โลกกว้างใหญ่ แม้แต่ฟางหยวนที่ระดับการฝึกตนเท่านี้นั้นยังไม่สามารถเข้าใจความกว้างใหญ่ของโลกนี้ได้
ขณะที่เขาศึกษารอยเส้นหยาบ ๆ ของแผนที่ ปลายนิ้วเขาก็ลากไปตามทุ่งหญ้าหยวนหรง และความตื่นเต้นก็เต็มอยู่ในดวงตาของเขา เขาถอนหายใจยาวครั้งหนึ่ง
การจะไปให้ถึงอาณาจักรต้าเฉียน เขาต้องเดินทางผ่านทุ่งหญ้าแห่งนี้ และยังไม่รู้ว่าจะมีอันตรายหรือปัญหาใดบ้างที่เขาต้องเผชิญ
นอกจากนี้ ด้วยระดับการฝึกตนตอนนี้ของเขา มันยังไม่ปลอดภัยมากนัก
เขายังไม่รีบร้อนที่จะไปที่นั่นเช่นกัน
“พวกเจ้าออกไปได้!”
ขณะที่เขาโบกมือให้อวี้ซินโหลวและหวงฝูเหรินเหอออกไป เพียงแค่พลิกฝ่ามือ แผนที่สมบัติจากสำนักห้าผีก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา
นี่เป็นความลับที่เขาไม่ต้องการให้ผู้อื่นล่วงรู้
ถึงตอนนี้ แผนที่สมบัติทั้งสามชิ้นก็ประกอบเข้าด้วยกันเป็นชิ้นเดียว เกิดเป็นภาพวาดสลับซับซ้อนของเทือกเขา และยังมีจุดชัดเจนระบุไว้ที่ดึงความสนใจของเขา
“บรรพบุรุษของสำนักห้าผีผู้นี้จากอาณาจักรต้าเฉียนนั้นไม่ธรรมดา…”
ขณะศึกษาแผนที่สมบัติ เขาก็มีสีหน้าซับซ้อนขึ้นมา
อย่างไรเสีย สมบัตินี้ก็ดูจะมีชะตาต้องกับเขามาก ขนาดมันแยกออกเป็นสามชิ้นและกระจัดกระจายกันไป เขาก็ยังสามารถเอาพวกมันกลับมารวมกันได้ นี่ทำให้เขาเชื่อว่ามันมีชะตาต้องกับเขา
ตัวตนที่แท้จริงของคนผู้นั้นก็ยังน่าสงสัยเป็นอย่างมาก
ศิษย์ทั้งสามของเขาก็มีความสำเร็จของตนเอง เคล็ดร่างพิสุทธิ์ซวนหยินก็ทำให้สำนักห้าผีพัฒนามาได้ถึงระดับนี้ และยังมีปิศาจโลหิต มรดกของเขานั้นเรียกได้ว่าเป็นอวิชชา
“ปิศาจชั่วร้ายที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง? มันหนีมาที่นี่หลังจากพ่ายแพ้ในอาณาจักรต้าเฉียน…”
ฟางหยวนแตะคางตัวเอง “จากการกระทำที่ไม่ส่งต่อมรดกให้กับทายาทของตัวเองโดยตรง ข้าสามารถบอกได้ว่ามันต้องมีความไม่ปลอดภัยในมรดกชิ้นนี้… แน่นอนเลยว่าสมบัติชิ้นนี้ย่อมต้องเสี่ยงจึงจะได้มา ถ้ามันง่าย ข้าก็ไม่ลองแล้วสิ!”
…
เขาเป็นคนเด็ดขาดที่สุดผู้หนึ่ง เมื่อเขาตัดสินใจแล้ว เขาก็มอบหมายงานต่าง ๆ ในอี้ซานฝูไปยังผู้ใต้บัญชา แบ่งอำนาจของเขาออกเป็นหลายส่วน และไม่กลัวว่าคนพวกนี้จะต่อต้านเขาเมื่อมีอำนาจอยู่ในมือ
หลังจากนั้น ฟางหยวนก็ขึ้นหลังราชานกหงเอี่ยนป๋ายกลับไปยังยอดเขาชอุ่มดินแดนศักดิ์สิทธิ์
เขาอยากจะจัดการกับทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนที่วางมือจากทุกอย่างเพื่อไปตามหาสถานที่ในแผนที่สมบัติ
เมื่อฟางหยวนออกจากอี้ซานฝู รถม้าที่เต็มไปด้วยของล้ำค่าและของขวัญมากมายก็ถูกส่งเข้ามาในเมือง
ถ้านักพรตมู่หลี่ยังอยู่ เขาก็คงพูดไม่ออก ฟางหยวนจากไปแล้ว เช่นนั้นการส่งของขวัญพวกนี้มาจะมีความหมายอันใดอีก?
ที่นอกประตูเมือง ในห้องส่วนตัวของร้านอาหารแห่งหนึ่ง ในห้องมีแต่ความเงียบ บนโต๊ะมีผ้าปู มีเหล้าอายุสิบห้าปีขวดหนึ่งเปิดวางเอาไว้กลิ่นหอมของมันอวลฟุ้งไปทั่วห้อง
“ราชวงศ์ประเทศเซี่ยดูจะใช้เงินไปมหาศาลทีเดียว!”
จากหน้าต่างที่เปิดอยู่ ดวงตาคู่หนึ่งจ้องไปที่รถม้าขนของล้ำค่าที่กำลังเข้าไปในเมือง น้ำเสียงมีแววขำ
เป็นชายหนุ่มผู้หนึ่งอายุราว 25 ปี ในชุดผ้าไหม เขามีเครื่องหน้าอันชัดเจนและเป็นที่สะดุดตาสำหรับคนที่มองมา
เมื่อเขาพูด ใบหน้าของเขาซ่อนความโกรธเอาไว้ “เซี่ยหลิงอวิ๋นไม่ทำตามที่นางพูด และทำให้กองทัพของข้าต้องล่มสลาย นางสมควรตาย!”
“ระวังคำพูดของท่านด้วย องค์ชาย!”
บนโต๊ะ มีอีกผู้หนึ่งในชุดสีเขียว เกล้าผมเป็นมวยและผูกผ้าสีเดียวกับชุดเอาไว้ แม้ว่าชุดของเขาจะดูเรียบง่าย แต่มันก็สะอาด เขามีอายุประมาณสี่สิบถึงห้าสิบปี เดิมทีหลับตาเพื่อพักผ่อนอยู่ เมื่อเขาลืมตาขึ้น ก็มีสายตาอบอุ่น “แม่นางผู้นั้นตกลงแต่งงานกับองค์ราชาของเราแล้ว ตามธรรมเนียมนี้แล้ว นางเป็นพี่สะใภ้ที่ยังไม่เข้าพิธีของท่าน!”
เมื่อเขาพูด รอบด้านก็สะเทือนขณะที่พลังของเขาแผ่ข้ามห้องไปยืนยันคำพูดของเขา
ระดับการฝึกตนของเขาอยู่ที่ระดับการใช้พลังธาตุแล้ว
“เหอเหอ… พี่ชายของข้าต้องการแต่งนางเพื่อที่จะให้แผนการในอนาคตของเขาง่ายขึ้นและทำให้มันเป็นทางการ… ดูเหมือนนางจะยังไม่เป็นผู้ใหญ่นักและยังไม่มีความสำนึกบุญคุณเลย โชคดี พวกเราไม่ได้นั่งอยู่เฉย ๆ โดยไม่ทำอะไร…”
ความขัดแย้งภายในของราชวงศ์อาจจะสังหารว่าที่เจ้าสาวคนใหม่นี้ได้
อย่างไร ประเทศอู่ก็เพียงต้องการข้ออ้างในการรุกล้ำดินแดนเท่านั้น
“ถึงอย่างนั้น ท่านก็ควรควบคุมตัวเอง!”
ชายวัยกลางคนส่ายหน้า “จากการล่มสลายของกองทัพของพวกเราและความตระหนกที่แผ่ไปทั่วประเทศเรา มันไม่ฉลาดที่จะสร้างปัญหาอื่นเพิ่ม ต่อให้เซี่ยหลิงอวิ๋นต้องการเลื่อนการแต่งงานออกไป องค์ราชาก็ทำได้แต่แค่อดทนเอาไว้และรอ…”
“เลื่อน? นางช่างกล้านัก เพิ่งจะเกิดเรื่องขึ้นแท้ ๆ…”
องค์ชายหนุ่มยิ้ม “เทียบกับนางแล้ว ข้าสนใจอู่จงน้อยผู้นั้นมากกว่า ฝึกฝนพลังเวทย์และวิทยายุทธ์ไปในเวลาเดียวกัน และยังสามารถควบคุมพืชวิญญาณได้? กวาดล้างทหารนับหมื่นของพวกเรา?”
“ข้าได้ทำการตรวจสอบแล้ว มันเป็นความจริง… แม้ว่าจะมีข้อจำกัดอยู่บ้างในเมืองแห่งนั้น แต่อย่างไรพวกมันก็ยังนับว่ามีความสามารถที่ต้องคำนึงถึงด้วย”
ชายวัยกลางคนถอนหายใจอีกครั้ง เขารู้คุณค่าของพลังระดับนั้น แม้แต่ราชครู นักพรตชราซวนเชิง และแม่ทัพเฟยหลงยังเตือนเรื่องการรับมือกับฟางหยวนตอนที่พวกเขากลับไปถึงประเทศ
และพวกเขาก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยในตอนนี้
“กลยุทธ์ของเจ้าเมืองคนใหม่ช่างลึกลับ แต่การฝึกตนที่แท้จริงของเขาล่ะ? ตามความก้าวหน้าและความสามารถของเขา เขาน่าจะไปถึงระดับสูงสุดของขอบเขตรวมธาตุได้ตอนอายุห้าสิบปี และสามารถเข้าถึงข้อจำกัดของขอบเขตแยกธาตุได้!”
องค์ชายหนุ่มลูบแหวนทับทิมบนนิ้วของเขา ดูเคร่งเครียดขึ้น
“พรสวรรค์ของคนผู้นี้ไม่อาจวัดได้ด้วยความคิดทั่วไป แต่ว่า ในเมื่อพวกเรามีพันธสัญญาร้อยปี ก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะส่งกองทัพเข้าไปยึดเมือง หนทางเดียวก็คือวางแผนบ่อนทำลายไปอย่างช้า ๆ!”
ชายวัยกลางคนตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ไม่ว่าคนทั้งสองจะประเมินความสามารถของฟางหยวนได้เพียงใด พวกมันก็ไม่เคยคิดว่าฟางหยวนจะอยู่ที่ระดับสูงสุดของขอบเขตรวมธาตุและพร้อมที่จะทะลวงผ่านสู่ขอบเขตแยกธาตุแล้ว
“นายท่าน!”
เจ้าของร้านเดินเข้ามา และใช้น้ำเสียงจริงจังและเคารพพูด “พวกเราได้ข่าวว่าเจ้าเมืองอี้ซานฝูออกจากเมืองไปหลายวันก่อน กิจภายในทั้งหมดตอนนี้มีแม่ทัพหนิวติ้งเทียน จางชิงเฟิง อวี้ซินโหลว และอีกสองสามคนคอยดูแล!”
“นี่มัน… แปลก!”
มือขององค์ชายหนุ่มกระตุก “มีคนเช่นนี้อยู่บนโลกนี้ด้วยหรือ? มีผู้ใดไม่สนใจอำนาจด้วยหรือ? เขาไม่กังวลหรือว่าผู้ใต้บัญชาของเขาจะล้มล้างอำนาจเขา?”
“บางที… อาจจะมีเพียงทำเช่นนี้ที่เขาจะประสบความสำเร็จ…”
พวกเขาทั้งหมดล้วนประทับใจฟางหยวน
แต่ว่า คนทั้งสองก็มองหน้ากัน หมดคำจะพูด
ในเมื่อฟางหยวนไม่อยู่ในอี้ซานฝูแล้ว สิ่งที่พวกเขาเตรียมการกันไว้ที่นี่และสายลับจะมีประโยชน์อันใดอีก?
…
ตอนที่ข่าวแพร่ออกไป ฟางหยวนก็ออกจากยอดเขาชอุ่มดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว ขี่หลังอินทรีดำหางเหล็กโผบินอย่างอิสระอยู่บนฟ้า
“แกว๊ก! แกว๊ก!”
อินทรีดำหางเหล็กนั้นไม่พอใจที่ราชานกหงเอี่ยนป๋ายยึดหน้าที่ของมันไปและใช้โอกาสนี้โอ้อวดความสามารถของมัน ความเร็วของมันเร็วราวกับลูกศรออกจากแล่ง และพวกเขาก็บินวูบข้ามหมู่เมฆ
“ตอนนี้ อำนาจ วิทยายุทธ์ คาถาเวทย์ของข้า และกระทั่งชื่อเสียงของข้าล้วนอยู่ในระดับสูงสุด หรืออาจจะเรียกได้ว่าถึงขีดจำกัดแล้ว!”
ฟางหยวนนั่งขัดสมาธิลง มองไปในเวิ้งฟ้า
แม้ว่าสายลมจะแรง เสื้อผ้าของเขากลับไม่สะบัดไหวเลยสักนิด ทำให้มันดูประหลาด
“เป็นเจ้าเมืองอี้ซานฝูนั้นนับว่าถึงขีดจำกัดของข้าแล้ว และข้ายังดึงดูดสายลับอีกมากมายมาพร้อมด้วย ในไม่ช้าไม่นานข้าก็คงต้องเผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงของข้าออกไป…”
“ทางแก้เดียวก็คือต้องพัฒนาตัวข้าเองขึ้นไปอีก!”
เขากำหมัดแน่น รู้สึกเลือดลมพลุ่งพล่านขึ้น
ประเทศเซี่ย ประเทศอู่ ประเทศจู หรือกระทั่งประเทศหยวนล้วนไม่มีนักรบศักดิ์สิทธิ์ระดับแยกธาตุปรากฏตัวขึ้น
ถ้าเขาเป็นผู้เริ่มและเข้าสู่ขอบเขตนั้นเป็นคนแรก เขาย่อมสามารถเป็นฝ่ายควบคุมและปักหลักได้มั่นคง เขายังไม่ต้องพะวงเรื่องที่ผู้อื่นจะวางแผนใดใส่เขาอีกต่อไป
“ขอบเขตแยกธาตุนั้นก็เทียบเท่ากับระดับสวรรค์มายาของจ้าวแห่งฝัน มันยากอย่างเหลือเชื่อที่จะบรรลุถึงระดับนั้น เงื่อนไขคือการสร้างของบางอย่างจากโลกแห่งความฝันมาสู่โลกแห่งความจริง แม้ว่าเป็นเพียงทรายสักเม็ดหรือคาถาเวทย์ ก็นับว่าประสบความสำเร็จแล้ว!”
เส้นทางการสร้างของจากมายาสู่ความเป็นจริงนั้นเป็นส่วนที่ยากที่สุดสำหรับเจ้าแห่งฝันทั้งปวง
“ตามทฤษฎีของ ‘ชีวิตที่แล้ว’ ของข้า ทุกอย่างนั้นมีวัฏจักรอันแน่นอน แต่สำหรับระดับสวรรค์สูงสุดของโลกแห่งความฝัน คือการ ‘สร้างบางอย่างขึ้นจากไม่มี’!”
ฟางหยวนกัดริมฝีปาก “บางทีอาจจะไม่ใช่บางอย่างจากไม่มี แต่ด้วยระดับการฝึกตนของข้าตอนนี้ ข้าไม่สามารถเข้าใจความลึกลับของระดับสูงสุดนั้นได้”
จุดหมายปลายทางของจ้าวแห่งความฝันก็คือเปลี่ยนมายาสู่ความจริง
แต่เพื่อที่จะสร้างสิ่งของและยังต้องมีวิญญาณ และตามมาด้วยโลกทั้งใบ พลังเช่นนั้นไม่สามารถควบคุมได้ด้วยจ้าวแห่งฝันธรรมดาทั่วไป ของทุกอย่างนั้นมีกฎแห่งธรรมชาติของมันที่ต้องเป็นไป
แต่สำหรับฟางหยวน เรื่องนี้ยังลึกซึ้งเกินไปสำหรับเขา เขาทำได้เพียงทำตามคำแนะนำจากอาจารย์เวิ่นซินเข้าสู่ระดับสวรรค์มายาอย่างช้า ๆ
เขาคงจะคลี่คลายความลี้ลับต่าง ๆ อย่างช้า ๆ ได้หลังจากฝึกฝนถึงระดับสูงสุดเท่าที่จะสามารถ
“การไปถึงระดับสวรรค์มายา ข้าจำต้องสร้างส่วนหนึ่งของโลกแห่งความฝันของข้าขึ้นในโลกแห่งความจริงจึงจะนับว่าฝ่าด่านได้!”
“ตามประสบการณ์ของอาจารย์ของข้า การสร้างสิ่งมีชีวิตนั้นยากที่สุด ตามมาด้วยการสร้างของวิเศษ จากนั้นก็ของธรรมดา สิ่งที่ง่ายที่สุดก็คือควบคุมการไหลของพลังงานจากคาถาเวทย์!”
แม้ว่าทั้งคู่จะสร้างขึ้นจากเม็ดทราย ฟางหยวนก็เข้าใจว่าร่างพลังย่อมสร้างง่ายกว่าร่างกายภาพที่จับต้องได้
ในระดับสวรรค์มายานั้น ผู้สะกดฝันนั้นนับเป็นระดับทั่วไปมาก ๆ
ผู้สะกดฝันสร้างคาถามเวทย์ในโลกแห่งความฝันและส่งออกมาในโลกแห่งความจริง
เพราะว่าพวกเขาสร้างคาถาเวทย์ขึ้นในโลกแห่งความฝันของตน พลังธาตุที่ต้องใช้จึงน้อยมาก ๆ พวกเขาสามารถสร้างคาถาเวทย์ชนิดใดก็ได้และสามารถใช้ได้ทั้งห้าธาตุ และยังเก่งกาจเป็นพิเศษในการสร้างค่ายกลลวงตาและพรางตา
พลังเช่นนี้ย่อมเหนือกว่าผู้อื่นในขอบเขตเดียวกัน
แต่ผู้สะกดฝันนั้นเป็นวิถีที่ง่ายที่สุดที่จ้าวแห่งความฝันจะก้าวเข้าไปสู่ระดับสวรรค์สูงสุด!
วิถีทางของจ้าวแห่งฝันนั้นมีนับไม่ถ้วน และความเป็นไปได้ก็ไร้ที่สิ้นสุด!
ถึงตอนนี้ ฟางหยวนจึงได้เข้าใจความหมายที่แท้จริงของมรดกของอาจารย์เวิ่นซินได้อย่างถ่องแท้
…
“แกว๊ก! แกว๊ก!”
ขณะที่ฟางหยวนจมอยู่ในภวังค์ อินทรีดำหางเหล็กก็ร้องเสียงยาว
“อืม? พวกเรามาถึงประเทศจูแล้วหรือ?”
ฟางหยวนมองลงไปอย่างคาดหวัง
ประเทศจูนั้นเป็นประเทศเล็ก ๆ มันมี 10 มณฑลและยังเป็นเพื่อนบ้านกับประเทศเซี่ยและประเทศอู่ แต่ว่าพวกเขาค่อนข้างอ่อนแอกว่า และ 10 ปีที่ผ่านมานี้ ไม่มีข่าวของผู้ฝึกยุทธ์ระดับพลังธาตุคนใหม่ปรากฏขึ้นเลย ราวกับพวกเขาอ่อนแอลงเรื่อย ๆ
เทียบกันแล้ว ก็คล้ายกับอี้ซานฝูซึ่งฟางหยวนเพิ่งเข้าไปรับผิดชอบ
“แผนที่สมบัติของ ‘ท่านผู้นั้น’ ชี้มาที่กึ่งกลางของทะเลสาบจันทราเมามายในประเทศจู!”
ดวงตาของฟางหยวนเป็นประกาย
ระดับการฝึกตนของเขานั้นถึงระดับสูงสุดแล้ว และการได้รับยาวิเศษหรือข้าววิญญาณก็ไม่ช่วยในการฝึกฝนของเขาเท่าใดแล้ว มีเพียงการทะลวงผ่านให้ได้เท่านั้นที่การฝึกฝนของเขาจะคืบหน้าไปได้
สมบัตินี้อาจจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้!!!