“เม็ดยาพลังธาตุ ยาเม็ดที่ชดเชยพลังธาตุและเพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างกาย…”
“เม็ดยาสงบใจ ช่วยทำให้จิตใจกระจ่างและสงบ…”
“เม็ดยาสร้างกล้ามเนื้อ กระดูกและกล้ามเนื้อที่บาดเจ็บจะหายภายในเจ็ดวัน…”
ทั้งชั้นเต็มไปด้วยขวดหยก และที่ด้านใต้ของแต่ละขวดก็มีป้ายบอกชื่อยาและการใช้งานซึ่งมอบข้อมูลให้ฟางหยวน
ที่ลู่เหรินเจียเก็บไว้ที่นี่ทั้งหมดนี้ น่าจะเป็นเม็ดยาวิญญาณที่สร้างจากส่วนผสมพิเศษต่าง ๆ และมีคุณสมบัติพิเศษ
ผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดาคงจะสู้กันแทบตายเพื่อให้ได้มาซึ่งเม็ดยาเหล่านี้สักชนิด
แน่นอนว่า ถึงระดับนี้แล้ว มียาวิเศษเพียงไม่มากที่มีผลต่อเขา
ฟางหยวนค้นทั่วชั้นแล้ว และก็พบเม็ดยาเพียงสามอย่างที่มีประโยชน์ต่อเขา
“ในขวดเม็ดยาพลังธาตุมียา 10 เม็ด และมี 5 เม็ดในขวดยาสงบใจ และอีก 18 เม็ดในขวดยาสร้างกล้ามเนื้อ!”
ฟางหยวนโยนขวดในมือเล่น “มียาเพียงสองอย่างที่ช่วยเสริมการฝึกตนของข้าได้ ข้าสงสัยนักว่าข้าจะเพิ่มพลังการฝึกปรือได้หรือไม่หากกินลงไปทั้งหมดในครั้งเดียว?”
คิดถึงหลิวเอี๋ยนที่ได้รับสมบัติของลู่เหรินเจียมาครึ่งหนึ่งและใช้มันในการทะลวงถึงระดับการฝึกตนปัจจุบันได้ ฟางหยวนก็อยากจะลองดูเช่นกัน
“ความร่ำรวยของจ้าวแห่งการเล่นแร่แปรธาตุช่างน่าอิจฉานัก…”
หลังจากเก็บเม็ดยาของเขาแล้ว ฟางหยวนก็ถอนหายใจยาวและชื่นชมในความมั่งคั่งของลู่เหรินเจียนัก
แน่นอนว่า ไม่ใช่เม็ดยาทั้งหมดบนชั้นจะเป็นยาวิเศษ ครึ่งหนึ่งของมันนั้นได้มาจากส่วนผสมทั่วไป และยังมีน้ำและเงินอีกจำนวนหนึ่ง
ตอนที่ลู่เหรินเจียจัดเตรียมที่พำนักลับนี้ไว้ เขาก็คิดถึงสถานการณ์ทุกอย่างถ้าหากเขาต้องมาซ่อนตัวที่นี่ และเตรียมพร้อมเอาไว้เรียบร้อย
“มีเงินอีกประมาณหนึ่งหมื่นตำลึงเงิน รวมทั้งของมีค่าด้วย เขาสามารถกลับไปฟุ้งเฟ้อได้แบบเดิมไม่ว่าเขาจะเดินทางไปที่ไหน…”
ฟางหยวนตรวจดูใต้ชั้นและดึงกล่องหยกขนาดใหญ่สองใบออกมา
เปิดใบหนึ่งดูก็เห็นหนังสัตว์สีม่วงผืนหนึ่ง เกล็ดสีม่วงมีขนาดใหญ่ประมาณลูกนัยน์ตา เงาวับเป็นประกาย สร้างความกลัวให้แก่ทุกคนที่มอง
“หนังสัตว์วิญญาณระดับสูง?”
เขาแตะที่คางตัวเองและพยายามสัมผัสพลังจากหนังสัตว์นี้ “ข้าเกรงว่าสัตว์ตัวนี้จะอยู่ในระดับอู่จงเมื่อตอนที่มันยังมีชีวิตอยู่!”
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะผูกมิตรกับสัตว์วิญญาณ
และยิ่งไปกว่านั้น สัตว์วิญญาณระดับอู่จง ต่อให้ลู่เหรินเจียพยายามด้วยตนเอง เขาก็คงทำได้แค่ได้รับส่วนผสมอันล้ำค่าจากมันเท่านั้น
แต่ว่า มันก็ยังนับเป็นของที่มีคุณค่ามหาศาล
ฟางหยวนถือหนังสัตว์นั่นไว้ในมือ กางออกและก็รู้สึกพอใจในความทนทานของมัน ต่อให้เขาสวมมันไว้แบบเสื้อคลุมไหล่ มันก็ยังคงแข็งแกร่งกว่าเกราะธรรมดาด้วยซ้ำ และอาจจะมอบการปกป้องคาถาสะกดบางอย่างได้
“น่าเสียดายที่ข้าไม่ใช่จ้าวแห่งการเล่นแร่แปรธาตุ ไม่อย่างนั้นจะคงสามารถใช้มันเป็นวัตถุดิบในการสร้างเกราะที่ทรงพลัง… เก็บของชิ้นนี้เอาไว้ ลู่เหรินเจียน่าจะมีความตั้งใจบางอย่าง…”
หลังจากคิดดูแล้ว ฟางหยวนก็เปิดกล่องหยกใบที่สอง
ทันใดนั้น เบื้องหน้าสายตาของเขาก็เต็มไปด้วยสีเขียวอ่อน
ในกล่องหยกใบใหญ่ ครึ่งหนึ่งเต็มไปด้วยของเหลวใสที่มีเนื้อไหลไปมาแบบปรอท มีประกายสีเขียวอยู่ตรงกลางราวกับเป็นใจกลางของของสิ่งนี้
“เมล็ดพืชวิญญาณ?”
ฟางหยวนค่อย ๆ นำของสีเขียวที่ตรงกลางนั้นออกมาและก็พบว่ามันเป็นผลึกใสสีเขียว ที่ตรงกลางผลึกเป็นเมล็ดพืชสีดำสนิทที่มองไม่ชัดด้วยตาเปล่า ประกายสีเขียวดูจะแผ่ออกมาจากผลึกก้อนนี้
“ผลึกก้อนนี้เป็นผนึกแบบหนึ่ง รวมทั้งของเหลวนี้ด้วย สามารถรักษาอายุของเมล็ดพืชใด ๆ…”
ฟางหยวนเดากับตัวเอง
คล้ายกับขวดหยก มีคำอธิบายอยู่ใต้กล่องหยก ดูเหมือนว่าจะเตรียมเอาไว้สำหรับหลิงอิ๋น
“หนังเสือดาวซิงโหมว… ใครจะรู้ว่าสมบัติล้ำค่าเช่นนี้จะปรากฏในประเทศเซี่ย ลู่เหรินเจียไปพบมันเข้าที่ไหนกัน?”
ลู่เหรินเจียอธิบายถึงที่มาของหนังสัตว์สีม่วงเอาไว้ มันได้มาจากสัตว์กลายพันธุ์และเป็นวัตถุดิบที่ดีในการสร้างเกราะ มันเพิ่มความสามารถในการป้องกันและต้านคาถาสะกด
ส่วนในกล่องหยกอีกใบนั้น แหล่งที่มาของเมล็ดพืชไม่ชัดเจน มีอย่างเดียวที่ระบุเอาไว้ก็คือเมล็ดพืชวิญญาณไร้ชื่อนี้มีความมีชีวิตสูง แต่เสียดายที่ยากจะปลูกให้งอกได้
“เมล็ดพืชวิญญาณ?”
ฟางหยวนถอนหายใจ “เมล็ดพืชเช่นนี้เพียงเมล็ดเดียว และยังอาจจะเป็นเมล็ดอะไรก็ได้ นี่มันอยู่ในระดับฟ้าหรือไม่?”
ของวิเศษนั้นแยกออกเป็นระดับ ฟ้า ดิน ปริศนา และเหลือง ของวิเศษระดับปริศนาและระดับเหลืองนั้นหาไม่ยาก แต่มันขึ้นอยู่กับโชคแล้วที่จะพบของวิเศษระดับดินหรือฟ้า ในประวัติศาสตร์ของประเทศเซี่ย ของวิเศษเช่นนี้ล้วนแต่ปรากฏขึ้นครั้งหนึ่งในรอบหลายร้อยปี และมีชื่อเรียกกันว่าพืชสวรรค์!
บางทีพืชวิญญาณระดับฟ้าอาจจะปรากฏขึ้นในอาณาจักรต้าเฉียนก็ได้
ทันใดนั้น สีหน้าของฟางหยวนก็เปลี่ยนไป!
เพราะว่าผลึกสีเขียวประกายในมือเขาจู่ ๆ ก็สว่างวาบขึ้น และของเหลวที่ด้านในก็เริ่มหมุนคว้าง มันราวกับกำลังละลาย
“เป็นไปได้อย่างไร… เหตุใดผนึกจึงสลายเร็วเช่นนี้?”
ฟางหยวนขมวดคิ้ว เขาสังเกตเห็นว่าเมล็ดพืชที่ดูธรรมดาที่ด้านในเริ่มเปล่งประกายสีเหลือง และเขาสามารถสัมผัสถึงพลังเวทย์ที่แผ่ออกมาได้
“นี่…”
เขาคุ้นเคยกับฉากนี้ นึกถึงครั้งแรกที่เขาปลูกข้าวหยกแดง หรือตอนที่ผลหยกแดงงอกต้นอ่อน ประกายสีเหลืองเช่นนี้ล้วนปรากฏขึ้นเมื่อมีการเพิ่มระดับ [การดูแลพืช] ของเขา!
“ใช่จริง ๆ รึ…”
ฟางหยวนเรียกหน้าต่างสถานะขึ้นมาและพบว่า ‘4’ ที่ด้านหลังแถบสะสมค่าประสบการณ์ที่เต็มแล้วนั้นกะพริบ เขาผ่านขีดจำกัดและขึ้นสู่ระดับห้าแล้ว!
[การดูแลพืช (ระดับ 5)]!
“แม้ว่ามันจะยังไม่งอก ข้าก็ยังได้ค่าประสบการณ์ที่ทำให้ [การดูแลพืช] ของข้าเปลี่ยนระดับได้เพียงแค่สัมผัสกับพลังของมัน?”
ฟางหยวนมองเมล็ดพืชที่กลับเป็นปกติอีกครั้งอย่างตกใจ “เป็นไปไม่ได้ที่มันจะเป็นเมล็ดพืชระดับดิน… หรือว่าจะเป็น… ระดับฟ้าจริง ๆ? สมบัติเช่นนี้มาตกอยู่ในมือลู่เหรินเจียได้อย่างไร?”
น่าเสียดายที่เขาไม่มีโอกาสเข้าสู่ความฝันของลู่เหรินเจียเพื่อค้นหาความลับนี้
ตามที่เขาคิด ลู่เหรินเจียเพียงรู้คุณค่าของเมล็ดพืชนี้ แต่ยังไม่รู้คุณค่าที่แท้จริงของมัน!
“ล้ำค่านัก!”
หลังจากหายตกใจแล้ว ฟางหยวนก็ดีใจมาก “เพียงแค่ [การดูแลพืช] ของข้าเพิ่มระดับ ต่อให้ข้าไม่ได้อะไรจากการเดินทางครั้งนี้เลย มันก็คุ้มค่าแล้ว!”
เขาพูดขึ้นหลังจากได้อ่านคำบรรยายของ [การดูแลพืช (ระดับ 5)] ของเขา
“[การดูแลพืช (ระดับ 5)]— เจ้าเป็นปรมาจารย์ในโลกแห่งพืชพรรณ! พืชทุกชนิดที่ผ่านมือเจ้าจะพัฒนาไปเป็นสายพันธุ์พิเศษ และระยะเวลาที่ใช้ในการเติบโตจะสั้นลงด้วย!”
ความสามารถนี้ของเขาราวกับหัตถ์แห่งเทพ
หลังจากอ่าน ฟางหยวนก็นึกถึงผลหยกแดงที่บ้านขึ้นมาทันที
ด้วยปุ๋ยวิญญาณ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และความสามารถนี้ของเขา มันย่อมเป็นไปได้ที่ต้นอ่อนผลหยกแดงจะเติบโตเต็มที่
“เยี่ยม นี่ยอดเยี่ยมมาก!”
ฟางหยวนพยักหน้า และมองหน้าต่างสถานะของตัวเอง
“ชื่อ: ฟางหยวน
พลังกาย: 11.0
พลังลมปราณ: 11.0
พลังเวทย์: 9.5
สายวิชา: จ้าวแห่งฝัน
การฝึกตน: [ผู้สร้างฝัน (รวมพลังธาตุขั้นสูง)], อู่จง
วิทยายุทธ์: [กรงเล็บอินทรีเหล็ก (ระดับ 13) (???)], คาถาสะกด, ก้าวมายา
ทักษะ: [การรักษา (ระดับ 3)], [การดูแลพืช (ระดับ 5)]”
หลังได้กินข้าวหยกเพลิง เส้นทางการฝึกตนเป็นจ้าวแห่งความฝันและการเปลี่ยนระดับในครั้งนี้ล้วนแต่นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในหน้าต่างสถานะของเขา
“ต่อไป ประเทศเซี่ยจะตกอยู่ในความวุ่นวาย เพื่อรักษาจุดยืนของข้า ข้าจำต้องมีความแข็งแกร่งและมีความสามารถอย่างแท้จริง!”
ฟางหยวนกำหมัดแน่น เต็มไปด้วยความคาดหวัง
…
รัฐเซี่ยหยางฝู
ขณะที่ฟางหยวนไปที่พำนักลับของลู่เหรินเจีย ก็เกิดเรื่องใหญ่ที่ทำให้ทั้งเซี่ยหยางฝูตกอยู่ในความตื่นตระหนก
หลิวเอี๋ยน เจ้าเมืองอี้ซานฝู ไม่ได้ประกาศสงครามแต่นำทัพหลักบุกเข้าไปในเซี่ยหยางฝูโดยตรง
เพราะว่าเซี่ยหยางฝูไม่ทันรู้ตัว และประมาทศัตรูเกินไป ทั้งสามเมืองของเซี่ยหยางฝูก็ถูกยึดได้ภายในวันเดียว เจ้าเมืองเดิมของเซี่ยหยางฝูตกอยู่ในอันตราย
เลือดล้างเซี่ยหยางฝู
ในเมืองเกิดความวุ่นวาย มีเสียงตะโกน การสังหาร และเสียงกรีดร้องดังอย่างต่อเนื่อง
คลื่นทหารในเครื่องแบบของอี้ซานฝูสังหารคนสร้างเป็นถนนเลือดสายหนึ่งแต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อเจอกับฝนลูกศรที่ทำให้พวกมันต้องถอยหลังกลับอย่างน่าอับอาย
“ท่านเจ้าเมือง!”
ตรงหน้าเจ้าเมือง ดวงตาของเซียงจื่อหลงแดงก่ำขณะคุกเข่าอยู่ตรงหน้าหลิวเอี๋ยน “เหตุใดจึงไม่พักที่นี่สักคืน! พรุ่งนี้เช้าพวกเรายึดเมืองหวงสือได้อย่างแน่นอน!”
“ฮึ่ม เจ้าพวกสวะไร้ประโยชน์!”
หลิวเอี๋ยนในชุดเกราะสีทองมองทหารของอี้ซานฝูถูกลูกศรเสียบร่างคำรามออกมา
“ข้าอุตส่าห์ทิ้งทหารไร้ประสบการณ์เอาไว้ปกป้องรัฐของเราแล้วนำเฉพาะผู้ที่เก่งกาจมา แต่พวกเราก็ยังต้องใช้ความพยายามถึงเพียงนี้เพื่อจะบุกเข้าเมืองหลวงงั้นเหรอ!”
คิ้วของเขาขมวดแน่นแสดงถึงความโกรธ
“ตอนนี้เมืองหวงสือมีอู่จงคอยดูแล ต่างไปจากครั้งก่อนนัก! อีกอย่าง… ทหารของพวกเรายึดมาแล้วสามเมืองและใช้พลังไปจนหมด… ข้าสมควรตาย!”
เซียงจื่อหลงพยายามอธิบาย และเมื่อมองสบตาหลิวเอี๋ยนเขาก็ตัวสั่นและได้แต่ขออภัย
“คิคิ… ไม่ต้องห่วง ท่านเจ้าเมือง!”
นักพรตมู่หลี่ที่อยู่อีกด้านหนึ่งหัวเราะ “ทหารของเราเหน็ดเหนื่อยมากจริง และลูกศรของศัตรูก็เกือบจะถูกใช้หมดสิ้นแล้ว หลังจากนี้ ข้าจะนำทหารของเราเข้ายึดเมืองนี้!”
“แกว๊ก! แกว๊ก!”
หลังจากพูดจบ เขาก็กระโดดขึ้นหลังเหยี่ยวฉุยเฟิงและหายลับไป
ไม่นาน ก็มีพลังวิญญาณสีเขียวปรากฏขึ้นบนกำแพงเมือง พร้อมกับความเกรี้ยวกราดของอู่จงผู้หนึ่ง
เห็นโอกาสนี้แล้ว ทหารของอี้ซานฝูก็พยายามโจมตีอีกครั้งและในที่สุดก็เปิดประตูเมืองได้ ทุกคนแทรกตัวเข้าไปและเริ่มมีการต่อสู้ไปทุกถนน
“ดีมาก ในเมืองศัตรูโง่งมนัก ถ่ายทอดคำสั่งลงไป เผาเมืองนี้ให้สิ้น!”
หลิวเอี๋ยนมองภาพตรงหน้าแล้วออกคำสั่ง
“อะไรนะขอรับ?”
เซียงจื่อหลงตกใจ “ท่านเจ้าเมือง กรุณาไตร่ตรอง พลเมืองธรรมดาล้วนเป็นผู้บริสุทธิ์…”
“ฮึ่ม! คนในเมืองนี้ทั้งหมดล้วนเป็นกบฏและต่อต้านข้า ข้าจะปฏิบัติกับพวกมันด้วยวิถีเดียวกัน!”
หลิวเอี๋ยนหัวเราะเยาะ “ถ้าข้าไม่ทำเช่นนี้ ข้าจะสร้างความหวาดกลัวให้กับศัตรูได้อย่างไร? ข้าตัดสินใจ เลิกบอกให้ข้าคิดใหม่เสีย!”
เขาไม่เพียงสั่งให้เผาเมืองแต่ยังไปลงมือด้วยตัวเองด้วย ภายในเมือง มังกรไฟสีเขียวเก้าตัวโฉบไปมา และควันหนาก็ลอยเต็มท้องฟ้า ทั้งเมืองกลายเป็นนรก
“ถ้าเจ้าเกลียดข้า ก็มาสู้กับข้า!”
เห็นทั้งเมืองเปลี่ยนไปเป็นนรกบนดิน หลิวเอี๋ยนก็ยังคงมีสีหน้าไร้ความรู้สึก เขากำหยกสีเลือดเอาไว้ในมือขวา “เพื่อการทะลวงด่านของข้า บาปนี้ไม่นับเป็นอะไรได้!”