“โครม!”
พร้อมเสียงขู่ฟ่อ คลื่นยักษ์ก็ก่อตัวขึ้นในทะเลสาบที่เดิมเงียบสงบ
เงาร่างขนาดใหญ่จู่ ๆ ก็ดีดตัวขึ้นจากใต้ผิวน้ำและพ่นน้ำเป็นสายสานกันเป็นเสาต้นใหญ่พุ่งตรงเข้าใส่ฟางหยวน
“หือ? ตัวอะไรกัน เจ้ายังกล้าโจมตีข้า?”
ฟางหยวนตวาด ชีพจรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามลอยขึ้นมาบนร่างของเขาทันที “เจ้า… ออกมา!”
“ครืน!”
เดิมเขาครอบครองพลังธาตุระดับที่สอง แต่เมื่อรวมกับพลังกายระดับที่สามซึ่งสูงถึง 30 จุด! เมื่อปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมาในครั้งเดียว พลังนั้นก็เพียงพอที่จะถล่มภูผาพลิกทะเล
“ปัง!”
พลังธาตุรูปมือขนาดยักษ์ปรากฏขึ้น กรงเล็บตวัดออก เสาน้ำกระจายหายไป
ในเวลาเดียวกัน อีกมือก็ตะปบหางของเงานั่นและลากมันออกมา!
“ฉัวะ!”
ท่ามกลางหยดน้ำ งูยักษ์ก็ถูกโยนขึ้นจากทะเลสาบไปบนฝั่ง ทําให้ผืนดินสั่นสะเทือนเล็กน้อย
“นี่มัน..”
สืออวี้ถงใช้วิชาตัวเบาและถอยออกไปอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความตกใจเมื่อมองไปที่งูปิศาจ
งูนี่ตัวหนาเท่าถังน้ำและมีเกล็ดสีเขียวตลอดลําตัว มันยาวกว่า 30 สื่อ และที่สําคัญ มันมีเท้าเล็ก ๆ หลายคู่และบนหน้าผากยังโหนกนูนออกมา งูนี้ไม่ใช่งธรรมดา
“มังกรและงูนั้นอาศัยอยู่ลึกไปในภูเขา… งูโบราณที่ครอบครองพลังเวทย์และสามารถเปลี่ยนไปเป็นมังกรน้ำได้ในห้าร้อยปี!”
สีหน้าของสืออวี้ถงเปลี่ยนไป “นี่คือ… นี่คือมังกรน้ำ!”
ด้วยรัศมีพลังของมังกรน้ำ มันอาจจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับมังกรได้
“เขาของมันยังเติบโตไม่เต็มที่แต่ก็ไม่นับว่าเป็นมังกรน้อย อย่างมากมันก็เป็นแค่งูปิศาจ!”
ฟางหยวนลอยมาบนคลื่นและมีท่าทางไม่สนใจ
“ฟ่อ!”
งูยักษ์ยกร่างของตนขึ้น ส่วนหัวยกสูง ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความสงสัยขณะมองไปที่ศัตรู มันขู่ฟ่อออกมาอีกครั้ง
ที่ทําให้สื่ออรื้องต้องตกใจก็คือแม้ว่าเจ้างูจะดูร้ายกาจมาก มันกลับดูขี้ขลาดไปเลยเมื่ออยู่ต่อ หน้าฟางหยวน
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะได้รับเจตจํานงเวทย์แล้ว ข้าก็ไม่อยากฆ่าเจ้าเหมือนกัน ทําตัวดี ๆ แล้วส่งมรดกของคนผู้นั้นมา… และข้าจะไว้ชีวิตเจ้าเป็นอย่างไร?”
ฟางหยวนเดินขึ้นหน้าไปช้า ๆ ขณะพยายามทําข้อตกลงกับเจ้างู
“ฟ่อ!”
มังกรน้ำเกรี้ยวกราดขึ้นมา มันอ้าปากออกกว้าง
“ฝูบ!”
หมอกสีเขียวมรกตปรากฏขึ้นแล้วลอยตรงไปหาฟางหยวน ที่ใดที่หมอกนั่นลอยผ่าน พื้นดินก็ส่งเสียงฉี่ฉ่า ควันขาวลอยฟัง เพียงพริบตา พื้นดินที่หมอกลอยผ่านก็ละลาย เห็นได้ชัดเจนว่าพิษใดก็ไม่เทียบเท่าได้
มรดกนั้นสําคัญกับเจ้างู และมันต้องการปกป้องเอาไว้
“สัตว์พิษร้ายแรงอะไรเช่นนี้!”
สีหน้าของฟางหยวนยังไม่เปลี่ยนไป เขาถอนหายใจและส่ายหน้า “ดูเหมือนว่าทะเลสาบมังกรพิษนี่จะเป็นเจ้าสร้างขึ้นสินะ?”
ชีพจรศักดิ์สิทธิ์บนร่างของเขากะพริบวูบและสร้างเกราะหลากสีซึ่งปกคลุมรอบตัวของเขาขึ้นมา หมอกพิษนั้นไม่สามารถผ่านมาได้และฟางหยวนก็พุ่งตัวผ่านหมอกพิษไปปรากฏที่ตรงหน้างูยักษ์
“ฟ่อ!”
เจ้างูขู่ฟอขณะใช้หางที่ราวกับท่อนไม้ตวัดใส่ฟางหยวน
“กรงเล็บอินทรียักษ์!”
มือซ้ายของฟางหยวนยกขึ้นมาในรูปของกรงเล็บและตวัดออกไปอย่างดุดัน
เทียบกับเจ้างูยักษ์ยาวกว่า 30 ฉือ ฟางหยวนนั้นตัวเล็กเท่ามด แต่ว่า เมื่อกรงเล็บของเขาตวัดออกไป พลังธาตุของเขาก็ฉีกฝ่าอากาศ เกิดการสั่นรุนแรง หางของเจ้างูถูกกรีดเปิด เกล็ดจํานวนมากที่ชุ่มไปด้วยเลือดพิษของมัน หลุดออกแล้วหล่นกระทบพื้น
“เจ้าสํานัก…”
สืออวี้ถงเห็นการประมือระหว่างงูและฟางหยวนจากด้านข้างก็ตระหนักได้ว่า แม้ว่านางจะเป็นอู่จงผู้หนึ่ง นางก็ยื่นมือเข้าช่วยไม่ได้
ความสามารถของทั้งคู่นั้นเหนือกว่าที่นางคิดเอาไว้มาก!
“ดินแดนตรงนี้นั้นมีอันตรายมาก หากเจ้าสํานักไม่อยู่ที่นี่ เจ้างูย่อมไม่เคลื่อนไหวแม้จะมีอู่จงมาที่นี่อีกหลายคนก็ตาม…”
นางสํารวจดูรอบ ๆ ด้วยสายตาขณะความสงสัยปรากฏขึ้นเต็มใบหน้างดงามของนาง “เพียงแต่… มรดกนั่นอยู่ที่ใดกัน?”
รอบ ๆ ล้วนไม่มีอะไรนอกจากหล่มโคลนพิษร้ายแรงและทะเลสาบเล็ก ๆ
“นอกเสียจากมันจะอยู่ที่ก้นทะเลสาบ…”
ความคิดน่าสยองผ่านเข้ามาในใจสืออวี้ถง
หากเป็นเช่นนั้นจริง ย่อมต้องดําลงไปในทะเลสาบน้ำพิษเพื่อค้นหามรดกนั่นและในเวลาเดียวกัน ยังต้องหลบการโจมตีของงูนั่น ต่อให้เป็นอู่จงก็คงได้รับบาดเจ็บสาหัสหรืออาจจะถูกสังหาร หากไม่ระวังให้ดี
โดยไม่ทันรู้ตัว รอบด้านที่เต็มไปด้วยหมอกสีขาว มันหนาและลอยไปมาหน้า ๆ หลัง ๆ ราวกับหมอกธรรมดาบนภูเขา
แต่ว่า สืออวี้ถงนั้นรู้จักอันตรายที่แท้จริงของหมอกนี่และเคยประสบกับตัวเองมาก่อน นางรีบถอยหลังหลบ
“หมอกสะกดนี้เป็นเคล็ดวิชาของเจ้าสํานัก… มันสามารถสร้างความสับสนได้กับกระทั่งอู่จงและ…”
สืออวี้ถงรีบจับตามองเจ้างูปิศาจ
หมอกล้อมอยู่รอบฟางหยวนและเจ้างที่สู้กันอยู่ และซึมแทรกเข้าไประหว่างเกล็ดของเจ้างู แต่ว่าสืออวี้ถงก็ประหลาดใจที่การเคลื่อนไหวของเจ้างดูจะไม่ได้รับผลกระทบจากหมอกสะกดเลย
“หืม?”
ฟางหยวนเองก็สังเกตเห็นเช่นกันว่าหมอกไม่มีผลกับเจ้าง
ประกายแสงสว่างจ้าส่องออกมาจากโหนกบนหัวของงู
เจ้างูปิศาจนี่กลับมีความสามารถในการต้านทานหมอกสะกดเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าในทันที
“ตามธรรมดาแล้ว หากเจ้างูแข็งแกร่งกว่าอู่จงธรรมดา มันย่อมต้องเป็นสัตว์วิญญาณตัวหนึ่งและดังนั้น จึงมีจิตใจอันเรียบง่าย ซึ่งได้รับผลกระทบจากหมอกได้โดยง่าย…”
ฟางหยวนมองไป เริ่มคิด
“นอกเสียจากมันจะครอบครองของวิเศษที่ปกป้องมันได้!”
“ฟ่อ!”
เมื่อประกายแสงบนหัวของมันเริ่มกะพริบ ทั้งร่างของเจ้างูกปกคลุมไปด้วยหมอกพิษที่มันพ่นออกมา มันขยับหางอย่างเจ้าเล่ห์ พยายามหนีไปทางทะเลสาบ
สนามรบที่มันชอบย่อมเป็นก้นทะเลสาบพิษ!
“เจ้าคิดว่าข้าไม่มีวิธีอื่นจัดการกับเจ้าหรืออย่างไร?
ฟางหยวนหัวเราะ มือทั้งสองข้างตะปบเจ้างูเอาไว้ “กลับมา!”
“วูบ!”
หมอกที่รอบ ๆ กลั่นตัวหนาแน่นเป็นรูปโซ่และกักเจ้างูเอาไว้
เจ้างูนั้นมีความแข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อและพยายามดิ้นรน โซ่หลุดออกทีละห่วงข้อ แต่โซ่ที่หลุดออกก็เริ่มเรียงตัวใหม่และจํากัดการเคลื่อนไหวของมัน
“ฮ่า!”
ฟางหยวนร่ายคาถาและหมอกสีขาวจํานวนมากก็มารวมตัวกันตรงหน้าเขา เกิดเป็นกําแพงหมอกสีขาว
“ไป”
แรงกดดันมหาศาลปกคลุมทั่วบริเวณ
เขามองงูยักษ์ก่อนจะส่งกําแพงหมอกสีขาวตรงไปหามัน เพียงพริบตาเดียว ก็ไปถึงตัวเจ้างู
“ฟ่อ!”
เกล็ดของเจ้างูเริ่มลอยขึ้น มันถูกโซ่กักเอาไว้และเป็นเป้าหมายขนาดใหญ่ ไม่มีโอกาสที่มันจะหนีไปได้
ในวินาที่คับขัน หนอกที่บนหัวของมันก็ส่องแสงสว่างจ้าออกมาอาบไปทั่วร่างของมันราวกับม่านน้ำ ปกป้องมันเอาไว้
“โครม!”
ครูต่อมา กําแพงหมอกสีขาวก็แตกกระจายออกและยังมีหมอกชั้นบาง ๆ ปกคลุมไปทั่วพื้นดิน
การระเบิดนั้นส่งแรงกระแทกออกมาและยังสลายหมอกพิษใกล้ ๆ ไป
วิทยายุทธ์ที่สืออวี้ถงใช้ออกมานั้นขยับสู้ขีดจํากัดของนาง หูของนางอื้อไปและสูญเสียการควบคุมร่างกาย แต่ก็เพียงแค่ครู่เดียวก่อนที่นางจะกลับมารับรู้สถานการณ์ได้
ทั้งหมดที่นางเห็นก็คือรอยยาวบนพื้นสองรอย นางเพียงได้รับผลกระทบจากแรงสะท้อน และเกราะของนางเองก็สลายไป นางปลิวถอยออกมาเกือบสามสิบสื่อและเกือบจะได้รับบาดเจ็บสาหัส!
“เกิดอะไรขึ้นกับงูยักษ์นั่น?”
นางเงยขึ้นและมองเห็นร่องใหญ่บนพื้นตรงที่เจ้างูเคยอยู่ น้ำในทะเลสาบไหลเข้าท่วมร่องนั่นและที่ตรงพื้นร่องก็คือเจ้างูยักษ์ เกล็ดของมันหลุดหาย กรงเล็บหัก มันดูน่าสงสารมาก
ฟางหยวนยืนอยู่ตรงหน้าเจ้าดู ดูยิ่งใหญ่ราวเทพเจ้า
“ไม่จําเป็นต้องเสแสร้งไป บาดแผลเล็ก ๆ นั่นไม่นับเป็นอะไรได้!”
เขาไปถึงตรงหน้าเจ้างูและมองไปด้วยสายตาขาขัน
เขาเพิ่งพูดจบประโยคตอนที่เจ้างูจ้องมองเขาด้วยสายตามาดร้ายและใช้กรงเล็บข้างที่เหลือจู่โจมใส่เขา
“โครม!”
พื้นดินสะเทือนและรอยกรงเล็บก็ปรากฏขึ้นบนพื้น
“ฉัวะ!”
ฟางหยวนเปลี่ยนเป็นเงาและหลบจากจู่โจมก่อนที่จะพุ่งไปถึงโหนกบนหัวของงูยักษ์
“ความประหลาดของงูนี่ต้องเป็นเพราะโหนกนี่แน่นอน!”
เขาสงสัย ชีพจรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามปรากฏขึ้นบนร่างของเขาและเกราะรอบตัวของเขาก็เงาวับขึ้นอีกระดับ
“ฟ่อ!”
เจ้างูเริ่มบิดตัวไปมาอย่างรุนแรงพยายามสลัดฟางหยวนออกจากหัวเพื่อปกป้องโหนกบนหัวเอาไว้
“เหอเหอ…”
ฟางหยวนราวกับงอกรากปักเอาไว้ มือซ้ายแบออกเป็นรูปใบดาบ ใบหน้านิ่งเฉยขณะตวัดมือ
“โผละ!”
ประกายดาบสว่างขึ้น
พร้อมกับเสียงกรีดร้องของงูปิศาจ โหนกบนหัวของมันก็ถูกเปิดออก เลือดพิษของมันกระเซ็นใส่ฟางหยวน
“ชี่! ชี่!”
ความเป็นพิษของมันนั้นน่ากลัวมาก กระทั่งเกราะที่สร้างจากพลังธาตุของชีพจรศักดิ์สิทธิ์ก็สลายตัวไปด้วยความเร็วอันน่าตระหนกพร้อมเสียงพิษกัดกร่อน
“กรงเล็บอินทรียักษ์!”
ฟางหยวนสูดหายใจลึกก่อนจะส่งพลังธาตุมาที่แขนซ้าย เขาตวัดมือเข้าไปในโหนกบนหัว ไปยังแหล่งที่มาของแสงและกํามือรอบสิ่งของรูปกลมชิ้นหนึ่ง
“ฟ่อ!”
ที่ด้านล่างตัวเขา งูยักษ์เริ่มฟาดตัวไปมาก กระทั่งกระแทกหัวของมันกับพื้น
“ออกมา!”
สิ่งของรูปกลมนั่นดูจะเชื่อมต่ออยู่กับเส้นเลือดมากมายราวกับต้นไม้โบราณ มีกิ่งก้านเกี่ยวพันกัน
ฟางหยวนหัวเราะและใช้พลังธาตุระดับห้าของตน ทําลายชีพจรและดึงของนั่นออกมา!
“ชี่!”
เลือดสายหนึ่งพุ่งออกมาขณะเจ้างูยักษ์ร้องครวญครางน่าสงสารก่อนที่จะล้มลงไปกับพื้นราวกับกระดูกทั่วร่างถูกถอดออกไป
“นี่มัน…”
สืออวี้ถงก้าวเท้าไปและยืนยันว่าเจ้างูได้รับบาดเจ็บสาหัสจากรัศมีพลังที่อ่อนลงของมัน จากนั้นนางก็มองฟางหยวนที่ลอยลงมาอย่างสง่า
ในมือของเขานั้นมีไข่มุกสีน้ำเงินที่ยังมีคราบเลือดและเส้นเลือดบางส่วนเปรอะอยู่
“หากข้าเดาไม่ผิด มุกนี่คือของหายาก เจ้างูคงได้ครอบครองของที่มีคุณสมบัติวิเศษ แต่ว่าเป็นหลังจากได้พบไข่มุกนี่ที่เจ้างูเริ่มแสดงสัญญาณของการกลายพันธุ์…”
ฟางหยวนเช็ดคราบเลือดออกเผยให้เห็นลักษณะดั้งเดิมของสมบัติหายากชิ้นนี้
มันมีขนาดราวกับกําปั้นและเป็นสีน้ำเงิน มีเส้นสีทองพาดผ่านมองเห็นได้ในไข่มุกเม็ดนี้
“ไข่มุกมังกร?”
สืออวี้ถงสงสัยก่อนจะพูดชื่อของสมบัติในตํานานออกมาก่อนที่จะพูดแก้เอง “ไม่สิ…”
“มันไม่ใช่ไข่มุกมังกร แต่ว่าเป็นไข่มุกมังกรน้ำ แต่ว่า ข้าคิดว่าท่านจะเรียกมันอย่างนั้นก็ได้”
ฟางหยวนส่ายหน้าก่อนจะเริ่มหันเดินกลับออกไป
“หืม?”
สืออวี้ถงอึ้งไป “เจ้าสํานัก แล้วมรดกนั่นล่ะ?”
นางไม่ลืมว่าฟางหยวนออกมาที่นี่เพื่ออะไร
“ก็นี่ไง!”
ฟางหยวนมองไข่มุกในมือของเขาและยิ้ม
บรรพบุรุษผู้นั้นช่างคิดนักถึงกับซ่อนมรดกเอาไว้ในไข่มุก หากฟางหยวนไม่ได้มีพลังเวทย์เหนือธรรมดา เขาก็คงไม่รู้
ส่วนเจ้างู เมื่อไม่มีไข่มุกนี้ ต่อให้มันรอดชีวิตไปได้ ความสามารถของมันก็ลดลงอย่างมากและใช้การไม่ได้มากนัก