‘องค์ราชา ท่านจะมาตายที่นี่ได้อย่างไร?’
แม้ว่าจะมีองครักษ์คุ้มกันอยู่รอบ ๆ แต่ก็ไม่มีผู้ใดทำให้อู่เฉียนคุนรู้สึกปลอดภัยได้
เขามองฟางหยวนที่กำลังตรงเข้ามา แม้ว่าองครักษ์จะล้อมอยู่รอบด้าน เขาก็ยังรู้สึกเย็นวูบ เขาจำได้อย่างชัดเจนถึงช่วงเวลาที่เขาวางแผนเพื่อองค์ชายใหญ่ ความตื่นเต้นที่เขาได้รับจากการรับตำแหน่งหัวหน้ากองกำลังร่วม และแผนการที่เขาวางไว้ในใจในการยึดครองดินแดนแถบนี้
‘ข้ายังต้องการยึดครองดินแดน แล้วเหตุใด… เหตุใด…’
ริมฝีปากของเขาแห้งราวกับจะแตกปริ “ปรมาจารย์ฟาง ข้าไม่ได้คิดจะครอบครองตำแหน่งราชครูของท่าน…”
“เปรี้ยง!”
โดยไม่ทันจบประโยค ฟางหยวนก็มาอยู่ตรงหน้าเขา และตวัดฝ่ามือออกไปอย่างรุนแรง
“เพี๊ยะ!”
เสียงดังฟังชัด
อู่เฉียนคุนล้มกลิ้งไปบนพื้นและกระอักเลือดออกมาพร้อมกับฟันที่แตกหักหลายซี่ เขารีบพยายามห้ามองครักษ์ของตัวเองจากการลงมือตอบโต้
เขาเป็นคนฉลาด
ในเมื่อฟางหยวนสามารถสังหารเขาได้ด้วยนิ้วเดียว เขาก็ยังเลือกที่จะตบออกมาโดยไม่ฆ่าเขา ชัดเจนว่านี่เป็นเพียงการเตือนเท่านั้น
“ข้าเสียมารยาทแล้ว ปรมาจารย์โปรดให้อภัยด้วย!”
อู่เฉียนคุนเป็นคนเช่นไร?
ในฐานะตัวแทนอันทรงเกียรติของประเทศ เขามีอำนาจพอที่จะตัดสินชะตาชีวิตของผู้อื่น แม้ว่าจะถูกฟางหยวนทำเหมือนล้อเล่น เขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากรับเอาไว้
“อืม เจ้าก็ยังพอมีความจริงใจอยู่บ้าง!”
ฟางหยวนนั้นช่างสังเกตมาก หลังจากอู่เฉียนคุนผ่านเรื่องทั้งหมดนี้มา หากเขายังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฟางหยวนจะสังหารเขาทิ้งทันที
ใบหน้าของทุกคนซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว มันน่ากลัวมากจริง ๆ!
ผู้ที่อยู่ในระดับขอบเขตรวมธาตุย่อมได้รับการปฏิบัติด้วยอย่างดี แต่ว่าการขึ้นถึงขอบเขตแยกธาตุก็หมายความว่าคนผู้นั้นย่อมได้ทุกสิ่งที่ใจปรารถนา!
ที่สำคัญไปกว่านั้น ฟางหยวนนั้นเข้าถึงขอบเขตใหม่ของการฝึกวิทยายุทธ์!
ถ้าข่าวนี้แพร่ออกไป ผู้ฝึกยุทธ์และอู่จงจากทั่วทุกมุมเมืองของแผ่นดินนี้ย่อมต้องพยายามสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ที่มีอิทธิพลและอำนาจสูงที่สุดในดินแดน จำนวนของอู่จงย่อมต้องเพิ่มมากขึ้น!
ไม่ต้องพูดถึงว่า ไม่มีใครมีความสามารถเพียงพอที่จะลงมือจู่โจมและสังหารผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตเปิดชีพจร
นี่เป็นเหตุผลให้ฟางหยวนกล้าลงมือสังหารต่อหน้าผู้คนมากมาย และยังกล้าตบหน้าอู่เฉียนคุน! อู่เฉียนคุนทำอะไรไม่ได้นอกนจากอดกลั้นเอาไว้
“ข้าไร้ความสามารถที่จะรับตำแหน่งหัวหน้ากองกำลัง ในเมื่อปรมาจารย์ฟางเป็นเจ้าเมืองอี้ซานฝู ท่านก็นับเป็นผู้แทนของประเทศโยวอย่างถูกต้อง ได้โปรดขึ้นรับตำแหน่งผู้นำกองกำลังเถิด!”
อู่เฉียนคุนกัดฟันและกดความไม่พอใจเอาไว้ในร่าง ขณะยิ้มและเสนอตำแหน่งให้แก่ฟางหยวน
“ข้าเป็นผู้รักอิสระ และไม่ต้องการเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องภายนอก! จะไม่รับตำแหน่งนี้ แต่ว่า ข้าขอยกตำแหน่งนี้ราชาแห่งประเทศเซี่ย เขามีคุณลักษณะที่ดีและเป็นผู้ที่มีความเหมาะสมที่สุด!”
ฟางหยวนส่ายหน้าขณะเดินไปทางค่ายของประเทศเซี่ย จากนั้นเขาก็พยุงราชาแห่งประเทศเซี่ยที่มีผมขาวโพลนขึ้นมาอย่างระวังไปนั่งที่ตำแหน่งหัวหน้ากองกำลัง
“แค่ก แค่ก…”
เซี่ยหลิงอวิ๋นเก็บงำความตื่นเต้นของนางเอาไว้และตามหลังราชาแห่งประเทศเซี่ยไปขณะพึมพำบางอย่างกับตัวเอง
“หัวหน้ากองกำลังร่วมอยู่ตรงนี้แล้ว!”
ฟางหยวนมองไปรอบ ๆ และพูดด้วยน้ำเสียงข่มขู่
บนยกพื้น เขาสามารถสังหารใครก็ได้ตามต้องการ
“คารวะท่านหัวหน้ากองกำลัง!”
เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องให้ความเคารพกับผู้ที่มีสถานะสูงกว่า ตัวแทนประเทศจูเป็นคนแรกที่โค้งตัวลงไป ตามด้วยประเทศคุน ประเทศหง…
อู่เฉียนคุนอึ้งไป เขาทำความเคารพตามคนอื่น ๆ ไปด้วยโดยไม่รู้ตัว
“ลุกขึ้นเถอะ!”
ราชาแห่งประเทศเซี่ยยกมือทั้งสองขึ้น “ในเมื่อพวกเราทั้งหมดล้วนเป็นพันธมิตรกันแล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือการแบ่งอาณาเขต อี้ซานฝูตอนนี้ตั้งตนเป็นประเทศแล้ว นี่เป็นเรื่องดีที่พวกเราไม่มีมาหลายปีแล้ว! นำแผนที่ออกมา!”
ข้ารับใช้รีบนำแผนที่ขนาดใหญ่ออกมาและคลี่กางออก
“เชิญ!”
ราชาแห่งประเทศเซี่ยหยิบพู่กันขึ้นมาส่งให้ฟางหยวน
“อืม!”
ฟางหยวนไม่ลังเล เขาทำสัญลักษณ์ตรงพื้นที่ขนาดใหญ่รอบอี้ซานฝู รวมทั้งพื้นที่ดั้งเดิมของเขาและยังเกือบครึ่งหนึ่งของประเทศอู่ที่อยู่ติดกัน
เมื่ออู่เฉียนคุนเห็น เขาก็ตาแดงก่ำขึ้นมา นี่หมายความว่ารากฐานของประเทศของเขากำลังจะถูกยึดเอาไป!
แต่ว่า ตอนนี้เขานั้นราวกับเป็นเนื้อ ส่วนฟางหยวนนั้นเป็นมีด เขาทำได้เพียงรับเอาไว้ คิดเสียว่าฟางหยวนนั้นเป็นคนในราชวงศ์ประเทศอู่!
“อู่เฉียนคุน เจ้ามีข้อโต้แย้งอะไรกับการจัดการนี้หรือไม่?”
สามารถฉวยดินแดนชิ้นใหญ่จากประเทศอู่ได้ ทั้งประเทศเซี่ยก็ยินดีมาก
“ไม่มี!”
อู่เฉียนคุนเค้นคำตอบออกมา
“เช่นนั้นก็ดีมาก!”
เซี่ยหลิงอวิ๋นพูดต่อ “อย่าลืมเตรียมสาส์นแสดงความยินดีกับการก่อตั้งประเทศใหม่! แล้วยังพิธีการปักอาณาเขต ให้พวกเราทั้งหมดได้ยินดีกับอี้ซาน… ประเทศโยว!”
นี่เป็นกระบวนการก่อตั้งประเทศที่เหมาะสม
ที่สำคัญที่สุดก็คือพิธีปักอาณาเขต นี่จะเริ่มขึ้นเมื่อราชาแห่งประเทศเซี่ยและอู่เฉียนคุนทั้งคู่ยกดินแดนผืนนั้นให้ฟางหยวนเป็นตัวแทนของการแบ่งแยกดินแดนก่อนที่จะตั้งตนขึ้นเป็นดินแดนใหม่
หลังจากนั้น ทุกประเทศก็จะใช้ตราแผ่นดินรับทราบการปักอาณาเขตของปรเทศใหม่
คนสุดท้ายที่ลงมือก็คืออู่เฉียนคุน ดวงตาของเขาแสบร้อน นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศอู่ที่ยอมยกแผ่นดินให้ก่อนเกิดสงคราม! แต่ว่า เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว!
อย่างไรเสีย ถ้าเขาไม่เห็นด้วย ราชวงศ์ของประเทศอู่อาจจะถูกกำจัด!
หลังจากพิธีการทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ อี้ซานฝูไม่เพียงขยายดินแดนออกไปทางประเทศอู่ แต่ยังเปลี่ยนไปเป็น ‘ประเทศโยว’! กลายเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของผู้ฝึกยุทธ์ในดินแดนทางใต้นี้!
แม้ว่าราชาแห่งประเทศเซี่ยจะเป็นแค่หุ่นเชิด กระบวนการก็ทำให้เขาหมดแรง เขารวบรวมเรี่ยวแรงก่อนประกาศ “เสร็จเรียบร้อยแล้ว! ทุกคนต้องปฏิบัติกฏของดินแดนใหม่ และจักไม่มีผู้ใดเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายในของประเทศของเขา! ไม่ใช่ข้อห้าม แต่ถ้าผู้ใดเข้าไปวุ่นวาย ผู้นั้นจะต้องเผชิญกับการโจมตีจากทุกประเทศในกองกำลังร่วมนี้!”
แต่ว่า เขายังลงมาไม่ได้ หลังจากฟางหยวนแสดงเจตจำนง เขาก็พูดต่อ
ทันทีที่เขาพูดออกไป ราชาหลายประเทศก็ผ่อนลมหายใจโล่งอกและดูดีใจ กระทั่งอู่เฉียนคุนยังผ่อนคลายขึ้นกว่าเดิม
พิธีปักอาณาเขตนั้นทำให้อู่เฉียนคุนอับอายอย่างที่สุด และยังไม่ให้ผลประโยชน์ใดแก่เขา
แต่ว่า หลังจากเกิดเรื่องขึ้น อู่จงระดับเปิดชีพจร ผู้นำประเทศโยว ล้วนอยู่ข้างตัวพวกเขา เขาย่อมต้องลงนามในข้อตกลงว่าจะไม่ล่วงล้ำอาณาเขต ซึ่งเป็นหลักประกันความสงบสุขในอนาคตอันใกล้นี้ และยังไม่ต้องเป็นกังวลว่าเจ้าเมืองที่มีอำนาจผู้นี้จะทำลายประเทศอื่น ๆ
“ในเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็ปิดการประชุมเลยใช่หรือไม่?”
อู่เฉียนคุนยิ้มและถามตรง ๆ
“ปิด? ทำไมล่ะ?”
ฟางหยวนหัวเราะออกมาและแย้งกลับ “อันที่จริง ท่านก็รู้ ในเมื่อประเทศหยวนก็เป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังนี้ จะขาดพวกเขาไปได้อย่างไร?”
“ตอนนี้ ประเทศหยวนนั้นกำลังมีปัญหาภายในใหญ่หลวง พวกเราควรจะเดินหน้าต่อเพื่อกอบกู้ความสงบสุขกลับมา!”
นี่คือแผนเดิมของอู่อู๋เต๋า และฟางหยวนก็ลอกมาทั้งหมด
ในเมื่อผู้นำภาคีเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ว่าอู่เฉียนคุนจะตั้งใจไว้อย่างไร เขาก็ทำได้เพียงทำตามคำสั่ง
“ถูกต้อง! ท่านราชครู… ไม่สิ เจตนาของราชาฟางก็คือเจตนาของข้า!”
ราชาแห่งประเทศเซี่ยรีบเห็นด้วย
“ในเมื่อมีคำสั่งลงไปแล้ว ทุกคนก็รู้ชัดเจนแล้วว่าต้องทำอะไรบ้าง จะมาปัดความรับผิดอยู่ทำไม? นำสุราโลหิตเข้ามา! หลังจากดื่มสุราโลหิตและสาบานตนต่อภาคีแล้ว ทุกคนก็กลับไปที่ค่ายนำกองทัพเดินทางสู่ประเทศหยวน!”
ฟางหยวนรู้สึกเหมือนจะชื่นชอบการได้เป็นหัวหน้ากองกำลังร่วมอยู่บ้างขณะออกคำสั่ง
ราชาแห่งประเทศเซี่ยรีบพยักหน้าหลายครั้งติดกันราวกับไก่จิกอาหารบนพื้น
เห็นภาพนี้แล้ว ตัวแทนของทุกประเทศก็ได้แต่แอบกลอกตา แต่ภายนอกนั้น ล้วนตอบตกลงโดยไม่ลังเล
…
กลับมาที่ค่ายทหารของตน หลานเซียวเฉิงเป็นคนแรกที่ต้องรับพวกเขา
“คารวะองค์ราชา!”
เขาทำท่าทางนอบน้อม แต่ภายในนั้นรู้สึกเสียใจ
ถ้าเขารู้ว่าฟางหยวนมีพลังถึงเพียงนี้ เขาคงไม่ทิ้งพวกเขาเอาไว้
“ลืมมันไปเถอะ!”
ฟางหยวนไม่ได้สนใจเขา “รออยู่ที่ประตูค่าย ถ้ามีอู่จงผู้ใดมาขอเข้าพบ ก็จดชื่อเอาไว้แล้วเชิญพวกเขาเข้ามาข้างใน”
ตอนที่เขาพูด เขาก็ไปถึงกระโจมหลักพร้อมกับเซี่ยหลิงอวิ๋น
“ฟู่…”
เซี่ยหลิงอวิ๋นผ่อนลมหายใจยาวก่อนจะจัดท่าทางตัวเอง ขณะที่ลอบมองฟางหยวน นางก็รู้สึกเหมือนเผชิญหน้าอยู่กับสัตว์ประหลาด “อาจารย์… ท่านทะลวงสู่ขอบเขตเปิดชีพจรได้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
“ข้ามีความรู้สึกถึงการทะลวงฝ่ามาตลอด และก็ทะลวงฝ่าได้เมื่อจังหวะนั้นมาถึง+”
หากเทียบกับความวุ่นวายที่หลิวเอี๋ยนสร้างขึ้นตอนฝ่าระดับ การทะลวงด่านของฟางหยวนนั้นเป็นตัวอย่างของการฝ่าระดับแบบเงียบ ๆ และทำให้ทุกคนตกตะลึงในช่วงเวลาคับขัน!
เมื่อคิดถึงว่าอาจารย์ของนางนั้นทะลวงสู่ขอบเขตเปิดชีพจร และความจริงที่ว่าความกดดันต่อประเทศเซี่ยนั้นลดลง เซี่ยหลิงอวิ๋นก็รู้สึกยินดีและมีอารมณ์ต่าง ๆ ป่วนอยู่ในใจ ดวงตาของนางเป็นประกายเมื่อมองไปที่ฟางหยวน ใบหน้าขึ้นสีแดงก่ำ
“เหอเหอ… ข้าได้เกียรติให้เป็นผู้รับมรดกจากอู่จงผู้หนึ่ง และในนั้นก็อธิบายถึงเส้นทางหลังจากขอบเขตรวมธาตุเอาไว้…”
ฟางหยวนกระแอมสองสามครั้งแต่ไม่มีทางเลือกนอกจากอธิบายให้นางฟัง
“เช่นนั้นหรือ!”
เซี่ยหลิงอวิ๋นไม่ตกใจ เห็นได้ชัดว่านางคาดเดาเรื่องนี้ไว้ตลอดมา
อย่างไรเสีย ไม่ว่าฟางหยวนจะมีพรสวรรค์เพียงใด เขาก็ย่อมไม่สามารถค้นพบเส้นทางต่อจากอู่จงได้ด้วยตัวเอง
ไม่เช่นนั้นนี่จะมิทำให้การสอนวิทยายุทธ์ในดินแดนแห่งนี้กลายเป็นเรื่องตลกไปหมดหรือ?
เพราะฉะนั้น เขาน่าจะไปพบเข้ากับสมบัติล้ำค่าที่หลงเหลือเอาไว้โดยใครสักคนจากแผ่นดินใหญ่ ฟางหยวนจึงสามารถประสบความสำเร็จขั้นนี้ได้
“เอาละ ไปช่วยมู่หลี่และคนที่เหลือเตรียมทหารและทหารม้า! การจัดการกับประเทศหยวนนั้นไม่ยากแล้ว และต่อไปค่อยรุกคืบสู่แผ่นดินใหญ่!”
ฟางหยวนโบกมือและให้เซี่ยหลิงอวิ๋นออกไป
มีทหารกว่าสามหมื่นรวมกันอยู่ที่นี่ เป็นทหารที่ดีที่สุดในหมู่ทหารที่ดีที่สุดจากทุกประเทศ และกว่าหมื่นนั้นเป็นทหารระดับยอดฝีมือ หากไม่มีแผนการและการเคลื่อนทัพที่เหมาะสม อาจจะทำให้เกิดการสื่อสารผิดพลาดได้
อันที่จริงแล้ว ถ้ากองทัพของประเทศเซี่ยนั้นไม่ได้ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากประเทศอู่ และยังไม่มีพลังของฟางหยวน ประเทศอื่น ๆ จะเชื่อฟังคำสั่งเช่นนี้ได้อย่างไร?
“องค์ราชา!”
หลังจากเซี่ยหลิงอวิ๋นออกไป หลานเซียวเฉิงที่รออยู่ด้านนอกสักพักแล้วก็เข้ามารายงานกับฟางหยวน เขามีสีหน้าตกใจ
“บอกข้ามา! มีมามากเท่าใด?”
ฟางหยวนถามอย่างง่าย ๆ
“องค์ราชา ท่านเพียงให้ข้านับจำนวนอู่จง ตอนนี้นั้น ที่ด้านนอกมีรออยู่สามคน คือจางเซี่ย ลิ่วซานชวง และหลี่ฮั่งหู!”
อู่จงอื่น ๆ นั้นยังสงวนท่าทีและไม่ตรงเข้าไปหาฟางหยวนโดยทื่อ ดังนั้น ผู้ที่มาจึงเป็นผู้ที่ทำงานคนเดียว หรือมีความสัมพันธ์กับประเทศของตนไม่มาก และทั้งหมดก็ดำเนินชีวิตบนเส้นทางยุทธ์ อู่จงเหล่านี้เป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุดที่จะสร้างความสัมพันธ์ด้วย
“เชิญพวกเขาเข้ามา!”
ฟางหยวนโบกมือ และผู้ฝึกยุทธ์หลายคนที่มีรูปแบบของพลังอันเป็นเอกลักษณ์ก็เข้ามาในกระโจมหลัก
ฟางหยวนได้ยินชื่อของอู่จงพวกนี้มาก่อน
ลิ่วซานชวงนั้นมีชื่อเสียงในวิชาต่อสู้มือเปล่า และเคล็ดวิชาหลากหลายของหลี่ฮั่งหูนั้นก็ไม่สามารถดูเบาได้ ส่วนจางเซี่ย ต่อให้ไม่สนใจเรื่องอื่น ลำพังแค่ว่า นางเป็นผู้หญิง การสามารถขึ้นเป็นอู่จงได้นางย่อมมีพื้นฐานอันแข็งแกร่ง
แต่ว่า เมื่ออู่จงทั้งสามพบฟางหยวน พวกมันล้วนคุกเข่าลงโดยไม่ลังเล “คารวะองค์ราชา ได้โปรดชี้แนะแนวทางการทะลวงด่านแก่พวกเราด้วย!”