Chapter 204: คงหมิง
“นี่คือ…”
ชายร่างท้วมด้านหลังโต๊ะแกะผนึกของขวดออกและเทเม็ดยาเป็นมีประกายออกมา บนผิวของเม็ดยา มีอักขระเวทย์กํากับ และเขาก็ตัวแข็งทื่อไป “ยาวิญญาณ?”
ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว เขารีบเก็บเม็ดยาลงไปอย่างรวดเร็ว ทําท่าน่าสงสัยราวกับเป็นขโมย หลังจากมองไปรอบ ๆ เขาก็คารวะให้ฟางหยวน “ท่านมียาวิญญาณ? เชิญนั่งก่อน รับน้ําชาสักถ้วย!”
“อืม!”
ฟางหยวนหลุบตาลง ทําทีเป็นลึกลับ
ดูเหมือนว่า คุณค่าของเม็ดยาวิญญาณเหล่านี้นั้นเกินกว่าที่เขาคาดเอาไว้
“จริงสินะ… อย่างไรเมืองซิงลั่วก็ดํารงอยู่ด้วยตนเอง และข้าก็ยังไม่เห็นจ้าวแห่งการเล่นแร่แปรธาตุจะส่งต่อความรู้ของตัวเองสักที พวกเขายังขาดแคลนทรัพยากรด้วย
มองผู้ดูแลที่โต๊ะรับรองแล้ว ฟางหยวนก็สรุปได้ “คุณค่าของยาวิญญาณนี่สูงกว่าที่ข้าคิดเอาไว้”
“คิคิ…”
คนผู้นั้นนําฟางหยวนมาที่ห้องแตกแต่งงดงามห้องหนึ่งและยังยกน้ําชามาให้เขาด้วยตนเอง หลังจากนั้น เขาก็เริ่มแนะนําตัวเอง “ข้าชื่อไห่ฝู ข้าเป็นตัวแทนของจ้าวแห่งกลไก จางคงฟานผู้เป็นศิษย์แห่งนักบวชผู้ยิ่งใหญ่ คงหมิง อาจารย์ฟางนั้นเก่งกาจเหนือธรรมดาและค่ายกลติดตั้งของเขาก็ยอดเยี่ยมจริง ๆ”
ไห่ฝูนั้นมีลิ้นอันพลิกไปมาและยังอธิบายค่ายกลติดตั้งระดับพื้นฐานจนแทบจะเป็นค่ายกลขนาดใหญ่ที่สร้างโดยจ้าวแห่งกลไกเองแล้ว
“คิคิ…”
ฟางหยวนยิ้มและไม่พูดอะไรสักคํา เขาจิบชาด้วยท่วงท่าสง่างามและมองไห่ฝู
เมื่อเขาจ้องมาที่ไห่ฝู ไห่ฝูก็เริ่มมีเหงื่อซึมออกมา เขากัดฟันแน่น “ยาวิญญาณนี้ 4 ขวด แล้วข้าจะขายค่ายกลนี้ให้ท่าน และถือเสียว่าเป็นโอกาสได้ผูกมิตรกัน!”
มองใบหน้าบิดเบี้ยวของไห่ฝูแล้ว มันก็เหมือนกับฟางหยวนต่างหากที่เป็นฝ่ายเอาเปรียบเขา
แต่ว่า ฟางหยวนรู้ว่า ถ้าตกลงกันเช่นนี้ ไห่ฝูจะได้กําไรจากเรื่องนี้มากทีเดียว
อย่าไรเสีย ไม่มีใครจะยอมเชื่อสิ่งที่พ่อค้าพูดหรอก
ท่ามกลางความเงียบงัน ให้ผู้เริ่มเหงื่อตกมากขึ้น และเริ่มต่อรอง “3 ขวด นั่นน้อยที่สุด ที่ข้ารับได้แล้ว แค่แผ่นยันต์ของค่ายกลติดตั้งนี้ก็ทําจากทับทิม หินเหอพู และยังไอน้ําแข็งปริศนา…”
“ข้าตกลงที่ยาวิญญาณ 3 ขวด!”
ภายใต้สายตาวิตกของไห่ฝู ในที่สุดฟางหยวนก็เปิดปาก “แต่ข้ามีเงื่อนไขหนึ่ง!”
อันที่จริง ยาวิญญาณพวกนี้นั้นเป็นหลานรั่วและตัวเขาเองสร้างขึ้นและยังห่างไกลจากของที่ลู่เหรินเจียเป็นคนสร้าง แต่ว่า มันก็นับว่าล้ําค่ามากที่นี่ในเมืองซิงลั่ว
“ได้โปรดบอกเงื่อนไขของท่าน!”
ยาวิญญาณนั้นเป็นที่ต้องการสูง และยังขายได้ราคาอย่างแน่นอนในตลาด แต่ไม่มีใครต้องการขาย
ทันทีที่เขาได้ยินว่ามีโอกาสที่จะตกลงกันได้ ดวงตาของไห่ฝูก็เป็นประกายขึ้น
“ข้าต้องการพบผู้สร้างยันต์แผ่นนี้ จางคงฟาง อาจารย์จาง! แน่นอนว่า มันคงจะดีกว่าหากข้าได้พบนักบวชผู้ยิ่งใหญ่ คงหมิง!”
ฟางหยวนถามด้วยน้ําเสียงต่ํา ๆ
“ท่านเป็นลูกค้ารายใหญ่ แน่นอนว่าไม่มีปัญหาที่จะจัดการให้ท่านได้พบอาจารย์คงฟาน แต่สําหรับท่านนักบวชผู้ยิ่งใหญ่คงหมิงนั้น…”
ไห้ฟูมีสีหน้ายุ่งยากและผลักขวดยาคืน “ถ้าท่านยังยืนยัน เช่นนั้นก็ล้มเลิกข้อตกลงเถอะ”
“ไม่เป็นไร”
ฟางหยวนยิ้ม เขารู้ว่าเขาล้ําเส้นไปเสียแล้ว “จางคงฟานก็ได้ให้เขามาที่นี่!”
‘คนแบบใดกันนี้…’
ไห่ฝูเก็บขวดยาลงไป ส่งแผ่นยันต์ให้เขาและรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมด
แต่ว่าเห็นฟางหยวนดึงขวดยาวิญญาณหลายใบออกมาโดยง่ายก็ทําให้เขาสงสัยว่าคนผู้นี้อาจจะเป็นจ้าวแห่งการเล่นแร่แปรธาตุ ทันใดนั้น ความไม่ยินดีและสงสัยทั้งหมดของเขาก็ปลิวหายไป
“กรุณารอที่นี่!”
เขาโค้งตัวลงและเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
“เอ๋?”
ฟางหยวนนั่งอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้น เขาก็ขมวดคิ้วและมองไปที่มุมหนึ่งของห้อง
เพียงไม่นาน เขาก็พบว่ามีค่ายกลที่คุณสมบัติในการสะกดจิตถูกเรียกใช้ ไห่ฝูกําลังทดสอบความสามารถของเขา
“เขากล้า!”
ฟางหยวนโมโหและมีสีหน้าเย็นชา
“ข้าขออภัยที่ต้องให้รอ อาจารย์จางอยู่ที่นี่แล้ว!”
จริงดังว่า ไม่นานหลังจากนั้น ไม่ผูกผลักประตูเปิดออกและมีท่าทางสุภาพเป็นอย่างยิ่ง
ที่ตามมานั้นเป็นชายอายุประมาณสามสิบปีเดินเข้ามาสีหน้าทะนงตัว
“ท่านต้องการพบข้า?”
เขามีสีหน้าหมดความอดทน “มีอะไร? ถ้าเจ้าต้องการให้ข้าติดตั้งค่ายกล พวกเราก็ระบุราคาแยกไว้แล้ว ถ้าเจ้าต้องการปรับปรุงแก้ไขค่ายกลสําหรับทั้งหมู่บ้าน ข้าก็ต้องการใบอนุญาตจากเจ้าเมือง”
“ไม่ใช่เรื่องพวกนั้น…”
ฟางหยวนหัวเราะ “ก็แค่ว่า ข้าไม่เคยพบจ้าวแห่งกลไกมาก่อน ข้าก็เลยเรียกท่านออกมา น่าเสียดาย… ท่านทําให้ข้าผิดหวังนัก เหอเหอ…”
“อะไรนะ?”
จางคงฟานโมโห
ในฐานะจ้าวแห่งกลไกอันมีเกียรติ แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเพียงแค่ศิษย์เท่านั้น ไม่ว่าไปที่ไหนพวกเขาก็หยิ่งทะนงในตัวเอง ไม่เคยได้รับประสบการณ์ถูกลูบคมเช่นนี้มาก่อน!
“เจ้า ไร้มารยาทนัก!”
ร่างของเขาสั่นเทิ้ม จ้องไห่ฝูอย่างเกรี้ยวกราด
“อภัยให้ข้าด้วย อาจารย์!”
ไห่ฝูกลัวแทบตายและลงไปคุกเข่า
เขาไม่เคยรู้เลยว่าฟางหยวนที่ดูธรรมดาจะสามหาวถึงเพียงนี้
“เดิมที่ข้าตั้งใจจะทําข้อตกลงบางอย่างกับท่าน น่าเสียดายที่ท่านมีจิตใจชั่วร้าย ใช้ค่ายกลของท่านสอดแนมข้า ท่านละเมิดกฏส่วนตัวของข้า…”
ฟางหยวนพูดอย่างใจเย็น
“เจ้า…”
จางคงฟางแทบจะกระอัก
ทุกห้องในตําหนักหลิงเจิ้นล้วนได้รับการปกป้องด้วยค่ายกลเวทย์ นี่ก็เพื่อให้แน่ใจในความปลอดภัยของจ้าวแห่งกลไก
อย่างไรเสีย พวกเขาก็ค่อนข้างอ่อนแอ ไม่ใช่ว่ามันเป็นเรื่องปกติที่เขาต้องตรวจสอบอีกฝ่าย ก่อนตกลงพบปะหรอกหรือ? เหตุใดจึงกลายเป็นละเมิดกฎเกณฑ์ของฟางหยวนไปได้?
แม้ว่าเขาจะมีความคิดมุ่งร้ายจริง ๆ เขาก็ย่อมไม่เปิดเผยมันออกมา
“ไห่ฝู จับเขาไว้ โบยให้หนักแล้วริบของมีค่ามาซะ…”
จางคงฟานเปลี่ยนเป็นจริงจัง
จากที่เขาได้รับจากค่ายกลที่ใช้ออก เขาตรวจพบว่าคนผู้นี้นั้นเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดา แม้ว่าจะมีสถานะหรือมีเบื้องหลังที่แข็งแกร่ง เขาก็คงตอบโต้อะไรไม่ได้! นี่เป็นเรื่องศักดิ์ศรีของจ้าวแห่งกลไก!
“ขอรับ อาจารย์!”
ไห่ฝูยืนขึ้นราวกับสุนัขที่แสนซื่อสัตย์ ราวกับพร้อมที่จะทุบตีฟางหยวนทุกเมื่อ
“เหอเหอ เจ้าเป็นเพียงศิษย์วิญญาณ และยังไม่รู้สถานะของตัวเองอีก!”
ฟางหยวนส่ายหน้าและหรี่ตา
ไห่ฝูตัวแข็งและล้มลงกับพื้น ดวงตาเหลือกขึ้น
“เอ่อะ? เจ้าไม่ใช่คนธรรมดา!”
จางคงฟานรู้แล้วว่ามีบางอย่างผิดไป “เจ้าปิดบังมันไว้จากค่ายกลสอดแนมของข้าได้อย่างไร?”
“ก็เป็นเพราะว่าเจ้ากระจอกเกินไปน่ะสิ!”
ฟางหยวนยังคงนั่งอยู่ไม่ขยับไปไหน ทันใดนั้น เขาก็ตวัดมือขวาออกไป
“ฝุบ!”
ขณะที่ลมพัดไปรอบ ๆ ห้อง มันก็เหมือนว่ามีมือล่องหนหิวตัวจางคงฟานขึ้นมา ดึงเขาไปทางที่ฟางหยวนนั่งอยู่
“สี่ระดับฟ้าและดิน ป้องกัน!”
จางคงฟานถอยหนีและทําลายเครื่องรางชิ้นหนึ่ง เกราะแสงปรากฏขึ้น
ไม่เพียงแค่นั้น ค่ายกลรอบ ๆ ตําหนักล้วนเคลื่อนไหว สัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาลที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน
“ไร้ประโยชน์!”
ฟางหยวนเปาปากเบา ๆ
“วูบ!”
ทันใดนั้น ก็มีสายลมพัดอย่างรุนแรง
จางคงฟานหน้าซีด เขารู้สึกราวกับคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขานั้นไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นภูเขาลูกหนึ่ง! เทือกเขาสูงเสียดฟ้า!
พลังมากมายอย่างน่าตระหนกระเบิดออกจากตัวฟางหยวนซึ่งแยกเขาออกจากค่ายกลของตน
“แม้ว่าข้าจะควบคุมค่ายกลได้จํากัด แต่เจ้าสามารถขัดขวางการควบคุมเหนือค่ายกลของข้าได้ หมายความว่าเจ้าเป็น อู่จง…”
จางคงฟานกัดฟันและเค้นคําพูดออกมา
เขาไม่เคยคิดว่าชายหนุ่มท่าทางหยาบคายตรงหน้าเขานั้นจะบรรลุสู่ระดับรวมธาตุแล้ว!
แม้ว่าเขาจะมีความสามารถและยังมีความช่วยเหลือจากอาจารย์ของตน เขาก็ยังเป็น แค่ศิษย์วิญญาณ!
“ในที่สุดเจ้าก็ตระหนักได้แล้วสินะว่าเกิดอะไรขึ้น?”
ฟางหยวนยิ้ม หมอกสะกดปกคลุมทั่วทั้งห้องอยู่ชั้นหนึ่ง และทันใดนั้น มันก็กลืนกินจา งคงฟานเข้าไป!
….
“อมิตตาพุทธ!”
เมื่อการควบคุมเหนือค่ายกลของเขาถูกขัดขวาง และยังความเคลื่อนไหวมากมาย ทั้งตําหนักหลิงเจิ้นก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ตอนที่ฟางหยวนเกือบจะใช้เคล็ดแฝงฝันของเขากับจางคงฟาน เสียงระฆังพระพุทธก็ดังมาขณะพระคุณเจ้าชราที่มีใบหน้าอันปรานีเข้ามาในห้อง
“ศิษย์ของอาตมาวู่วามแล้ว ท่านจะเมตตาปล่อยเขาไปได้หรือไม่ในคราวนี้!”
พระคุณเจ้าชราผู้นี้นั้นร่างสูง คิ้วยาว ดวงตาเล็กหยีจนดูราวกับการมองเห็นจะไม่ดีนัก
“เหอเหอ พระคุณเจ้า ในเมื่อเขาเป็นศิษย์ของท่าน ข้าจะสร้างปัญหาให้เขาได้อย่างไรกัน?”
ฟางหยวนปล่อยมือและคํารามออกมา “ข้าเพียงตําหนิเขาถึงความผิดพลาดของเขาเท่านั้น!”
พระชรารูปนี้ก็คืออาจารย์ของจางคงฟาน
พระคุณเจ้าคงหมิงผู้ยิ่งใหญ่!
เขาต่างไปจากศิษย์ เขาคือจ้าวแห่งกลไกอย่างแท้จริง!
“อันที่จริงเขาไม่ได้เป็นอะไร และแค่หมดสติไปเท่านั้น”
คงหมิงเต้าซือเดินเข้าไปตรวจดูจางคงฟานและไห่ฝู หลังจากนั้น เขาก็ประกบมือไว้ที่ตรงหน้าอก “ขอบพระคุณในความเมตตาของท่าน!”
เขาไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่าข้างในนั้นฟางหยวนหัวเราะอยู่
ไม่มีใครสามารถบอกได้จากภายนอกว่าเขาได้ใช้เคล็ดแฝงฝันของเขาออกไปแล้วในเมื่อจางคงฟานนั้นดูปกติยิ่งนัก
กระทั่งพระคุณเจ้าคงหมิงเองก็ไม่รู้ว่าในระยะเวลาอันสั้นนี้ ฟางหยวนได้เรียนรู้เคล็ดค่ายกลเวทย์ทั้งหมดผ่านทางจางคงฟานแล้ว
‘ดูเหมือนว่าจ้าวแห่งกลไกกลุ่มนี้จะรวมตัวกันเพื่อควบคุมเมืองอย่างลับ ๆ พวกเขาล้วนมาจากอาณาจักรต้าเฉียนและมาที่นี่ก็เพราะวิบัติภัยครั้งนั้น…’
ฟางหยวนรีบตรวจดูความทรงจําของจางคงฟานผ่าน ๆ และดึงเอาข้อมูลสําคัญออกมา
ร่างกายของจ้าวแห่งกลไกนั้นอ่อนแอเกินกว่าจะเดินทางผ่านช่องเขาน้ําแข็งนรกได้ ดังนั้น หลายปีก่อน กลุ่มของจ้าวแห่งกลไกจึงขัดแย้งกันว่าต้องเดินทางผ่านช่องเขาน้ําแข็ง ในที่สุด พวกเขาก็ตัดสินใจไม่ออกเดินทางและตั้งรกรากที่นี่ สร้างเมืองซิงลั่วขึ้นมา
“ตอนนี้ผู้ปกครองเมืองซิงลั่วนี่ก็คือซิงกุย! และแน่นอนว่า พระคุณเจ้าคงหมิงผู้นี้ที่อยู่ที่ระดับรวมธาตุ ย่อมเป็นจ้าวแห่งกลไกที่มีอํานาจรองลงมาในเมืองซิงลั่วนี่!”
แม้ว่าคนทั้งคู่นี้จะไม่ใช่นักรบศักดิ์สิทธิ์ในระดับแยกธาตุ พวกมันก็ตั้งรกรากในเมืองซิงลั่งมาระยะหนึ่งแล้ว หากโกรธเกรี้ยวขึ้นมา กระทั่งนักรบศักดิ์สิทธิ์ในระดับแยกธาตุทั่วไปก็คงไม่สามารถรับมือกับพวกเขาได้
อย่างไรเสีย เขาก็มีข้อได้เปรียบเรื่องสถานที่
“ท่านผู้นี้…”
พระคุณเจ้าคงหมิงมองฟางหยวนอย่างตะลึง “เหตุใดข้าจึงไม่คุ้นหน้าท่าน ข้ารู้จักผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงทุกคนในเมืองซิงลั่ว…”
“นอกเสียจาก…”
ด้วยดวงตาเล็กหยีของเขา เขาวิเคราะห์สถานการณ์อย่างใจเย็น “ท่านจะไม่ใช่คนในเมืองนี้”