“หืม? นั่นมัน…”
ฟางหยวนบนหลังนกหงเอี่ยนป๋ายพุ่งไปบนชั้นเมฆด้วยความเร็วอันน่าตระหนก
เมื่อเขามาถึงชายแดนเซี่ยหยางฝู สีหน้าเขาก็เคร่งขรึมขึ้น
พลังกดดันรุนแรงสามารถสัมผัสได้จากทางเมืองหลวงของเซี่ยหยางฝู เมืองนั้นอยู่ในกองเพลิง มีควันหนาปกคลุม ดูราวกับเกิดหายนะขึ้น
“หรือว่าหลิวเอี๋ยนรู้สึกว่าเผามาแปดเมืองแล้วก็ยังไม่พอและต้องการเผาเมืองหลวงเซี่ยหยางฝูให้ราบไปด้วย?”
ฟางหยวนพึมพำ สีหน้าทะมึน
ในเมือง แผนการรับมือหลิวเอี๋ยนถูกใช้ออก นักฆ่าหลายคนล้อมรอบเขาอยู่!
“ด้วยความสามารถตอนนี้ของหลิวเอี๋ยน มีเพียงผู้ที่มีความสามารถสูงส่งและมีตำแหน่งสูงส่งในประเทศที่สามารถบีบให้เขาอยู่ในสภาพนี้ได้… หรือว่าวงล้อแห่งโชคชะตาจะเริ่มหมนุแล้ว? เขายังไม่ทันให้อู่จงและนักรบศักดิ์สิทธิ์สาบานตนจงรักภักดีต่อเขาก็ถูกกำจัดเสียก่อนแล้ว…”
ฟางหยวนยิ้ม
เขาไม่รู้ว่าหลิวเอี๋ยนจะได้ดีหรือตกต่ำ แต่อย่างน้อยตอนนี้ เขาก็ไม่ถูกบีบให้ต้องเลือกข้างแล้ว
“เสี่ยวป๋าย บินสูงขึ้นอีก!”
ฟางหยวนสั่งนกหงเอี่ยนป๋ายหลังจากตรึกตรองดูแล้ว
มันจะปลอดภัยต่อเขามากกว่าที่จะไม่เลือกข้างและเพียงคอยดูทั้งสองฝ่ายปะทะกันแทน
…
เทียบกับฟางหยวนแล้ว ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนในเมืองไม่ได้ใจเย็นเช่นนั้น
“ฟู่ ฟู่!”
บนท้องฟ้าเหนือคฤหาสน์ มังกรเพลิงสีแดงสด 9 ตัวที่ส่วนหางเกี่ยวไว้ด้วยกันกำลังพ่นไฟ ทำให้ท้องฟ้าทั้งหมดถูกย้อมด้วยสีแดงฉาน
“มังกรไฟสวรรค์?”
สีหน้าของเซี่ยหลิงอวิ๋นนั้นผสมกันระหว่างเกรงกลัวและเสียดายเมื่อเห็นภาพตรงหน้า “หลิวเอี๋ยนกำลังจะฝ่าเข้าขอบเขตแยกธาตุแล้ว!”
“ถูกแล้วที่ต้องปิดผนึกดวงชะตาของเขาเสีย!”
ซวนเชิงพูดโดยไม่ลังเล “ทั้งในประเทศอู่ ประเทศหยวน… และแม้แต่ประเทศเซี่ยก็ไม่มีนักรบศักดิ์สิทธิ์คนใดที่ขึ้นถึงระดับฝ่าขอบเขตแยกธาตุและยังมีตำแหน่งสูงส่ง ผู้ใดจะยังอยากอยู่ใต้การปกครองของผู้อื่นถ้ามีพลังระดับนั้น?”
เซี่ยหลิงอวิ๋นหัวเราะเสียงขื่น นางไม่รู้ว่าเหตุใดเงาร่างชายหนุ่มผู้หนึ่งจึงปรากฏขึ้นในใจของนาง
นางรู้ว่าเขาเป็นอัจฉริยะเหนือธรรมดาที่มีความสามารถที่จะรุดหน้าไปกว่าหลิวเอี๋ยนได้หากมีเวลามากพอ
“อู่อู๋เต๋า! ข้าจะจัดการพาเจ้าตายตกไปพร้อมกับข้าวันนี้!”
หลิวเอี๋ยนยืนอยู่บนหัวของมังกรไฟ ดวงตาของเจ้าจับอยู่ที่ราชครูอู่
ผมของเขายุ่งเหยิง หน้าอกของเขาเต็มไปด้วยแผล เขาหัวเราะทั้งที่มีสีหน้านิ่งเฉย เขากัดลิ้นตัวเองและพ่นเลือดสีแดงม่วงออกมา รูขุมขนของเขาเปิดออกและเลือดก็ค่อย ๆ ซึมผ่านออกมาย้อมร่างของเขาเอาไว้
“วิชาลับเพลิงโลหิต! แก่นมังกรไฟสีชาด… ระเบิด!!!”
“โฮกโฮก!”
มังกรไฟเก้าตัวกรีดร้องก่อนที่แต่ละตัวจะพ่นแก่นขนาดประมาณกำปั้นออกมา แก่นพวกนั้นรวมกันจนมีขนาดประมาณศีรษะของมนุษย์ มีเปลวเพลิงโหมท่วมและลอยเข้าไปหาอู่อู๋เต๋า
“ชี่!”
อู่อู๋เต๋าไม่กล้าทะนงตัวและรีบหลบการจู่โจม แต่ว่าพลังธาตุไฟหลายชั้นปรากฏขึ้นบนร่างของเขาและล้อมตัวเขาเอาไว้
ทันใดนั้น
แก่นเพลิงครอบคลุมร่างของอู่อู๋เต๋าและทำลายเกราะป้องกันตัวของเขาลง
“วิ้ง!”
ฟ้าและดินมืดมัว
ลมพัดโหยหวนผ่านพื้นดิน
“แค่ก แค่ก…”
นักพรตชราซวนเชิงมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยฝุ่นดิน “บ้าชะมัด… ถ้าปิศาจโลหิตอยู่ที่นี่ หลิวเอี๋ยนย่อมตกลงในกับดักด้วยเคล็ดวิชาของเขาไปแล้วและย่อมถูกปิศาจโลหิตกดเอาไว้!”
“แล้วเหตุใดเขาถึงไม่อยู่ที่นี่?”
เซี่ยหลิงอวิ๋นถามอย่างเย็นชา
“นี่… ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร?”
ซวนเชิงมองไปรอบ ๆ และเห็นบางอย่าง เขารีบกระโดดไปข้างหน้า “ราชครูอู่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
“แค่ก แค่ก… ข้าไม่เป็นไร!”
เซี่ยหลิงอวิ๋นตามหลังมาติด ๆ และมาถึงกำแพงหินที่ถูกทำลายยับเยิน นางเห็นคนผู้หนึ่งในชุดเสื้อผ้าฉีกขาดหลุดรุ่ยผิวหนังถูกเผาอย่างสาหัส ท้องของเขาถูกหอกโลหะแทงและถูกเสียบร่างติดไว้บนกำแพง เลือดสด ๆ ไหลออกจากแผล
เมื่อเห็นซวนเชิงมาถึง ดวงตาของเขาก็สว่างวาบ “ข้าถูกหอกบินของหลิวเอี๋ยนเข้า แต่เขาก็รับฝ่ามือล่าเทพเจ้าของข้า แม้แต่เทพเจ้าก็ช่วยเขาเอาไว้ไม่ได้แล้ว! ชัยชนะสุดท้ายเป็นของข้า! แค่ก แค่ก…”
เขามีท่าทางภูมิใจและกระอักเลือดออกมา
“ไม่ต้องห่วงข้า ไปจัดการเก็บซากศพของหลิวเอี๋ยนเสีย! แล้วก็ กำจัดกองกำลังของอี้ซานฝูทั้งหมด โดยเฉพาะอู่จงทั้งสามนั่น!”
อู่อู๋เต๋าโบกมือให้พวกเขาออกไปและกำหอกโลหะเอาไว้ ด้วยการดึงครั้งเดียว เขาก็ดึงหอกออกได้ทำให้เลือดของเขาพรั่งพรูออกมา
“เข้าใจแล้ว!”
ซวนเชิงคารวะราชครูอู่ เขายืนขึ้นและสั่งการคนของเขา
ด้านหลังเขา เซี่ยหลิงอวิ๋นคอยดูเหตุการณ์อยู่
หลังจากเกิดเรื่อง เมืองนี้ก็เสียหายอย่างรุนแรง นอกจากเมืองถูกทำลายลงแล้ว เซี่ยหยางฝูก็อ่อนแอลงมาก
หลังจากการตายของหลิวเอี๋ยน ประเทศอู่ก็จะได้รับอี้ซานฝูไปตามการตกลงซึ่งจะเพิ่มอำนาจให้พวกเขา
ผู้ที่แข็งแกร่งกลายเป็นแข็งแกร่งขึ้นขณะที่ผู้อ่อนแอก็อ่อนแอลงอีก ประเทศเซี่ยจะสามารถป้องกันการเข้ายึดดินแดนของประเทศอู่ได้สักเท่าใดกัน สิบปีหรือร้อยปี?
หลิงอวิ๋นเกรงว่าแม้แต่หมู่บ้านเล็ก ๆ ก็คงไม่เหลือ!
นางรู้สึกหมดหวังเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
…
“แค่กแค่ก…”
หลังจากหลิวเอี๋ยนใช้วิชาลับเพลิงโลหิต เขาก็แน่ใจว่าตัวเองกำลังจะตาย เขาถูกล้อมอย่างรวดเร็วเมื่อลงมือใส่อู่อู๋เต๋า
เขารู้สึกสับสนและจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น
จนเมื่อความร้อนลูกเล็ก ๆ ไหลลงไปตามลำคอและกระจายไปทั่วร่างทำให้เขาตื่นขึ้นมาและลืมตา
เขามองเห็นว่าเขาอยู่ในถ้ำสักแห่ง พื้นเฉอะแฉะ มันมืดและเงียบ ตะไคร่ที่ขึ้นอยู่ทั้งสองฝั่งผนังมีน้ำค้างเกาะ
“ข้า… ข้า…”
เขาอ้าปากและพบว่าเสียงของตนแหบแห้งราวกับกระดาษหยาบ ๆ เขาอดยิ้มขื่นออกมาไม่ได้
เพียงแค่การยิ้มก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนร่างกายจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
หลังจากรับฝ่ามือล่าเทพเจ้าของอู่อู๋เต๋าแล้ว เขาก็สูญเสียพลังธาตุไปโดยสิ้น ที่เขาอดทนฝึกปรือมาตลอดนั้น ตอนนี้ไร้ค่าแล้ว
มันเป็นปาฏิหาริย์แล้วที่เขายังคงมีชีวิตรอดมาได้หลังได้รับบาดเจ็บเจียนตาย
“ข้าน่าจะถูกช่วยไว้โดยอาจารย์สักคนหรือกลืนกินของล้ำค่าเข้าไปโดยไม่รู้ตัวทำให้ยังรั้งเส้นด้ายสุดท้ายของชีวิตไว้ได้”
ดวงตาของหลิวเอี๋ยนเป็นประกายขึ้นอย่างมีความหวังเมื่อพบว่ามีบางคนอยู่ที่นี่ด้วย
“ท่านหลิว ตื่นแล้วรึ?”
เสียงนั้นคุ้นเคย คนผู้นั้นล้วงไข่มุกแสงจันทร์ที่ทำให้ทั้งถ้ำสว่างขึ้นออกมา หลิวเอี๋ยนตะลึง “เป็นเจ้า! ฟางหยวน!”
“ใช่ เป็นข้า!”
ฟางหยวนหัวเราะและนั่งลงข้างหลิวเอี๋ยน “ใครจะสามารถช่วยชีวิตท่านไว้ได้อีกนอกจากข้า? เกิดอะไรขึ้นในเมืองเซี่ยหยางฝูหรือ?”
จากคำถามของเขา หลิวเอี๋ยนเชื่อว่าฟางหยวนไม่ใช่คนของประเทศอู่
หลิวเอี๋ยนจำได้ว่าเขาแพ้ และสีหน้าของเขาก็มืดมนลง “ราชครูอู่ท้าทายข้าประลอง นักพรตมู่หลี่เป็นสายลับและทรยศกองกำลังของข้า และข้า…”
เขาไม่ต้องใช้สมองก็เดาได้ว่ากองทัพและอู่จงทั้งสามของเมืองคงจะพบจุดจบแล้ว
“ราชครูอู่?”
ฟางหยวนพยักหน้าและมองหลิวเอี๋ยน “ท่านได้รับบาดเจ็บสาหัส และพลังเวทย์ของท่านก็ลดลง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าท่านคงต้องตาย! ข้าเพียงยืดชีวิตของท่านไว้ได้อีกสักระยะเท่านั้น ถ้าท่านมีสิ่งใดจะสั่งเสีย โปรดบอกมา!”
“เจ้าจะช่วยข้าล้างแค้น?”
ดวงตาของหลิวเอี๋ยนลุกโพลง
“ไม่…”
ฟางหยวนยิ้ม “ถ้าท่านร้องขอสิ่งที่ไม่ยากจนเกินไปและข้าอารมณ์ดี ข้าจะช่วยท่าน ถ้าเรื่องนั้นยากเกินไป ก็อย่าได้ฝันถึง ข้าก็จะแค่ฝังท่านและพวกเราก็หายกัน!”
หลิวเอี๋ยนหน้าแดงก่ำ เขาบอกไม่ได้ว่ามีอะไรจะสั่งเสีย
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็ถอนหายใจ “ข้าเสียดายที่ไม่สามารถทะลวงขึ้นสู่ระดับแยกธาตุได้…”
“ข้าเกรงว่าเจ้าก็ยังคงต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แม้ว่าจะต้องการอยู่ให้ห่าง น้องฟาง!”
“โอ้? อย่างไรรึ?”
ขณะที่ฟางหยวนกำลังคิด หัวใจของเขาก็จมดิ่งลงไปเมื่อได้ยินที่หลิวเอี๋ยนพูด
“ฮ่าฮ่า… ทำไมครั้งนี้ประเทศอู่ถึงตกลงยื่นมือเข้ามาน่ะเหรอ? นี่เป็นเพราะราชวงศ์ประเทศเซี่ยมอบค่าตอบแทนที่เพียงพออย่างไรเล่า! ฮึ่ม! เจ้าหนอนงี่เง่าพวกนั้น นอกจากอาณาเขตปกครองแล้ว จะยังมีอะไรให้ขายอีก? ข้าไม่แน่ใจเรื่องเงื่อนไขอื่น แต่ข้าแน่ใจอย่างหนึ่งว่าพวกเขาตกลงแบ่งปันดินแดน!”
“แบ่งปันดินแดน?”
ฟางหยวนลูบคาง “อี้ซานฝูน่าจะได้รับผลกระทบในการแบ่งปันดินแดนครั้งนี้!”
“ประเทศอู่นั่น… แค่ก แค่ก…”
หลิวเอี๋ยนไอ ทั้งใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง เห็นได้ชัดว่าเวลาของเขาหมดลงแล้ว “… อยากได้อี้ซานฝูมานานแล้ว ก่อนหน้านี้เป็นข้าป้องกันเอาไว้ ตอนนี้ ก็ขึ้นกับเจ้าแล้ว น้องฟาง ข้ายังคงต้องการให้เจ้าช่วย และข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ปฏิเสธ!”
“บอกมาก่อน!”
ใบหน้าฟางหยวนบิดเบี้ยว
“ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้ารับตำแหน่งเจ้าเมืองของอี้ซานฝู!”
หลิวเอี๋ยนพูดอย่างจริงจัง
“ข้า?”
ฟางหยวนชี้ตัวเอง เขาพูดไม่ออกแล้ว
ตำแหน่งเจ้าเมืองตลอดมาอยู่ในมือของผู้ที่มีพลังมากที่สุด ส่วนตอนนี้ ก็ไม่มีใครเหมาะสมไปมากกว่าเขา
“ถูกต้อง นี่เป็นวิธีการแก้แค้นของข้า และยังมีประโยชน์แก่เจ้าด้วยเช่นกัน!”
หลิวเอี๋ยนขยับตัวไปมาก่อนที่จะหยิบเอาผนึกสีดำชิ้นหนึ่งออกมาส่งให้ฟางหยวน
“ผนึกนี่สามารถช่วยเจ้าออกคำสั่งแก่กองทัพทั้ง 6 มณฑลในอี้ซานฝู… ข้ายังมีสมบัติล้ำค่าบางส่วนอยู่ในคฤหาสน์ พวกมันเป็นของเจ้าแล้ว! จำไว้ว่าประเทศอู่นั้นละโมบและทะเยอทะยานนัก พวกมันจะไม่ปล่อยให้คนนอกทะลวงผ่านขอบเขตแยกธาตุได้ พวกมันมาหาข้าในครั้งนี้และครั้งหน้าพวกมันย่อมไม่ปล่อยเจ้าไป!”
หลิวเอี๋ยนใช้พลังสุดท้ายที่เหลือกำมือฟางหยวนเอาไว้แน่น
ไม่นานหลังจากนั้น เจ้าเมืองอี้ซานฝูผู้ทำให้ทั้งประเทศตื่นตระหนกก็สูดหายใจครั้งสุดท้ายก่อนจะจากไป