“นี่คือหลานสาวของข้า เสี่ยวหงมาทักทายท่านผู้อาวุโสสิ!”
อวี้เฟยฉุยโล่งอกเมื่อพบว่าคนผู้นี้ไม่ใช่คนชั่วร้าย เขารีบเรียกหลานสาวของตนมาคารวะฟางหยวนทันที
“ข้าคืออวี้เสี่ยวหง คารวะท่านผู้อาวุโส!”
หลานสาวของเขาอายุราวยี่สิบปี นางมีดวงตาสดใสและมีรอยยิ้มร่าเริงเป็นธรรมชาติ นางรูปร่างสูงและงดงาม ผมถักเป็นเปียสองข้าง ผิวเป็นสีน้ำตาลอ่อนจากการอยู่กลางแดดเกือบตลอดเวลา
“อืม ดี!”
ฟางหยวนโบกมือและเดินไปที่หัวเรือ “เจ้าต่อเรือนี่ขึ้นมาเพื่อจับปลาวิญญาณระหว่างเทศกาลจันทราเมามายงั้นรึ?”
“ถูกต้องแล้วขอรับ!”
อวี้เฟยฉุยก้าวไปข้างหน้าและพูดต่อ “ข้าเป็นพรานทะเล ด้วยความช่วยเหลือของเรือลำนี้ ข้าก็คงพอใจถ้าสามารถใช้มันจัดหามรดกที่ส่งต่อให้ลูกหลานต่อไปได้…”
ฟางหยวนไม่ได้ออกความเห็นใด
พลังวิญญาณนั้นมีจำกัด ทั้งทะเลสาบจันทราเมามายนี้ บริเวณนี้มีความเข้มข้นของพลังวิญญาณสูงที่สุดซึ่งอธิบายการปรากฏตัวของปลาวิญญาณหลายตัวได้
ฟางหยวนนั้นมีนกวิญญาณ และอวี้เฟยฉุยมีเรือเหาะโลหะ ทั้งสองอย่างล้วนดึงดูดความสนใจ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ก็คงจะมีผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมากมาออกันที่ตรงนี้ราวกับฉลามได้กลิ่นเลือด
“ท่านปู่! นั่นปลาเงิน!”
ในตอนนี้เอง อวี้เสี่ยวหงจ้องไปที่เส้นสายสีเงินบนผิวทะเลสาบด้วยสายตาแหลมคมของนางและตะโกนออกมา
“หืม? เอาแหโลหะกับปืนฉมวกออกมา พวกเราจะใช้เบ็ดตกปลาก่อน สั่งเรืออีกสองลำมาล้อมบริเวณนี้เอาไว้ อย่าปล่อยให้ปลาตัวใดหนีไปได้!”
อวี้เฟยฉุยบอกฟางหยวนว่าเขาจำเป็นต้องขอตัวไปจัดการธุระแล้ว
แม้ว่าต่อหน้าฟางหยวนเขาจะดูขี้ขลาด แต่อันที่จริงแล้วเขาทั้งฉลาดและมีความสามารถ
เพียงแค่ตะโกนไม่กี่คำ ลูกเรือหลายคนก็เริ่มโปรยเหยื่อจำนวนมากลงไปในทะเลสาบ พวกมันยังโยนเบ็ดราวจำนวนมากลงไปในทะเลสาบด้วย มีสีแดงทองของไส้เดือนดินติดอยู่ที่ปลายเบ็ดเพื่อเป็นเหยื่อ
“ไส้เดือนดินสีแดงทองนี้เป็นที่ชื่นชอบของปลาเงินและปลาเงินเมามายมาก… และยังมีโอกาสเล็กน้อยที่จะดึงดูดปลาวิญญาณได้ด้วย!”
เห็นฟางหยวนดูมึนงง อวี้เสี่ยวหงก็อธิบายให้เขาฟัง
“ฝุบ! ฝุบ!”
ฟางหยวนไปที่กราบเรือและมองเห็นประกายสีเงินบนผิวน้ำ ปลาเงินมากมายเริ่มเข้ามากินเหยื่อ
ขณะที่ปลาเงินหลายตัวขโมยเหยื่อไปได้ ก็มีอีกหลายตัวถูกเบ็ดเกี่ยวเอาไว้
‘เหยื่อปลาธรรมดาจะไปเทียบกับไส้เดือนดินสีแดงทองได้อย่างไร? แน่นอนว่าพวกมันย่อมต้องฉวยเหยื่อพวกนี้ไปกิน! แต่ว่า ก็เป็นธรรมดาที่ผู้แข็งแกร่งจะชนะการต่อสู้! ปลาเงินเหล่านี้จะแย่งไส้เดือนดินจากปลาเงินเมามายได้อย่างไร? และปลาเงินเมามายจะไปแย่งเหยื่อจากปลาวิญญาณได้อย่างไร? ผู้ที่ถูกเบ็ดเกี่ยวเอาไว้ได้ย่อมเป็นปลาที่ดี่สุด!’
ฟางหยวนมองและรู้สึกเห็นด้วยอย่างเงียบ ๆ
“ดึงเบ็ด!”
อวี้เฟยฉุยออกคำสั่งด้วยสีหน้าใจเย็น
“ฮึบ! ฮึบ!”
ลูกเรือสองคนเริ่มหมุนกว้านเพื่อดึงเบ็ดราวกลับขึ้นมา และยังดึงเอาปลาเงินมากมายขึ้นมาด้วย
“อืม… ส่วนมากเป็นปลาเงินเมามาย พวกเราได้ผลงานดีทีเดียววันนี้!”
แม้ว่าเป้าหมายของเขาจะเป็นการจับปลาวิญญาณ อวี้เฟยฉุยก็ยังคงต้องการปลาเงินธรรมดาและปลาเงินเมามายเช่นกัน
เขาจ้องไปที่แหที่กำลังใกล้เข้ามาอย่างกระวนกระวาย
“ฝุบ!”
ในตอนนั้นเอง เบ็ดก็กลับขึ้นมาถึงผิวน้ำและยังมีปลาวิญญาณยาว 37 นิ้วตัวหนึ่งติดเบ็ดขึ้นมาด้วย!
รูปร่างของมันต่างไปจากปลาที่เหลือ และเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน
ขณะที่เบ็ดถูกดึงแรงขึ้น สายเบ็ดก็ค่อย ๆ ยกขึ้นอย่างช้า ๆ และยังตึงราวกับกำลังจะขาดออก
“ท่านปู่ เป็นปลาวิญญาณ!”
อวี้เสี่ยวหงตะโกน
“อืม!”
อวี้เฟยฉุยวิ่งไปที่ฉมวกที่หัวเรือ ด้วยมืออันมั่นคง เขาเล็งไปที่ปลาวิญญาณและกดไก
“เพี๊ยะ!”
อันที่จริง ฉมวกที่หัวเรือก็เป็นเหมือนอาวุธร้ายแรง มันยาวหลายนิ้วและยังมีหัวเป็นโลหะที่เชื่อมกับตัวปืนฉมวกเอาไว้
พอถูกยิงออก ก็เกิดเสียงดังน่าตระหนกและทั้งลำเรือก็สั่นนิด ๆ
“ผัวะ!”
ปลาวิญญาณที่กำลังดิ้นรนอยู่รู้ว่ามันเผชิญหน้ากับอันตรายและสะบัดตัว
พร้อมกับเสียงแผ่ว ๆ ในที่สุดเบ็ดก็ขาดออก ปลาวิญญาณสะบัดหางและผิวน้ำแตกกระจายภายใต้แสงอาทิตย์ มันก็หลบปืนฉมวกไปได้ก่อนที่จะทิ้งตัวกลับลงทะเลสาบไป
“เฮ่ย…”
อวี้เฟยฉุยถอนหายใจและออกคำสั่งใหม่อีกครั้ง “กางแหโลหะ!”
ลูกเรือจากชั้นล่างวิ่งไปที่ดาดฟ้าเรือและเริ่มโบกธง
เรือเหาะโลหะลำอื่นเริ่มเข้ามาล้อมและกางแหโลหะของแต่ละลำออก ขณะที่แหแต่ละปากค่อย ๆ เชื่อมเข้าหากัน ลูกเรือก็หมุนกว้างและดึงเอาปลาเงินที่ถูกจับเอาไว้ขึ้นมา
“ด้วยสิ่งที่พวกเราจับได้ พวกเราก็จะไม่ถึงกับขาดทุน ปลาวิญญาณนั่นเจ้าเล่ห์นัก! ข้าเกรงว่าเจ้าปลานั่นจะไม่… หืม….”
อวี้เฟยฉุยไม่พอใจและเดินตรงเข้าไปหาฟางหยวน ตอนที่เขาพูดไปได้ครึ่งทาง จู่ ๆ เขาก็หยุดและอึ้งงันไป
“ฮึบ!”
คลื่นลูกใหญ่ปรากฏขึ้นพร้อมกับเงาสีเงินยาว ปลาตัวนี้ยาวหลายหลาและลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ ทันใดนั้น มันก็ยกหัวขึ้นและพ่นน้ำออกมาราวกับลูกศร แหโลหะขาดออกจากกัน
“ฉัวะ!”
เสียงดังลั่นและศรน้ำก็กระแทกเข้ากับแหโหละเกิดเป็นประกายแวบขึ้น แหขาดเป็นโพรงใหญ่ และปลาเงินก็หลุดกลับลงไปในทะเลสาบราวกับน้ำไหลเมื่อพวกมันหนีเอาชีวิตรอดไป
“นี่… นี่มันบ้าอะไรกัน…”
อวี้เฟยฉุยขยี้ตาและพูด “เป็นไปไม่ได้ที่ปลาวิญญาณตัวหนึ่งจะสามารถทำลายแหโลหะได้!”
“ถูกต้อง!”
ระหว่างการทำลายแห ฟางหยวนก็สามารถมองเห็นทั้งร่างของปลายักษ์ได้
มันยาวเป็นสองเท่าของปลาวิญญาณปกติ และยังมีเส้นสีทองพาดยาวกลางหลัง ทันใดนั้น ฟางหยวนก็รู้ว่านี่เป็นปลาที่พิเศษมากตัวหนึ่ง มันเป็นราชาของปลาวิญญาณทั้งปวง!
“มันคือราชามังกร!”
“ราชามังกรพิโรธแล้ว!”
ลูกเรือบางคนที่เชื่อโชคลางจู่ ๆ ก็ตะโกนออกมา และพวกมันบางส่วนยังคุกเข่าลงคารวะ
“ทะ…ท่านปู่… พวกเราจะทำอย่างไรดี?”
ในตอนนี้อวี้เสี่ยวหงเองก็ตะลึงไปขณะมองไปที่ผิวทะเลสาบ
นางเห็นปลาเงินฝูงใหญ่รวมตัวกันอยู่รอบเส้นสีทองและยังมีทั้งปลาเงินเมามายและปลาวิญญาณ พวกมันรวมตัวกันเป็นฝูงใหญ่ ครีบของปลาเหล่านี้ทำให้เกิดคลื่นจิ๋ว ๆ กระจายไปทั่ว
“ปลาเป็นหมื่นมารวมตัวกัน! ราชามังกรอยู่ที่นี่จริง ๆ รึ?”
อวี้เฟยฉุยนั้นเปี่ยมประสบการณ์ และนี่ยังเป็นครั้งแรกที่เขาได้พบเหตุการณ์เช่นนี้ มองปลามากมายมารวมกันอยู่ใต้ผิวทะเลสาบ ดูเหมือนพวกมันจะไม่ยอมจากไปง่าย ๆ แต่กลับต้องการโต้ตอบกลับ เหงื่อเย็น ๆก็เริ่มก่อตัวที่หน้าผากของเขา
การล่าสัตว์วิญญาณไม่เคยเป็นเรื่องง่าย และผู้ล่าต้องเตรียมใจที่จะเสี่ยงชีวิตของตัวเองในระหว่างการล่า
“ฝุบ! ฝุบ!”
ปลามากมายตามหลังราชาปลาวิญญาณและล้อมเป็นวง คลื่นจากทะเลสาบเริ่มก่อตัวขึ้นราวกับเป็นน้ำวน และมันก็เริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ
“ออกเรือเดี๋ยวนี้!”
อวี้เฟยฉุยตะโกนสุดเสียงและลูกเรือของเรือเหาะโลหะก็ตะโกนพร้อมกัน ที่ทั้งสองข้างลำเรือ ไม้พายเริ่มทำงานเพื่อหนีออกจากน้ำวน
“ผัวะ! ฝุบ!”
ราชาปลาวิญญาณจะปล่อยพวกมันหนีไปง่าย ๆ ได้อย่างไร?
ภายใต้ผิวหน้าของทะเลสาบ ปลามากมายมารวมตัวกัน พ่นน้ำออกมาราวกับลูกศรเล็งไปที่ไม้พาย ตั้งใจจะทำลายไม้พายทิ้ง ปลาบางตัวยังพุ่งตรงเข้าใส่ตัวเรือ เกิดเสียงกระแทกที่ทำให้ลูกเรือตกใจ
ถ้าเรือของพวกมันไม่ใช่เรือเหาะโลหะและลำเรือไม่ได้ทำมาจากโลหะทั้งแผ่น เรือก็คงถูกปลาเหล่านี้ทำลายและพวกมันทั้งหมดก็คงจมลงไปแล้ว!
ถึงอย่างนั้น อวี้เฟยฉุยก็ยังรู้สึกหมดหนทางและหมดหวังเมื่อเห็นเรือเหาะโลหะถูกลากเข้าไปตรงกลางน้ำวน ดูเหมือนว่าจะไม่มีวิธีรอดแล้ว
“ผู้อาวุโส!”
เขาพุ่งไปหาฟางหยวนและโค้งตัวต่ำ “ข้าไม่กลัวตาย แต่ข้าอยากจะขอร้องให้ท่านพาหลานสาวของข้าหนีไปกับท่านด้วย!”
อวี้เฟยฉุยรู้ว่าสถานการณ์คงจะจบลงอย่างไร
เรื่องมาถึงจุดที่แก้ไขไม่ได้แล้ว หนทางเดียวที่จะออกไปก็คือหนีไปบนหลังของอินทรีดำหางเหล็ก!
“ไม่! ท่านปู่! ข้าไม่ไป!”
อวี้เสี่ยวหงกอดแขนปู่ของนางเอาไว้แล้วเริ่มร้องไห้
“หืม… เหล่าอวี้ สถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยไหม?”
ฟางหยวนยังคงสงบ เขาเอนตัวพิงราวจับและมองไปที่เงาสีเงินภายใต้น้ำวน
ปลานับร้อยตรงไปหาราชาของพวกมันก่อให้เกิดเป็นน้ำวน ราชาปลาวิญญาณนี่ช่างดูเป็นราชาแห่งท้องทะเลเสียจริง
“จะเป็นไปได้อย่างไร?”
อวี้เฟยฉุยยิ้มบิดเบี้ยว “ก่อนหน้านี้ มีเพียงปลาวิญญาณไม่กี่ตัวร่วมมือกันโจมตี ทำลายเรือไม้ของข้าจนป่นเป็นชิ้น ๆ … ทำให้ข้าต้องทุ่มเงินสร้างเรือเหาะโลหะเหล่านี้ขึ้นมา เดิมข้าคิดว่าจะไม่มีเรื่องเลวร้ายใดเกิดขึ้นอีกตราบใดที่พวกเราไม่ได้เข้าไปในหมอกปริศนา แต่ใครจะคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเล่า… เฮ่ย นี่สินะที่เรียกว่าชีวิต!”
“หมอกปริศนา?”
ฟางหยวนยกมือแตะคางและดวงตาเป็นประกาย “เล่าให้ข้าฟังมากกว่านี้สิ!”
ในตอนนี้ มีเสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นทุกที่บนเรือราวกับโลกกำลังจะถึงจุดจบอย่างนั้น ท่าทีของฟางหยวนจึงทำให้อวี้เสี่ยวหงโกรธจัด
ลูกเรือหลายคนรู้ว่าทางรอดเดียวก็คือบินไปกับอินทรีดำหางเหล็กพวกมันจึงเข้าไปล้อมเจ้านกเอาไว้ด้วยทีท่าไม่เป็นมิตร แต่ว่าด้วยความเคารพที่พวกมันมีต่ออวี้เฟยฉุยและเบื้องหลังอันลึกลับของฟางหยวน พวกมันจึงยังไม่กล้าแตะต้องเจ้านก
อวี้เฟยฉุยรู้สึกว่าฟางหยวนนั้นเป็นชายกล้าหาญและมีพลัง ดังนั้นเขาจึงตรงเข้าสู่เป้าหมาย “ตอนนี้ เป็นเทศกาลจันทราเมามาย และบางครั้งจะมีหมอกนั่นปรากฏขึ้น แต่ว่าหมอกนี้ต่างไปจากหมอกอื่น ๆ ใครก็ตามที่ย่างกรายเข้าไปจะไม่สามารถออกมาโดยที่ยังมีชีวิตอยู่ได้! ตั้งแต่นั้นมา ผู้ฝึกตนผู้ใดที่เห็นหมอกนี้ล้วนรักษาระยะห่างออกจากมัน ถ้าใครเข้าสู่หมอกนี้โดยตั้งใจเพื่อจับปลาเงิน ย่อมตายตกอย่างแน่นอน… ผู้อาวุโส ถ้าท่านต้องการรู้มากกว่านี้ หลานสาวของข้าจะให้ข้อมูลที่เหลือแก่ท่าน…”
ถึงตอนนี้ เรือก็เริ่มเอียงไปทางด้านหนึ่ง มันเหมือนกับว่าทุกคนบนเรือกำลังจะตายตกตามไปกับการพังทลายของเรือ
“ข้าจะสู้กับเขา!”
“ฆ่าเขาเสียแล้วยึดเจ้านกของเขามา!”
จิตใจของเหล่าลูกเรือเริ่มถึงขีดจำกัดของพวกมันแล้ว เห็นฟางหยวนยังคงใจเย็นอยู่ได้ พวกมันก็อดไม่ไหวอีกต่อไป ชายร่างล่ำสันใบหน้ายาวผู้หนึ่งนำลูกเรือคนอื่น ๆ ดึงดาบยาวและพุ่งเข้าใส่ฟางหยวน
“พวกเจ้าทุกคน…”
อวี้เฟยฉุยหน้าแดงแต่ไม่สามารถลงมือหยุดพวกมันได้
เขาจะเป็นต้นหนเรือที่น่านับถือเพียงใดก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว เหล่าลูกเรือของเขายังคงหวั่นไหวเมื่อเป็นเรื่องความเป็นความตาย
“ขออภัยผู้อาวุโสด้วยขอรับ ข้าจะสั่งสอนบทเรียนพวกเขา!”
เขายังต้องการให้หลานสาวได้หนีไปพร้อมฟางหยวนขณะที่เขาพุ่งเข้าไปเพื่อหยุดเหล่าลูกเรือ
“นั่นไม่จำเป็น!”
ฟางหยวนโบกมือ “เสี่ยวเฮย! ไป!”
“แกว๊ก! แกว๊ก!”
อินทรีดำหางเหล็กเหลือบมองทุกคนแล้วใช้ปีกกวาดคนพวกนั้นทิ้งไป
“โครม!”
ขนของมันแข็งราวกับเหล็กกล้าที่มีพลังเวทย์ มันกวาดปีกไปทางใด เหล่าลูกเรือก็ต้องล้มคว่ำกระดูกหักกันไป
แม้แต่มีดหรือดาบยังแตกสลายได้โดยง่ายด้วยปีกของมัน
ภาพนี้ทำให้เหล่าลูกเรือที่มีน้ำตานองหน้านิ่งงันไป
พวกมันเพียงแค่คิดถึงการเอาตัวรอดและไม่ได้คิดหรือสนใจมากไปกว่านี้ พวกมันจึงอึ้งกันไป
ก็พวกมันหนีไปบนหลังเจ้านกนี่ได้อย่างไรถ้าหากพวกมันไม่ใช่กระทั่งคู่มือของเจ้านก?