‘ไข่มุก?’
ฟางหยวนมองไข่มุกเม็ดยักษ์ในมืออย่างสงสัย
แสงสว่างที่ส่องออกมานั้นจางหายไปแล้วเผยให้เห็นไข่มุกในมือฟางหยวน มันมีขนาดประมาณกำปั้นของเด็กทารก
ผิวของไข่มุกนั้นเรียบไร้ตำหนิและยังเปล่งประกายจาง ๆ เพียงแค่มองดู ก็สามารถบอกได้ว่าไม่ใช่ของธรรมดา
‘นี่คือสมบัติที่หยางฟานผู้นั้นทิ้งเอาไว้?’
ฟางหยวนถอนหายใจอย่างไม่พอใจ
เขาคงจะยินดีกว่านี้ถ้าหยางฟานรักษาโลกแห่งความฝันอันแท้จริงเอาไว้ให้เขาได้สำรวจด้วยตนเอง
อย่างไรเสีย ฟางหยวนก็สามารถเก็บเกี่ยวประโยชน์จากโลกแห่งความฝันนั้นได้มหาศาล มันเหมือนกับว่าเขาได้ไปอาณาจักรต้าเฉียนด้วยตัวเอง
‘ไข่มุกนี้มีอะไรพิเศษกัน…’
ขณะที่ฟางหยวนพึมพำ พลังธาตุบางส่วนของเขาก็พุ่งเข้าไปในไข่มุกขณะที่เขาพยายามตรวจสอบมัน
ไข่มุกสั่นอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็นิ่งไป พลังธาตุที่ใส่เข้าไปนั้นไร้ประโยชน์
‘มันดูเหมือนเป็นอุปกรณ์ที่มีเพียงจ้าวแห่งฝันที่จะใช้งานมันได้!’
หลังจากใช้พลังธาตุทดสอบไข่มุกแล้ว ฟางหยวนก็ได้กรอบแนวคิดว่าจะทำอย่างไรกับมัน เขาใช้พลังธาตุฝันของเขา
“วูบ!”
หลังจากฟางหยวนใส่พลังธาตุฝันของเขาเข้าไปในไข่มุก มันก็สั่นขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ ไข่มุกส่องแสงสว่างออกมา
ทันใดนั้น ฟางหยวนก็สัมผัสได้ว่ามีความสัมพันธ์บางรูปแบบระหว่างเจตจำนงเวทย์ของเชาและสิ่งอื่นที่ดูคล้ายโลกอีกใบ
‘โลกอีกใบ’ นี้คือพื้นที่ว่างขนาดใหญ่เหนือจินตนาการของผู้ใดและประตูสู่โลกใบนั้นก็อยู่ในมือฟางหยวน
“พื้นที่มิติ?”
ขณะที่ฟางหยวนยังคงประหลาดใจ เขาก็ดึงเหรียญเงินเหรียญหนึ่งขึ้นมาวางบนฝ่ามือ ภายในพริบตาเดียว เหรียญก็หายไป
ในเวลาเดียวกัน เหรียญเงินวาววับนั่นก็ไปปรากฏอยู่บนมุมหนึ่งของพื้นที่มิติ นี่ทำให้ฟางหยวนจมลึกลงไปในความคิด
‘นี่มันเกือบจะเหมือนมีโลกทั้งใบอยู่ด้านในมุกเม็ดนี้ นี่อาจจะเป็นไข่มุกภูผานที!’
จากนั้นเขาก็ใช้เจตจำนงค์เวทย์ของตัวเองค้นไปทั่วและในที่สุดก็พบคำตอบ
‘สมบัติวิเศษชิ้นนี้ ไข่มุกภูผานที?’
ฟางหยวนเกาคางตัวเอง
ไข่มุกนี่เป็นที่เก็บของ ช่องว่างด้านในนั้นกว้างขวางอย่างเหลือเชื่อ มันสามารถใส่กระทั่งภูเขาหรือแม่น้ำลงไปได้ ข้อจำกัดเพียงอย่างเดียวก็คือไม่สามารถใส่สิ่งมีชีวิตเข้าไปได้
‘มันดูเหมือนว่าช่องว่างด้านในนี้นั้นเกือบจะเป็นแบบจำลองอันไม่สมบูรณ์ของโลกใบนี้…’
ฟางหยวนเหมือนจะเข้าใจขึ้นมาเล็กน้อย
ในความเห็นของฟางหยวน ไข่มุกภูผานทีนั้นเป็นต้นฉบับแรกเริ่มดั้งเดิมของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ยอดเขาชอุ่ม ยกเว้นว่ามันเป็นรุ่นที่ค่อนข้างล้าหลังในตอนนี้
แต่ว่า ข้อได้เปรียบก็คือเขาสามารถพกพามันไปที่ไหน ๆ ก็ได้ทุกที่ มันสะดวกอย่างไม่น่าเชื่อถ้าเขาสามารถทำไข่มุกนี้ไว้ในรูปแหวนและสวมเอาไว้
‘น่าเสียดาย… หยางฟานนั้นช่างขี้เหนียวนักด้านในนี้ไม่ทิ้งอะไรเอาไว้ให้ข้าเลย…’
ฟางหยวนส่ายหน้าถอนหายใจ
โลกแห่งความฝันอันแท้จริงนั้นเห็นได้ชัดเจนว่าไม่ได้อยู่ในไข่มุกภูผานทีแต่ว่าอยู่บนลานหยกขาว
น่าเศร้าที่ฟางหยวนนั้นมีเพียงโอกาสเดียว
…
หลังจากเทศกาลจันทราเมามาย หมอกหนาก็ค่อย ๆ จางไป ทะเลสาบสุราและปลาวิญญาณล้วนค่อย ๆ หายไป
เมื่อคลื่นและกระแสน้ำรุนแรงสงบลง ชาวประมงก็เริ่มกลับมาพร้อมกับสิ่งที่เก็บเกี่ยวได้ รอยยิ้มของความยินดีและพึงพอใจแปะอยู่บนหน้าของพวกเขา
บางครั้ง ก็มีผู้ฝึกยุทธ์ที่ตกปลาวิญญาณพวกนี้ได้อย่างมหัศจรรย์ คนพวกนี้ก็มักถูกบังคับขอซื้อไปทุกที่ที่พวกเขาไป แน่นอนว่า ยังมีคนอีกกลุ่มที่แอบริษยาและคนที่ลงมือสู้กันเพียงเพื่อให้ได้ปลาหรือว่าได้ประโยชน์ที่พวกมันสามารถเอาไปใช้ได้
ทั้งทะเลสาบจันทราเมามายนั้นเต็มไปด้วยชีวิตชีวาทันที
น่าเสียดายที่คนเหล่านี้ทั้งหมดที่กำลังเพลิดเพลินอยู่นั้นไม่รู้เลยว่าเทศกาลจันทราเมามายปีนี้นั้นจะเกิดขึ้นเป็นปีสุดท้ายแล้ว
สำนักมังกรทอง
มีทะเลสาบเล็ก ๆ อยู่ด้านหลังสำนักซึ่งเลี้ยงปลาเอาไว้บ้าง
เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างประหลาดกับทะเลสาบแห่งนี้ มันมีการเคลื่อนไหวของเงาร่างที่มีรูปร่างราวกับมังกรตัวหนึ่งที่เปลี่ยนไปอยู่ในรูปของแสงสีเงินยวง มันดีดตัวขึ้นอย่างทรงพลังราวกับมังกร
เป็นราชาปลาวิญญาณ
เมื่อมันว่ายน้ำ มันก็มักจะพ่นน้ำออกมาเป็นสายพลังรุนแรง ราวกับกำลังแสดงความไม่ยินดีกับพื้นน้ำที่เล็กเพียงเท่านี้
ที่ด้านหลังมัน ปลาวิญญาณอื่น ๆ และยังปลาเมามายและปลาเงินล้วนตามมาอย่างภักดี
‘เฮ่ย…’
อวี้เสี่ยวหงยืนอยู่ข้างทะเลสาบ นางถักผมเป็นเปียสองข้างยาวลงไปถึงบั้นเอวของนาง ขณะดวงตามีชีวิตชีวากวาดมองไปบนผิวทะเลสาบ ความเจ็บปวดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง
‘การเคลื่อนย้ายราชาปลาวิญญาณนั้นยิ่งใหญ่เกินไป ถึงสำนักของเราจะระวังในทุกทางที่เป็นไปได้ ข่าวนี้ก็ยังหลุดรอดออกไปได้!’
ขณะที่นางเล่นกับผมเปียของตนอยู่นั้น สายตาของเธอก็มองไปยังห้องโถงใหญ่และถอนหายใจอย่างจนปัญญา “ด้วยความสามารถของท่านปู่ พวกเราคงไม่สามารถควบคุมแม้แต่ปลาวิญญาณไม่กี่ตัวพวกนี้ แล้วราชาปลาวิญญาณเล่า? ถ้าผู้อาวุโสยังไม่ปรากฏตัวขึ้น ผู้อื่นคงจะใช้กำลังเข้าปล้นที่นี่แน่แล้ว! แต่ว่า ผู้อาวุโสท่านนั้นอยู่ที่ใดก็ไม่รู้…”
แม้ว่าอวี้เฟยฉุยจะพยายามอ้างพลังของฟางหยวน แต่ความโลภของคนเราก็ไร้ขีดจำกัด
มันคงจะได้ผลถ้าหากอวี้เฟยฉุยไม่ได้ใช้มันจนเกินพอดี ตอนนี้ การอ้างถึงอู่จงที่ทุกคนหวาดเกรงนั้นกลายเป็นคำโป้ปดที่เขาสร้างขึ้นแล้ว!
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง.. หลังจากมองหาความช่วยเหลือที่แข็งแกร่ง เขาก็ยิ่งกลายเป็นเป้า
“เหล่าอวี้!”
บรรยากาศในตำหนักใหญ่นั้นไร้ชีวิตชีวาไปทันที
อวี้เฟยฉุยนั่งอยู่บนแท่นมองทุกคนด้วยสีหน้านิ่งเฉย
“ข้าขอบอกเลยว่า เจ้าไม่สามารถเก็บราชาปลาวิญญาณเอาไว้ได้แล้ว!”
ผู้ฝึกยุทธ์ตาเดียวผู้หนึ่งคำรามออกมาอย่างข่มขวัญ “พวกเรามาเพื่อพูดคุยเรื่องการแลกเปลี่ยนกับเจ้าอย่างสุภาพเพราะพวกเราเองก็เป็นสำนักยุทธ์ที่อยู่ในประเทศจูเหมือนกัน แต่เจ้ากลับไม่ยินยอมรับความปรารถนาดีนี้ของพวกเรา?”
“พี่ฉู่ ท่านประเมินข้าสูงเกินไปแล้ว!”
อวี้เฟยฉุยยิ้มออกมาอย่างเจ็บปวดและตอบ “ข้าไม่มีสิทธิ์พูดว่าราชาปลาวิญญาณนั่นควรจะไปอยู่ที่ใด!”
จอมยุทธ์ตาเดียวผู้นี้คือฉู่เจี๋ย เขาเป็นผู้นำของสิบแปดกำแพงโซ่ พรรคโจรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจู เขามีวิทยายุทธ์ในระดับประตูทองที่ 12 แล้ว
นอกจากเขา ยังมีผู้ชายชุดขาวที่ดูสุภาพและมีการศึกษาอีกคนหนึ่ง เขาคือหนอนหนังสือมรณะ จอมยุทธ์ผู้เหี้ยมโหดที่มีชื่อเสียงว่าชอบลงมือผู้เดียว
คนสุดท้ายคือหญิงงามผู้หนึ่งที่อายุราวสามสิบปี ใบหน้าของนางราวกับดอกท้อและยังมีรอยยิ้มทรงเสน่ห์ อวี้เฟยฉุยไม่กล้าประมาทนาง
อย่างไรเสีย ฮูหยินเมี่ยวฮวาก็เป็นศิษย์วิญญาณผู้หนึ่ง! คาถาสะกดบุปผามัวเมานั้นยากรับมือ นางยังเคยเอาชนะจอมยุทธ์ระดับ 4 ประตูสวรรค์สามคนรวดเดียวได้สำเร็จ!
ทั้งสามคนนี้นั้นไม่ได้มีชื่อเสียงดีงามอะไรและพยายามข่มเหงเขาอย่างชัดเจน
นอกจากพวกนี้แล้ว ยังมีสำนักอื่นและตัวแทนจากทางราชสำนักหลบซ่อนอยู่หลังฉากด้วย มีกระทั่งการข่มขู่และติดสินบนจากพวกเขา
อย่างไรเสีย ความเย้ายวนของราชาปลาวิญญาณนั้นก็เกินจะต้านทานได้จริง ๆ
“พวกเรารอมานานเกินไปแล้ว ทำไมถึงไม่แค่ฆ่าเขาซะที่นี่?”
หนอนหนังสือมรณะหัวเราะและถาม “หรือว่าเจ้าตั้งใจจะทำให้พวกเราขายหน้าทั้งที่พวกเราออกจะจริงใจถึงเพียงนี้?”
“เหล่าอวี้ ดูเงื่อนไขที่พวกเราใช้ในการแลกเปลี่ยนสิ พวกเราไม่ทำให้เจ้าผิดหวังอย่างแน่นอน!”
เช่นเดียวกัน ฮูหยินเมี่ยวฮวาฉีกยิ้มออกมาและเสริม “ข้าเสนอ ‘ยาเม็ดร้อยพันบุปผา’ หนึ่งขวด หนอนหนังสือมรณะเสนอตำราเคล็ดวิชาลับอันแข็งแกร่ง ‘เคล็ดกระบี่พันใจ’ และพี่ฉู่ก็เสนอทองถึงห้าแสนตำลึง! พวกเรายังเตรียมที่จะแลกของพวกนี้กับแค่ราชาปลาวิญญาณนั่น ปลาวิญญาณอื่น ๆ ก็ยังเป็นของเจ้า! นอกจากนี้ พวกเราแต่ละคนก็ยังนับว่าติดหนี้เจ้าครั้งหนึ่ง เมื่อใดก็ตามที่เจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพวกเรา พวกเราย่อมไม่ลังเล! เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
ดวงตาของนางเป็นประกายเย้ายวนขณะนางพูด มันแทบจะมีฤทธิ์ในการล่อลวง
“ท่าน…”
เหล่าอวี้จมลงสู่ภวังค์ของคิดไตร่ตรอง
โดยสัตย์แล้ว แม้ว่าของพวกนี้จะยังไม่ได้มีค่าเทียบเท่าราชาปลาวิญญาณ มันก็ยังมีค่ามากพอที่จะพิสูจน์ความจริงใจของพวกเขา
แต่ว่า อวี้เฟยฉุยแน่ใจว่าฟางหยวนต้องจัดการกับเขาแน่หากกลับมาแล้วพบว่าเขาตกลงตามข้อเสนอนี้ไปแล้ว
“กรุณากลับไปเถอะ!”
อวี้เฟยฉุยปลอบใจตัวเองและยืนหยัดจุดยืนเดิม “แม้ว่าพวกเราจะเป็นสำนักเล็ก ๆ พวกเราก็ไม่ได้ถูกผู้อื่นรังแกได้โดยง่าย! ถึงไม่ใช่เพราะราชาปลาวิญญาณนี้เป็นของผู้อื่น ข้าก็ยังไม่ต้องการทำข้อตกลงกับผู้ที่มีชื่อเสียงแบบพวกท่าน! คุ้มกัน!”
พร้อมคำสั่งสุดท้าย เกิดการเคลื่อนไหวมากมายที่ด้านนอกขณะศิษย์หลายคนของสำนักมังกรทองเข้ามาในตำหนักพร้อมกับชุดเกราะอ่อนเกล็ดปลา แห ไม้พายเหล็ก และอุปกรณ์อื่น ๆ
กระทั่งมังกรเก่งกาจยังไม่สามารถเอาชนะงูในบ้านของมันได้!
ไม่สำคัญว่าผู้มาเยือนนั้นจะเก่งกาจเพียงใด พวกเขาก็ยังมีจำนวนน้อยกว่า มดทั้งฝูงยังสามารถล้มช้างได้
“เฮ้อ…”
เมื่อหนอนหนังสือมรณะเห็นเช่นนี้ เขาก็ไม่พูดมาก เพียงแค่ถอนหายใจ “ในเมื่อเจ้ามันเป็นตาแก่หัวโบราณดื้อดึง พวกเราก็คงต้องเชิญจอมยุทธ์อื่นมาเสียแล้ว! เจ้าอาจไม่ยอมไว้หน้าพวกเรา แต่เจ้าก็ควรตรองให้ดีก่อนที่จะทำเช่นนี้กับผู้อาวุโสท่านนี้”
“ครืน!”
ทันทีที่คำพูดสุดท้ายของเขาหลุดออกมา รัศมีอันเจิดจ้าก็ระเบิดขึ้นที่ด้านนอก
“เจ้าสำนัก มีคนบุกรุก…”
ศิษย์ผู้หนึ่งของสำนักมังกรทองรีบร้อนเข้ามาพร้อมสีหน้าตกตะลึง ก่อนที่เขาจะทันพูดจบประโยค ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำและกระอักเลือดออกมาอย่างรุนแรง ในที่สุดก็ล้มลงบนพื้น
“ฟู่ ฟู่!”
บนพื้น เลือดของเขามีควันสีขาวพวยพุ่งขึ้นมา
“นี่มัน… พิษ?”
สีหน้าของอวี้เฟยฉุยเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวขณะคิดว่าเป็นจอมยุทธ์ผู้โด่งดังคนใดที่มา
“พวกท่าน… คนเบื้องหลังพวกท่านก็คือ…”
พร้อมเสียงสั่นพร่า เขาพูด “ราชาพิษเจียอู๋หมิง?”
“เหอเหอ”
ชายผู้หนึ่งเข้าตำหนักมาช้า ๆ พร้อมกับเสียงหัวเราะเยือกเย็น
รอบตัวเขา ศิษย์สำนักมังกรทองจำนวนมาล้มลง มือกุมอยู่ที่ลำคอของพวกตนอย่างทรมาน
ชายร่างเตี้ยท่าทางนอบน้อมผู้นี้อยู่ในชุดคลุมที่เต็มไปด้วยสีแดงเลือดและสีเขียวมรกตซึ่งทำให้ผู้อื่นรู้สึกมึนงงและไม่สบายใจได้เพียงแค่มอง
“อวี้เฟยฉุย? อย่างน้อยเจ้าก็ยังพอมีความรอบรู้อยู่บ้าง!”
เสียงของเจียอู๋หมิงนั้นราวกับเสียงนกฮูก แหบพร่าแต่กลับสร้างความเย็นไต่ไปตามสันหลังของผู้ฟัง
“ผู้อาวุโสเจีย!”
ฉู่เจี๋ย หนอนหนังสือมรณะ และฮูหยินเมี่ยวฮวายืนอยู่หลังเจียอู่หมิงด้วยท่าทางเคารพ
อย่างไรเสีย ชายผู้นี้ก็เป็นอู่จงผู้หนึ่งซึ่งเก่งกาจเรื่องการใช้พิษ!
ประเทศจูนั้นไม่ได้กว้างใหญ่ เจียอู๋หมิงผู้นี้จึงว่ากันว่าเป็นจอมยุทธ์อันดับหนึ่งในประเทศจากความเหี้ยมโหดและการใช้เล่ห์เหลี่ยมต่ำช้าที่ทำให้ผู้อื่นหวาดกลัวยิ่ง
“ผู้อาวุโสเจีย!”
อวี้เฟยฉุยทำได้เพียงยืนขึ้นด้วยสีหน้าวุ่นวาย “ท่านเป็นผู้อาวุโส เหตุใดจึงได้ตัดสินใจลงมือกับข้าด้วยเล่า?”
“เหอเหอ…”
เจียอู๋หมิงหัวเราะและตอบ “ข้ากำลังค้นคว้าการสร้างพิษผสม และข้าได้ยินว่าราชาปลาวิญญาณนั้นเป็นวัตถุดิบที่ดีเยี่ยมชิ้นหนึ่ง ทำให้ข้าสั่งให้เจ้าเด็กทั้งสามนี้ลงมือ…”
ขณะที่เขาพูด ความเย็นเยือกสายหนึ่งก็แผ่ออกจากดวงตา “แต่ว่า… ข้าคงวางมือจากยุทธภพไปนานเกินไปแล้ว ชื่อของข้าคงไม่เป็นที่จดจำอีกต่อไปและกระทั่งเจ้ายังไม่ไว้หน้าข้าสักนิด?”
“พูดเช่นนั้นหมายความว่าอย่างไร?”
ในใจเขา อวี้เฟยฉุยน้ำตานอง แต่เมื่อคิดถึงวิทยายุทธ์อันเหนือชั้นที่ฟางหยวนใช้ออกเมื่อก่อนหน้านี้ เขาก็กัดฟันตอบ “แต่ราชาปลาวิญญาณนี่เป็นของที่ผู้อาวุโสผู้นั้นฝากให้สำนักของเรารักษาเอาไว้ ข้าไม่สามารถตัดสินใจแทนเขาได้!”
“หึ!”
เจียอู๋หมิงทำเสียงขึ้นจมูก เดินตรงเข้าไป เงาร่างของเขาส่ายไหว
อวี้เฟยฉุยถอยหลังอย่างรวดเร็ว แต่เงาร่างนั้นจู่ ๆ ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา แขนที่เขายกขึ้นมาบังตัวเอาไว้สั่นอย่างรุนแรง เขาทิ้งรอยเท้าเอาไว้บนพื้นเป็นเจ็ดถึงแปดรอย
เขาได้กลิ่นดอกไม้ชนิดหนึ่งในตอนนั้นเอง จากนั้นเลือดคำหนึ่งก็พุ่งออกจากปากของเขา