภายนอกจะเป็นความจริง? ถ้าอย่างนั้นลู่เหรินเจียก็ไม่ได้เป็นฝ่ายควบคุมสถานการณ์สินะ?”
หลิงอิ๋นก็สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง สีหน้าของอาจารย์ของนางนั้นนางพบเจอน้อยมาก
“หลิงอิ๋น!”
ลู่เหรินเจียเงยหน้าขึ้นกะทันหันแล้วดึงแผ่นภาพลับแผ่นหนึ่งออกมาแล้วสั่ง “จำแผนภาพนี้ไว้ จากนั้นก็ทำลายมันทิ้งเสียเมื่อเจ้าจำได้!”
“นี่มัน…”
มองแผนที่บนมือตัวเองแล้ว หลิงอิ๋นก็งุนงง
“นี่เป็นตำแหน่งของหนึ่งในที่พำนักลับของข้า มันอยู่ในมณฑลเลี่ยหลาง และนี่เป็นความลับระหว่างเราสองคนเท่านั้น…”
ลู่เหรินเจียพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ถ้าทุกอย่างเป็นไปได้ดีครั้งนี้ ก็ไม่เป็นไร ถ้าเรื่องแย่ลง และถ้า… เกิดอะไรขึ้นกับข้า ไปที่สถานที่นี้ ตั้งใจฝึกตน และห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องอื่นรอบตัว ห้ามตามหานักรบศักดิ์สิทธิ์ใด และห้ามปรากฏตัวออกมาอีก ที่สำคัญที่สุด ห้ามแก้แค้นแทนข้า!”
“อาจารย์…”
ความสังหรณ์ใจรุนแรงขึ้นขณะหลิงอิ๋นคุกเข่าลงร้องไห้