Carefree Path of Dreams – ตอนที่ 208

Chapter 208: หงเฟิ่ง

 

เดิมทีฟางหยวนนั้นมีพลังธาตุระดับ 5 แต่ด้วยร่างทองคําร้อยพิษระดับที่ 1 ของเขา เขา ได้รับพลังธาตุเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ รวมแล้ว เขามีพลังธาตุอยู่ที่ระดับที่ 6!

 

แล้วนี่จะหมายถึงอะไร?

 

เนี่ยควง ที่สร้างร่างสวรรค์และตะลุยผ่านช่องเขาน้ําแข็งได้ สามารถเอาชนะนักรบศักดิ์สิทธิ์ระดับแยกธาตุในสภาวะที่ดีที่สุดได้! ตอนนั้นเขามีพลังธาตุระดับที่ 7

 

ฟางหยวนนั้นไม่ห่างจากเขามากแล้ว ใช้ประโยชน์จากความประหลาดใจที่พลังของเขา เพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าตัว

 

“ครืน!”

 

ทั้งจัตุรัสสั่นสะเทือน

 

ก่อนที่อู่จงอีกสองคนจะทันรู้ตัว หมัดของฟางหยวนก็ไปถึงตรงหน้าพวกมันแล้ว

 

เขาเร็วมาก! เร็วเกินจินตนาการถึง!

 

“อํา! ผนึกเกราะมังกรพยัคฆ์!”

 

“รัศมีพลังซิงหลิน!”

 

อจงทั้งสองนั้นไม่ทันตั้งตัว ก่อนที่จิตใจจะทันคิด สัญชาตญาณก็บอกให้พวกเขาป้องกันก่อนแล้ว

 

อู่จงคนหนึ่งเรียกใช้ผนึก และเงาของมังกรพยัคฆ์ก็ปรากฏขึ้นรอบตัว เกิดเป็นเกราะขนาดใหญ่

 

อู่จงอีกคนปล่อยพลังธาตุออกจากทุกรูขุมขนบนร่างกายอย่างต่อเนื่อง เกิดเป็นโล่พลังที่รอบตัว

 

วิทยายุทธ์ของต้าเฉียนก็ยังเหนือกว่าที่ในประเทศหยวนและอู่ของดินแดนทางใต้มาก

 

แม้แต่ทักษะของอู่จงอพยพทั้งสองก็ยังค่อนข้างยอดเยี่ยม พวกเขามีพลังธาตุถึงระดับที่สอง!

 

พวกเขาย่อมต้องเป็นอู่จงที่เก่งที่สุดในบรรดาอู่จงที่เก่งที่สุดหากเทียบกับอู่จงของดินแดนทางใต้

 

แต่ว่า ฟางหยวนก็ไม่ได้กังวลนัก เขาเพิ่มพลังเข้าไป เหวี่ยงหมัดออก!

 

วิชาหมัดอะไรกันนี่

 

เงาร่างมังกรและเสือหายไปเพียงแค่สัมผัสและโล่ป้องกันที่เกิดจากพลังธาตุก็แตกออก!

 

พลังเช่นนี้เพียงพอที่จะใช้ในการทําลาย!

 

“อํา!”

 

“เจ้า…”

 

“ปัง! ปัง!”

 

อู่จงทั้งคู่ใบหน้าซีดเผือและกระอักเลือดออกมา รับหมัดนี้เข้าไปก็มีเสียงกระดูกหักนับไม่ถ้วน ดังออกมาจากร่างของพวกมัน ราวกับตาย พวกมันล้มลงไปกับพื้น!

 

“ตายซะ!”

 

ฟางหยวนหันไปหาเจ้าเมืองซิงลั่วอย่างรวดเร็วและตวัดกรงเล็บออก

 

“อัก”

 

สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปขณะก้าวถอยอย่างรวดเร็ว

 

เขาเต็มไปด้วยความสํานึกเสียใจแล้ว!

 

เขาไม่เคยคิดเลยว่าอู่จงอ่อนแอตรงหน้าเขาที่เกือบจะถูกเขาจับได้แล้วนั้นจู่ๆจะกลายเป็นปีศาจที่เก่งกาจเช่นนี้

 

“มังกรเขียวทะยานฟ้า เปลี่ยน!”

 

เรื่องดีก็คือการตายของอู่จงทั้งสองนั้นซื้อเวลาให้เขา

 

เจ้าเมืองเองก็เป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์ผู้หนึ่ง เขาท่องคาถาเวทย์เรียกใช้ค่ายกล

 

ก่อนหน้านี้ เขาจับฟางหยวนได้เพราะการจู่โจมกะทันหันและการเปลี่ยนแปลงของค่ายกลตามแผนที่ แต่ว่า ตอนนี้ฟางหยวนเริ่มระวังตัวแล้วย่อมยากที่จะปรับเปลี่ยนได้อีก ดังนั้น เขาตัดสินใจร่ายค่ายกลใส่ฟางหยวนด้วยตนเอง!

 

“ฝูบ!”

 

หลังจากมีแสงแวบขึ้น เขาก็หายตัวไป หลบพ้นจากกรงเล็บของฟางหยวน เขาปรากฏตัวที่ริมจัตุรัส

 

“เจ้าต่างหากที่ต้องตาย! ไม่มีใครช่วยเจ้าได้ในค่ายกลสี่ธาตุของข้า!”

 

เขามีสีหน้าจริงจังและเรียกใช้วิชาอีกครั้ง “แยก!”

 

“วิ่ง!”

 

อากาศสั่นสะเทือน ฟางหยวนสามารถสัมผัสได้ถึงพลังธาตุธรรมชาติที่ไหลออกจากตัวเขาช้าๆ จนกระทั่งไม่มีเหลืออยู่เลย

 

“บีบอัด!”

 

เจ้าเมืองชี้ไปที่ฟางหยวน และความกดดันราวกับภูเขาลูกย่อมๆ ก็กดลงมาบนตัวเขาทําให้เกิดเสียงปริแตกของเกราะพลังเวทย์ของเขาตามมาด้วยเสียงฉีกบาดหู

 

“นี่ก็คือพลังของค่ายกลร็ว”

 

ตอนที่เขาสัมผัสได้ถึงความกดดันมหาศาลกองท่วมทับเขานั้น เขาก็รู้สึกได้ว่าทั้งโลกราวกับเป็นศัตรูของเขา เมื่อคิดอย่างนี้ เขาก็หัวเราะกับตัวเองอย่างยินดี

 

ก่อนหน้านี้ เขาเคยเห็นเพียงค่ายกลที่ออกแบบมาเพื่อเป็นกับดัก นอกจากนี้ มันก็เป็นเพียงแผนที่ค่ายกล และมันก็เหมือนกับค่ายกลติดตั้งที่เขาซื้อมา มันจะเทียบกับค่ายกลปกปักษ์ที่ร่ายเอาไว้เหนือทั้งเมืองซิงลั่ว และรักษาเอาไว้ด้วยจ้าวแห่งกลไกจํานวนนับไม่ถ้วนได้อย่างไร?

 

“ท่านเจ้าเมือง! ท่านใช้เพียงการเปลี่ยนแปลงค่ายกล และยังส่งอู่จงเพียงสองคนเข้ามาจับตัวข้า นี่ย่อมหมายถึงเพียงสิ่งเดียว ท่านไม่ยินดีจะเคลื่อนไหวค่ายกลนี้มากเกินไปนัก น่าจะเป็นเพราะว่าความเสียหายของค่ายกลนี้ยังไม่ได้รับการซ่อมแซมใช่หรือไม่?”

 

“นอกจากนี้ แม้ว่าแผนที่ที่ท่านให้ข้ามานั้นจะแม่นยํา ท่านก็ยังซ่อนเวทย์ติดตาม ไว้ข้างในเพื่อระบุตําแหน่งของข้า ถูกหรือไม่?”

 

เขาพูดอย่างมั่นใจ ด้วยประสบการณ์ที่ได้รับจากการแฝงตัวเข้าไปในความทรงจําของจางคงฟาน และประสบการณ์ก่อนหน้ากับค่ายกลเวทย์ของเขา เขาสามารถระบุปัญหาออกมาได้อย่างรวดเร็ว พอเขาโยนแผนที่ในมือทิ้งไป สีหน้าของเจ้าเมืองก็เปลี่ยนไป

 

ถ้าเขารู้ว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ เขาคงจะยอมสละคนของตัวเองสักคนหนึ่งไปแล้ว อย่างน้อย สถานการณ์ก็จะไม่บานปลายมาถึงตอนนี้

 

ไม่เพียงเขาสูญเสียอู่จงถึงสองคน เขายังสร้างศัตรูคนใหม่ขึ้นมาด้วย!

 

ในเมื่อตอนนี้ฟางหยวนเป็นศัตรูกับเขาแล้ว เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทุ่มหมดตัวทําลายเขาทิ้งเสียที่นี่

 

ทนรับความกดดันมหาศาล ฟางหยวนไพล่มือไว้ด้านหลังและยืดตัวตรง

 

“จุดมุ่งหมายของค่ายกลนี้คือป้องกันผู้บุกรุกจากภายนอก การเปลี่ยนแปลงค่ายกลและกักข้าเอาไว้ที่ตรงกลาง ท่านย่อมใช้พลังของมันไม่ได้อย่างเต็มที่ ท่านกลัวว่าความเสียหายที่มีอยู่จะเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม และค่ายกลอาจจะถูกทําลายไปในที่สุดใช่หรือไม่?”

 

“เจ้าอวดดีเกินไปแล้ว!”

 

เจ้าเมืองใบหน้าทะมึนขึ้น “ด้วยพื้นฐานของค่ายกลปกปักษ์ของข้า เจ้าคิดว่า อู่จงระดับเเปดชีพจรอ่อนแออย่างเจ้า จะสามารถทําลายทั้งค่ายกลได้หรือ?”

 

“เคล็ดพยัคฆ์ขาวสังหาร! จบเจ็ดสังหาร ไป!”

 

“โฮก! โฮก!”

 

พร้อมกับเสียงคําราม หมอกขาวจากรอบๆ ก็เข้ามารวมกันเกิดเป็นรูปร่างของเสือตัวใหญ่ มันแยกเขี้ยวและมีท่าทางดุร้าย

 

ตามสัญชาตญาณสัตว์ มันพุ่งเข้ามาและตวัดกรงเล็บใส่ฟางหยวน

 

มันยิ่งใหญ่อยู่ตั้งแต่แรกแล้ว เมื่อได้รับการสนับสนุนจากค่ายกล มันก็มีพลังมากขึ้นกว่าเดิม!

 

“ดี!”

 

ฟางหยวนหัวเราะออกมาเสียงดัง ขณะเรียกใช้เคล็ดอินทรียักษ์กายาเหล็ก ร่างกายของเขา ดูปกติแต่ว่าระดับพลังภายในร่างพุ่งสูงขึ้น เขาสร้างอินทรียักษ์ขึ้นมาอย่างรวดเร็วส่งเสียงร้องแหลมยาว

 

“กรงเล็บอินทรียักษ์!”

 

“แกว๊ก! แกว๊ก!”

 

เมื่อกรงเล็บอินทรีปะทะกับกรงเล็บพยัคฆ์ กรงเล็บอินทรีก็หายวับไป

 

เสือขาวอึ้งและงันไปครู่หนึ่ง ร่างของมันส่องประกาย จากนั้นก็ตวัดกรงเล็บใส่ฟางหยวนอีกครั้ง

 

“สัตว์ตัวนี้เป็นส่วนหนึ่งของค่ายกล… มันจึงยังไม่มีการตอบสนองตามสัญชาตญาณเหมือนสัตว์ป่าที่แท้จริง!”

 

ฟางหยวนพุ่งตัวไปข้างหน้า และความกดดันบนร่างของเขาก็ไม่มากมายอีกต่อไป เขาเข้าถึงหัวของเสือขาวอย่างรวดเร็ว “ข้าจะทําลายซะ!!”

 

“ครืน!”

 

พร้อมกับเสียงโครมใหญ่ เขาปล่อยหมัดใส่หัวของเจ้าเสือ

 

เสือนิ่งไป กรงเล็บชะงักค้างอยู่กลางอากาศ ทั้งที่ยังมีนงง มันก็ล้มลงไป

 

“ฝูบ!”

 

ทั้งเมืองซิงลั่วสั่นสะเทือน และรอยแตกราวกับใยแมงมุมก็ปรากฏขึ้นบนกําแพงเมือง

 

“เจ้า”

 

เจ้าเมืองรู้สึกสิ้นหวังแล้ว “เจ้ากระทั่งรู้เรื่องค่ายกล?”

 

เขาบอกได้จากท่าเท้าประหลาดที่ฟางหยวนใช้ว่าเขารู้จุดอ่อนในค่ายกลแล้ว จากนั้น เขาก็จับ งหวะเวลาได้อย่างแม่นยําจัดการกับทั้งเจ้าเสือและค่ายกลในหมัดเดียว

 

ไม่อย่างนั้น สัตว์ร้ายกาจเช่นนั้นจะพ่ายแพ้ให้หมัดเดียวได้อย่างไร?

 

นอกจากนี้ นี่ยังทําให้เกิดรอยแตกบนกําแพงเมืองบางส่วนด้วย!

 

ใบหน้าของเจ้าเมืองเขียวคล้ํา

 

“มังกรเขียวทะยานฟ้า เต่าดําทลายพสุธา พยัคฆ์ขาวสังหาร… พวกเจ้าทั้งสาม ไป!”

 

“โฮก!”

 

เสียงคํารามของเสือมังกรดังมาให้ได้ยิน พื้นดินสั่นไหวเมื่อเต่าดําปรากฏออกมา เงาทั้งสามปรากฏขึ้นอีกครั้งล้อมรอบฟางหยวนเอาไว้

 

นี่คือพลังของค่ายกล!

 

หากไม่ทําลายรากฐานของค่ายกล การจู่โจมทั้งหมดล้วนเป็นไปได้อย่างต่อเนื่อ

 

แม้ว่ามันอาจจะเกิดความเสียหายขึ้นบางครั้ง แต่มันก็สามารถซ่อมแซมได้อย่างรวดเร็ว

 

“เหตุใดเจ้าจึงคิดโง่ๆ ว่าจะสามารถต่อต้านพลังของฟ้าและดินได้?”

 

เสียงของเจ้าเมืองดังมา “ในเมื่อเจ้าเป็นอู่จงระดับเบิดชีพจร ตอนนี้ข้าเชื่อว่าเจ้ามาจากทางใต้ ยอมแพ้แล้วให้ข้าจับตัว ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!”

 

จากทั้งหมดที่เกิดขึ้น เขารู้สึกว่าความสามารถในการร่ายค่ายกลของตัวเองนั้นพัฒนาอย่างก้าวกระโดด

 

หากค่ายกลยังสมบูรณ์ดี ก็คงไม่มีจุดอ่อนใดๆให้ฟางหยวนฉกฉวยแล้ว

 

แต่ว่า ด้วยจุดอ่อนตรงนั้น และยังหลายวิชาที่เขาใช้ออก มันก็เหมือนเขากําลังฝึกฝนตัวเอง ดังนั้นก็เป็นธรรมดาที่ความสามารถในการร่ายค่ายกลของเขาจะเพิ่มสูงขึ้น

 

“ฝูบ!”

 

ทันใดนั้น ฟางหยวนกวนไปจนทั่ว เขาใช้ก้าวมายาและพุ่งไปถึงส่วนหัวของสัตว์ประจําค่ายกลอีกครั้ง พุ่งเข้าไปในรัศมีของสัตว์ร้าย ปีกของอินทรีก็ปาดใส่พยัคฆ์ขาว และกรงเล็บอินทรีก็ตวัดใส่มังกรเขียว จะงอยปากจิกใส่เต่าดําพร้อมกับเสียงกรีดร้อง เต่าดําหายวับไป

 

“ครืน!”

 

ทั้งเมืองซิงลั่วสั่นอีกครั้งราวกับเกิดแผ่นดินไหวเล็กๆ

 

มันไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน และนี่ทําให้พวกเขารู้สึกราวกับจุดจบของโลกใบนี้กําลังจะมาถึง

 

“นี่เป็นไปไม่ได้”

 

“ค่ายกลปกปักษ์จะแพ้ได้อย่างไร?”

 

ในอารามสัมโภคกาย

 

พระคุณเจ้าคงหมิงลืมตาขึ้นมาอย่างสงสัย “เป็นไปได้อย่างไร?”

 

ความสั่นคลอนของค่ายกลน่าจะเกิดจากเจ้าเมืองดึงพลังจากแห่งพลังของค่ายกล ควบคู่กับความจริงที่ค่ายกลได้รับความเสียหาย

 

ตามที่เขารู้ เจ้าเมืองใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในการวางแผนรับมือฟางหยวน เขายังเรียกหาความช่วยเหลือจากอู่จงอีกสองคนและดังนั้นจึงค่อนข้างมั่นใจว่าจะไม่เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้น!

 

“ถ้าค่ายกลปกปักษ์ถูกทําลาย ทั้งเมืองก็จะถล่ม และก็จะไม่มีผู้ใดรอดชีวิต…”

 

โดยไม่รู้ตัว ภาพของชายหนุ่มผู้หนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าของพระคุณเจ้าคงหมิง

 

“พวกเจ้าทั้งหมดรอที่นี่ ข้าจะออกไปดูสักหน่อย!”

 

ด้วยท่าทางมุ่งมั่น เขาลุกขึ้น โค้งกายลงและหายตัวไปอย่างรวดเร็ว

 

“พวกมันทั้งสาม…”

 

เจ้าเมืองมีท่าทางเศร้าโศก สีหน้ากลับมานิ่งเฉย เขาพูดต่อ “เจ้าบังคับให้ข้าทําเช่นนี้! หงเฟิ่งจากทิศใต้! ออกมา!”

 

เพื่อที่จะต้านทานจากลมหนาวและอากาศเย็น เจ้าเมืองจึงใช้เคล็ดธาตุไฟได้ดี

 

แต่ว่า ส่วนที่เสียหายของค่ายกลนั้นมาจากทางหงเฟิ่ง ดังนั้น หากไม่จําเป็น การเรียกใช้มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรนัก

 

แต่ว่า รับมือกับฟางหยวน เขาต้องใช้ท่าไม้ตายออกมาแล้ว!

 

“แกว๊ก! แกว๊ก!”

 

ประกายไฟลอยผ่านไป นกเพลิงยักษ์ปรากฏขึ้น ขณะเปลวไฟลุกโหมท่วมปีก นกนั่นก็กรีดร้องเสียงยาว

 

“หงเฟิ่งทิศใต้ว”

 

ฟางหยวนตัวแข็งไป

 

พลังของสัตว์วิญญาณนี้ยิ่งใหญ่กว่ามายาภาพของสัตว์ทั้งสามที่เขาสู้ด้วยก่อนหน้ามาก

 

“วิ่ง! วิ่ง!”

 

ไม่เพียงแค่นั้น แต่ยังมีเพชรส่องประกายสว่างอยู่บนหัวของนกเพลิงตัวนี้

 

นี่คือแหล่งพลังงาน! แหล่งพลังงานของทั้งค่ายกลสี่ธาตุ

 

Carefree Path of Dreams

Carefree Path of Dreams

CPoD, 逍遥梦路
Score 7.4
Status: Ongoing Type: Author: , , Artist: Released: 2017 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Carefree Path of Dreamsนี่เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มที่ใช้ชีวิตสันโดษอยู่บนภูเขา ปลูกพืช เลี้ยงปลา และฝันถึงความฝันของเขา เอ๋? จู่ ๆ ข้าก็ออกไปพิชิตทั่วหล้าและกลายเป็นผู้ครองโลกเหรอ? หรือว่าข้ายังอยู่ในความฝันกันแน่?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset