“นี่เป็นเรื่องของฮูหยินใหญ่ พวกเราไม่สมควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว!”
“พี่ฟาน พวกเรารู้ดีว่าเมื่อก่อนนี้ท่านเป็นอย่างไร…”
“หอผู้อาวุโส? มิใช่ว่าก็อยู่ใต้อำนาจฮูหยินใหญ่รึ?”
…
ฝูงชนพลุ่งพล่าน
ในตระกูลใหญ่ ไม่มีความยุติธรรมและเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ความขัดแย้งทั้งหลายนี้มักจะเผยออกมาภายใต้ชื่อของหอผู้อาวุโสและตระกูล
ถึงตอนนี้ ทุกครั้งที่เกิดการขัดผลประโยชน์กัน ก็จะมีความรุนแรงระเบิดออกมา
ไม่มีใครกล้าก้าวออกไปและให้ความช่วยเหลือไม่ว่าจะเคยร่วมมือหรือมีความสัมพันธ์ใดกันมาก่อน
บางคนเลือกที่จะนั่งดูและไม่ทำอะไร และบางคนเลือกที่ผลักผู้อื่นออกไป
เมื่อฮูหยินหวังเห็นเช่นนี้ ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือด
ภายใต้นามของตระกูลและหอผู้อาวุโส นางเป็นแค่ฮูหยินที่มีความประสงค์ร้าย
“หวังอี้อ้าย ท่านสำนึกผิดในบาปของท่านหรือไม่?”
ฉวยโอกาสอันเหมาะสมนี้ ฟางหยวนก้าวไปข้างหน้าอีกก้าว
“ครืน!”
ทั้งโลกสั่นสะเทือน คนรับใช้ทั้งหมดข้างกายฮูหยินหวังล้วนล้มลงหมดสติ เหลือเพียงตัวฮูหยินหวังที่มีสีหน้าทะมึน นางยังยืนกรานดุดัน “บิดาเจ้าจะไม่อภัยให้เจ้า!”
ถึงตอนนี้ ถ้าไม่เพราะความภาคภูมิใจในตัวเองของนาง นางคงจะลงไปคุกเข่าแล้ว
เมื่อนางพูด บรรยากาศก็เปลี่ยนเป็นตึงเครียดมากขึ้น ทุกคนจากตระกูลหยางมีภาพของคนผู้หนึ่งปรากฏขึ้นในใจ
หยางซิงเลี่ย!
คนผู้นี้ไม่เพียงเป็นบิดาผู้ให้กำเนิดของหยางฟาน เขายังเป็นหัวหน้าตระกูลหยางด้วย เขาเหี้ยมโหดและวิธีที่เขาใช้ในการทำทุกอย่างล้วนมีเอกลักษณ์
แน่นอนว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเขาเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์ระดับแยกธาตุเพียงคนเดียวในตระกูล! นอกจากบรรพบุรุษสองคนที่อยู่ในระดับเปิดชีพจรแล้ว หยางซิงเลี่ยคือเหตุผลแท้จริงของการมีตัวตนและมีอำนาจของตระกูลหยาง
“ถูกต้อง!”
เสียงต่ำ ๆ เสียงหนึ่งดังมา
ความกดดันที่ฟางหยวนมีต่อฮูหยินหวังสลายไปในทันที
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินเข้าประตูใหญ่มา
จอนผมข้างใบหูของเขาเป็นสีขาว สันจมูกสูงเด่น เขามีรูปร่างกำยำและทุกกริยาของเขา ราวกับเทพเจ้า
“นายท่าน!”
ฮูหยินหวังอุทานอย่างประหลาดใจ นางรีบใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาด้วยความดีใจ
“ร่างจำแลง?!”
ฟางหยวนและอู่จงอื่น ๆ สามารถมองออก
“ตอนนี้ข้าอยู่ที่หุบเขาลมสวรรค์ ห่างจากบ้านกว่าพันลี้ เพื่อตามหานักรบศักดิ์สิทธิ์ให้หยางหลงและหยางหลิง ข้าสัมผัสถึงบางอย่างไม่ถูกต้องที่บ้านดังนั้นจึงใช้วิธีการที่ข้าเตรียมเอาไว้!”
หยางซิงเลี่ยเดินเข้ามาก้าวใหญ่และดวงตาของเขาก็คมคริบ เขาเหลือบมองเร็ว ๆ และไม่มีผู้ใดกล้าต่อต้าน ทั้งหมดล้วนก้มหน้าต่ำ ดูเชื่อฟัง
“เจ้าเด็กหัวรั้น คุกเข่าลง!”
ตัวตนของฟางหยวนนั้นโดดเด่นท่ามกลางความเงียบของทุกคนในตระกูล
ใบหน้าของหยางซิงเลี่ยแดงก่ำขณะตะโกนใส่ฟางหยวน
ต่อหน้าบิดาของตน หัวหน้าตระกูล การแก้แค้น ความถูกต้อง และสิ่งอื่น ๆ ล้วนไร้ความหมาย
“เจ้าเด็กสารเลว!”
เห็นฟางหยวนนั้นไม่เต็มใจคุกเข่าลงขออภัย หยางซิงเลี่ยก็ยิ่งโมโห “เจ้าเด็กเลว! เจ้ารอสิ่งใดอยู่กัน?”
เมื่อเขาโบกมือ พลังจากธาตุทั้งห้าของผืนดินก็ส่องแสงและกลายเป็นกงล้อขนาดใหญ่หล่นใส่ฟางหยวน
หยางซิงเลี่ยนั้นเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์ที่เชี่ยวชาญในธาตุทั้งห้า!
เขาสามารถใช้ธาตุทั้งห้าสร้างทุกอย่างขึ้นมาได้ แม้ว่านี่จะเป็นเพียงร่างจำแลงของเขา เขาก็ยังคงเทียบได้กับนักรบศักดิ์สิทธิ์ระดับรวมธาตุและมีพลังของธาตุทั้งห้า พลังของเขานั้นเท่าเทียบกับการรวมพลังกันของนักรบศักดิ์สิทธิ์ห้าคน!
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ซิงเลี่ย? เหตุใดเจ้าจึงโกรธถึงเพียงนี้? มีผู้ใดบุกรุกบ้านของเจ้ารึ?”
ในตอนที่แสงจากธาตุทั้งห้าสว่างขึ้น รัศมีของพลังสองสายก็ถูกกระตุ้นขึ้นในห้องโถง ผู้คนต่างสัมผัสได้ว่ารัศมีสองสายนี้นั้นเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด
“ข้าสร้างความรบกวนแก่ท่านบรรพชนทั้งสองแล้ว ข้าจะไปขออภัยด้วยตัวเองในภายหลัง!”
ร่างของหยางซิงเลี่ยส่องสว่างขึ้นจากแสงของธาตุทั้งห้าและเขาก็ดูราวกับเทพเจ้าจุติจากสวรรค์ “หยางฟาน! เจ้าทำผิดมากขึ้นที่รบกวนบรรพชนทั้งสอง ทางที่ดีเจ้าควรรีบคุกเข่าลงรับโทษของเจ้า!”
“ออกไป!”
ฟางหยวนหัวเราะเจ้าเล่ห์ ด้วยก้าวมายาของเขา เขาพุ่งเข้าไปถึงฮูหยินหวัง
“นักรบศักดิ์สิทธิ์?”
หยางซิงเลี่ยประหลาดใจเล็กน้อยและส่ายหน้า “ไร้ประโยชน์!”
เขาโบกมืออีกครั้งและแสงจากธาตุทั้งห้าก็สลายไปเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหม่นที่ใหญ่มหึมาราวภูเขาสักลูก ด้วยแรงมหาศาล มันหล่นลงใส่ฟางหยวน
“ฝุบ! ฝุบ!”
ภาพมายาของฟางหยวนระเบิดออก เผยให้เห็นตัวจริงของฟางหยวน กงล้อธาตุทั้งห้านั้นมาถึงหน้าผากของเขาแล้ว
เห็นภาพนี้ ฟางหยวนก็กัดฟันยิ้มออกมา ก่อนพยายามผลักกงล้อกลับไปด้วยหัวของตน
กริยาราวกับฆ่าตัวตายนี้ทำให้หยางซิงเลี่ยพบว่ามันประหลาด ถึงแม้ตัวเขาจะหวั่นไหวไปเล็กน้อย กงล้อก็ยังคงหล่นใส่ศีรษะของฟางหยวนซึ่งเผยให้เห็นความตั้งใจที่จะสังหารฟางหยวนได้อย่างชัดเจน
“อึ้ก!”
เวลาหยุดในตอนนั้น
ท่ามกลางเสียงถอนหายใจ นักรบศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองที่ซ่อนตัวอยู่กลางอากาศก็ปรากฏขึ้น ทั้งคู่สวมชุดคลุมขนนกวิญญาณสีดำ พวกเขาปาดมือขวางครั้งหนึ่ง ขนนกสีดำมากมายก็หล่นลงมาขัดขวางแสงจากธาตุทั้งห้า
แม้ว่าหยางซิงเลี่ยจะมีพลังของห้าธาตุ เขาก็ยังลังเลเมื่อเห็นขนนกสีดำ “หัวหน้าอินทรี?”
“คารวะท่านหยาง พวกเราคือนกฮูกทมิฬและราตรีวิปลาส!”
หัวหน้าทั้งสองคารวะลงและพูดต่อ “คนผู้นี้คือนายกองจากกองกำลังอินทรี ท่านไว้ชีวิตเขาได้หรือไม่?”
ภายในใจของหยางซิงเลี่ย เขาตระหนก
หยางฟานนั้นรู้อยู่แล้วถึงการปรากฏตัวของหัวหน้าทั้งสองแต่ไม่พูดอะไร กลับกัน เขาบังคับให้คนทั้งคู่ลงมือปกป้องเขา เพราะรู้ว่าคนทั้งคู่ย่อมไม่ยินยอมปล่อยให้หยางฟานถูกสังหาร!
ผู้อื่นล้วนตกใจกับความเจ้าเล่ห์ของฟางหยวนและความเกลียดชังของเขาที่มีต่อหยางซิงเลี่ย
“ขอบคุณพวกท่านทั้งสอง ฮ่าฮ่า…”
ตอนนี้เอง ก็มีการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์
ขณะที่หัวหน้าอินทรีทั้งสองพูดกับหยางซิงเลี่ย ฟางหยวนก็หัวเราะและเลือดเริ่มหลั่งไหลออกจากรูขุมขนทั่วร่างของเขา พริบตาเดียว เขาก็กลายเป็นมนุษย์เลือด
“ฆ่า!”
เขากลายเป็นเส้นแสงสีแดงเลือดสายหนึ่งและแค่พริบตาเดียว เขาก็ไปถึงข้างตัวฮูหยินหวัง เขาตวัดนิ้วออกใส่ศูนย์รวมจิตของนาง ตั้งใจจะสังหารนางลงให้ได้!
ฮูหยินหวังใบหน้าซีดและล้มลงพื้นอย่างช้า ๆ นางหมดลมหายใจไปและไม่มีใครสามารถช่วยนางได้
เส้นแสงสีเลือดยังคงสั่นไหว ภายในไม่กี่วินาที มันก็หายไปโดยไร้ร่องรอยทิ้งไว้
เร็ว! เร็วมาก!
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในไม่กี่วินาที และบางคนยังไม่ทันมีปฏิกิริยา ฟางหยวนก็สังหารฮูหยินหวังและหนีไปนานแล้ว
“นั่นเหมือนกับ…”
ราตรีวิปลาสอึ้งงันไป “นั่นใช่เคล็ดโลหิตซ่อนจากจ้าวแห่งฝันปิศาจผู้นั้นหรือไม่? หยางฟานเกี่ยวข้องกับคนผู้นั้นอย่างไร?”
นกฮูกทมิฬมีสีหน้าสงสัย “เขาสามารถฆ่าคนได้ในกระบวนท่าเดียวและยังหนีไปได้ไกลในเวลาอันสั้น ถ้าเขาสังหารหนึ่งคนทุก ๆ สิบก้าว สิ่งที่ตามมาย่อมเกินกว่าที่จะคิดได้หลังจากเดินทางไปเป็นพันลี้โดยไร้ร่องรอย! ดี! ดีมาก! ข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องดีหรือร้ายที่เขาทำงานให้กับราชสำนัก…”
ฟางหยวนนั้นไม่สนใจแล้วว่าคนเหล่านี้จะคิดอย่างไรกับเขา
วินาทีที่เขาสังหารฮูหยินหวัง โลกแห่งความฝันก็สั่นสะเทือนและเปลี่ยนแปลงอันลึกลับก็เกิดขึ้น
“ข้าได้พลังในการสร้างฝันของข้าคืนมาครบแล้ว! ข้าสามารถกลับไปได้เดี๋ยวนี้เลย!”
ด้วยความคิดนี้ในใจ ดาวตกสีแดงเลือดก็พุ่งผ่านท้องฟ้าแล้วหายวับไป
นักรบศักดิ์สิทธิ์และอู่จงทั่วทุกมุมของอาณาจักรต้าเฉียนได้แต่ตะลึงงันไปเมื่อเห็นดาวตกนี้ จ้าวแห่งฝันบางคนยังรู้สึกหวาดกลัวมัน…
…
“เพล้ง!”
เสียงราวกับกระจกแตกดังขึ้น
ทั้งร่างของฟางหยวนสั่นระริกและเขาก็ตื่นขึ้นจากโลกแห่งความฝัน
“ข้า… ข้าหลับไปนานเท่าใดกัน?”
เขารู้สึกอ่อนแรงไปทั่งร่าง กระทั่งยกนิ้วขึ้นสักนิ้วก็ยังเป็นเรื่องยากสำหรับเขา
สิ่งที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้าคือลานจัตุรัสกว้างใหญ่ รูปสลักหินมากมายเริ่มแตกสลายลงกับลานกว้าง ราวกับเวลาผ่านไปนาน
“จากสภาพของตัวข้า ข้าเข้าสู่โลกแห่งความฝันเกือบหนึ่งเดือน…”
ฟางหยวนตัวสั่นขณะลุกขึ้นยืน มีสีหน้าซับซ้อน “ถ้าข้าช้ากว่านี้อีกไม่กี่วัน ข้าเกรงว่าร่างของข้าคงจะตายตกไปแล้ว ข้าคงจบลงที่การติดอยู่ในโลกแห่งความฝันหรือกลายเป็นผีโดดเดี่ยว…”
โลกแห่งความฝันของจ้าวแห่งฝันชั่วร้ายนั้นอันตรายถึงเพียงนี้
นอกจากนี้ ฟางหยวนยังสัมผัสได้ราง ๆ ถึงความเป็นไปได้ที่เขาจะถูกพาไปเป็นคนรับใช้อย่างที่ชิงกุ่ยทำกับเซียวมู่
แต่ว่า เขาไม่ใช่จ้าวแห่งฝันธรรมดา เขายังสามารถทะลวงผ่านและในที่สุดก็ค้นพบความลึกลับเบื้องหลังโลกแห่งความฝันของหยางฟานได้
“โฮก! โฮก!”
“ฟ่อ! ฟ่อ!”
โดยไม่รู้ตัว สัตว์ร้ายหน้าตาประหลาดมากมายก็มารวมตัวกันรอบ ๆ ลานกว้าง มองฟางหยวนด้วยสายตาดุร้ายของพวกมัน
“ลานกว้างนี้เต็มไปด้วยพลังงานที่ขับไล่สัตว์ร้ายเหล่านี้ออกไป… แต่ว่า เมื่อข้าทะลวงฝ่าโลกแห่งความฝันสำเร็จ พลังก็เริ่มอ่อนลง และอำนาจกดข่มสัตว์ร้ายเหล่านี้ก็อ่อนแอลงเช่นกัน!”
ฟางหยวนส่ายหน้าและรู้สึกว่าเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ช่างอันตรายเหลือแสน
ถ้าหากทายาทของหยางฟานเป็นผู้ค้นพบสมบัติชิ้นนี้หลังจากรวบรวมแผ่นที่สมบัติทั้งสามชิ้นได้ ก็คงจะถูกบรรพบุรุษของตัวเองสังหารลงเสียแล้ว!
เขาเดินไปถึงหน้ารูปสลักหิน
เป็นลิงสามตา มันมีแขนหกข้างและดูเหมือนกำลังจะทุบลงบนอะไรสักอย่าง
ฟางหยวนเป่าลมใส่เบา ๆ
“ซ่า! ซ่า!”
รูปสลักทั้งก้อนสลายกลายมาเป็นทรายกองหนึ่ง
“พลังที่อยู่ในรูปสลักจางหายไปแล้ว ทำให้รูปสลักพวกนี้สลายไปโดยง่ายเพียงแค่ต้องลมเบา ๆ เท่านั้น!”
ฟางหยวนส่ายหน้า
“ฝุบ!”
เมื่อเกิดการสลายตัวของรูปสลักหนึ่ง ก็เกิดปฏิกิริยาต่อเนื่องขึ้น
รูปสลักอื่น ๆ บนลานกว้างก็เริ่มสลายลงทีละตัว
ในที่สุด การสลายตัวของรูปสลักหินก็มีผลต่อสภาพของลานกว้างด้วยเช่นกัน หยกขาวสูญเสียประกาย เกิดการระเบิด เผยให้เห็นรากฐานของพื้นหยก
หลังจากนั้น ก็เกิดประกายแสงขึ้นจากรากฐานตรงหน้าฟางหยวน ก้อนแสงนั่นลอยขึ้นมาและปรากฏรูปร่างราวกับพระจันทร์
“โฮก! โฮก!”
“ฟ่อ! ฟ่อ!”
เห็นลานกว้างพังทลายลงและการปรากฏขึ้นของสมบัติล้ำค่า สัตว์ร้ายที่รวมตัวกันอยู่รอบ ๆ ลานกว้างก็เริ่มคลั่งและพุ่งเข้าใส่ฟางหยวน
ฟางหยวนนั้นยังอ่อนแอและนี่ก็เป็นสถานการณ์อันตรายสำหรับเขาอย่างแน่นอน! มีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่จะรอดอยู่ได้!
“ฮ่าฮ่า!”
กลับกัน ฟางหยวนหัวเราะและรู้สึกดีใจมาก “หยางฟาน หยางฟาน… เจ้าเปลืองความคิดตั้งมากมายแต่ก็ยังพลาดบางอย่างไป แม้ว่าข้าจะผ่านเข้าไปในความฝันของเจ้าและไม่มีพลังที่จะสู้แล้วตอนนี้ ข้าก็ยังมี… มัน!”
“แกว๊ก! แกว๊ก!”
อินทรีดำหางเหล็กบินผ่านกลุ่มเมฆลงมาและมาถึงราวกับลูกศรที่ยิงมา
“เอามาให้ข้า!”
ฟางหยวนใช้พลังธาตุที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดดึงเอาพระจันทร์ดวงตรงหน้ามาก่อนจะให้เจ้าอินทรีดำหางเหล็กของเขาพาลอยตัวขึ้นไปกลางอากาศ
“โฮก! โฮก!”
สัตว์ร้ายทั้งหมดทำได้เพียงคำรามอย่างสิ้นหวังเมื่อเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น
“ฮ่าฮ่า!”
มันก็เป็นเรื่องน่ายินดีจริง ๆ ที่ได้รับรางวัลจากเป้าหมายของตน
ฟางหยวนเปิดฝาเหยือกสุราและดื่มสุราวิเศษลงไปจนจุใจ จากนั้นเขาก็มองสมบัติที่ได้มาอีกครั้ง