Carefree Path of Dreams – ตอนที่ 201

Carefree Path of Dreams Chapter 201: ร่องรอยของมนุษย์

 

“ พี่ชาย พวกเราไม่ควรไปต่อแล้ว!”

 

ที่ไหนสักแห่งไม่ไกลจากที่ราบน้ําแข็ง เงาร่างเล็ก ๆ สองร่างเดินไปด้วยกัน

 

เงาร่างที่ใหญ่กว่าเป็นเด็กชายที่สวมหนังสัตว์เป็นเสื้อคลุม เขาแบกตะกร้าไม้ไผ่ใบหนึ่งเอาไว้และรองเท้าก็ขาดรุ่งริ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “ถ้าพวกเราไม่เข้าไปในหุบเขาน้ําแข็ง พวกเราจะเก็บสมุนไพรได้เพียงพอให้รักษาบิดาได้อย่างไร? อย่าลืมว่าพวกเรายังต้องจ่ายให้เจ้าเมืองอีกนะ!”

 

“ที่นั่นมันอันตรายเกินไป มันเป็นดินแดนที่อยู่นอกแผนที่และยังเต็มไปด้วยแมลงมีพิษและสัตว์ร้ายและพวกมันทั้งหมดก็จะออกมาฆ่าพื้นะ!”

 

เด็กหญิงตัวน้อยดึงแขนเขาเอาไว้ ดวงตากลมโตของนางมีน้ําตาเอ่อคลอ

 

“ปล่อยเถอะ!”

 

เด็กชายเลียริมฝีปากแห้งผาก เขาตัดสินใจแล้ว

 

“ข้าไม่ปล่อย!”

 

เด็กหญิงดื้อแพ่ง เมื่อนางกวนใจเขาอีกครู่หนึ่ง เด็กชายก็ทนต่อไปไม่ไหว เขาโบกแขนออกไปแล้วเด็กหญิงก็ล้มลงไปบนพื้น

 

“ข้ารู้ว่าหุบเขาน้ําแข็งมันอันตราย แต่พวกเรายังไม่จ่ายส่วยที่ต้องจ่าย แล้วครอบครัวของเราจะได้รับอนุญาตให้อยู่ในหมู่บ้านต่อไปได้อย่างไร?!”

 

เด็กชายพูดต่อ “ถ้าไม่มีการปกป้องจากค่ายกลในหมู่บ้าน พวกเราจะตายกันหมด!”

 

“โฮ.. ”

 

เด็กหญิงเองก็รู้เรื่องนี้เหมือนกัน นางนั่งอยู่กับพื้นและเริ่มร้องไห้คร่ําครวญ

 

“อาเสียน ไม่ต้องห่วง ข้ารู้เรื่องที่ราบมรณะดีจะตาย นอกจากนี้ ข้ายังรู้วิทยายุทธ์อีกนิดหน่อย และข้าก็ค่อนข้างมั่นใจว่าทําได้!”

 

เด็กชายปลอบเด็กหญิง ขณะที่สีหน้าเปลี่ยนไป เขาเตรียมเดินทางสู่ความไม่รู้

 

แต่ว่า ตอนนี้ เขาก็หยุดอยู่ระหว่างทาง

 

เขามองเห็นเงาร่างขนาดยักษ์สีดําค่อย ๆ ออกจากป่ามาช้า ๆ

 

มันคือเสือขาวยักษ์จากบนเขา และลายสีดําบนตัวมันก็ต่อเนื่องกัน ให้ความรู้สึกลึกลับ

 

“โฮก! โฮก!”

 

มันกระโจนออกมามองไปรอบ ๆ ตัว เด็กชายและเด็กหญิงตัวแข็งอยู่กับที่ พวกเขาสองคนหวาดกลัวเกินกว่าจะทําอะไรได้

 

“มัน มันมีพลังมากเกินไป

 

ขาของเด็กชายอ่อนยวบลง เขาได้ยินเสียงดังมาจากด้านในตัวเอง “นี่เป็นแค่เขตแดนรอบนอกเท่านั้นก็มีสัตว์เช่นนี้ที่ข้าไม่สามารถทําอะไรมันได้แล้ว ที่ราบน้ําแข็งจะน่ากลัวถึงเพียงใดกัน? ไม่ต้องสงสัยเลยที่หมู่บ้านห้ามพวกเราออกจากบ้านหลังจากพระอาทิตย์ตกดินและให้พวกเราจ่าย ส่วยหนึ่งส่วนในทุกปีเพื่อรักษาค่ายกลเอาไว้…”

 

“สวบ! สวบ!”

 

เมื่อเสือยักษ์ใกล้เข้ามา เด็กชายก็เริ่มเหงื่อกาฬหลั่งไหล เขากัดฟันแน่นและพูดไม่ออกเลยสักคํา

 

“ทึกกกกก!”

 

แม้ว่าเขาจะยังยืนไหว เด็กหญิงที่ด้านข้างเขาก็ฟันกระทบกันศึกกักไปแล้ว และยังมีกลิ่นฉุนของปัสสาวะลอยออกมาจากช่วงขาของนาง

 

ถึงตอนนี้ เสือขาวปิศาจก็ก้มลงมา เผยให้เห็นเงาคน มันเปิดปากออกและพึมพําคําประหลาด

 

แม้ว่าจะไม่มีใครเข้าใจ ไม่ช้าหลังจากที่มันพูด บรรยากาศก็ไม่ตึงเครียดเท่าเดิมอีกแล้ว

 

มันเหมือนกับฤดูกาลเปลี่ยนไปจากหนาวเหน็บเป็นอบอุ่น ความหวาดกลัวในตัวเสือร้ายนั้นหายไปแล้ว

 

“นายท่าน!”

 

ทุกคนที่สามารถสยบสัตว์ร้ายกาจเช่นนี้ได้ย่อมต้องมีวิทยายุทธ์ยอดเยี่ยม ดังนั้น เด็กชายจึงรีบคารวะเขาอย่างนอบน้อม

 

“เอ๋? พวกเจ้าเป็นใครกัน?”

 

ได้ยินเด็กชายพูด คิ้วของฟางหยวนก็ขมวด

 

นี่ไม่ใช่ภาษาที่พวกเขาใช้กันบนดินแดนทางใต้ แต่มันฟังคล้ายภาษาที่ใช้ทั่วไปในอาณาจักรต้าเฉียน!

 

เหตุใดฟางหยวนจึงพูดภาษาต้าเฉียนได้?

 

เขาเคยฝึกมาก่อนในโลกแห่งความฝันของหยางฟาน

 

แต่ว่า แม้ว่าเขาจะไม่เคยเรียนมาก่อน ก็ยังไม่เป็นไร สําหรับจ้าวแห่งฝัน มันก็แค่ฉวยโอกาสใช้การแฝงฝันสักครั้งก็สามารถเรียนภาษาอื่นได้อย่างรวดเร็ว

 

“ข้าเป็นคนในหมู่บ้านใกล้ ๆ นี่ หมู่บ้านผานฉือ ข้าชื่ออว์เงี่ยน นี่เป็นน้องสาวของข้า อาเสีย

 

อวีเจียนรีบคารวะลงและตะกุกตะกักออกมา

 

“หมู่บ้านผานฉือ?”

 

นายท่านที่บนหลังเสือทําท่าสงสัย “มีคนอยู่ที่นั่นกี่คน? พวกเขาอยู่ที่ไหนกัน?”

 

อวีเจียนเริ่มตระหนกและพูดตะกุกตะกักกว่าเดิม

 

หลังจากเขาอธิบาย ในที่สุดฟางหยวนก็เข้าใจ

 

“มีคนอาศัยอยู่ในบริเวณนี้แบ่งออกเป็นหลายหมู่บ้าน ที่ตรงกลางหมู่บ้านทั้งหมด ก็คือเมือง ซิงลั่ว!”

 

“นอกจากนี้ จากสําเนียงและท่าทางของเขาดูคล้ายเป็นในอาณาจักรต้าเฉียน คนพวกนี้อพยพมาจากที่นั่งนหรือ?”

 

ที่ด้านล่าง เด็กชายอวีเจี้ยนนั้นลอบสังเกตนายท่านผู้นี้

 

“เขาแต่งตัวดีมาก! เขาน่าจะเป็นคนสําคัญจากในเมือง!”

 

จากประสบการณ์ของเด็กชาย เขาเพียงแต่เคยพูดคุยกับคนในหมู่บ้านเดียวกันเท่านั้น เมืองซิงลั่วนั้นเป็นใจกลางของโลกของเขา เขาไม่เคยรู้เลยว่าโลกด้านนอกนั้นกว้างใหญ่เพียงใด

 

“พาข้าไปที่หมู่บ้านของเจ้า!”

 

ฟางหยวนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะขอเขาตรง ๆ

 

เห็นเด็กชายลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดต่อ “เจ้าเตรียมจะไปเก็บสมุนไพรด้วยตะกร้าไม้ไผ่กับจอบนั้นหรือ? เช่นนั้นข้าจ้างเจ้าเป็นผู้นําทางของข้า และนี่เป็นค่าตอบแทนให้เจ้า!”

 

ตอนที่เขาพูด เขาก็โบกมือครั้งหนึ่ง ดอกไม้พิเศษที่มีกลีบสีขาวบริสุทธ์และสีแดงที่ ตรงกลางก็ปรากฏขึ้น และลอยลงมาที่พื้นช้า ๆ

 

“ดอกหิมะเกสรแดง?”

 

อขี้เงี่ยนตกตะลึง เขารีบเก็บดอกไม้นั่นขึ้นมาด้วยสองมืออย่างระมัดระวังและพูดไม่ออก

 

แม้ว่านี่จะเป็นสิ่งที่ฟางหยวนเก็บมาไปอย่างนั้น มันกลับเป็นความหวังของทั้งครอบครัวเขา!

 

“ขอรับ นายท่าน! ข้าจะนําท่านไปที่นั่นเดี๋ยวนี้!”

 

เขาเช็ดน้ําตาออกจากใบหน้า เก็บดอกไม้ไว้อย่างดีและดึงน้องสาวของตนไปคารวะฟางหยวน

 

เด็กหญิงน้อยงุนงงไปชั่วครู่ แต่นางก็มั่นใจว่าพี่ชายไม่ต้องเสี่ยงชีวิตแล้ว นางถอนหายใจยาวดวงตามองเสือยักษ์อย่างสงสัย

 

“รบกวนเจ้ามากแล้ว ตอนนี้เจ้าไปได้แล้ว!

 

ฟางหยวนดึงเนื้อย่างชิ้นหนึ่งออกมายัดเข้าไปในปากของเสือหิมะเขี้ยวดาบก่อนจะไล่มันกลับไป

 

สําหรับฟางหยวน สัตว์วิญญาณที่ไม่สามารถบรรลุสู่ระดับรวมธาตุได้นั้นเป็นได้เพียงสัตว์พาหนะเท่านั้น

 

นอกจากนี้ เจ้าสัตว์นี่จะดึงดูดความสนใจมากเกินไป ในเมื่อเขาเพิ่งมาถึงสถานที่ที่มีผู้คนมันย่อมดีกว่าที่จะปล่อยมันไป

 

“โฮก!”

 

เมื่อเสือหิมะเขี้ยวดาบกลืนเนื้อย่างลงไป มันก็เอาหัวถู ๆ มือของฟางหยวนอย่างไม่ยินยอมนักในที่สุดภายใต้การสะกดของฟางหยวน มันก็คํารามก่อนจะกลับเข้าที่ราบน้ําแข็งไปและหายลับไปในไม่ช้า

 

“นายท่าน นั่นเป็นสัตว์วิญญาณของท่านหรือ?”

 

อวีเจียนเห็นภาพทั้งหมดแล้วก็รู้สึกเต็มไปด้วยความอิจฉา

 

“สัตว์วิญญาณ? เจ้าพูดเช่นนั้นก็ได้ แต่ข้าไม่ได้เลี้ยงดูมันขึ้นมาหรอก ข้าเพียงเก็บมันได้ระหว่างทางเท่านั้น”

 

ฟางหยวนยิ้มและส่ายหน้า เขามองเด็กชายที่สวมเสื้อคลุมหนังสัตว์

 

เด็กชายดูไม่มีประสบการณ์อย่างมาก แต่ก็ฝึกฝนจนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับประตูทองที่ 5 แล้วนั่นไม่เลวเลย

 

“นำทางเถอะ!”

 

ถึงตอนนี้ เขาก็ไม่รีรอแล้ว เขาเริ่มพูดคุยง่าย ๆ กับเด็กชายพยายามเรียนรู้วิธีการพูดของเขา

 

อย่างไรเสีย เด็กชายผู้นี้ก็ไม่ได้ติดหนี้อะไรเขา สําหรับฟางหยวนการอ่านใจและความทรงจําของเขาโดยไม่เหตุผลอันสมควรมันจะเป็นเรื่องเกินเลยไป

 

นอกจากนี้ เด็กชายยังไร้ประสบการณ์ และรู้อะไรไม่มากนัก

 

อขี้เงี่ยนนั้นเดินนําอยู่ข้างหน้า ไม่นานหลังจากนั้น หมู่บ้านเล็ก ๆ เรียบง่ายก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา

 

มันเล็กจริง ๆ

 

ฟางหยวนอึ้งไป หมู่บ้านที่พวกเขาถูกถึงนั้นเป็นเพียงพื้นที่ราบเล็ก ๆ มีสิ่งก่อสร้างทรงกลมเกาะกลุ่มกันอยู่ มันดูมั่นคง และกว่าครึ่งของมันฝังอยู่ในดิน

 

สิ่งก่อสร้างแบบนี้จะช่วยป้องกันพวกเขาจากความหนาวเย็นอันไร้ปรานี และความมั่นคงยังทําให้สามารถทนรับการรุกรานตามธรรมชาติได้

 

แน่นอนว่า มันอาจจะไม่งดงาม แต่พวกเขาก็เรียกร้องมากนักไม่ได้

 

อันที่จริง ก็เป็นปกติที่คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านนั้นต้องเสี่ยงชีวิตอยู่เป็นประจําอยู่แล้ว เช่นนั้นเหตุใดจึงยังต้องสนใจว่าบ้านนั้นดูงามตาหรือไม่ด้วย?

 

ฟางหยวนสังเกตเห็นบางอย่างต่างออกไปที่รอบหมู่บ้าน

 

“คาถาเวทย์? ไม่… นี่มัน… ค่ายกลเวทย์! แม้ว่าจะเรียบง่าย แต่นี่คือค่ายกลเวทย์อย่างแน่นอน! ใครจะไปคิดว่าจะมีจ้าวแห่งกลไกอยู่ที่นี่ด้วย!”

 

“นายท่าน?”

 

เป็นเพราะว่าฟางหยวนจ้องมองอยู่นานเกินไป อว์เจียจึงถามฟางหยวนอย่างร้อนรนนิด ๆ “นี่ เป็นค่ายกลปกป้องของหมู่บ้านเรา มันมีปัญหาใดหรือไม่?”

 

“ใครเป็นผู้วางค่ายกลนี้ไว้ที่นี่?”

 

ฟางหยวนถามตรง ๆ

 

“เป็นจ้าวแห่งกลไกลจากเมืองซิงลั่ว!”

 

แม้ว่าจะรู้สึกประหลาดไปสักนิด อวเงี่ยนก็ยังตอบเขาอย่างซื่อ ๆ “ทุกปี พวกเราต้องปันส่วนอาหาร สมุนไพรวิเศษและหนังสัตว์จํานวนมากให้กับเมืองซิงลั่ว เพื่อแลกเปลี่ยนกับการให้จ้าวแห่งกลไกมาดูแลค่ายกลผานฉือน เพราะมัน พวกเราจึงสามารถปลอดภัยจากสัตว์ปาดุร้ายในตอนกลางคืนได้ และยังปกป้องพวกเราจากความหนาวเย็นได้ด้วย หากพวกเราจ่ายไม่พอทั้งหมู่บ้านก็จะถูกทําลายสิ้นแล้ว”

 

ตอนที่เขาพูดคําสุดท้าย เขาก็กําหมัดแน่นดวงตามุ่งมั่น “ข้าจะต้องไปเป็นส่วนหนึ่งของเมืองให้ได้ ข้าจะได้พาน้องสาวและบิดาไปใช้ชีวิตดี ๆ ที่นั่น!”

 

“เมืองซิงลั่ว?”

 

ฟางหยวนลูบคาง “ข้าต้องไปดูที่นั่นให้ได้!”

 

คนในหมู่บ้านซิงลั่วเริ่มสังเกตเห็นพวกเขาแล้ว หลังจากวุ่นวายครู่หนึ่ง ชายชราท่าทางอ่อนแอผู้หนึ่งถือกล้องยาสูบก็เดินออกไป

 

“อวีเจียน กลับบ้านได้เสียที! ระวังอย่าได้ติดโรคร้ายแรงจากในที่ราบน้ําแข็ง!”

 

ชายชราท่าทางใจดี เห็นอวีเจียนปลอดภัยไร้เรื่องราว เขาก็ถอนหายใจโล่งอกและเริ่มสั่งสอนเขา “มันก็แค่พิษ! มันรักษาได้ ไม่ต้องห่วงเรื่องส่วยของปีนี้ หากพวกเรารวบรวมของทั้งหมดที่พวกเรามีข้าแน่ใจว่ามันจะพอ!”

 

“หัวหน้าหมู่บ้าน…”

 

อวีเจียนน้ําตาคลอ เขารีบดึงเอาดอกหิมะเกสรแดงออกมาจากตะกร้าของเขา “นี่ เป็นของขวัญจากท่านผู้นี้ข้าจะใช้มันเติมส่วนของครอบครัวข้าในปีนี้”

 

“เฮือก!”

 

หัวหน้าหมู่บ้านผู้ชรามองมันแล้วก็ตกใจ “หาดอกไม้ที่บานเต็มที่เช่นนี้มาได้ ข้าเกรงว่ามันจะมีแต่ในทุ่งน้ําแข็งเท่านั้น! แค่กลีบดอกไม้นี่กลีบเดียวก็เพียงพอที่จะแก้พิษของบิดาเจ้าแล้ว!”

 

เขากํากล้องยาสูบในมือ คารวะแก่ฟางหยวน “ขอบคุณที่ช่วยชีวิตพวกเรา ข้าคือสืออิง หัวหน้าหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ นายท่าน ท่านมาจากเมืองซิงลั่วหรือ?”

 

“เมืองซิงลั่ว? ไม่ใช่…”

 

ฟางหยวนส่ายหน้า

 

ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเมืองซิงลั่วคือเมืองหลวงของดินแดนนี้

 

การดําเนินชีวิตของหมู่บ้านในอาณาเขตนี้ขึ้นอยู่กับเมืองนี้ แน่นอนว่า ในกระบวนการนั้นย่อมต้องถูกเอารัดเอาเปรียบ

 

ด้วยการปกป้องจากเมือง เมืองหลวงย่อมเป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุด ดังนั้น มันจึงเป็นเป้าหมายสูงสุดในชีวิตของทุกคนในหมู่บ้านที่จะไปที่นั่น

 

เห็นสีหน้าสงสัยของหัวหน้าหมู่บ้านผู้ชราแล้ว ฟางหยวนก็หัวเราะ ก่อนจะแต่งเรื่องง่าย ๆ ขึ้นมาว่าเขาติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเยาว์และดํารงชีวิตแบบคนเร่ร่อนอยู่ในหุบเขาน้ําแข็ง

 

“นายท่าน ท่านตั้งใจจะไปที่เมืองซิงลั่วงนรึ?”

 

ได้ยินคําร้องขอของฟางหยวน หัวหน้าหมู่บ้านสือก็ลดความระแวงลงแล้วหัวเราะอย่างยินดี “ไม่ใช่อะรไรหรอก… ช่างบังเอิญนัก! พรุ่งนี้ หมู่บ้านของเราจะตั้งขบวนเดินทางมุ่งหน้าไปเมืองซิงลั่ว กําลังจะออกเดินทางแล้ว!”

 

อันที่จริง เขาวางแผนมันเอาไว้อย่างดี

 

ในเมื่อฟางหยวนนั้นดูออกได้ยาก และกระทั่งตัวเขาเองก็บอกไม่ได้ว่าฟางหยวนเก่งกาจถึงเพียงไหน เช่นนั้นเขาก็น่าจะมีวิทยายุทธ์สูงจริง ๆ

 

ชาวหมู่บ้านก็แค่ช่วยบอกทางให้เขาและก็ได้รับการปกป้องจากเขาโดยไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทนนี่เป็นสถานการณ์ที่ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์แล้ว!

 

Carefree Path of Dreams

Carefree Path of Dreams

CPoD, 逍遥梦路
Score 7.4
Status: Ongoing Type: Author: , , Artist: Released: 2017 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Carefree Path of Dreamsนี่เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มที่ใช้ชีวิตสันโดษอยู่บนภูเขา ปลูกพืช เลี้ยงปลา และฝันถึงความฝันของเขา เอ๋? จู่ ๆ ข้าก็ออกไปพิชิตทั่วหล้าและกลายเป็นผู้ครองโลกเหรอ? หรือว่าข้ายังอยู่ในความฝันกันแน่?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset