ฟางหยวนเก่งกาจเพียงใด?
ต่อให้ไม่รวมการฝึกตนในฐานะเจ้าแห่งฝันของเขา เพียงแค่สถานะอู่จงของเขา เขาก็สามารถตั้งสำนักของตนเองได้แล้ว!
ไม่ต้องพูดถึงว่า เขาทะลวงฝ่าประตูทองที่ 13 ได้อย่างไม่น่าเชื่อโดยใช้เคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็ก และยังหลอมรวมเคล็ดฝึกจิตอีกหลายอย่างเข้าด้วยกัน
เคล็ดฝึกจิตซวนหยินนั้นเป็นแค่หนึ่งในนั้นเท่านั้น!
เมื่อเขาปลดปล่อยพลังออกไป ศิษย์ระดับล่างสองคนของสำนักห้าผีจะรับมันไหวได้อย่างไร? ขาของพวกมันชาแข็ง และทั้งคู่ก็ล้มลงไป พวกมันตกใจแทบตาย
“ท่านจอมยุทธ์ ท่านมาจากที่ใดรึ?”
เกิดความวุ่นวายขึ้นที่สำนักยุทธ์ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ศิษย์สำนักห้าผีหลายคนก็นำชายชราผมขาวผู้หนึ่งออกมาเพราะคิดว่าพบเจอกันศัตรูผู้แกร่งกล้าเข้าแล้ว
เขามองฟางหยวน เต็มไปด้วยความสงสัย
“ข้าจะไม่เอ่ยนามข้า ข้ามาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือ!”
ฟางหยวนอ้าง
“หืม?”
แม้ว่าชายชราจะมีพื้นอารมณ์ที่ดี แต่หลังจากได้ยินที่ฟางหยวนพูด เขาก็แทบโมโห “มีใครบ้างขอความช่วยเหลือด้วยท่าทีเช่นนี้? ข้าไม่เคยพบเจอมาก่อนเลย!”
เขามองฟางหยวนผู้ลึกลับแต่ไม่ได้มีท่าทีหุนหัน “บอกได้หรือไม่ว่าเป็นความช่วยเหลือเยี่ยงใด?”
“ง่ายดายมาก!”
ฟางหยวนพูดต่อ “ข้าต้องการบันทึกลับของสำนักเจ้าและบันทึกของปรมาจารย์ของพวกเจ้า แน่นอนว่า… รวมถึงความลับสุดยอดเคล็ดฝึกจิตซวนหยินด้วย!”
“อะไรนะ?”
ชายชราสีหน้าเปลี่ยนไป
แม้ว่าบันทึกของสำนักและบันทึกของปรมาจารย์จะไม่ใช่ตำรายุทธ์ แต่มันก็ยังเกี่ยวพันถึงเรื่องภายในของสำนัก พวกมันจะมอบให้คนแปลกหน้าโดยง่ายได้อย่างไรกัน?
นอกจากนี้ เขายังถามถึงความลับของเคล็ดฝึกจิตซวยหยินด้วย!
สำหรับสำนักแล้ว ทีท่าเช่นนี้ก็ราวกับดึงรากแก้วของสำนักออกไป!
“เจ้าจงใจบังคับให้ข้าสู้กับเจ้าใช่หรือไม่?”
ชายชราก้าวเท้าขึ้นหน้ามาสองก้าวและมีท่าทีจริงจังเป็นที่สุด
“ท่านปู่อู๋หุน ไม่…”
ที่ด้านหลังเขา เด็กผู้หญิงเล็ก ๆ คนหนึ่งปรากฏกายขึ้นและตะโกน แต่ว่าถูกรั้งเอาไว้โดยศิษย์หญิงคนอื่น ๆ
“โอ้ เช่นนั้นท่านก็คือผู้อาวุโสประตูสื่อแห่งสำนักห้าผีที่ยังมีชีวิตอยู่คนสุดท้ายนั่นเอง!”
ฟางหยวนเยาะเย้ยเขา “เช่นนั้น? เจ้าต้องการสู้กับข้า?”
“ข้าไม่มีเจตนาจะกลั่นแกล้งผู้ใด ข้าเพียงแค่ป้องกันตัวเองเท่านั้น..”
กุยอู๋หุนมองผู้ฝึกยุทธ์ที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นที่รอบ ๆ และถอนหายใจ
“คิคิ… เจ้าเห็นหรือไม่? การรีดไถของพี่น้องของข้าช่างโดดเด่น!”
ท่ามกลางฝูงชน หวังฝูกุ้ยตบหน้าอกตัวเองอย่างภูมิใจ
“ดูเหมือนว่าคนพวกนี้จะไม่ได้ชื่นชมพวกเรา และยังดูถูกพวกเรา…”
ขณะที่เขากวาดตามองผ่านฝูงชน ดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้น “ข้าคิดว่าข้าเจอศัตรูสองสามคนของพวกเราแล้ว!”
“หืม? ไหน?”
หวังฝูกุ้ยแกว่งขวานของเขา “ฮ่าฮ่า… ขวานของข้ากระหายแล้ว อย่าได้หนี มาลิ้มรสขวานของข้าก่อน!”
…
กุยอู๋หุนเพ่งสมาธิและไม่สนใจรอบตัว เขาเพ่งอยู่กับความแข็งแกร่งที่แขนของเขาและปลดปล่อยมันออกมา เขากำหนดขอบเขต และกลืนกินชายหนุ่มตรงหน้าของเขาไป
‘การเกิดใหม่ของสำนักห้าผีคงต้องเริ่มจากการต่อสู้ครั้งนี้แล้ว!’
ภาพที่ศิษย์ทั้งหมดหลบหนีไปหลังจากสำนักถูกทำลายยังคงติดอยู่ในใจของเขา
นี่ทำให้เขาโมโห ทำให้เขาใช้พลังออกจนถึงขีดจำกัด นี่แทบจะทำให้เขาทะลวงฝ่าเข้าสู่ระดับ 4 ประตูสวรรค์ได้!
แม้ว่าศัตรูของเขาจะเป็นจอมยุทธ์ระดับกำลังภายใน เขาก็ยังมั่นใจว่าจะจบการต่อสู้นี้ได้อย่างรวดเร็ว
“ผู้อาวุโสอู๋หุนช่างเก่งกาจ!”
ศิษย์สำนักห้าผีหลายคนคารวะลงด้วยความนับถือขณะจับตามองภาพตรงหน้า
ความโมโหและความโดดเดี่ยวที่พวกมันทั้งหมดประสบมาได้รับการปลดปล่อย พวกมันต้องการชัยชนะเพื่อสร้างความมั่นใจในสำนักของพวกมันขึ้นมาใหม่
“ดี!”
ฟางหยวนปรบมือ
เป็นคำชื่นชมอย่างยอดเยี่ยมที่มีให้แก่ฝ่ายตรงข้าม แม้ว่ากุยอู๋หุนจะเผชิญหน้ากับ [ผู้ฝึกยุทธ์ (ประตูทองที่ 9)] เขาก็ยังอาจจะเอาชนะได้
แต่ฟางหยวนนั้นต่างออกไป!
เขาไม่ใกล้เคียงกับ [ผู้ฝึกยุทธ์ (ประตูทองที่ 9)] และทำให้กุยอู๋หุนต้องผิดหวังแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น?”
กุยอู๋หุนเริ่มตั้งท่าแต่ก็พบว่าชายหนุ่มตรงหน้านั้นไม่ขยับเลยสักนิด ทำให้เขาสงสัย
ปล่อยให้ศัตรูได้รวบรวมพลัง ฟางหยวนนั้นถ้าไม่โง่ก็ต้องมั่นใจเป็นที่สุด!
เพียงแค่คิดเช่นนี้ก็ทำให้กุยอู๋หุนรู้สึกไม่สบายใจ
แม้แต่จอมยุทธ์ระดับ 4 ประตูสวรรค์ก็ยังต้องมีท่าทีตอบสนองบ้าง!
“เฮอะ!”
เขาไม่มีทางหนีรอดไปได้!
ขณะที่พลังของเขาถึงขีดจำกัด เขาก็รู้สึกได้ว่าเส้นเลือดของตนนั้นแทบจะระเบิดออกมาพร้อมพลัง กุยอู๋หุนผลักฝ่ามือออก ก่อเป็นเงาดำพุ่งเข้าใส่ฟางหยวน!
“ฝ่ามือห้าหยิน!”
กุยอู๋หุนใช้เคล็ดฝึกจิตซวนหยินของเขาถึงขีดจำกัด เหยียดแขนออกและตะปบกรงเล็บลง แยกพลังหยินออกเกิดเป็นพายุหมุนเล็ก ๆ ที่กลางฝ่ามือเขา
กรงเล็บที่เปี่ยมไปด้วยพลังที่เขาสะสมมาตลอดชีวิต วินาทีที่เขาผลักมันออกไป เขาก็คิด ‘นี่อาจจะเป็นกรงเล็บที่ทรงพลังที่สุดที่ข้าเคยใช้ในชีวิตนี้’
ไม่เพียงแค่ศิษย์สำนักห้าผี แต่ผู้ฝึกยุทธ์รอบ ๆ ก็ล้วนแต่ตกตะลึง แม้แต่หวังฝูกุ้ยก็ค่อย ๆ หยุดและเหลือบมองการต่อสู้
“แกร๊ก!”
เงาร่างหนึ่งแวบขึ้น ก่อเกิดลมพายุและฝุ่นทรายฟุ้ง
ขณะที่การต่อสู้กำลังจะถึงจุดสูงสุด ชั้นของพลังที่รอบ ๆ ตัวพวกเขาก็หายไป เผยให้เห็นพื้นดินธรรมดา
ฟางหยวนยังคงยืนหยัดอยู่กับที่
กุยอู๋หุนก็อยู่ในท่าเดิม เขามองไปที่หลุมเล็ก ๆ บนพื้น และใบหน้าก็ซีดเผือด
“ท่านปู่อู๋หุน!”
เด็กหญิงเล็ก ๆ ดิ้นจนหลุดและวิ่งเข้ามาตรงกลางพื้นที่ต่อสู้ ดวงตาปริ่มน้ำตา “หยุดสู้กันนะ!”
“ฝุบ!”
เห็นเด็กหญิงวิ่งเข้ามาหาเขา กุยอู๋หุนก็กระอักเลือดอีกคำ
“ผู้อาวุโส?”
ศิษย์สำนักห้าผีพุ่งเข้ามาหาเขา
ท่านจอมยุทธ์กุยอู๋หุนแพ้ได้อย่างไร?
ไม่เพียงแค่กระบวนท่าเดียว แต่ยังลึกลับมาก ทำให้พวกเขาสับสน
“ไม่ต้องห่วง… แค่ลิ่มเลือดเล็กน้อย ข้าจะรู้สึกดีขึ้นหลังจากเอามันออกไป!”
กุยอู๋หุนดึงเด็กหญิงไปหาเขาและเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้น ทันใดนั้น เขาก็ทักทายฟางหยวนพร้อมคารวะ “ท่านคือเจ้าสำนักฟางจากหุบเขาสันโดษ มณฑลชิงเหอ ใช่หรือไม่?”
เขาไม่คิดเลยว่าจะมีอู่จงที่อายุน้อยเท่านี้คนอื่นอีก
หัวใจของเขาขมขื่น
ถ้าเขารู้ว่านี่คือฟางหยวนตั้งแต่แรก เขาก็คงไม่เป็นฝ่ายเริ่มการต่อสู้
“ฟางหยวน?”
“ท่านหมอจากชิงเหอ?”
“เจ้าสำนัก?”
“เป็นชายหนุ่มอายุเท่านี้ ช่างทำให้ผู้อื่นละอายตัวเองนัก!”
…
ชื่อของคนนามของไม้
ทั้งอี้ซานฝูทุกคนรู้จักชื่อฟางหยวน
แต่ไม่มีใครเคยพบเขามาก่อน ทำให้เกิดการต่อสู้ขึ้น
“เป็นข้าเอง เจ้ายังอยากพูดอะไรอีกไหม กุยอู๋หุน?”
ฟางหยวนพยักหน้า
“ฮ่าฮ่า…”
ท่ามกลางฝูงชน หวังฝูกุ้ยหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง มองฟางหยวนแล้วก็อวดโอ่ “เจ้าเห็นไหมนั่น.. นั่นน้องชายของข้า! ข้าเห็นความสามารถของเขาตั้งแต่เมื่อเราพบกันครั้งแรก และพวกเราก็กลายเป็นพี่น้องร่วมสาบานมานับแต่นั้น…”
“เจ้าเยี่ยมมาก!”
จู่ ๆ พวกเขาก็มองหวังฝูกุ้ยอย่างนับถือ
…
“ในเมื่อท่านเจ้าสำนักมาถึงนี่ด้วยตัวเอง ข้ายังจะพูดอะไรได้อีก? สำนักห้าผีย่อมแล้วแต่ท่านแล้ว!”
กุยอู๋หุนยอมลงให้และใช้ใบหน้าเข้มงวดหยุดเหล่าศิษย์ที่ยังโกรธอยู่
เขารู้ว่าถ้าเขาไม่ตัดสินใจให้ถูกต้อง ฟางหยวนสามารถกำจัดทั้งสำนักห้าผีไปได้โดยง่าย
นี่เป็นทั้งหมดที่สำนักเหลืออยู่ ดังนั้นเขาจะปล่อยให้ทุกอย่างที่นี่ถูกทำลายล้างไปได้อย่างไร?
“ดีมาก!”
ฟางหยวนเข้าไปถึงทางเข้าสำนักยุทธ์ “เอาบันทึกทั้งหมดของสำนักให้ข้า ข้าจะอยู่ที่นี่สองสามวัน!”
“พวกเราจะทำตามที่ท่านต้องการ!”
กุยอู๋หุนคารวะลง “ยกห้องที่ดีที่สุดในสำนักของเราให้เจ้าสำนักฟางพำนัก… ศิษย์ทั้งหมดของเรามาคารวะท่านเจ้าสำนักฟาง และต้องให้ความเคารพเขา!”
“…”
เกิดความเงียบขึ้นในเหล่าศิษย์สำนักห้าผี เมื่อวินาทีก่อนยังโมโหอยู่ และไม่ยอมลง และตอนนี้ถูกสั่งให้เป็นบ่าวรับใช้ผู้เชื่อฟัง นี่ช่างทดสอบจิตใจของพวกมันนัก
หลายคนปรับตัวได้อย่างรวดเร็วและเริ่มประจบประแจงฟางหยวน “เป็นเกียรติของสำนักเราที่เจ้าสำนักฟางหยวนต้องการดูบันทึกที่เก็บรักษาเอาไว้ ได้โปรดเข้าไปรับน้ำชาก่อน!”
“อืม…”
ฟางหยวนมองหวังฝูกุ้ยด้วยสายตา ‘ทำอย่างที่เจ้าชอบ’ และเข้าไปในสำนักยุทธ์
กุยอู๋หุนตามติดเขาเข้าไป อุ้มเด็กหญิงเอาไว้และดูลำบากเล็กน้อย
“เด็กคนนี้… นางชื่ออะไร?”
ฟางหยวนถามขณะเดินต่อ
“นี่…”
กุยอู๋หุนลังเลครู่หนึ่งจากนั้นจึงตอบ “นางชื่อเสี่ยวเซี่ย เป็นบุตรสาวของเพื่อนของข้า!”
“เพื่อนที่ดี!”
ฟางหยวนหันกลับมา มองกุยอู๋หุน และเงียบอยู่
พลังของเด็กคนนี้ทำให้เขานึกถึงเจ้าสำนักห้าผี
ไม่คิดเลยว่าเจ้าคนหยาบกระด้างนั่นจะมีลูกสาวที่น่ารักและบอบบางเช่นนี้ได้
นอกจากนี้ ดูเหมือนว่าจะยังมีความลับอื่นอยู่ในสำนักห้าผีอีก
ศิษย์อื่นก็ดูจะไม่รู้เรื่องนี้
…
“หัวหน้า?”
ที่ด้านนอกสำนักยุทธ์ ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่น ๆ สลายตัวไปแล้ว เหลือเพียงหวังฝูกุ้ยและพวกพ้องเอาไว้
“เหตุใดเจ้าสำนักจึงเข้าไปแล้วทิ้งพวกเราไว้ที่นี่?”
“ไม่ใช่ว่าพวกเรามาที่นี่เพื่อทำลายสถานที่นี้หรอกหรือ? เหตุใดจึงกลายเป็นเยี่ยงนี้ไปได้?”
พวกเขาล้วนไม่รู้เรื่องราวและมองกันไปมา พวกเขาล้วนคิด “มิใช่ว่าหัวหน้าทำให้ฟางหยวนโกรธแล้ว?”
หวังฝูกุ้ยเองก็เสียใจ และหัวใจเขาก็เต้นตุ้บ
เขายังคับให้ตัวเองทำท่านิ่งเฉย “พี่น้อง… เขาก็มีวิถีของเขาในการทำเรื่องใด ๆ พวกเจ้าจะไปรู้ได้อย่างไร? ไป รีบตามข้าไปจัดการกับพรรคแม่น้ำใหญ่!”
คำพูดชวนสับสนของเขาทำให้พวกนั้นงุนงงได้จริง คิดไปว่าเขาหมายถึง ‘มีคนคุ้มหัว’ พวกมันทั้งหมดยืดหลังขึ้นและตามหวังฝูกุ้ยไปอย่างภาคภูมิ ขณะที่เดินทางไปจัดการกับพรรคแม่น้ำใหญ่