Chapter 198: การเดินทาง
“มีการเปลี่ยนแปลงในหน้าต่างสถานะของข้าหรือไม่?”
หลังจากบรรลุระดับการฝึกฝนที่ 1 แล้ว ฟางหยวนก็มองหน้าต่างสถานะของตัวเอง
“ชื่อ: ฟางหยวน
พลังกาย: 36.0
พลังลมปราณ: 30.0
พลังเวทย์: 9.9
สายวิชา: จ้าวแห่งฝัน
การฝึกตน: [จ้าวแห่งฝัน (ระดับสูงสุดของขอบเขตรวมธาตุ)], อู่จง (ชีพจรที่สาม)
วิทยายุทธ์: [อินทรียักษ์กายาเหล็ก (ระดับ 4) (0 ใน 10 ส่วน)], คาถาสะกด, ก้าวมายา, ร่างทองคําร้อยพิษ (ระดับการฝึกฝนที่ 1)
ทักษะ: [การรักษา (ระดับ 3)], [การดูแลพืช (ระดับ 5)]”
“ร่างทองคําร้อยพิษ วิชายุทธ์ลับ มีพื้นฐานอยู่บนการใช้สุดพิษกระตุ้นสมรรถภาพของร่างกาย เพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกาย ปัจจุบันอยู่ที่ระดับการฝีฝนที่ 1 และได้รับพลังธาตุเพิ่มขึ้น 1 ระดับสภาพทางกายภาพของร่างกายแข็งแกร่งขึ้น และตอนนี้ร่างกายสามารถต้านทานพิษทุกชนิด!”
“ต้านทานพิษทุกชนิด…”
ฟางหยวนลูบคาง “ข้าเกรงว่า “ทุกชนิด” ของพิษนั้นจะหมายถึงแค่พิษทั่วไป หากข้าเผชิญหน้ากับพิษวิเศษหรือพิษมรณะ… ข้าก็อาจจะตายเพราะมันได้ ต่อให้ข้าอยู่ที่ระดับการฝึกฝนที่ 10 หรือ 100 ก็ตาม!”
เขามองร่างกายของตนเอง
หลังจากบรรลุระดับการฝึกฝน เขาสูงขึ้นเล็กน้อย กล้ามเนื้อดูชัดเจนขึ้นกว่าเดิม และผิวก็แน่นตึงและมีเงาสีทองแดง
เพียงแค่ขยับตัว ข้อต่อของเขาก็ลั่น ปลดปล่อยพลังออกมาจํานวนมาก
“ดูเหมือนว่าข้าจะไม่จําเป็นต้องใช้พลังธาตุของข้าแล้ว เพียงแค่ใช้ร่างกายก็ยังสามารถเอาชนะอู่จงได้!”
ฟางหยวนกําหมัดแน่น และมีความพึงพอใจอยู่ในดวงตา
“ข้าสามารถทิ้งภาระหน้าที่ของประเทศและสํานักให้กับเสนาบดีและผู้อาวุโสทั้งหลาย…”
เขาเดินออกไปจากราชวังและส่งข้อความไปหาเสนาบดีและผู้อาวุโสทั้งหมด บอกพวกเขาว่าตนเองจะไม่อยู่ หลังจากนั้น เขาก็เรียกหาราชานกหงเอี่ยนป่ายและบินกลับไปที่เมืองชิงเย่
ที่นี่คือที่ที่เขาเริ่มต้นทุกอย่าง และดังนั้นจึงแตกต่างออกไปจากที่อื่น ๆ
หุบเขาสันโดษนั้นมอบความทรงจําอันลึกล้ําที่สุดให้เขา
เขาเดินเข้า ๆ ไปที่ทางเข้าหุบเขา
“นั่นใคร? เอ๋? องค์ราชา!?”
ผู้ฝึกยุทธ์หลายคนถือกระบี่ยาวพุ่งออกมา เมื่อเห็นว่าเป็นฟางหยวน พวกมันทั้งหมดก็ตกใจและรีบคุกเข่าลง
“ครืน!”
เมื่อข่าวการมาถึงของฟางหยวนแพร่ออกไป ทั้งหุบเขาสันโดษก็วุ่นวาย ตั้งแต่พ่อบ้านจนถึงบ่าวรับใช้ทุกคนรีบเข้ามาคารวะฟางหยวน
“เวลาผ่านไปนานมากตั้งแต่ข้ามาที่นี่ครั้งสุดท้าย!”
ตอนนี้หุบเขาสันโดษนั้นเป็นเหมือนเดิมแต่ก็ต่างออกไป ฟางหยวนส่ายหน้า
เขาหมุนตัวกลับและจากไป
หุบเขาสันโดษเดิมนั้นเป็นเพียงความทรงจําไปตลอดกาลและไม่มีทางหวนกลับมาแล้ว
“ผู้ที่ติดอยู่กับอดีตย่อมไม่มีอนาคต!”
ฟางหยวนลูบหัวราชานกหงเอียนป่าย “เหล่าป่าย ข้าจะรอดูเจ้า!”
หุบเขาสันโดษ ประเทศโยว และดินแดนทั้งหมด เป็นแค่ส่วนเล็ก ๆ ในชีวิตการเดินทางของเขา
เขาจําต้องเริ่มการเดินทางครั้งใหม่
“ในชีวิตของข้า ข้าต้องมีชีวิตที่งดงามและค้นหาหนทางสู่ความเป็นอมตะ รวมทั้ง… เส้นทางสู่อดีต!”
เขายังคงโหยหาโลกที่ครั้งหนึ่งเขาเคยอยู่ในชีวิตก่อน
“แกก! แกก!”
เจ้านกดูจะเข้าใจความตั้งใจของฟางหยวน ขณะที่มันบินขึ้น มันก็บินวนรอบท้องฟ้าและเปล่งเสียงร้องอันเศร้าโศกออกมา
ดินแดนทุ่งหญ้าในอาณาเขตหยวน
เมื่อสามปีก่อนตอนที่ฟางหยวนแบ่งแยกราชาทั้ง 2 ประเทศหยวนก็ตกอยู่ในความขัดแย้งภายในและความวุ่นวายตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
ประเทศจากทางใต้ร่วมมือกันจับตามองความขัดแย้งท่ามกลางพวกเขาทั้ง 8 และยังคอยติดตามตรวจสอบอิทธิพลของพวกเขาอย่างสม่ําเสมอ
แม้ว่าจะมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้น เช่น การตายขององค์ชายใหญ่ป้าถู แล้ว พูดโดยทั่วไป ทุกอย่างก็ค่อนข้างคงตัว
ผู้คนที่อาศัยอยู่ทางเหนือ ในที่สุดก็ได้เสพช่วงเวลาอันสงบสุข
ฟ้าและดินกว้างใหญ่
ฟางหยวนมาถึงทางเหนืออย่างเงียบ ๆ โดยไม่เป็นที่ดึงดูดความสนใจมากนัก เขาซื้อม้าสีขาวและควบผ่านประเทศหยวนมาถึงเขตแดนทางเหนือ เขาไปที่หุบผาใกล้เผ่าตะวันดับ
เมื่อเขาเดินเข้าไป ก็จุดธูปสีม่วงดอกหนึ่ง
กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของไม้จันทน์ลอยเต็มอากาศ มีร่องรอยของพลังเวทย์ที่ค่อย ๆ จางหายไป
นี่คือของขวัญที่เขาได้รับจากจุอเมง นางบอกเขาว่าเมื่อเขาจุดธูปนี่ นางจะสามารถตรวจจับได้และปรากฏตัวออกมาพบเขา
“นางไปไหนแล้วในช่วงสามปีนี้ ”
ฟางหยวนผูกม้าและเริ่มตั้งกระโจม ขณะที่เขาเตรียมอาหารเย็น เขาก็คิดถึงใบหน้าของจือเพิ่งและยิ้มออกมา “รูปโฉมงดงามของนางคงจะนําปัญหาไปสู่เมืองที่นางไปเยือน…”
ด้วยมีไข่มุกภูผานที่ การเดินทางนั้นกลายเป็นสะดวกขึ้นมากสําหรับเขา
ตั้งแต่เขาตัดสินใจจะเดินทางไกล เขาก็เตรียมอาหารไว้อย่างเพียงพอ
ไม่ช้า เขาเริ่มนําถ่าน หม้อเหล็ก และอื่น ๆ ออกมาขณะเริ่มหุงข้าว
เขาใช้ข้าวหยกเพลิงชั้นดีและข้าวแต่ละเม็ดนั้นใหญ่ เมื่อหุง กลิ่นหอมของข้าวก็ฟังเต็มอากาศ
ม้าของเขาเริ่มเชิดจมูกขึ้นดมและมองมาทางฟางหยวน มันเริ่มน้ําลายสอ
แม้ว่ามันจะเป็นแค่ม้าธรรมดา มันก็รู้ว่าถ้ามันได้กินอาหารวิเศษ มันก็จะได้ประโยชน์มากและมันก็อาจจะปลุกพลังเวทย์ขึ้นมา
“เจ้าตัวฉลาด!”
ฟางหยวนดุขํา ๆ
ไม่ว่าเขากินอยู่หรูหราฟุ่มเฟือยเพียงใด เขาก็ไม่ให้ม้าธรรมดาได้กินอาหารวิเศษ
ถ้ามันเป็นม้าวิเศษจากดินแดนทุ่งหญ้า เขาอาจจะลองคิดอีกที
ไม่นานหลังจากนั้น ข้าววิญญาณก็สุกและเต็มไปด้วยพลัง ข้าวเปล่งประกายสีแดงงดงาม พระอาทิตย์ตกดินในดินแดนทุ่งหญ้าเป็นสีส้มอ่อนจาง ภาพตรงหน้ามอบความรู้สึกที่ต่างออกไปให้ฟางหยวน
เขาดึงตะเกียบออกมาแล้วเริ่มกินอาหารเย็นอย่างเอร็ดอร่อย
เดิมที เขาเคยพยายามจับแพะปามากิน แต่เขาถูกตามอกตามใจมากเดินไปแล้ว นอกจากแพะวิญญาณ เขาก็ไม่อยากจะลองแพะธรรมดา
“กุบกับ!”
“กุบกับ!”
หูของเขาขยับ ฟางหยวนมองไปที่ขอบฟ้า ที่ซึ่งท้องฟ้าและท่องหญ้าพบกัน
ไม่นานหลังจากนั้น ก็มีจุดสีดําหลายจุดปรากฏขึ้นที่ขอบฟ้า ในไม่ช้า พวกมันก็เข้ามาใกล้และฟางหยวนก็สามารถบอกได้ว่าเป็นม้าสองกลุ่ม ม้าทุกตัวมีคนนั่งอยู่ กลุ่มแรกทางด้านหน้านั้นมีคนน้อยกว่าและเหมือนจะกําลังหนีเอาชีวิตรอด ม้ากลุ่มหลังนั้นเป็นฝ่ายไล่ตามและยังปล่อยลูกศรออกมาพยายามสังหาร
“สงครามระหว่างประเทศ? หรือความขัดแย้งส่วนบุคคลกัน?”
ฟางหยวนไม่สนใจ
ทุกอย่างบนโลกนี้ล้วนยุติธรรม
เขาเป็นผู้ที่ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้มากนักตั้งแต่แรก ดังนั้น จึงไม่ได้มีความคิดที่จะช่วยคนพวกนี้ในครั้งนี้
อย่างไรเสีย ผู้ที่อ่อนแออาจจะไม่ใช่คนดีที่สมควรช่วยก็ได้
แต่ว่าครั้งนี้ เขาไม่ใช่คนที่ออกไปหาเรื่อง แต่เป็นเรื่องมาหาเขาเอง
หาเขาเอง
ควันดํา ไฟ และกระโจมนั้นเห็นได้ชัดเกินกว่าจะเมินเฉย
พวกที่กําลังหนีนั้นจงใจวิ่งมาทางฟางหยวน
“จับพวกมันไว้!”
“อย่าปล่อยพวกมันหนีไปได้!”
กลุ่มคนด้านหลังตะโกนมาราวกับฟางหยวนนั้นเป็นพวกเดียวกัน หรืออันที่จริง พวกมันก็ไม่ได้สนใจมากนักและยังปล่อยลูกศรอีกหลายดอก
“เจ้าพวกนี้”
ฟางหยวนอึ้งไป คว้าก้อนหินขึ้นมากํามือหนึ่งและใส่พลังไปที่แขนข้างขวา
“ครึก!”
มีรอยแตกเกิดขึ้นบนก้อนหิน พอมันระเบิดออก ก็กลายเป็นกระสุนมากมาย
“ไปซะ!”
เขาโบกมือขวา
“ฉีก! ฉีก!”
ก้อนหินพุ่งไปทางม้าอย่างรวดเร็ว ที่กลางอากาศ พวกมันกระทบกัน เกิดเป็นประกายและเสียงขูดขีด ราวกับเป็นลูกศรอันทรงพลัง
“ฝูบ! ฝูบ!”
เลือดสาดกระจายไปทั่วเมื่อลูกหิวกระแทกเข้ากับคนบนหลังม้า
ไม่ว่าเป็นฝ่ายหนีหรือฝ่ายไล่ตาม ทั้งหมดล้วนมีจุดจบแบบเดียวกัน
นอกจากนี้ กระทั่งม้าตัวใหญ่ยังเริ่มได้รับบาดเจ็บเมื่อถูกลูกหินกระแทก ทั้งสองฝ่ายตกอยู่ในความวุ่นวาย เมื่อพวกมันได้ยินเสียงสั่งการดังลั่นของฟางหยวน พวกมันก็เริ่มแตกกระจายออกไปทุกทิศทางและไม่กล้าเข้ามาใกล้เขาอีก
“อื้ม! ไม่เลว!”
หลังจากไล่แมลงออกไป ฟางหยวนก็ปัด ๆ มืออย่างพึงพอใจ
เขาไม่ได้ใช้พลังธาตุของเขาเลยในครั้งนี้ ใช้แค่พลังกายอย่างเดียว เทียบกับพลังธาตุแล้ว เขาควบคุมมันได้มากกว่า และสามารถใช้ได้นานกว่า
ส่วนคนจากประเทศหยวน ท่าทางร้ายกาจของฟางหยวนนั้นประทับลึกอยู่ในใจพวกมัน
“องค์ชายน้อย! นั่นไม่ใช่คนแล้ว! เป็นปิศาจ ปีศาจร้าย!”
ท่ามกลางผู้ที่หลบหนี แม่ทัพม้าวัยกลางคนรายงานชายหนุ่มผู้หนึ่ง “อยู่ให้ห่างจากเขา! ห่างเท่าที่จะเป็นไปได้!”
“ข้า”
ชายหนุ่มผู้นั้นสวมชุดเหมือนเชื้อพระวงศ์ ใบหน้าซีดราวกับยังไม่ฟื้นตัวดีหลังเห็นภาพราวกับนรกเมื่อครู่
หลังจากได้สติแล้ว เขาก็รั้งม้า “ไม่! ข้าอยากกลับตามหาเขา! นี่เพื่อแก้แค้น เพื่อคนของเรา! ถึงเขาจะมีพลังของปิศาจข้าก็ยังหวังว่าพวกเราจะสามารถ…”
แม่ทัพม้านั้นมีประสบการณ์มากมายและเดาได้ว่าคนผู้นั้นน่าจะเป็นนักรบในตํานานจากทางใต้ แต่ว่า ความจริงที่คนผู้นั้นสามารถลงมือสังหารโดยง่ายทําให้เขากังวล หลังจากคิดอีกครู่ เขาก็พูด “องค์ชายน้อย ท่านมีเลือดของกษัตริย์และยังเป็นความหวังเดียวของพวกเรา พวกเราจะเสี่ยงได้อย่างไร? พวกเราเคยได้ยินมาว่าปิศาจนั้นไร้ปรานี! ถ้าท่านเชื่อข้า เช่นนั้นก็ให้อาเยฉีและข้าเป็นผู้ส่งสาส์นจากท่านไปคุยกับเขา!”
แม้องค์ชายน้อยผู้นี้จะยืนยันว่าเขาไม่กลัว แต่อันที่จริงลึกแล้วก็มีความหวาดกลัวแฝงอยู่หลัง จากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เห็นด้วยกับที่แม่ทัพม้าร้องขอ
พวกเขาไม่รู้เลยว่าฟางหยวนนั้นอยู่ที่นั่นเพื่อรอคน หลังจากนั้น เขาก็จะมุ่งหน้าขึ้นเหนือและ ไม่กลับมาอีกเลย
“จื่อเพิ่ง ท่านมาแล้ว!”
หลังจากไล่คนพวกนั้นไปแล้ว ฟางหยวนก็รออยู่ครู่หนึ่ง ที่ปลายหางตา เขาเห็นเงาร่างหนึ่งและก็ยิ้ม
“ข้ามาช้า แต่ข้าก็มาทันเห็นการแสดงเมื่อครู่!”
จ่อเพิ่งดูเหมือนที่นางเป็นเมื่อสามปีก่อน ราวกับสวรรค์ลําเอียงเข้าข้างนาง ไม่ทิ้งร่องรอยของอายุเอาไว้บนร่างของนางเลย
นางมองฟางหยวนด้วยดวงตางดงามของนางและถอนหายใจ “หัวใจท่านทําจากเหล็กหรืออย่างไร?”
“ข้าเพียงแค่สนใจสิ่งที่ข้าอยากจะทํา!”
ฟางหยวนยักไหล่ “บนทุ่งหญ้า เผ่าต่าง ๆ ไป ๆ มา ๆ หากข้ามัวสนใจกับทุกรายละเอียด ข้าก็คงหลงลืมการฝึกตนของตัวเองแล้ว! ส่วนตอนนี้ ข้าไม่ได้มาผิดเวลาใช่หรือไม่?”
“ไม่ นี่เป็นเวลาที่สายลมเยือกแข็งพวกนั้นอ่อนแรงที่สุด!”
จื่อเพิ่งพยักหน้าและเริ่มผิวปาก
สัตว์วิญญาณสีขาวบริสุทธิ์ที่มีเขาเล็ก ๆ บนหัววิ่งมาทางพวกเขา มันเหมือนตู้เชี่ยวโฉ่ว* และมันก็มองมาทางฟางหยวน ราวกับระแวงเขา
“หม? ม้านี้ไม่เลวเลย!”
ฟางหยวนพยักหน้าพลางเตะม้าตัวเอง
แม้ว่าเขาจะเลือกม้าตัวเองมาอย่างรอบคอบ แต่มันก็เทียบกับสัตว์วิญญาณไม่ได้อยู่ดี! เมื่อม้าของเขาถูกล้อมด้วยพลังเวทย์ มันก็หวาดกลัวมาก