“คุณชายสี่ ท่านสมควรรู้จักตำแหน่งแห่งที่ของตนด้วย!”
หลังจากพ่อบ้านและคนรับใช้ลงโทษเขาแล้ว พวกมันก็เดินออกไปอย่างภาคภูมิใจ
ฟางหยวนนอนลงบนเตียง จิตใจวุ่นวาย
หลังจากนั้นเป็นนาน ‘ตัวตน’ แท้จริงของเขาในที่สุดก็ตื่นขึ้น และได้รับความทรงจำทั้งหมดของหยางฟาน
“ซี้ด…”
ขณะที่เขาพลิกตัวกลับ แผ่นหลังปวดแสบปวดร้อนจากบาดแผลทำให้เขาต้องสูดลมหายใจลึก ๆ และเกือบจะสบถหยาบคายออกมา
“ถูกลงโทษแล้วกลับกระจ่างแจ้งขึ้นมา โชคดีนัก…”
ฟางหยวนส่ายหน้าและค่อนข้างดีใจ “ถ้าไม่เพราะการลงโทษครั้งนี้ ข้าก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ข้าจะรู้ตื่นขึ้นมาเหมือนกัน ดังนั้นนี่ก็นับเป็นความโชคดีอย่างมากเช่นกัน…”
เขากวาดตามองสภาพแวดล้อมและรวบรวมสติ “นี่คือการทดสอบที่บรรพบุรุษสำนักห้าผีทิ้งเอาไว้งั้นรึ?”
“สร้างฝัน!”
การเป็นเจ้าแห่งความฝัน นี่เป็นทักษะพื้นฐานเพื่อการเปลี่ยนแปลงโลกแห่งความฝัน
แต่ว่า หลังจากฟางหยวนพยายามแล้ว เขาก็ต้องตกตะลึง “เกิดอะไรขึ้น?”
แล้วเขาก็รู้ตัว เขาใช้เวลานานเกินไปกว่าจะรู้ตนขึ้นในความฝันนี้
“ข้าไม่สามารถใช้ความสามารถของจ้าวแห่งความฝันของข้าได้! เป็นเพราะว่าจ้าวแห่งความฝันของโลกความฝันนี้มีระดับการฝึกตนสูงกว่าข้ามากใช่หรือไม่?”
ฟางหยวนมองไปรอบ ๆ “เช่นนั้นโลกแห่งความฝันนี้จะต่างจากโลกจริงที่ตรงไหน?”
สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกแห่งความฝันนี้ต่างไปจากโลกแห่งความฝันที่ฟางหยวนมีมาก
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือมันให้ความรู้สึกเหมือนจริงอย่างที่สุด!
“ข้าเกรงว่ากฎของโลกนี้น่าจะเหมือนในโลกแห่งความจริงเช่นกัน!”
เขาเริ่มเครียดขึ้นมา เขารู้ว่านี่มันหมายถึงอะไร
“การเปลี่ยนโลกแห่งความฝันเป็นความจริง เขาอย่างน้อยอยู่ในระดับสวรรค์สูงสุด! เขาทิ้งโลกแห่งความฝันนี้ไว้เพื่อเป็นบททดสอบรึ?”
ฟางหยวนเริ่มคิดให้ลึกลงไป
โลกแห่งความฝันนี้เหมือนจริงเกินไป ถ้าเขายังคงติดอยู่ที่นี่ สิ่งที่ตามมาย่อมเลวร้ายแล้ว
ถ้าเขาต้องการออกจากโลกแห่งความฝันนี้ เขาต้องทำอย่างไรกัน?
“เพื่อที่จะออกจากโลกแห่งความฝัน มีอีกสองวิธีนอกจากการตาย คือไหลไปตามน้ำกับทวนน้ำ นี่ไม่ใช่โลกแห่งความฝันของข้า ดังนั้นการตายจึงไม่ใช่ทางเลือก! ส่วน ‘การทวนน้ำ’ จะเป็นเข้าควบคุมโลกแห่งความฝันทั้งหมดนี้ด้วยกำลังซึ่งจะทำให้ข้าไปและมาได้ตามปรารถนา แต่ว่าระดับการฝึกตนของข้านั้นไม่แข็งแกร่งเท่าเจ้าของโลกแห่งความฝันนี้ ดังนั้นนี่จึงทำไม่ได้!”
“ดังนั้นทางเลือกของข้าที่เหลืออยู่ก็คือ ‘ไปตามน้ำ’! แนวคิดหลัก ๆ ก็คือต้องเปิดใจและทำความปรารถนาบางอย่างของเจ้าของความฝันให้สำเร็จ… จากที่ข้าวิเคราะห์สภาพแวดล้อม นี่ดูเหมือนว่าข้าจะต้องได้รับพลังอำนาจหรือไม่ก็แก้แค้น สักอย่าง…”
หลังจากนอนแผ่ลงไปครู่หนึ่ง และบาดแผลที่หลังเริ่มอยู่ตัวแล้ว ฟางหยวนก็ลุกขึ้นยืน เดินไปที่โต๊ะหนังสือและเปิดสุ่มหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่ง “การคำนวณ?”
จากความทรงจำที่เขาได้รับมา อาณาจักรต้าเฉียนเองนั้นขึ้นกับวิทยายุทธ์ แม้ว่าจะมีศาสตร์ด้านวรรณกรรมการประพันธ์ แต่ก็ไม่ได้เป็นที่พูดถึงนัก ตรงกันข้าม พวกเขาส่วนมากแล้วเอนเอียงไปหาทักษะการทำงาน การคำนวณ ภูมิศาสตร์ การทำมาหากิน และนี่เป็นสิ่งที่ต้องมี
เจ้าของความฝันนี้ศึกษาเล่าเรียนอย่างหนักเพื่อสอบเข้ารับราชการ และตอนนี้ฟางหยวนก็รู้สึกว่าเขาค่อนข้างมั่นใจที่จะสอบผ่านและได้เข้าเป็นเสมียนสักที่
การสอบครั้งนี้เพื่อรับตำแหน่งเสมียน และยังไม่มีวิธีการเข้าเป็นข้าราชการได้โดยตรง ทุกอย่างต้องเริ่มจากตำแหน่งเล็ก ๆ เท่านั้น!
“นี่คืออาณาจักรต้าเฉียน… แม้แต่ระบบต่าง ๆ ก็พัฒนาไปมากกว่าประเทศเซี่ย…”
คิดถึงประเทศเซี่ย ประเทศจู และประเทศอื่น ๆ หรือตระกูล พรรค สำนัก ที่ต่อสู้กันไปมา ฟางหยวนก็กลอกตา
“นี่น่าจะเป็นความทรงจำแท้จริงของบรรพบุรุษสำนักห้าผีผู้นั้นซึ่งจะช่วยข้าได้มาก!”
ฟางหยวนคิดถึงเรื่องอื่น
เขาต้องการมาอาณาจักรต้าเฉียน แต่ว่า เขาได้รับเอาความทรงจำของหยางฟานผู้โชคร้ายมา และทำให้ไม่มีปัญหามากนักเกี่ยวกับภาษาเขียนและภาษาพูด
นอกจากนี้ ข้อมูลที่ชายหนุ่มผู้นี้มีนั้นก็ค่อนข้างสมบูรณ์ซึ่งทำให้เขาสามารถเข้าใจอาณาจักรต้าเฉียนได้เป็นอย่างอีก
“อีกอย่าง โลกแห่งความฝันนี้อาจจะเป็นต้นแบบให้ข้าทำตามได้!”
ดวงตาของฟางหยวนเป็นประกายระยิบขึ้นมาขณะตรวจดูการจัดวางของรอบตัว
เพื่อที่จ้าวแห่งความฝันจะขึ้นสู่ระดับสวรรค์สูงสุด แรกเลยก็ต้องเรียนรู้ถึงการสร้างสิ่งของจริง ๆ
การจะสามารถทำให้ความคิดมีผลต่อสิ่งของ หรือให้จิตเหนือสำนึกมีผลต่อความเป็นจริง และส่งสิ่งของจากโลกแห่งความฝันไปสู่โลกแห่งความจริง ก้าวแรกก็คือต้องปรับโลกแห่งความฝันของตนเองให้เหมือนโลกแห่งความจริงที่สุด ใช้กฎแบบเดียวกัน
โลกแห่งความฝันนี้จะเป็นมาตรฐานให้เขาทำตามได้
“แม้ว่านี่จะไม่มีทรัพย์สมบัติใด มันก็ยังคงมีค่ามากนัก! แน่นอนว่า… มันจะดีกว่านี้ถ้าไม่มีจุดอ่อนอีกสองอย่าง…”
เขาสูดลมหายใจลึก
มันอันตรายมากที่จะออกผจญภัยสำรวจโลกแห่งความฝัน
การตายในฝันอาจจะส่งผลต่อการมีชีวิตของร่างจริงได้! อย่างที่สอง การถูกกักเอาไว้และไม่สามารถหนีออกไปจากโลกแห่งความฝันได้จะทำให้ร่างจริงตายจากความหิวโหย!
“โลกแห่งความฝันหลายโลกก่อนหน้านี้ล้วนมากจากจิตเหนือสำนึกของข้า ซึ่งหนึ่งหมื่นปีผ่านไปโดยไม่ได้เสียเวลามากนัก แต่ตอนนี้ในโลกแห่งนี้ ในเมื่อมันเหมือนจริงมาก ความเร็วการไหลของเวลาอาจจะเหมือนจริงด้วยเช่นกัน!”
ฟางหยวนเริ่มจริงจังมากขึ้น “ในโลกจริง ร่างกายของข้าอยู่ในหมอกสะกด และข้ายังอยู่ภายใต้การปกป้องของลานกว้างนั่น ดังนั้นย่อมไม่เป็นอะไร แต่ว่า หากข้าถูกกักอยู่ที่นี่ ร่างจริงของข้าอาจจะตายจากความหิวได้… ในเรื่องของเวลาแล้ว ข้ามีเวลาเพียงหนึ่งเดือน! สามสิบวันเท่านั้น!”
เขาทะลวงผ่านสู่ขอบเขตการใช้พลังธาตุแล้วและมีความสามารถอันคาดไม่ถึง
ในเมื่อร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังธาตุ เขาจะรับสารอาหารจากโลกภายนอกอย่างไม่รู้ตัว ภายใน 30 วัน เขาจะไม่ตายจากการอดน้ำหรืออาหาร
“แต่นี่ก็คือขีดจำกัดของข้าแล้ว ข้าจำเป็นต้องทำตามจุดประสงค์ให้สำเร็จใน 30 วัน ถูกต้องหรือไม่? ที่สำคัญที่สุดก็คือข้ายังไม่รู้เลยว่าจุดประสงค์คืออะไรและต้องค้นหาด้วยตัวเอง…”
ฟางหยวนชี้นิ้วกลางออกไปตรงที่ว่าง ๆ “อันที่จริง… นี่เป็นสมบัติล้ำค่าที่ประหลาดจังเลย?”
…
แม้ว่าแส้จะสร้างความเจ็บปวดอย่างมากที่ภายนอก แต่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บภายในแต่อย่างใด
อย่างไรเสีย ฟางหยวนก็ไม่ได้ทำความผิดร้ายแรงให้พวกเขาใช้เป็นข้ออ้างในการทุบตีได้
ในห้องเก่าโทรม ฟางหยวนพลิกหน้าหนังสือที่บรรยายถึงอาณาจักรต้าเฉียน ขณะที่เขากำลังตั้งใจ เขาก็พบแผนที่ด้านในนั้นซึ่งราวกับเป็นสมบัติสำหรับเขา
หลังจากนั้นเป็นนาน เขาจึงวางหนังสือลง นวดกระบอกตาและหัวเราะ “ร่างกายนี้… อ่อนแอเกินไปแล้ว! เขาไม่มีกระทั่งพลังภายใน! เขาเป็นคนธรรมดาอย่างที่สุด!”
ไม่ต้องสงสัยเลย ความยากระดับนี้มันราวกับถูกผลักให้ลงไปลุยนรก
“เพื่อฝึกวิทยายุทธ์ ข้ามีเคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็กและเคล็ดลมปราณยิ่งใหญ่เฉียนคุณ แต่ว่า ข้าไม่มีเวลา และยังไม่มีทรัพยากร! อันที่จริง การขาดแคลนทรัพยากรนั้นเป็นปัญหาใหญ่กว่ามาก!”
ฟางหยวนลูบคาง “หนทางเดียวก็คือใช้คาถาเวทย์!”
มันเรียนรู้ได้ไม่ยาก!
ถ้าเขาต้องการฝึกวิทยายุทธ์ หยางฟานสามารถคอยดูอยู่ที่ลานฝึกได้แต่การเรียนรู้เพื่อเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์นั้น มันเป็นไปไม่ได้!
แต่นี่คือสำหรับหยางฟาน ไม่ใช่ฟางหยวน!
เขามีสองเส้นทางของนักรบศักดิ์สิทธิ์ให้เลือกเป็น! เหตุใดจึงจำเป็นต้องไปแอบดูผู้อื่นอีก?
“นอกจากนี้ นี่ยังเหมาะสมกับข้าที่สุดด้วย!”
เส้นทางของนักรบวิญญาณนั้นตรงไปตรงมา มีเพียงสองประตู หลังจากทะลวงผ่านได้เป็นศิษย์วิญญาณแล้ว ก้าวต่อไปนั้นก็กว้างใหญ่มาก!
ไม่อย่างนั้น ถ้าเขาพยายามฝึกวิทยายุทธิ์ เขาจะสามารถทะลวง 13 ประตูทองขึ้นเป็นอู่จงได้ในเดือนเดียวหรือ? กระทั่งฟางหยวนก็ยังไม่บ้าเพียงนั้น!
“นอกจากนี้ สำหรับตระกูลหยางแล้ว แม้ว่าอู่จงจะน่าประทับใจ แต่ก็เท่านั้นแหละ!”
ถึงตอนนี้ ฟางหยวนจึงเพิ่งเข้าใจระดับของอาณาจักรต้าเฉียน
เพียงแค่ตระกูลหยางนั้นก็ไม่ได้สลักสำคัญกับอาณาจักรต้าเฉียน และพวกเขายังมีอู่จงแค่ 8 คนในสายตระกูล กับนักรบศักดิ์สิทธิ์อีกสาม ใครจะรู้ว่าพวกเขาจะยังมีอย่างอื่นอีก
ถึงอย่างนั้น ในประเทศของพวกเขาก็นับเป็นเพียงความน่าทึ่งเท่านั้น แต่ไม่ได้มีความสามารถพอที่จะกลายเป็นกบฏ
“ขึ้นเป็นอู่จงก็มีความหมายเพียงแค่มีสิทธิ์ที่จะออกความเห็นในตระกูลหยาง แต่ยังไม่สามารถช่วยให้หยางฟานบรรลุสิ่งที่เขาต้องการได้!”
ฟางหยวนนั้นค่อนข้างมั่นใจว่าหยางฟานนั้นน่าจะเป็นคนเดียวกับบรรพบุรุษลึกลับของสำนักห้าผี
และเข้าก็ได้เข้ามาในความทรงจำจริง ๆ ของหยางฟาน!
“ข้าไม่สามารถเรียนรู้เคล็ดปิศาจโลหิตได้ ลองกลับไปเส้นทางเดิม จ้าวแห่งความฝัน!”
เขาใช้เวลาเพียงนิดเดียวในการตัดสินใจเดินเส้นทางนี้
อย่างไรเสีย เขาก็คุ้นเคยกับเส้นทางจ้าวแห่งฝันที่สุด และมันยังมีความสำคัญกับ ‘จิตใจ’ เส้นทางนี้นั้นลึกลับเหมือนที่มันเป็นมา และหากเขามีประสบการณ์เพียงพอ มันก็ง่ายที่จะฝ่าด่าน
“ในเมื่อหยางฟานกลายเป็นจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์สูงสุดได้ในอนาคต เขาย่อมมีความสามารถที่จะเป็นจ้าวแห่งฝันได้ ไม่อย่างนั้นเขาจะประสบความสำเร็จได้เพียงแค่แอบเรียนวิทยายุทธ์ได้อย่างไร? ความเป็นไปได้ของการฝึกฝนผิดทางและทำร้ายตัวเองนั้นสูงมาก!”
“แน่นอนว่า ที่สำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือออกไปจากที่นี่!”
ฟางหยวนกัดริมฝีปากตัวเอง
ตระกูลหยางนี้ก็คือคุกขนาดใหญ่ดี ๆ นี่เอง!
มีจอมยุทธ์ผู้เก่งกาจจำนวนมาก มีการจับตามองตลอดเวลาจากแม่ใหญ่ของเขา และยังคนรับใช้ผู้ภักดีมากมาย!
ในสังคมอันไร้กฎ พวกเขาสามารถใช้วิธีการสกปรกจัดการกับเขาได้ และเขาก็ไม่สามารถตอบโต้ได้ ไม่อย่างนั้น เขาจะถูกตราหน้าว่าเป็น ‘ลูกทรพี’ ทำให้ถูกตัดสินโทษตายได้!
“ข้าต้องคิดเรื่องนี้ก่อนที่จะตัดสินใจไม่เรียนวิทยายุทธ์ การฝึกตนเป็นจ้าวแห่งฝันนั้นเป็นสิ่งที่ตรวจสอบยากที่สุด ข้าแค่เกรงว่าอาจจะมีผู้ฝึกตนระดับสูงอยู่ภายในตระกูลที่สามารถตรวจสอบการฝึกตนของข้าได้… ดังนั้น การย้ายออกไปจึงเป็นสิ่งที่ต้องทำ และข้ออ้างที่ดีที่สุดก็คือการสอบ… มันจะมาถึงในอีกครึ่งเดือนให้หลังใช่หรือไม่?”
ในฐานะเด็กไร้ประโยชน์ เขาถูกกดข่มจากทุกผู้ในตระกูลและยังไม่มีปากเสียง
ทางแก้เดียวก็คือใช้ชื่อของราชสำนักในการออกไปจากที่นี่ แต่นอกไปจากนี้แล้วล้วนขึ้นอยู่กับเขา
“คุณชายสี่!”
จู่ ๆ ประตูก็ถูกเปิดออกและคนรับใช้ก็แบกถาดอาหารเข้ามา นางพูดขึ้นอย่างไร้ความเคารพ “ฮูหยินสั่งให้ท่านกักตัวอยู่ในนี้และไตร่ตรองถึงความผิดของท่านซะ นี่อาหารเย็น!”
นางดึงผักสองจานออกมาและข้าวแดงชามหนึ่ง
“ไตร่ตรองถึงความผิดของข้า?”
ฟางหยวนขมวดคิ้ว จากนั้นก็ยิ้ม “ข้ารู้แล้ว ข้าจะใคร่ครวญในพฤติกรรมของตัวเอง บอกท่านแม่ให้วางใจ!”
คนรับใช้ตกตะลึงไป
ตามที่นางคิด เด็กผู้นี้น่าจะโกรธเกรี้ยวและจากนั้นนางก็จะใช้ความร้ายกาจของนางจัดการกับเขา นางไม่คิดเลยว่าเขาจะยอมรับชะตากรรมและไม่โวยวาย
“ดี!”
คนรับใช้รู้สึกว่าจู่ ๆ คุณชายสี่ก็ดูลึกลับมาก นางถือถาดเอาไว้และเดินออกไปอย่างจนคำพูด
ฟางหยวนลูบท้องและเริ่มตักอาหารเข้าปาก
แม้ว่าจะอยู่ในความฝัน ร่างกายของเขาก็ยังคง หิว เหนื่อย ได้รับบาดเจ็บ เลือดออก และตายได้!
เช่นนั้นแล้วโลกแห่งความจริงกับความฝันนี้จะต่างกันตรงไหน?
แม้ว่าข้าวจะแข็งและผักจะไร้รสชาติ ฟางหยวนก็ยังพอใจและกินจนหมดชาม
“ข้าโชคดีแล้วที่มื้อนี้ยังมีผัก มื้อหน้า พวกเขาอาจจะให้ข้ากินของเหลือเดน…”
เขายักไหล่ จดจำใส่ใจเอาไว้และมองห้องของท่านแม่ใหญ่ที่ฝั่งตรงข้าม “ไม่ปล่อยให้ข้าชนะการสอบด้วยการกักบริเวณข้า? น่ารังเกียจนัก!”