“ไฟล้างโลกเลือดนองปฐพี!”
เผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ผู้มีพรสวรรค์ที่สุดในประเทศเอาตอนนี้ ปิศาจโลหิตไม่กล้าเก็บงำความสามารถสักนิด กระบวนท่าเปิดของเขานั้นเป็นเคล็ดโลหิตเวทย์ระดับสูงสุด
“ฝุ่บ!”
รอยเลือดปรากฏขึ้นเป็นเกราะล้อมรอบตัว ทำให้ดูเหมือนเขาถูกไฟลุกท่วม มันขยายออกอย่างรวดเร็วเมื่อปิศาจโลหิตพุ่งเข้าหาฟางหยวน
แม้ว่านี่จะไม่ใช่ไฟหยาง แต่มันก็ร้ายกาจและรุนแรงกว่าไฟหยินมาก เมื่อมันสัมผัสกับผิวหนัง มันสามารถทำให้เลือดเนื้อและกระดูกกลายเป็นเถ้าได้ในทันที
“เป็นเคล็ดโลหิตเวทย์จริง ๆ!”
มองภาพนี้แล้ว ฟางหยวนก็หนังตากระตุก
คาถาเวทย์ที่ปิศาจโลหิตใช้นั้นเหมือนกับในเคล็ดโลหิตเวทย์ของฟางหยวน พวกมันน่าจะได้มาจากแหล่งเดียวกัน แน่นอนว่า เมื่อเทียบกันแล้ว ก็เห็นได้ว่าปิศาจโลหิตนั้นสำเร็จวิชาในระดับสูงในขณะที่โลหิตสังหารและพวกนั้นเป็นไม่ได้แม้กระทั่งศิษย์ของเขา
แต่ว่า ใช้เคล็ดเช่นนี้สู้กับเขานั้นค่อนข้างน่าประหลาดใจมาก
อย่างไรเสีย เคล็ดโลหิตเวทย์ก็อยู่กับเขา!
“ฝนจากสวรรค์!”
สำหรับการตอบโต้ ฟางหยวนประกบมือทำท่าและเมฆฝนก็ปรากฏขึ้น
“ฮ่าฮ่า… เจ้าคิดว่าไฟของข้าเป็นไฟธรรมดาหรือ?”
เห็นแล้วปิศาจโลหิตก็ฉีกยิ้มเยาะ ดูเหมือนว่ามันจะไม่พอใจที่ฟางหยวนประเมินมันต่ำ แต่ว่า รอยยิ้มของมันก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าตกใจไม่อยากเชื่อ
เพราะว่าภายใต้การควบคุมของฟางหยวน หยาดฝนเม็ดโตเทลงมาจากกลุ่มเมฆตกลงตรงกลางเปลวไฟสีเลือด
“ซ่า!”
หลังจากเสียงระเบิดดังลั่น เปลวเพลิงพิษที่สามารถลุกท่วมโลกได้ก็ดับลง ที่เหลืออยู่ก็มีแต่ไอน้ำสีขาวที่เริ่มกระจายหายไป
“เป็นไปได้อย่างไร?”
ปิศาจโลหิตตัวแข็งทื่อ
ไม่เพียงฟางหยวนจะเป็นแค่มือใหม่ในเรื่องคาถาเวทย์ ถ้าพูดให้ตรงกว่านั้น เขาเพียงใช้เคล็ดวิชาของศิษย์วิญญาณรับมือกับเคล็ดโลหิตเวทย์ได้สำเร็จ ซึ่งเกินกว่าที่ปิศาจโลหิตจะรับได้
เม็ดเหงื่อเย็น ๆ เริ่มปรากฏบนหน้าผากของเขา
ตามที่เขาสัมผัสได้ หยาดฝนนั้นหนาแน่นและกำลังแรงอย่างไม่น่าเชื่อ และฝนที่ตกลงมานั้นยังแฝงความยืดหยุ่นและว่องไวราวกับปลา มันตรงเข้าจุดอ่อนของคาถาของเขาและทำลายมันลงได้สำเร็จ ราวกับมีดคมกริบตัดก้อนเต้าหู้
ถ้าเขาเคยได้ยินเรื่องเล่าเก่าแก่เกี่ยวกับพ่อครัวชำแหละซากวัว เขาอาจจะยิ่งประหลาดใจและตกใจกว่าที่เป็นอยู่ด้วยซ้ำ
นี่เป็นเพราะฟางหยวนเพียงแค่ใช้เคล็ดวิชาสามัญที่สุดที่เขาได้ฝึกและเชี่ยวชาญที่สุด นอกจากนี้ เขายังไม่ได้ใส่พลังของตัวเองลงไปมากมายเลยด้วยซ้ำ
“คาถาเวทย์นี่…”
เหงื่อเย็น ๆ เม็ดโตไหลลงจากหน้าผากของปิศาจโลหิต เขารู้สึกว่าฟางหยวนมองทะลุตัวตนของเขาไปได้แล้ว
“เจ้าสังหารคนบริสุทธิ์โดยไม่มีเหตุผลและยังเป็นสาเหตุของเรื่องชั่วร้ายอีกมาก วันนี้ข้าจะมอบความยุติธรรมที่เจ้าควรได้รับ… แน่นอนว่า นี่ไม่ใช่เหตุผลหลัก ใครให้เจ้ากล้าท้าทายข้าแต่แรกเล่า!”
ฟางหยวนยิ้ม และเส้นแสงสีเขียววูบไหวก็พุ่งออกจากฝ่ามือของเขา
“แกรบ!”
ปิศาจโลหิตถอยหลังทันที และแสงสีแดงเข้มก็ปรากฏขึ้นจากร่างของเขา “เกราะโลหิตสวรรค์!”
หลังจากเรียกใช้การป้องกัน เขาก็หมุนเท้าและพุ่งออกไปโดยไม่หันกลับมา
เขาจะสู้กับศัตรูเช่นนั้นได้อย่างไร? เขาคงไม่กล้าสู้กับฟางหยวนอีกเลยในชีวิตนี้
อย่างไรเสีย การสู้กับศัตรูที่มองตัวเองออกอย่างปรุโปร่งนั้นก็เป็นประสบการณ์อันเลวร้ายมากพอแล้ว
หลังจากสัมผัสประสบการณ์เช่นนี้ครั้งหนึ่ง ปิศาจโลหิตก็ไม่ปรารถนาจะเผชิญอีกเป็นครั้งที่สอง
แต่ว่า น่าเสียดายที่ฟางหยวนไม่ปล่อยเขาไปโดยง่าย
“ไป!”
เมื่อเขาสั่ง แสงสีเขียวก็ยิ่งเป็นประกายวิบวับและอ่อนนุ่ม มันพัวพันอยู่รอบ ๆ เกราะสีแดงและทำให้มันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จากนั้นแสงสีเขียวก็ตัดผ่านเกราะได้โดยง่าย
“เพี๊ยะ!”
ปิศาจโลหิตอึ้งไป เขาเห็นเกราะของตัวเองแตกราวกับเป็นเปลือกไข่เผยให้เห็นแสงสีเขียว มันดูราวกับเป็นมีดสั้นสีเขียวที่มีรูปร่างประหลาด
“มีดสั้นอสรพิษเขียวในตำนาน?”
แน่นอนว่า เขาคุ้นเคยกับอาวุธชิ้นนี้ที่ลู่เหรินเจียเคยใช้มาก่อน
“ปุ!”
มีดสั้นอสรพิษเขียวพุ่งเข้าใส่เขาจากมุมที่ยากป้องกัน
ระหว่างนี้ ปิศาจโลหิตหมุนตัวและงอเอวลงด้วยท่วงท่าดูน่าเจ็บปวดเพื่อหลบอาวุธชิ้นนี้
ถึงอย่างนั้น มีดสั้นก็กรีดผ่านหัวไหล่ของเขา เลือดสาดกระจายในอากาศ
ปิศาจโลหิตหอบอย่างหนักราวกับสัตว์ร้ายที่สิ้นแล้วซึ่งความหวัง เขาพยายามอย่างที่สุดที่จะหาวิธีรอดชีวิตและในเวลาเดียวกันก็อึ้งจนพูดไม่ออกกับความสามารถของฟางหยวน
“เจ้าเข้าถึงระดับสูงสุดของขอบเขตรวมธาตุแล้ว?”
มองฟางหยวน คำพูดเหล่านี้ก็ถูกเค้นออกจากปากของเขาขณะที่เขาปฏิเสธที่จะรับรู้ความจริงนี้
ฟางหยวนทำลายคาถาเวทย์ก่อนหน้านี้ของเขาได้เพราะเขาไม่ระมัดระวังพอ และฟางหยวนโชคดี แต่ว่า มีดสั้นที่ผ่านเกราะป้องกันของเขาได้ มันทำให้เห็นว่าฟางหยวนนั้นมีความสามารถจริง ๆ และไม่มีข้ออ้างใดในครั้งนี้
โดยไม่รอให้ฟางหยวนตอบ รอยแผลหลายรอยบนร่างของเขาก็ฉีกเปิดออกและเลือดมากมายพรั่งพรู มันราวกับเขาจมอยู่ในกองเลือด
“เหอเหอ ข้าจะจำเจ้าเอาไว้! เคล็ดโลหิตซ่อน!”
พร้อมกับการตะโกนครั้งนี้ ปิศาจโลหิตเปลี่ยนร่างไปเป็นลำแสงสีแดงสดและพุ่งออกไปด้วยความเร็วอันน่าตระหนก
ก่อนหน้านี้ เขาก็ใช้เคล็ดวิชาเดียวกันนี้หลบหนีจากหลิวเอี๋ยนและนักพรตมู่หลี่ แม้ว่านักพรตมู่หลี่จะมีนกวิญญาณ เขาก็ไม่สามารถจับคนผู้นี้ได้
“ราชานกหงเอี่ยนป๋าย! สถานะคลั่ง!”
ถึงตอนนี้ ปิศาจโลหิตไม่โชคดีอีกครั้งเป็นแน่
เมื่อตะโกนบอกแล้ว ฟางหยวนก็กระโดดขึ้นหลังราชานกหงเอี่ยนป๋าย
เจ้านกร้องเสียงดังหลายครั้งต่อกัน ปลายขนของมันเปลี่ยนไปเป็นสีแดงสดของเลือด ความเร็วเดิมที่ก็เร็วมากอยู่แล้วนั้นเพิ่มขึ้นอีกห้าเท่า! เพียงแค่แสงสีขาวกะพริบครั้งเดียว มันก็ตามปิศาจโลหิตทัน
“เป็นไปได้อย่างไร?”
ปิศาจโลหิตไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปแล้ว
เคล็ดวิชานี้เป็นไพ่ตายใบสุดท้ายของเขา วิชานี้เมื่อใช้ออกต้องใช้พลังธาตุส่วนหนึ่ง และยังมีผลข้างเคียงคล้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส พลังของเขาจะลดลง
ดังนั้น เมื่อมีความเสี่ยงระดับนี้เข้ามาเกี่ยวข้อง ผลที่ได้ย่อมเกินคาดคิด มันสามารถพาเขาเดินทางด้วยความเร็วสูงเกินกว่าที่นกวิญญาณทั่วไปจะไล่ทันได้
ตั้งแต่ปิศาจโลหิตฝึกเคล็ดโลหิตเวทย์สำเร็จ เขาก็มักจะพึ่งพาเคล็ดวิชานี้เป็นไพ่ตายที่ไว้วางใจได้ไม่ว่าเมื่อใดก็ตาม
แต่ว่า มันเป็นไปได้อย่างไรที่นกวิญญาณที่ฟางหยวนขี่อยู่จะไล่ตามเขาทัน?
ปิศาจโลหิตตกตะลึงไปจนถึงแก่น
ไม่เพียงฟางหยวนจะขึ้นถึงระดับสูงสุดของขอบเขตรวมธาตุด้วยอายุน้อยเท่านี้ เขายังสามารถหานกวิญญาณที่มีพลังและเกรี้ยวกราดเช่นนี้มาได้อย่างไร?
‘มีบางอย่าผิดพลาดแล้ว นกวิญญาณนี้เป็นอินทรียักษ์ ความเร็วของมันไม่ควรถึงระดับนี้!’
ปิศาจโลหิตพยายามกระตุ้นตัวเอง “แม้ว่านกนี่จะเร็วกว่าข้า มันก็คงเพราะพลังธาตุลับสักอย่าง ตราบใดที่ข้าทนได้นานกว่า ข้าก็ยังมีโอกาสหนีรอด!”
คิดอย่างนี้แล้ว เขาก็รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมา และกัดปลายลิ้นของตัวเอง จานั้นเขาก็พ่นเลือดสดออกมาคำโต
“พรวด!”
ขี่อยู่บนหลังราชานกหงเอี่ยนป๋าย ฟางหยวนมองรอยเลือดบนพื้นที่ขยายกว้างขึ้นและมีประกายสีม่วง ความเร็วของปิศาจโลหิตก็เพิ่มขึ้นอีกสามเท่าตัว
“เหอเหอ… ตอนนี้เจ้าใช้ชีวิตของตัวเองเป็นเดิมพันแล้ว?”
เขาหยิบลูกไผ่สองสามลูกออกมาอย่างใจเย็น และป้อนให้ราชานกหงเอี่ยนป๋ายและสั่ง “ไล่ตามมันต่อ ดูซิว่ามันจะยังทนใช้เลือดไปได้อีกนานเท่าใด!”
“แกว๊ก แกว๊ก!”
นกหงเอี่ยนป๋ายกรีดร้องเสียงแหลมและขนก็แดงขึ้นกว่าเดิม ด้วยการเสริมพลังจากลูกไผ่ ระยะเวลาคลั่งของมันก็ถูกยืดออกไป
หลังจากนั้น
“นี่มัน… นี่มันตัวอะไรกัน? มันมีพลังงานไม่รู้หมดหรือไร? นี่ไม่ปกติแล้ว!”
ลำแสงจากเคล็ดโลหิตซ่อนค่อย ๆ อ่อนลง ปิศาจโลหิตหน้าซีดราวศพ และผมสีดำของเขาก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไปราวกับเป็นกิ่งไม้ตายแห้ง เขาหล่นลงพื้นอย่างยืนหยัดไม่อยู่แล้ว
ได้ยินเสียงร้องแกว๊กจากนกตัวนั้นดังมาข้างหลัง เขาก็อ้าปากขึ้นอย่างลำบาก แต่ว่าไม่มีเลือดพอให้ใช้แล้ว
“ฮ่าฮ่า… ดูเหมือนชีวิตอันน่าภาคภูมิของข้าจะจบลงอย่างน่าสมเพชเช่นนี้แล้ว กรรมสนองแล้ว!”
เสียงหัวเราะแห้งแหบของปิศาจโลหิตฟังดูน่ากลัวกว่าเสียงการ้อง สายตาของเขาดับลง เขาล้มลงบนพื้น
“หืม?”
ราชานกหงเอี่ยนป๋ายร่อนลงอย่างสง่างามขณะฟางหยวนกระโดดลงไป เขารู้สึกสงสัย “เขาตายแล้ว?”
เมื่อลำแสงจากเคล็ดโลหิตซ่อนจางไป เขาก็เห็นปิศาจโลหิต
ซากศพของปิศาจโลหิตนั้นอยู่ในสภาพเลวร้ายกว่าซากศพที่ฟางหยวนเห็นก่อนหน้าเสียอีก เลือดทั้งหมดของเขาเหือดแห้งไปแล้ว
“เขาทำให้ตัวเองหมดแรงจากการใช้เคล็ดโลหิตซ่อนต่อเนื่อง”
จากนั้นฟางหยวนก็มองราชานกหงเอี่ยนป๋ายข้างตัวที่เกือบหมดแรงแล้วเช่นกัน และรีบป้อนลูกไผ่สองสามลูกให้มันทันที “ค่อย ๆ กินช้า ๆ ไม่ต้องห่วง ข้ายังมีให้เจ้าอีกมาก…”
ถ้าปิศาจโลหิตยังอยู่และเห็นเช่นนี้ เขาก็คงตายด้วยความโกรธซ้ำอีกครั้ง
“อสรพิษเขียว! ไป!”
มองปิศาจโลหิตที่ไร้ลมหายใจแล้ว ฟางหยวนก็ยังไม่ปล่อยให้มีโอกาสใด เขาโบกมือ แล้วลำแสงสีเขียวก็ปรากฏขึ้นและพุ่งตรงไปทางปิศาจโลหิต ตัดหัวเขาออกไป
มีเพียงเช่นนี้เท่านั้นที่ฟางหยวนจะเชื่อจริง ๆ ว่าเขาตายแล้ว
“เจ้าเป็นผู้มีความพิเศษ ถึงจะตายด้วยสภาพน่าสงสาร…”
จากนั้นฟางหยวนก็ไม่ลังเลที่จะก้าวเข้าไปค้นร่างของเขา
เขาสนใจเป็นอย่างมากที่จะหาว่านักรบศักดิ์สิทธิ์นั้นมีอะไรในครอบครองบ้าง
น่าเสียดาย ปิศาจโลหิตเป็นปิศาจข้นแค้น เขาไม่มีอะไรอยู่บนร่างเลยนอกจากหยกตำราชิ้นหนึ่ง
จากนั้นฟางหยวนก็ใช้พลังเวทย์ของเขามองทะลุทะลวงร่างของปิศาจโลหิต เขาพบตำราโลหิตเวทย์ส่วนท้าย ดูเหมือนปิศาจโลหิตจะมีความเกี่ยวข้องกับโลหิตสังหาร
น่าเสียดายที่พวกมันทั้งคู่ล้วนถูกฟางหยวนสังหาร แต่ฟางหยวนก็ไม่ได้สนใจที่จะสืบสาวต่อไป
“เรื่องไร้ยางอายประเภทนี้ไม่คู่ควรให้ข้าเสียเวลาของข้า แต่เคล็ดโลหิตซ่อนดูจะน่าสนใจ!”
ฟางหยวนไม่สนใจเคล็ดโลหิตเวทย์แม้แต่นิดเดียว แต่เขายินดีที่พบเคล็ดโลหิตซ่อนในตำราโลหิตเวทย์ส่วนท้าย
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า แม้ว่าเคล็ดโลหิตซ่อนจะใช้พลังอย่างมาก แต่มันก็มีประโยชน์มากกว่าเมื่อฝึกสำเร็จ
“แต่ว่า นี่คือทั้งหมดที่นักรบศักดิ์สิทธิ์ผู้หนึ่งครอบครองอยู่งั้นรึ?”
ฟางหยวนไม่อยากเชื่อ คิดถึงเมื่อครั้งโลหิตสังหาร เขาก็โบกมือ เชือกผูกเอวของปิศาจโลหิตขาดออกในทันทีเผยให้เห็นร่างเปลือยเปล่าของศพปิศาจโลหิต
“เอ๋?”
ถึงตอนนี้ มีบางอย่างสะดุดความสนใจของฟางหยวน
ผิวหนังส่วนหนึ่งบนหน้าอกของปิศาจโลหิตดูต่างไปจากผิวส่วนอื่นบนร่างของเขา ชัดเจนว่ามีการทำบางอย่างกับผิวส่วนนั้น
ฟางหยวนโบกมือ แสงสีเขียวกะพริบ แล้วแผ่นหนังนั่นก็ลอยเข้ามาในมือของฟางหยวน
“ช่างเป็นวิธีการซ่อนที่ชาญฉลาด!”
หนังชิ้นนี้ผ่านกระบวนการใดมาก่อน มันดูคล้ายจะเป็นหนังมนุษย์ เมื่อถูกเลือดเนื้อของปิศาจโลหิตปกคลุมอยู่เป็นนาน มันย่อมดูไม่เหมือนหนังมนุษย์แล้ว
เป็นเพราะลักษณะการตายของปิศาจโลหิตทำให้กล้ามเนื้อของเขาหดตัว เผยความแตกต่างให้ฟางหยวนเห็น
“เป็นไปได้ไหมว่านี่ก็เป็นเคล็ดวิชาลับด้วย?”
บนแผ่นหนังที่บางอย่างมากนั้นสามารถเก็บเอาไว้ได้อย่างมากก็กระดาษแผ่นเดียว เมื่อฟางหยวนกางมันออก ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง “นี่มัน…”
ในมือของเขานั้นเป็นชิ้นส่วนแผ่นที่เก่า ๆ ลายเส้นและสีบนนั้นคุ้นตาฟางหยวนเป็นที่สุดเพราะว่าเขามีแผนที่แบบเดียวกันนี้อยู่สองชิ้นแล้ว!
“แผนที่สมบัติส่วนที่สาม!”