ตระกูลหยาง
ในห้องของฮูหยินใหญ่ มีผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงสองคนเฝ้าประตูอยู่อย่างเคารพนบนอบราวกับเป็นรูปปั้น “พวกเราพบศพของหยางฉิง ศพถูกซ่อนเอาไว้ในถ้ำมิดชิดบนเขา แขนขาของเขาขาดออกจากลำตัว ไม่มีเงื่อนงำว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร…”
ฮูหยินหวังที่นั่งอยู่ใช้มือขวาลูบแมวสีขาวด้วยท่าทางสง่างาม
ถึงตอนนี้ นางหรี่ตา “ข้าจำได้ว่า… หยางฟานไม่รู้วิทยายุทธ์และไม่ได้ฝึกเคล็ดฝึกตนใด ๆ เขาฆ่าหยางฉิงได้อย่างไรกัน?”
ผู้ฝึกยุทธ์สองคนเหงื่อเย็น ๆ ไหลพรู “นี่… พวกเราก็ไม่รู้!”
“แม้จะสืบมานานขนาดนี้ เจ้าก็ยังไม่รู้อะไรทั้งนั้น แล้วเจ้าจะยังมีประโยชน์ใดให้ข้าใช้สอย?”
ฮูหยินหวังขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ
ผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว มีข่าวใหม่ ๆ ถูกส่งกลับมา มีข่าวว่าหยางฟานได้คะแนนสูงสุดในการสอบราชการด้วยเช่นกัน!
แน่นอนว่า ข่าวว่าหยางฟานได้รับตำแหน่งนายกองอินทรีนั้นถูกเก็บเป็นความลับโดยนักพรตเฟยซยง ดังนั้นฮูหยินหวังจึงยังไม่รู้เรื่อง
ถึงอย่างนั้น นางก็โกรธกรุ่นอยู่ในใจไปแล้ว
คนที่นางส่งออกไปสังหารเจ้าเด็กนั่นกลับถูกสังหารเสียสิ้น และเจ้าเด็กนั่นกลับได้ตำแหน่งสูงสุดในการสอบ แม้ว่าเขาจะเป็นแค่เสมียนและยังไร้ความสำคัญใดในตระกูลหยาง มันก็ยังคงบาดตานัก
ที่สำคัญที่สุด ฮูหยินหวังรู้สึกราวกับว่านางไม่สามารถมีอำนาจเหนือในเรือนได้อีกต่อไป!
นั่นน่าโมโหที่สุดแล้ว!
“เป็นเรื่องดีที่เจ้าเด็กนั่นสอบได้อันดับสูงสุด แต่ก็ยังไม่กลับมาอีก? เป็นไปได้ไหมว่ามันกลัวข้า?”
นางลดเสียงลงและพึมพำกับตัวเอง
“ฮูหยิน… เจ้าเด็กนั่นอย่างไรก็ต้องตาย ท่านเป็นคนเดียวที่สงสารเขาและปล่อยให้เขามีชีวิตรอดอยู่ แต่ว่า เขาไม่เพียงไม่สำนึก แต่ยังสังหารคน เมื่อเขากลับมา ท่านสามารถใช้กฏของตระกูลเอาชีวิตเขาได้!”
หนึ่งในผู้ที่ออกไปสืบข่าวตอบเบา ๆ
เขาเป็นหนึ่งในคนใกล้ชิดของฮูหยินหวังและแต่งเข้าตระกูลหยาง แต่ว่า เขาก็ยังคงปฏิบัติกับฮูหยินใหญ่เป็นเจ้านายของเขาและเรียกหยางฟานว่า ‘เจ้าเด็กนั่น’ โดยไม่หวั่นเกรง
“เจ้าพูดถูก…”
ฮูหยินหวังนวดหน้าผากและหลับตาลง “แม้ว่าหยางฉิงจะทำไม่ถูก หยางฟานก็ควรจะแจ้งทางตระกูลหรือขอความช่วยเหลือจากบิดาหรือจากข้าเพื่อมอบความยุติธรรมให้เขา สังหารเขาไปจะได้ประโยชน์อันใดกัน?”
แม้ว่าจะไม่มีหลักฐาน นางก็เรียกฟางหยวนเป็นฆาตกรไปแล้ว
“ต้าหวัง เอ้อหวัง พวกเจ้าทั้งสองรีบไปที่ในมณฑลและนำหยางฟานกลับมา แม้ว่าเขาจะได้เป็นเสมียนแล้ว แต่นั่นไม่สำคัญ แค่พาเขากลับมา! ตระกูลหยางของเรายังมีอิทธิพลพอที่จะทำเช่นนั้นได้ในที่ว่าการเมือง!”
ฮูหยินหวังหรี่ตาลงอีกครั้ง “เขาคิดว่าเขาสามารถเมินตระกูลหยางได้หลังจากได้อันดับสูงสุดงั้นรึ!”
“ขอรับ ฮูหยิน!”
ต้าหวังและเอ้อหวังโค้งตัวคารวะ พวกมันทั้งคู่รู้ว่าฮูหยินใหญ่นั้นตัดสินใจสังหารหยางฟานหลังจากนำตัวเขากลับมาที่นี่แล้ว!
“หวังอี้อ้าย ออกมา!”
ถึงตอนนี้ ก็มีเสียงระเบิดดังมาราวกับมีฟ้าร้องคำรามอยู่ใต้พื้นดิน ทำให้ทุกคนรู้สึกมึนงง
คนรับใช้ทั้งหมดล้วนสังสนว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ต้าหวังและเอ้อหวังมองหน้ากันเอง พวกมันทั้งคู่รู้ว่านี่คือชื่อเต็มของฮูหยิน ผู้ที่กล้าตะโกนเรียกนามเต็มของนางออกมาคงจะเหนื่อยกับการมีชีวิตเสียแล้ว!
ในตอนนี้เอง พวกมันก็รู้สึกราวกับอยู่ในความฝัน
“ปึ้ง!”
“เจ้าเด็กสารเลว!”
ฮูหยินหวังเปลี่ยนเป็นท่าทางเย็นชา เพียงแค่นางพลิกข้อมือขวา แจกันกระเบื้องสูงค่าก็แตกกระจายอยู่บนพื้น
นางสามารถบอกได้ว่าคนผู้นั้นคือใคร ซึ่งทำให้นางตัวสั่น และเสียงของนางก็ฟังดูร้ายกาจกว่าก่อนหน้า
“ต้าหวังเอ้อหวัง! ออกไปพาเจ้าเด็กสารเลวนั่นมาหาข้า! เจ้าเด็กอกตัญญู! เจ้าไม่เห็นหัวข้า ตระกูลหยาง และบรรพบุรุษแล้วใช่หรือไม่?”
เสียงของฮูหยินหวังนั้นแหลมสูงและเสียดแทง
“นี่มัน… บ้าไปแล้ว!”
ต้าหวังและเอ้อหวังสับสน พวกมันเดินออกจากประตูและเห็นว่าใครเป็นคนตะโกนแล้วก็ตกใจ “เป็นเจ้า! หยางฟาน!”
“ถูกต้อง!”
ฟางหยวนนั้นอยู่ในชุดสีขาว และดูสุภาพ ขณะที่เขาเดินเข้ามา เสียงของเขาก็ก้องไปทั่วทั้งเรือน “หวังอี้อ้าย ฮูหยินหวัง! ท่านผิดในหน้าที่ของฮูหยินบีบบังคับให้ข้าทำตามที่ท่านสั่งถึงสามครั้ง ตอนข้าแปดขวบ ท่านทำให้ข้าพลาดการทดสอบเข้าฝึกวิทยายุทธ์ และห้ามไม่ให้ข้าฝึกวิทยายุทธ์ใด ตอนข้าสิบสองขวบ ท่านให้บุตรของท่านรังแกข้า อย่างที่หยางหู่ทำ… ข้าอดทนรอเพื่อแก้แค้น ข้าจะคิดหนี้แค้นทั้งหมดนี้กับท่าน!”
“ไร้มารยาท!”
เสียงนี้ทำให้ฮูหยินใหญ่ตระหนกและดึงดูดความสนใจจากคนในเรือนอื่น
“หยางฟาน!!!”
ทันใดนั้น เงาร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นและพุ่งเข้าใส่ฟางหยวนราวกับหนอนตัวยักษ์ เป็นหยางหู่
เขาเกรี้ยวกราด “ดี! ดี! ดีมาก! ช่างไร้มารยาทต่อมารดานัก เจ้าต้องการให้ตระกูลลงโทษตายเจ้าใช่หรือไม่? ข้าจะทำให้เจ้าสมปรารถนาเอง!”
ในฐานะบุตรชาย ได้ยินฟางหยวนใช้คำพูดแดกดันมารดาของเขาก็ทำให้หยางหู่โกรธนัก
“ตลกนัก… สิ่งใดที่นางเคยเมตตาข้า ข้าจะคืนให้เป็นหลายเท่า! หวังอี้อ้ายก็พยายามทำร้ายข้าทุกวิถีทางที่เป็นไปได้ ความเมตตาของนางเคยมีที่ใดกัน? ข้าไม่เคยนับนางเป็นแม่ด้วยซ้ำ!”
ต่อหน้าตระกูลหยาง ฟางหยวนตัดขาดความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทิ้งไป
เขารู้ว่าเมื่อเขาพูดเช่นนี้ ทั้งตระกูลหยางจะไม่ปล่อยเขาไป ไม่เพียงแค่หวังอี้อ้าย
แต่แล้วอย่างไรเล่า?
ทำลายปราการด้านจิตใจนี้ทิ้งไปทำให้เขารู้สึกดีขึ้น ราวกับได้ระงับความกระหายน้ำสามวันด้วยน้ำเย็นเฉียบ ทุกรูขุมขนในร่างล้วนผ่อนคลาย ทำให้เขารู้สึกเย็นสบาย
‘หยางฟานนั้นถูกสองสิ่งผูกมัดเอาไว้ สิ่งแรกคือชิงกุ่ย และสิ่งที่สองคือฮูหยินหวังผู้นี้! แม้ว่าเขาจะมีอย่างอื่นเช่นการตามหาแม่ที่แท้จริงเป็นอีกหนึ่งห่วงผูกมัด แต่ว่าหลังจากแก้สองอย่างนี้ได้ ข้าน่าจะสามารถออกจากโลกแห่งความฝันนี้ได้อย่างปลอดภัย!’
ดวงตาของฟางหยวนเป็นประกาย “หวังอี้อ้าย ออกมาและจบชีวิตของท่านเสีย!!!”
เช่นนี้ เขาก็อยู่ห่างจากความตายเพียงก้าวเดียว!
ฟางหยวนนั้นรู้เรื่องนี้ดี แต่ว่า เขารู้ว่าเส้นตายหนึ่งเดือนของเขานั้นกำลังจะหมดแล้วเช่นกัน ร่างจริงของเขาที่อยู่ที่โลกภายนอกนั่นไม่สามารถทนได้นานกว่านี้แล้ว เขาจึงต้องรับมือกับอันตรายทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้!
“ครืน!”
เสียงดังมาให้ได้ยิน
ขณะที่ผู้อื่นยังอยู่ในความตกใจ หยางหู่นั้นลงมือแล้ว
เขาเพ่งพลังภายใน แม้ว่าเขาจะอยู่เพียงแค่ประตูสื่อ กำลังภายในของเขาก็พัฒนาไปมากและเทียบได้กับผู้ฝึกยุทธ์ระดับสี่ประตูสวรรค์!
นอกจากนี้ ยังมีเงาจาง ๆ ของเสือตัวใหญ่อยู่ด้านหลังเขา ร้องคำรามอย่างดุร้ายขณะที่อุ้งเท้าขวาตวัดออกมา
“หมัดพยัคฆ์คำราม!”
ถ้าหยางฟานเป็นเด็กชายธรรมดาอย่างก่อนหน้า เขาคงกลายเป็นก้อนเนื้อและกระดูกแหลกเหลวอยู่ภายใต้การโจมตีนี้ ตายตกลงอย่างไม่ต้องสงสัย!
เขาสามารถบอกได้ว่าหยางหู่ที่เกรี้ยวกราดนี้ตั้งใจลงมือสังหารอย่างแท้จริง!
“ดีมาก!”
ดวงตาของฟางหยวนเป็นประกายขณะตวัดหมัดขวาออกไป
“ครืน!”
พลังมหาศาลระเบิดออกจากร่างกายของเขาราวกับปิศาจลิงยักษ์!
ต่อหน้าปิศาจ พยัคฆ์ยิ่งใหญ่กลับกลายเป็นลูกแมวที่น่าสงสารไปในทันที
“โครม!”
มีเสียงดังขึ้นกลางอากาศ หยางหู่ปลิวกลับหลังราวกับลูกปืนใหญ่ กระดูกแขนของเขาแตกเป็นชิ้นและมีเลือดไหลนอง
“หยางหู่ เจ้ากล้าแตะต้องข้า! เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าคือใคร? ข้ามาจากราชสำนัก! เจ้ากล้าลงมือจู่โจมผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่า เจ้าอยากเป็นกบฏใช่หรือไม่?”
น้ำเสียงของฟางหยวนเต็มไปด้วยพลัง
ความพลิกผันนี้ทำให้ทั้งตระกูลหยางตกตะลึง
คุณชายสี่ผู้นี้ ที่ไม่รู้วิทยายุทธ์และเคล็ดวิญญาณและทำได้เพียงศึกษาเล่าเรียน เก่งกาจถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?
ฟางหยวนไม่สนใจสิ่งใดสักนิด เขาก้าวไปข้างหน้าหลายก้าว “ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่เคยปราณีข้า แต่ข้าคงทำเช่นนั้นไม่ได้ ข้าหักกระดูกของเจ้าเพื่อเตือนเจ้า ให้เจ้าตระหนักว่าพวกเรามีกฏเกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติตาม ในเมื่อเจ้าติดหนี้ผู้อื่น เจ้าก็ควรจะใช้คืน!”
“เจ้า… ถุย!”
หยางหู่ยังดูแข็งแกร่งในทีแรก แต่หลังจากได้ยินที่ฟางหยวนพูด ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างและเขาก็แทบจะกระอักเลือดออกมาก่อนที่จะหมดสติไป
“ฮูหยิน!”
ต้าหวังและเอ้อหวังรีบเข้ามาช่วยเขา แต่สีหน้าของพวกมันก็ต้องเปลี่ยนไป “กระดูกของนายน้อย… ถูกทำลายหมดแล้ว!”
“อะไรนะ?”
ฮูหยินหวังกรีดร้อง “เจ้าพวกไร้ประโยชน์ ยังจะรออะไรอีก รีบไปจับเจ้าเด็กสารเลวนั่นสิ! ก็แค่เสมียนเล็ก ๆ แล้วยังกล้าอ้างนามของราชสำนัก เขาไม่กลัวถูกหัวเราะเยาะหรือไร!”
อย่างไรข่าวที่หยางฟานได้ที่หนึ่งในการสอบก็แพร่ออกมาเช่นนี้
ฮูหยินอื่น ๆ นั้นเกรงกลัวราชสำนักและยังไม่ต้องการถูกม้วนเข้าไปในเรื่องภายในของฮูหยินใหญ่ ดังนั้นจึงไม่ลงมือใด
“ขอรับ ฮูหยิน!”
ต้าหวังมองเอ้อหวัง พวกมันร่วมมือกันประสานพลังธาตุก่อกำเนิดของพวกมันทั้งคู่เข้าเป็นพลังธาตุเดียว จากนั้นก็ปล่อยออกมาเป็นรูปลักษณ์ภายนอกที่เป็นงูสองหัวฉกเข้าใส่ฟางหยวน
“ผู้ฝึกยุทธ์ประตูทองที่ 12 สองคน เป็นคู่มือของอู่จงได้จริง ๆ! ด้วยความสามารถเช่นนี้แต่กลับเป็นแค่คนรับใช้ในบ้าน ช่างน่าเสียดาย!”
ฟางหยวนหรี่ตา และเงารูปอินทรียักษ์ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหลังเขา “อย่างไร… ข้าก็จะมอบบทเรียนให้พวกมันไปแล้ว ใครจะคิดว่าพวกมันไม่เรียนรู้ แต่ยังกล้าลงมือใส่เจ้าหน้าที่ของราชสำนักในที่ชุมชนอีก! เจ้าสมควรตาย!”
ขณะที่เขาพูดคำว่า ‘ตาย’ ทั้งบ้านก็สะเทือน
“แกว๊ก! แกว๊ก!”
เสียงกรีดร้องของอินทรีดำมาพร้อมกับกรงเล็บของมัน แยกงูสองหัวออกเป็นสองส่วน
มันจู่โจมต่อเนื่องใส่ต้าหวังและเอ้อหวังด้วยกรงเล็บที่ตวัดมาจากด้านบน!
“ครืน!”
บนพื้นปรากฏหลุมใหญ่ ที่กลางหลุมคือต้าหวังและเอ้อหวังที่เหลืออยู่
“ข้าบอกไปแล้ว ครั้งก่อนนี้คือคำเตือนเท่านั้น!”
ฟางหยวนยิ้ม
ความตายของพวกมันสองคนทำให้ทั้งตระกูลเงียบกริบ
หลังจากนั้นเป็นนาน ก็มีเสียงไม่อยากเชื่อเสียงหนึ่งดังมา “อู่จง?!”
ชายชราผู้หนึ่งก้าวออกมาข้างหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย “เจ้าอายุเท่าไหร่?”
“ความสามารถไม่ได้ขึ้นกับอายุ ผู้อาวุโสลำดับที่สาม ท่านอยู่ภายใต้ฮูหยินสาม ดังนั้นอย่าได้เข้ามาวุ่นวายกับเรื่องของฮูหยินใหญ่!”
ฟางหยวนดึงตราอันหนึ่งออกมา “ข้าเป็นนายกองอินทรีของอาณาจักรต้าเฉียน คนรับใช้สองคนนี้พยายามจู่โจมข้า ดังนั้นพวกมันก็สมควรแล้ว!”
“เป็นเจ้าหน้าที่ของราชสำนักจริง ๆ!”
ผู้อาวุโสลำดับที่สามพยักหน้าและยืนยันตัวตนของฟางหยวน “หยางฟาน เจ้าเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลหยาง ดังนั้นอย่าได้ทำอะไรให้เกินเลยไป! ถ้าเกิดเรื่องใดขึ้น เจ้าสามารถร้องขอความช่วยเหลือจากราชสำนักได้!”
เขาไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับความตายของต้าหวังและเอ้อหวัง
อย่างไรก็แค่คนรับใช้สองคน และยังพยายามทำร้ายเจ้าหน้าที่ของราชสำนักจริง ๆ
นอกจากนี้ จากสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว หยางฟานก็ยังนับเป็นสมาชิกของตระกูลหยาง ความสัมพันธ์ฉันญาตินั้นสำคัญที่สุด และเขายังมีพรสวรรค์อย่างน่ากลัว!
โดยไม่รู้เลย ผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงทั้งหลายล้วนประทับใจในหยางฟานต่างกันไป
ฮูหยินหวังนั้นรู้สึกหมดหวังเมื่อเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น