“นี่เป็นลิขิตฟ้า!”
ตรงหน้าฟางหยวน แผนที่สมบัติสามชิ้นประกอบเข้าด้วยกันเปลี่ยนเป็นแผนที่สมบูรณ์แผ่นหนึ่งซึ่งระบุตำแหน่งด้วยจุดสีแดงอยู่ตรงกลาง มีเพียงเมื่อทั้งสามชิ้นประกอบเข้าด้วยกัน รายละเอียดถึงปรากฏขึ้น ต่อให้มีผู้ใดลอกแบบแผนที่นี้ไป มันก็ไร้ประโยชน์เพราะว่าต้องใช้แผนที่ตัวจริงเท่านั้น
“แผนที่ชิ้นแรกเป็นของขวัญจากฮั่นโจว แผนที่ชิ้นที่สองได้มากจากสำนักห้าผีมณฑลเลี่ยหยาง… และชิ้นที่สามนั้นอยู่กับปิศาจโลหิต…”
ฟางหยวนถูระหว่างคิ้วขณะคิด
“เดี๋ยวก่อนนะ… ตามประวัติของสำนักห้าผี แผนที่ชิ้นที่สามอยู่กับศิษย์คนที่สามของบรรพบุรุษผู้นั้นที่ออกจากประเทศมา… และปิศาจโลหิตผู้นี้ก็บังเอิญเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์ที่เดินทางข้ามสี่ทะเล… เป็นไปได้ไหมว่าเขาคือทายาทของศิษย์คนที่สาม?”
ดวงตาของเขาสว่างวาบขึ้น “ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เรื่องราวหลายอย่างก็ดูมีเหตุผล!”
จากเคล็ดโลหิตเวทย์ ปิศาจโลหิตและโลหิตสังหารนั้นน่าจะมีความเกี่ยวข้องกัน และถ้าปิศาจโลหิตนั้นเป็นทายาทของ ‘ท่านผู้นั้น’ เขาย่อมรู้ความลับของแผนที่สมบัติ ถ้าเป็นอย่างนั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่โลหิตสังหารและเจ้าสำนักห้าผีจะรู้จักกันและยังได้รับอิทธิพลจากปิศาจโลหิตทำตัวเป็นสายลับเพื่อสืบหาแผนที่อีกสองชิ้น
แม้แต่การกระทำของโลหิตสังหารในการเก็บแผนที่เอาไว้กับตัวก็ดูมีเหตุผลขึ้นมา
แม้ว่านี่จะเป็นแค่การคาดเดา ฟางหยวนก็รู้สึกว่าการเดาครั้งนี้น่าจะไม่ผิดไปจากความจริงมากนัก
“ช่วงนี้ข้าดูจะมีวาสนากับสมบัติล้ำค่า ข้าเพิ่งได้รับมาจากที่พำนักลับของลู่เหรินเจีย และสมบัติล้ำค่าชิ้นใหญ่อีกชิ้นก็รอข้าอยู่…”
ฟางหยวนวิเคราะห์แผนที่สมบัติอย่างละเอียด
มีเทือกเขาและแม่น้ำหลายเส้นอยู่บนแผนที่ที่ดูไม่คุ้นตาฟางหยวน แต่เขาก็แน่ใจว่าเขาสามารถตามไปถึงตำแหน่งของสมบัติได้ถ้าเขาเทียบแผนที่นี้กับแผนที่ประเทศเซี่ยและประเทศข้างเคียง
“สมบัตินี้ดูจะสำคัญมาก จากวิธีของ ‘ท่านผู้นั้น’ และยังมีความเสี่ยง ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ควรจะวู่วาม!”
ฟางหยวนกระโดดขึ้นหลังนกหงเอี่ยนป๋าย “ได้เวลาไปงานฉลองของหลิวเอี๋ยนแล้ว…เพียงแต่…”
เขามองรอบ ๆ ข้างแล้วมีท่าทางงุนงง “ที่นี่คือที่ใดกัน?”
…
ขณะที่ฟางหยวนไล่ตามไปไกล และทิ้งห่างจากชายแดนเซี่ยหยางฝู และรีบร้อนย้อนกลับมา
เมืองเซี่ยหยางฝู
เมืองหลวงของเซี่ยหยางฝูนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย หลังจากถูกเผา กำแพงเมืองยังคงอยู่ แต่ว่า ธงเดิมนั้นถูกแทนด้วยธงผืนใหม่ของกองทัพอี้ซานฝู มีคนเดินถนนอยู่ไม่มากและล้วนมีท่าทีรีบร้อนก้มหน้าต่ำ พวกเขานาน ๆ ทีก็เหลือบมองธงและทหาร ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
คฤหาสน์เจ้าเมืองนั้นเต็มไปด้วยความครึกครื้น
ตั้งแต่หลิวเอี๋ยนสำแดงพลังทางทหารที่ไร้ที่เปรียบ สำนักต่าง ๆ ภายในเซี่ยหยางฝูล้วนเริ่มมีท่าทียอมแพ้
นอกจากนี้ หลิวเอี๋ยนยังรวบรวมอู่จงและนักรบศักดิ์สิทธิ์ และรวมพลังของเขาเป็นหนึ่งในประเทศเซี่ย งานฉลองจัดที่คฤหาสน์เจ้าเมืองทั้งวันทั้งคืนและในคฤหาสน์ก็มีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก
ของวิเศษหายากและล้ำค่าโดยเฉพาะของธาตุไฟถูกยึดมาโดยกองทัพของเขาและส่งมาที่นี่
“เติมน้ำมันให้ภูเขาไฟที่กำลังปะทุ โชคดียิ่งนัก!”
ที่ด้านนอกคฤหาสน์ ชายชราผู้หนึ่งที่ก่อนนี้เจรจากับเซี่ยหลิงอวิ๋นอย่างลับ ๆ จ้องมองไปตรงหน้าตัวเอง ดวงตามีประกายวาบผ่าน
เขาหันมา มองเซี่ยหลิงอวิ๋น “องค์หญิง ท่านพร้อมหรือไม่?”
เซี่ยหลิงอวิ๋นกัดริมฝีปาก ท่าทางดูจนปัญญา “แม้แต่ท่านก็บอกว่าชายผู้นั้นโชคดี เหตุใดพวกเราถึงต้องสู้กับโชคชะตาอย่างลำบากเพียงนี้?”
นักพรตชราดูไม่ได้มีระดับการฝึกตนสูงนัก ในโลกของนักรบศักดิ์สิทธิ์ เขาครอบครองความสามารถทุกชนิด ก่อนหน้านี้เซี่ยหลิงอวิ๋นก็เคยสัมผัสกับพลังของเขาและไม่กล้าปฏิเสธเรื่องนี้
“นั่นผิดแล้ว!”
นักพรตชราส่ายหน้า “เมื่อหลิวเอี๋ยนมีโชค ชะตาชีวิตของเขาก็คล้ายกองไฟที่ต้องการไม้ฟืนมาเติมอย่างไม่รู้จบเพื่อให้กองไฟสว่างไสวต่อไปได้ แต่ว่า พลังของเขาก็เริ่มลดลงและเขาย่อมเหลือเวลาอีกไม่มาก เขาใช้พลังไปมากในการเอาชนะเจ้าเมืองทั้งสองก่อนหน้านี้ ถ้าพวกเราลงมือตอนนี้ เขาย่อมไม่มีโอกาสรอด”
เซี่ยหลิงอวิ๋นดูลังเลและไม่พูดอะไร
“เหอเหอ… นอกเสียจากท่านอยากจะเห็นเขารวมทั้งสามรัฐเป็นหนึ่งและบุกเข้าเมืองหลวงและแย่งชิงบัลลังก์?”
ผู้อาวุโสซวนเชิงแค่นเสียง
“แน่นอนว่าไม่ แต่เงื่อนไขของท่านนั้นสูงเกินไป… สองตระกูลต้องเกี่ยวดองและแบ่งพื้นที่ปกครอง อี้ซานฝูนั้นมีทั้งหมด 6 มณฑล ซึ่งเป็นของประเทศเรา… บรรพบุรุษของเราต่อสู้ในสงครามนับครั้งไม่ถ้วนเพื่อสร้างมันขึ้นมา พวกเราจะยอมแพ้โดยง่ายเช่นนี้ได้อย่างไร?”
เซี่ยหลิงอวิ๋นตอบช้า ๆ
“ตั้งแต่ราชาแห่งตระกูลเซี่ยจากไป เจ้าเมืองทั้งสามก็ร่วมมือกัน แผ่นดินนี้เป็นของราชวงศ์แค่เพียงในนาม..”
ผู้อาวุโสซวนโบกมือ “นอกจากนี้… ท่านยังตกลงกับราชาและยังลงนามในพันธสัญญาเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ท่านพยายามจะกลับคำหรืออย่างไร?”
“แน่นอนว่าไม่!”
เซี่ยหลิงอวิ๋นจ้องผู้อาวุโสผู้นี้ “หลิวอวิ๋นเพียงต้องการเตือนผู้อาวุโสซวนว่าพวกเราหวังว่าประเทศอู่จะยอมทำตามสัญญา แม้ประเทศเซี่ยจะไม่ได้แข็งแกร่งนัก แต่พวกเราก็ยังมีกองทัพ!”
“แน่นอน!”
ผู้อาวุโสซวนหน้าแดง “เมื่อท่านแต่งให้กับราชาของพวกเรา ประเทศเซี่ยและประเทศอู่ย่อมเป็นหนึ่งเดียวกัน ราชาของประเทศเซี่ยก็เป็นท่านพ่อตาของราชาของพวกเรา แน่นอนว่าพวกเราย่อมต้องช่วยเหลือพวกท่าน เมื่อพวกเรากำจังหลิวเอี๋ยนได้ ประเทศเซี่ยย่อมสามารถได้เซี่ยหยางฝูและชิงฉวนฝูกลับคืนมา นั่นก็น่ายินดีพอให้เฉลิมฉลองแล้ว!”
“ข้าก็หวังเช่นนั้น!”
เซี่ยหลิงอวิ๋นถอนหายใจหนัก ๆ “ข้านำอู่จงจากประเทศของข้ามาด้วยแล้ว สายลับในเมืองก็คงคอยสนับสนุนท่านแล้ว พวกท่านจะลงมือเมื่อไหร่?”
“หลิวเอี๋ยนเผยออกมาแล้วว่ากำลังติดอยู่ระหว่างการฝ่าด่านแยกธาตุ กับดักธรรมดาย่อมไม่ได้ผลกับเขา มีเพียงกดดันด้วยกองทัพถึงจะได้ผลกับเขา!”
ซวนเชิงหัวเราะ “ข้านำที่ราชครูอู่มาด้วย ปิศาจโลหิตและผู้อาวุโสจะคอยสนับสนุนเป็นพิเศษในวันนี้ เมื่อมีอู่จงและสายลับในคฤหาสน์ หลิวเอี๋ยนไม่มีโอกาสรอดแล้ว”
“ราชครูอู่?”
เซี่ยหลิงอวิ๋นมีท่าทางหวาดเกรงเมื่อได้ยินชื่อตำแหน่งนี้
“ฮ่าฮ่า… หากมิใช่เขาเสนอความช่วยเหลือ ใครจะกล้าจัดการกับหลิวเอี๋ยนกัน? ตอนนี้องค์หญิง ท่านเชื่อแล้วหรือไม่ว่าพวกเราจริงใจ?”
นักพรตเฒ่าซวนเชิงหัวเราะเสียงดัง เขาดึงพลุแล้วโยนมันขึ้นกลางอากาศ ให้มันระเบิดออกกลางท้องฟ้า
“ปัง!
ท่ามกลางเสียงระเบิดที่พาให้หูดับ รัศมีอันรุนแรงก็แผ่ออกมาให้สัมผัสได้ ชายผู้หนึ่งบินมาบนอาวุธวิเศษชิงเย่ตวาดขึ้น “ข้าคืออู่อู๋เต๋า! หลิวเอี๋ยนอยู่ที่ใด?”
“ราชครูอู่?”
หลิวเอี๋ยนและนักพรตมู่หลี่บินออกมาจากคฤหาสน์บนหลังของเหยี่ยวฉุยเฟิง สีหน้าของพวกเขาดูเคร่งขรึม
โดยเฉพาะหลิวเอี๋ยน
เพียงแค่มอง เขาก็บอกได้ว่าคนตรงหน้าเขาไม่ได้มีพลังน้อยไปกว่าเขาเลย พวกเขาทั้งคู่ล้วนอยู่ที่ระดับสูงสุดของขอบเขตรวมธาตุและติดอุปสรรคเพียงนิดเดียวอยู่
“ประเทศอู่และประเทศเซี่ยไม่เคยวุ่นวายกันในเรื่องภายในของแต่ละฝ่าย เหตุใดราชครูจึงมาที่นี่?”
หลิวเอี๋ยนถามด้วยเสียงอันดัง
“ข้ารับหน้าที่มาเพราะมีเหยื่อร้องขอความช่วยเหลือ!”
อู่อู๋เต๋าสวมหมวกเกราะสีทอง ใบหน้าของเขาดูเหมือนคนเถื่อน และยังมีรอยแผลเป็นจากการต่อสู้มากมาย เสื้อคลุมของเขาปลิวไปตามกระแสลมและมีท่าทีโอหัง เขาเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์ผู้เก่งกาจคนหนึ่ง
“เหยื่อร้องขอความช่วยเหลือ?”
คิ้วของหลิวเอี๋ยนราวกับจะมีควันลอยขึ้นมา “พวกทรยศในเมืองหลวง! ข้าจะจัดการกับพวกราชวงศ์เป็นสิ่งแรกเมื่อข้ามีโอกาส!”
“มันช้าเกินไปแล้วที่จะพูดเช่นนั้น เข้ามา!”
อู่อู๋เต๋ากวักมือ
“ไป!”
สีหน้าของหลิวเอี๋ยนย่ำแย่ เขาพูดกับมู่หลี่ “เจ้าไปก่อนและยกทัพไปรับมือกับผู้บุกรุก!”
“เข้าใจแล้ว!”
มู่หลี่ถอยก่อนที่สีหน้าเขาจะเปลี่ยนไป เขาเล็งแผ่นหลังของหลิวเอี๋ยนและลงมือใส่เขา
“เจ้า…”
หลิวเอี๋ยนไม่สามารถรับมือกับการหักหลังในเวลาเช่นนี้และถูกมู่หลี่โจมตีใส่ ใบหน้าของเขาแดงก่ำและกระอักเลือดสด ๆ ออกมา
“เจ้ากล้า!”
เขากัดฟันกรอด รอบตัวเขามีเปลวไฟระเบิดออก เหยี่ยวฉุยเฟิงที่ใต้ร่างเขาถูกไฟครอกและกลายเป็นไฟดวงใหญ่สว่างจ้ากลางฟ้า
“ได้โปรดอภัยให้ข้า! ข้ามีเหตุผลที่ต้องทำเช่นนี้!”
นักพรตมู่หลี่ยืนอยู่ด้านหลังอู่อู๋เต๋าและพูด “ข้าทำงานให้กับราชวงศ์เซี่ยตั้งแต่แรก ทุกอย่างที่ข้าปฏิบัติกับเจ้าล้วนหลอกลวง!”
“ฮ่าฮ่า… ทำได้ดี!”
ซวนเชิงเห็นภาพตรงหน้าก็เลิกคิ้วสูง “ข้าไม่คิดว่าองค์หญิงจะวางนักรบศักดิ์สิทธิ์เอาไว้เป็นสายลับข้างตัวหลิวเอี๋ยน การหลอกลวงระดับนี้ทำให้ข้ารู้สึกด้อยกว่าแล้ว”
“นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร ลงมือได้แล้ว ข้าไม่ต้องการให้เจ้าเมืองอี้ซานฝูมีโอกาสผงาดขึ้นอีกครั้ง!”
คำพูดของเซี่ยหลิวอวิ๋นเย็นชา มันได้เวลาจัดการกับปัญหาตั้งแต่รากแล้ว!”
“ดีมาก! ด้วยวิธีการที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมของพวกเราและชื่อเสียงขององค์หญิง พวกเราย่อมทำงานนี้ได้สำเร็จ!”
นักพรตชราซวนเชิงให้สัญญาณ และไม่นานหลังจากนั้น ทั้งเซี่ยหยางฝูก็ตกอยู่ในสถานการณ์ไม่แน่นอน
“เจ้าเมือง!”
แม่ทัพหนิวและคนของเขาพุ่งเข้าไปในบริเวณที่เหยี่ยวฉุยเฟิงตกลงมาและเห็นหลิวเอี๋ยนกำลังถูกลอบทำร้าย
“ปัง!”
เกิดการระเบิดพลังและซากเหยี่ยวฉุยเฟิงก็ถูกฉีกกระชากเป็นชิ้น ๆ หลิวเอี๋ยนเดินออกมาช้า ๆ “ข้าไม่เป็นไร!”
ที่มุมปากของเขามีเลือดสดที่มีเงาของสีเขียวเคลือบอยู่หยดลงมา
“ท่านหลิว ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ฉุยเฟิงมาแก้แค้นข้า…”
นักพรตมู่หลี่พูดอย่างเย็นชา “แก่นของท่านได้รับบาดเจ็บสาหัสและยังถูกพิษร้ายแรง ท่านคิดว่าท่านจะควบคุมพลังธาตุได้สักแค่ไหนกัน?”
“นักพรตมู่หลี่ เจ้ากล้าทำเรื่องเช่นนี้?”
แม่ทัพหนิวคำราม
“เมื่อสองทัพเข้าสู่สงคราม วิธีต่ำช้าเพียงใดใช้การได้ก็พอ!”
อู่อู๋เต๋าหัวเราะ “อย่าบอกข้านะว่าเจ้าไม่รู้เรื่องนี้?”
“ฮ่าฮ่า… ดี!”
หลิวเอี๋ยนดูหายใจเบาลง แต่ว่า ดวงตาของเขาสุกสว่าง “การต่อสู้ในวันนี้คงจะมีเพียงผู้เดียวที่รอดไปได้!”