“อี้ซานฝูและประเทศเซี่ยนั้นมีบรรพบุรุษเดียวกันและไม่สามารถแยกขาดออกจากกันได้ สำหรับการประชุมหยวนอู่นี้ พวกเราจำต้องอยู่ฝ่ายเดียวกันเพื่อป้องกันผู้อื่นที่อาจจะพยายามแสดงท่าทีต่อต้านพวกเราได้!”
เสียงของเซี่ยหลิงอวิ๋นนั้นรื่นหูและนุ่มนวล และต่อหน้าฟางหยวน นางแสดงความตั้งใจที่แฝงความเศร้าเอาไว้ “ครั้งนี้… หากท่าน ในฐานะเจ้าเมืองอี้ซานฝูอยากจะก่อตั้งประเทศของตน ประเทศเซี่ยย่อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่!”
“สถานการณ์เลยเถิดเพียงนั้นแล้ว?”
ฟางหยวนสงสัย
เริ่มก่อตั้งประเทศ… ใครจะไปคิดว่าเรื่องเล็กนิดเดียวในทีแรกจะขยายมาถึงระดับนี้ได้?
และครู่ต่อมา เขาก็มองเห็นความอ่อนแอของราชวงศ์เซี่ย
แม้ว่าจะมีการปกป้องจากนักพรตมู่หลี่และอู่จงอีกคน ประเทศเซี่ยก็ยังนับว่าอ่อนแออย่างมาก
อย่างไรเสีย อี้ซานฝูก็ถูกแยกออกจากประเทศเซี่ย และเซี่ยหยางฝูก็อยู่ในสภาพย่ำแย่หลังสงคราม อีกนานกว่าประเทศจะฟื้นตัวกลับมาจากผลกระทบทั้งหมดที่เกิดขึ้น
“นอกจากเรื่องของประเทศแล้ว ข้ายังมีเรื่องส่วนตัว…”
เซี่ยหลิงอวิ๋นมองศิษย์สองคนของฟางหยวนและถามเขา “ข้าได้ยินว่าท่านรับศิษย์แล้วสองคน? ท่านสนใจจะรับเพิ่มอีกสักคนหรือไม่?”
“โอ้?”
ฟางหยวนหัวเราะ “นี่เป็นการตัดสินใจของราชวงศ์รึ?”
เขาไม่เคยคิดถึงสถานการณ์เช่นนี้เลย ประเทศเซี่ยยังยินดีเชื่อในตัวเขา
อย่างไรระดับความก้าวหน้าของเขาก็เป็นอุปสรรค์แก่ประเทศหยวน ประเทศอู่ และประเทศอื่น ๆ
“ข้าคิดเรื่องนี้มาอย่างละเอียดแล้ว ในเวลาวุ่นวายเช่นนี้ ถ้าประเทศเซี่ยต้องการเดินหน้าต่อ ทางเดียวก็คือรับความเสี่ยงนี้!”
เซี่ยหลิงอวิ๋นคารวะลงอย่างเคารพ “หลิงอวิ๋นใช้การไม่ได้ ข้าอยากจะเชิญเจ้าเมืองฟางรับตำแหน่งราชครูของประเทศเซี่ย! ได้โปรดรับเอาอนาคตของประเทศเซี่ยไว้เป็นการตอบแทน ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป พวกเราจะล่มหัวจมท้ายด้วยกัน! ส่วนของรับขวัญ พวกเรายินยอมมอบทุกอย่างที่ท่านต้องการไม่ว่าจะจากสมบัติของประเทศเซี่ยหรือว่าสมบัติส่วนราชวงศ์เซี่ย!”
‘นี่คือความจริงใจที่สุดของพวกเขาแล้วหรือ?’
ฟางหยวนหวันไหว “ในที่สุด องค์หญิงก็เผยสิ่งที่คิดไว้ออกมาแล้ว!”
หลังจากคิดอยู่ครูหนึ่ง เขาก็ตอบ “ข้ายินดีรับศิษย์เพิ่ม เขาอยู่ไหนล่ะ?”
“อยู่ตรงนี้แล้ว!”
เซี่ยหลิงอวิ๋นยิ้มกว้าง “ท่านคิดว่าข้าเป็นอย่างไรบ้าง ท่านเจ้าเมือง? ข้าพอจะมีแววหรือไม่?”
…
ใบไม้ขยับตามลม
บนพื้นราบ กลุ่มของทหารม้าส่งเสียงร้องสนับสนุนกันดังมาขณะไล่ล่าเหยื่อ
ในกลุ่ม หัวหน้าคือเด็กหนุ่มอายุยี่สิบปีสวมมงกุฎทองคำแต่มีท่าทางแข็งกร้าว ผู้คุมกันสองคนบนหลังม้าขนาบอยู่สองข้าง ทั้งหมดนี้ดูยิ่งใหญ่มีอำนาจ
ในตอนนี้ พวกมันทั้งหมดเล็งแพะเหลืองตัวหนึ่งไว้ ชายหนุ่มยกธนูขึ้นมาน้าวสายและจากนั้นก็ปล่อยศรออกไป
“ฝุบ!”
ลูกศรราวกับดาวตกฝ่าอากาศไป มันพุ่งตรงไปที่ลูกตาข้างซ้ายของเจ้าแพะและทะลุออกทางลูกตาขวา ไม่แตะต้องถูกขนของมันเพียงสักนิด
“ยอดเยี่ยมมาก! องค์ชายแปด วิชาธนูของท่านช่างยอดเยี่ยมนัก!”
ทหารรอบ ๆ ร้องชื่นชม เห็นโอกาสเช่นนี้ พวกมันก็รีบวิ่งไปเอาเหยื่อกลับมาอวดให้ทุกคนรอบ ๆ ดู
“ระหว่างฤดูใบไม้ร่วง ก่อนที่สัตว์พวกนี้จะจำศีล พวกมันต้องเก็บสะสมอาหารไว้ให้มาก นี่เป็นโอกาสดีในการล่าสัตว์!”
องค์ชายแปดคือบุตรชายคนสุดท้องของราชาหยวน ตั้งแต่ก่อตั้งประเทศหยวนขึ้นมา ก็มีกฏว่าบุตรชายคนสุดท้องจึงจะเป็นผู้รับตำแหน่งรัชทายาท
นี่เป็นเพราะในอดีตที่ผ่านมา บนพื้นที่ราบนี้ อัตราการตายนั้นสูงมาก หลังจากบิดาและพี่น้องคนโตตายตกลงในสงคราม ลูกคนสุดท้องนั้นจำต้องเติบโตเพื่อให้ดูแลครอบครัวได้ และนี่ก็เป็นการฝึกฝนเพื่อการนั้น
แม้ว่าราชาองค์ปัจจุบันจะอยู่ในตำแหน่งมาหลายปี เขาก็ยังมีอำนาจมากอยู่ ดังนั้น หลายคนจึงมององค์ชายแปดเป็นรัชทายาท ซึ่งทำให้เขาได้รับความชื่นชมอย่างมาก
“วันนี้สนุกกันแค่นี้แล้ว…”
หลังจากควบม้าอยู่ครู่หนึ่ง องค์ชายแปดก็ดึงบังเหียนและมองไปทางทิศใต้ “ผู้ใดเล่าจะรู้ว่าเมื่อใดม้าจะสามารถควบผ่านเทือกเขาทางใต้ได้! เมื่อนั้น พวกเราก็สามารถล่าสัตว์ไปในทุกที่ที่พวกเราต้องการ! นี่สิจึงจะเป็นสิ่งที่บุรุษควรกระทำ!”
ดวงตาของทุกคนเป็นประกายขึ้น
ในประวัติศาสตร์ของการประชุมหยวนอู่ แต่ละประเทศนั้นก็มีข้อขัดแย้งเล็ก ๆ กับประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะระหว่างประเทศหยวนและประเทศอู่
ก่อนการประชุมของปีนี้ ประเทศอู่นั้นเกิดการพ่ายแพ้เล็ก ๆ ขึ้น ทำให้ประเทศหยวนนั้นคิดถึงวิธีที่จะใช้ประโยชน์จากจุดนี้
“น่าเสียดาย… ที่ประเทศอู่พ่ายแพ้ครั้งก่อน พี่ชายรองเป็นผู้นำทัพ…”
องค์ชายแปดส่ายหน้าและถอนหายใจ “บิดาดีใจมากและมอบรางวัลให้พี่ชายรองมากมาย เขากระทั่งเพิ่มจำนวนทหารราบและทหารม้าเข้ากองทัพส่วนตัว…”
นี่คือเหตุผลให้เขาวางแผนที่จะโจมตีทางใต้
องค์ชายแปดรู้ว่า ถึงแม้ประเพณีจะให้เขาได้เปรียบในสิทธิชอบธรรมที่จะขึ้นรับตำแหน่งราชา แต่มันก็ไม่ได้เป็นการยืนยันว่าบัลลังก์จะเป็นของเขา
ไม่ต้องพูดถึงว่า บิดาของเขา ราชาหยวน นั้นยังอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ของชีวิต พี่น้องหลายคนขององค์ชายแปดก็เติบโตเร็วอย่างไม่น่าเชื่อและกำลังจะเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ดังนั้น ตำแหน่งของเขานั้นก็อิหลักอิเหลื่อนัก
เพื่อที่ปกป้องและพาตัวเองไปสู่บัลลังก์ องค์ชายแปดนั้นเตรียมการสนับสนุนเบื้องหลังตัวเองเอาไว้แล้ว เพื่อให้ทั้งประเทศหยวนนั้นยินยอมรับเขาขึ้นเป็นราชา
จะมีอะไรเทียบได้กับการเข้าครอบครองเทือกเขาทางใต้ทั้งหมดอีกเล่า?
“การประชุมหยวนอู่ที่กำลังจะมาถึงเป็นโอกาสของข้า! ในหมู่ประเทศทางใต้นั้น ประเทศอู่แข็งแกร่งที่สุด จากขนาดกองทัพของพวกเขา พวกเขาก็ยังเทียบกับเราไม่ได้ ต่อไปก็ดูสิว่าผู้ใดจะแข็งแกร่งกว่ากัน!”
องค์ชายแปดโบกมือและสั่งผู้ที่เขาเชื่อใจได้ “การประชุมหยวนอู่ที่กำลังจะมาถึง ราชาของทุกประเทศ นักรบศักดิ์สิทธิ์และอู่จงคนใหม่ล้วนมารวมตัวกัน ในช่วงเวลานี้ มีผู้ใดผิดสังเกตหรือไม่?”
คนผู้นี้สวมชุดคลุมสีดำ เขามีกลองวิเศษคล้องอยู่รอบเอว รูปลักษณ์ของเขาดูกระหายเลือดและยังมีกลิ่นอายของโลหิต ไม้กลองเป็นสีซีดราวกับทำมาจากกระดูกจริง ๆ
เขาเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์จากพื้นราบ แต่ประเทศหยวนยินดีจะเรียกเขาว่าหมอผี
“ประเทศทางใต้ล้วนกำลังวุ่นวาย หกเดือนก่อน เกิดการกบฏขึ้นในประเทศแข็งแกร่งประเทศหนึ่ง ประเทศเซี่ย! เกิดการแบ่งแยกดินแดน และรัฐหนึ่งแยกตัวออกจากประเทศ!”
เสียงของหมอผีผู้นี้แหลมสูง ราวกับเสียงโลหะขูดขีดกัน “เจ้าเมืองอี้ซานฝูคนใหม่เรียกว่าฟางหยวน เขามีความสามารถสูงทั้งการใช้คาถาสะกดของหมอผีและยังเป็นนักรบที่แข็งแกร่ง!”
“มีข่าวลือว่า… เคล็ดวิญญาณของเขาช่วยให้เขาสามารถควบคุมพืชวิญญาณได้ ทำให้เขามีความสามารถที่จะเปลี่ยนทั้งเมืองให้กลายเป็นุขุมนรกต้นไม้ปิศาจ เพราะอย่างนี้ ต้นไม้ของเขาจึงกลืนกินทหารของประเทศอู่ไปกว่าแสนคน!”
“นอกจากนี้ เขายังมีวิทยายุทธ์สูงส่งและอยู่ในระดับเดียวกันกับนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดที่ประเทศหยวนของเรามี!”
…
เห็นได้ชัดเจนว่าหมอผีผู้นี้มีสายลับแทรกตัวอยู่ที่ทางใต้ แม้ว่าตัวเขาจะอยู่แต่ในดินแดนทุ่งหญ้า เขาก็ยังคงสามารถรายงานสิ่งที่รู้เกี่ยวกับฟางหยวนได้
“ฟางหยวน?”
องค์ชายแปดอึ้งงันไป ก่อนจะพูดต่อ “ผู้ใดเลยจะคิดว่าจะมีผู้ที่โดดเด่นถึงเพียงนี้ในหมู่ผู้คนทางใต้ เขาคือศัตรูร้ายกาจของพวกเรา! พวกเราต้องจับตามองเขาเอาไว้ในการประชุมที่จะมาถึง”
“ไม่เพียงแค่นั้น ข้ายังได้ยินจากประเทศอู่ว่าพวกเราต้องการกำจัดคนผู้นั้นเช่นกัน พวกเราอาจจะสามารถร่วมมือกับพวกเขาได้! ถ้าจำเป็น ราชครูของพวกเขา อู่อู๋เต๋าและแม่ทัพเฟยหลงอาจจะช่วยเราได้ในทางลับ!”
ถ้าฟางหยวนได้ยินบทสนทนานี้ก็คงจะถึงกับพูดไม่ออก
ประเทศอู่และประเทศหยวนนั้นเป็นศัตรูคู่แค้นที่เคยสู้รบกันรุนแรงในดินแดนทุ่งหญ้า
แต่ว่า พวกเขากลับจะสามารถร่วมมือกันเพียงเพื่อจัดการเขา
“ฮ่าฮ่า… เช่นนั้นเหตุใดจะไม่ร่วมมือกับพวกเขาเล่า!”
องค์ชายแปดหัวเราะ “นี่คือวิถีของคนทางใต้! ถึงตัวจะตาย ก็ยังคงจะลงมือต่อผู้อื่น ฆ่ากันให้ตายไปข้างหนึ่ง! มิใช่ว่าเซี่ยเตาหลิงก็เป็นเช่นนี้เช่นกันหรอกรึ?”
“ถูกต้อง!”
หมอผีที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งพยักหน้า “ผู้คนจากทางใต้ชอบต่อสู้กันเอง ถ้าพวกเขาสามารถรวมกันเป็นหนึ่งเดียวได้ เมื่อนั้นพวกเราคงต้องรู้สึกหวาดเกรงและซ่อนลึกไปในดินแดนทุ่งหญ้า แต่ตอนนี้ นี่เป็นโอกาสดีที่สุดของเรา! ครั้งนี้ องค์ราชาตั้งใจจะให้องค์ชายแปดเป็นตัวแทนของประเทศหยวน และนี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับพวกเราที่จะจับตามองประเทศเหล่านี้!”
“ถูกต้อง! ถูกต้องแล้ว!”
องค์ชายแปดพยักหน้า
“รายงาน!”
ตอนนี้เอง มีจุดสีดำปรากฏขึ้นที่ขอบฟ้า มันพุ่งเข้ามาหาพวกเขาอย่างรวดเร็วบนหลังม้า
“องค์ชาย!”
ทหารม้าและทหารราบจำนวนมากพุ่งเข้ามาถึง ก่อนที่จะหยุดตรงหน้าเขา ภาพวุ่นวายเบื้องหน้าเปลี่ยนเป็นเงียบลง
ทหารผู้หนึ่งกระโดดลงจากหลังม้าและคารวะลง “องค์ชายใหญ่โจมตีเผ่าตะวันดับ และกลับมาพร้อมกับชัยชนะ!”
“พี่ชายใหญ่กลับมาแล้ว!”
องค์ชายแปดถอนหายใจขณะรู้สึกกดดันขึ้นเล็กน้อย
พวกเขาได้ถกเถียงกันไปแล้วว่าผู้ใดควรจะได้เป็นรัชทายาทโดยชอบธรรม แต่ว่า การกลับมาขององค์ชายใหญ่หมายความว่าเขาเองก็รู้ความสำคัญของการประชุมหยวนอู่!
“เขากำลังคิดจะมาแทนที่ข้าเป็นตัวแทนของประเทศเราสินะ?”
องค์ชายแปดหรี่ตามอง
“แล้วก็… องค์ชายใหญ่ยังนำเทพธิดาผู้หนึ่งมาให้องค์ราชา ไข่มุกแห่งทุ่งหญ้า— องค์หญิงจื่อเมิ่ง! ข้าได้ยินว่าตอนที่นางมาถึง ทั้งราชวังก็ตกตะลึงเหม่อลอยกันไปหมด องค์ราชายินดีมากและตกรางวัลอย่างงาม…”
“พี่ชายใหญ่ของข้าผู้นี้…”
องค์ชายแปดพูดไม่ออก เขายังมีความกังวลหนึ่งในใจ
ในการต่อสู้ระหว่างองค์ชายด้วยกัน เขาถอยไม่ได้แม้ก้าวเดียว อย่างไรเสีย ยังมีคนมากมายที่ฝากความหวังเอาไว้กับเขา
…
ประเทศอู่
“ทหาร เคลื่อนทัพ!”
เมื่อมีคำสั่งลงมา ทหารแสนนายก็จัดกระบวนทัพรูปหัวลูกศรอย่างยิ่งใหญ่
แม้ว่าประเทศอู่จะได้รับความพ่ายแพ้มาก่อน ความมั่นใจและความแข็งแกร่งของพวกมันก็ยังคงอยู่ ทหารนับแสนเหล่านี้คือเหล่าผู้เก่งกาจท่ามกลางผู้เก่งกาจ คือกลุ่มทหารชั้นยอด แต่ละคนนั้นอย่างน้อยก็เป็นถึงหัวหน้ากอง
ไม่ต้องพูดถึงว่า ท่ามกลางทหารชั้นยอดนับแสนนี้ ยังมีทหารม้าอีกหลายพันนาย!
“ดี! ดูน่าเกรงขามและแข็งแกร่งนัก!”
แม่ทัพเฟยหลงเดินตรวจตรารอบ ๆ และมองเหล่าทหารม้า เขาพยักหน้าอย่างพอใจ “ด้วยทหารที่เก่งกาจเหล่านี้ พวกเราสามารถดูแลความปลอดภัยขององค์ราชาได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น!”
เขารู้ว่าพวกเขามีโอกาสก็ต่อเมื่อทหารม้าของพวกตนนั้นเก่งกาจเทียบเท่าของประเทศหยวน
“ยินดีกับการกลับมาของท่านแม่ทัพ!”
อู่อู๋เต๋ายืนยิ้มอยู่ที่อีกด้าน “ราชสำนักของพวกเราเชื่อมั่นในตัวท่านจึงเลือกท่านขึ้นมาในการประชุมครั้งนี้!”
“แม่ทัพที่แพ้สงคราม ข้ายังจะพูดอะไรได้อีก?”
แม่ทัพเฟยหลงมองไปรอบ ๆ ช้า ๆ และมองไปทางประเทศเซี่ย “ครั้งนี้ พวกเราอาจจะได้เห็นราชวงศ์ของประเทศเซี่ยและเจ้าเมืองอี้ซานฝูในการประชุม”
“ฟางหยวน!”
เมื่อพูดถึงชื่อนั้น ใบหน้าของอู่อู๋เต๋าก็เผือดลงไป และเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “หากพวกเราต้องการรับมือกับเขา พวกเราต้องมีแผนการที่ชัดเจน ติดต่อกับประเทศหยวนนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของแผน พวกเรายังต้องการข้อมูลอื่นเกี่ยวกับเขา อย่างที่พูดกัน รู้เขารู้เรา…”
“นั่นแน่นอน!”
แม่ทัพเฟยหลงพยักหน้า “ข้าได้ส่งคนไปสืบเรื่องพืชวิญญาณของคนผู้นี้ มันร้ายกาจจริง ๆ! แต่ว่า นี่ก็เป็นจุดอ่อนใหญ่หลวง มันมีการป้องกันที่แข็งแกร่ง แต่ว่าไม่สามารถใช้ในการโจมตีได้! มันไร้ประโยชน์ในการประชุมที่จะมาถึงนี้!”
ความสามารถของนักรบศักดิ์สิทธิ์นั้นลึกลับและอาจจะปรากฏขึ้นในรูปใดก็ได้ พวกเขานั้นนับเอาความสามารถในด้านการดูแลพืชของฟางหยวนเป็นเคล็ดวิญญาณเฉพาะของนักรบศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว
“นั่นเป็นข่าวดี!”
อู่อู๋เต๋าหรี่ตา “ในการประชุมนี้ ถ้าพวกเราลงมือ ต้องเร็วและร้ายกาจดุจสายฟ้า! อย่าได้เปิดโอกาสใดให้เขา!”