Chapter 212: เมืองทะเลทราย
ทะเลทรายเหยยดตวเปถึงสุดขอบฟากบสภาพแวดลอมอนแหงแลงมนเป็นสถานททสงมชวิตแทบจะดํารงอยู่ไม่ได้
นอกเสียจากโดยสารบนสัตว์พาหนะหนึ่งเดียวของทะเลทรายแห่งนี้อฐทนไฟ” มันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะข้ามทะเลทรายแห่งนี้
“กริ้ง! กริ้ง!”
นอกเสียจากโดยสารบนสัตว์พาหนะหนึ่งเดียวของทะเลทรายแห่งนี้อฐทนไฟ มันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะข้ามทะเลทรายแห่งนี้
“กริ้ง! กริ้ง!”
พร้อมกับเสียงกระดิ่งบนเจ้าอธ ขบวนเดินทางก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางคลื่นความร้อน พวกเขา “กริ่ง กริ้ง!”
พร้อมกับเสียงกระดิ่งบนเจ้าอูฐ ขบวนเดินทางก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางคลื่นความร้อน พวกเขาทุกคนสวมผ้าคลุมที่ช่วยป้องกันตัวเองจากพายุทราย ทุกคนมีท่าที่นิ่งขรึมและเดินทางเรียงเป็นแถวราวกับผีดิบ – พวกเขาพยายามลดการใช้พลังงานของตัวเองและหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวที่ไม่จําเป็น
อฐทนไฟนั้นมีขนาดเกือบสองเท่าของอฐทั่วไปและยังมีโหนกบนหลังถึงสามโหนก ขนของมันเป็นสีแดงเพลิงและยังสะท้อนเป็นประกายภายใต้แสงอาทิตย์สว่างไสว
แม้ว่าอูฐทนไฟเหล่านี้จะไม่ใช่สัตว์วิญญาณ พวกมันก็มีความคิดของตัวเองและขนของพวกมันก็เป็นที่ต้องการอย่างสูงในตลาด
ขบวนเดินทางที่ประกอบด้วยอูฐทนไฟเหล่านี้หลายสิบตัวย่อมนับว่าร่ํารวยในหมู่ชนเผ่าเร่ร่อนในทะเลทราย
มีเพียงไม่กี่เผ่าในทะเลทรายที่สามารถมีทรัพย์สินถึงเพียงนี้ได้
อูฐสีขาวตัวหนึ่งถูกวาดเอาไว้บนธงของขบวนเดินทาง มันดูสง่างามมาก
ขบวนเดินทางอูฐขาว!
นี่เป็นหนึ่งในขบวนเดินทางระดับสูงในทะเลทรายรกร้างและยังมีชื่อเสียงไปถึงบริ เวณใกล้เคียง
“ท่านพ่อ… ดูนั่น!”
มันเป็นเวลาบ่าย พระอาทิตย์แขวนอยู่กลางฟ้า คลื่นความร้อนแผดเผาก่อให้เกิดเงาสะท้อนที่กลางอากาศ การมองเห็นของพวกเขาบิดเบี้ยวไป
คนบนหลังอิฐมองไปรอบ ๆ และจู่ ๆ ก็อ้าปากค้างเมื่อมองไปที่ไกล ๆ
“หม?”
พ่อของเขาเป็นนักรบมากประสบการณ์ เขามีสายตาเฉียบคมเขานิ่งไปเมื่อมองลึกเข้าไปในทะเลทราย
ที่กลางทะเลทราย มีสีขาวชั้นหนึ่งปรากฏอยู่ มันดูใสกระจ่างราวกับกําลังละลายอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ที่ร้อนแรง
นี่คือทะเลทรายขาวอันร้ายกาจ กระทั่งอูฐทนไฟยังไม่สามารถผ่านออกมาได้เป็น ๆ
แต่ว่า ในตอนนี้ มีเงาสีดําร่างหนึ่งเดินออกมาจากทะเลทรายขาว
“มันไม่ใช่ภาพลวงตา!”
ทั้งขบวนเดินทางตื่นตระหนก พ่อค้าบางคนลงจากหลังอิฐของพวกเขาและคารวะอย่างนอบน้อมไปทางเงาดํานั้น
“พิชิตทะเลทรายขาว หากเขาไม่ใช่พระเจ้า เช่นนั้นก็คงเป็นปีศาจ!”
นักรบหลายคนพึมพํากับตัวเองขณะกําดาบโค้งของตนไว้แน่นพวกเขาเริ่มกระวนกระวายขึ้นเรื่อย ๆ ช้า ๆ
ขณะที่สายลมร้อนพัดผ่านมา เงาร่างสีดําก็มาถึงอย่างช้า ๆเผยให้เห็นว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่ง
เขาสวมชุดคลุมสีขาวปักดอกไม้สีแดง มีหมวกไม้ไผ่อยู่บนหัวแม้ว่าเขาจะเคลื่อนที่อย่างช้า ๆ แต่ทุกย่างก้าว เขาเหมือนล่องลอยมาราวกับพระผู้เป็นเจ้าเยื้องย่าง
“ฟู คนหรอกหรือ?”
เมื่อคนผู้นั้นมาถึงตรงหน้าขบวนเดินทาง เขาก็ถอดหมวกออกเผยให้เห็นใบหน้าอ่อนเยาว์เป็นฟางหยวน!
“ดีมาก! ในที่สุด ก็เดินออกจากทะเลทรายงเง่านี้ได้เสียที!”
เขาพยักหน้า เผยความตื่นเต้นของตัวเองออกมา
เมื่อคิดถึงการเดินทางที่เขาผ่านมา เขาก็เต็มไปด้วยอารมณ์
ตั้งแต่ตอนที่เขาออกจากเมืองซิงลั่ว เวลาก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว!
ด้วยวิทยายุทธ์และความสามารถของเขา กับแผนที่จากเจ้าเมืองซิงลัวคนก่อนเขาตะลุยมาตลอดทางและเดินทางผ่านอันตรายนับสิบอย่าง
เทียบกับอันตรายที่ช่องเขาน้ําแข็ง นี่ไม่นับเป็นอะไรเลย แต่ว่าการเดินทางยาวนานเชื่องช้าทําให้ฟางหยวนเหน็ดเหนื่อย
นอกจากนี้ เขายังประสบกับเหตุประหลาดหลายอย่างระหว่างทางมาที่นี่
อย่างเช่น ในนรกพันปีศาจ เขาได้พบกับผีร้ายที่มีขายาวนับร้อยข้างหากไม่ใช่เพราะเจ้าผีร้ายนั่นไม่สนใจเขาที่แสนอ่อนแอเขาก็คงออกจากที่นั่นไม่ได้
นอกจากปีศาจร้ายแล้ว เขายังเจอกับอีกสามเผ่าที่ประกอบไปด้วยคนประหลาดรวมทั้งสัตว์ร้ายในตํานาน ด้วยความสามารถของเขาและโชคอีกเล็กน้อยเขาผ่านทุกอุปสรรคมาได้อย่างปลอดภัยและไม่ได้ตายตกลงไปที่นั่น
ตอนนี้ เขามาถึงทะเลทรายรกร้างแล้ว
เพราะว่าเขาเหนื่อยจากการบุกตะลุยมาเขาจึงเลือกหนทางที่สั้นที่สุดโดยการตัดผ่านทะเลทรายขาว
และก็เป็นในทะเลทรายขาวที่เขาพบกับเผ่ายักษ์ทองคําในตํานานและยังแทบจะถูกบีบบังคับ ถึงตาย มีเพียงแค่ใช้ก้าวมายาของจ้าวแห่งฝันและเคล็ดค่ายกลเวทย์เขาจึงสามารถหนีออกมาได้สําเร็จ
ตอนนี้ ในที่สุดเขาก็ได้พบกับคนธรรมดา เขารู้สึกตื่นเต้นมาก
“ในเมื่อที่นี่มีคน เมืองทะเลทรายย่อมอยู่ใกล้ ๆ นี”
ฟางหยวนเรียกแผนที่ของเจ้าเมืองซิงลัวออกมา “หลังจากผ่านเมืองทะเลทรายและเทือกเขาสามโลกข้าก็จะไปถึงต้าเฉียน…”
หลังจากแบ่งเทือกเขานั้นออกเป็นสามส่วนเทือกเขานั้นก็ถูกเรียกทั่วไปว่า“เทือกเขาสามโลก!
ไม่เพียงแค่เป็นเส้นแบ่งเขตแดนของต้าเฉียนมันยังมีข่าวลือว่ามันยังแยกโลกหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยอันตรายร้ายแรงเอาไว้ภายใน
หรือพูดอีกอย่างหนึ่ง โลกอันไม่เป็นที่รู้จักย่อมน่ากลัวที่สุด!
“การที่ผู้อพยพมากมายสามารถเดินทางผ่านเทือกเขาสามโลกมาได้สําเร็จย่อมหมายความว่าข้าย่อมค้นหาหนทางที่ถูกต้องได้เช่นกันอันตรายของเทือกเขาสามโลกน่าจะไม่เท่ากับช่องเขาน้ํา แข็ง แต่ข้าก็ประมาทมันไม่ได้นอกจากนี้ดูจากสภาพของข้าตอนนี้ข้าควรต้องล้างเนื้อล้างตัวและพักผ่อนเสียก่อน!”
“เมืองทะเลทรายน่าจะเป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุด!”
หลังจากฟางหยวนหลุดออกจากภวังค์แล้ว ทั้งหมดที่เขาเห็นก็คือสายตาประหลาดจากกลุ่มอูฐทนไฟ
บนหลังของอูฐนั้นมีกล่องใบโตที่ดูหนักมากหลายใบแน่ชัดว่านี่คือขบวนเดินทาง และที่บนธง ที่อยู่บนกล่องใบหนึ่ง มีรูปอิฐขาวอยู่ครึ่งหนึ่งของขบวนเดินทางนั้นคารวะมาทางเขาอย่างจริงใจในขณะที่อีกครึ่งหนึ่งดูราวกับถูกคุกคาม ขณะกวัดแกว่งดาบโค้งไปมาในดวงตามีความกลัวตื่นตัวอย่างเต็มที่
นี่ค่อนข้างพิเศษสําหรับชายหนุ่มผู้หนึ่ง ขาของเขางอลงและสันสะท้านมือของเขาอยู่บนดาบโค้งเขาดูงง ๆว่าควรจะทําอะไรและดูน่าหัวเราะ
“พวกเจ้าทั้งหมด…. พวกเจ้าทั้งหมดตั้งท่าป้องกันข้ารึ?”
ฟางหยวนยิ้มและปล่อยพลังงานบางส่วนขณะถาม
สายลมผ่านมา ทันทีที่เขาพูดจบประโยคพายุทรายก็เริ่มพัดมวลอากาศร้อนเริ่มหมุ นวนบนผืนทรายเหล่าอฐถอยออกไป
“พายุทราย?”
เด็กหนุ่มบนหลังอูฐใบหน้าซีดและหมดสติไป
“เขาเป็นพระเจ้าที่สามารถควบคุมอากาศได้!พวกเราต้านเขาไม่ไหว!”
อีกหลายคนที่งมงายสักหน่อยนั้นคุกเข่าลงไปแล้วและยังดุคนที่เหลือ
“วิทยายุทธ์ยอดเยี่ยม!”
อีกหลายคนในขบวนเดินทางนั้นฉลาด
หนึ่งในนั้นคือบิดาของชายหนุ่ม เขาเป็นหัวหน้าผู้คุ้มกันเครายาวถักเป็นเบีย เขาวางอาวุธลง และทักทายฟางหยวนอย่างนอบน้อม “ท่าน… พวกเรามาจากขบวนเดินทางอูฐขาว หากท่าน มีคําขอร้องใดพวกเราจะพยายามปฏิบัติตาม”
เขาชัดเจนในเรื่องหนึ่ง
บุคคลตรงหน้าเขานั้นไม่ใช่พระเจ้า แต่เป็นอู่จงที่มีอํานาจมหาศาล
เขาแข็งแกร่งกว่าตนมาก และหากเขาเกรี้ยวกราดขึ้นมาทั้งขบวนคงไม่สามารถรอดไปได้
ดังนั้น เพื่อให้รอดชีวิตเขาจึงยินยอมที่จะทําทุกอย่างตามที่ฟางหยวนต้องการ
“อืม ข้าต้องการผู้นําทาง ผู้นําทางพื้นถิ่น!”
ฟางหยวนตอบ
“ข้า อาซิวต้า ยินดีรับใช้ท่าน นักรบเก่งกาจผู้สามารถเดินทางข้ามทะเลทรายขาวได้!”
ทันทีที่ได้ยินคําเรียกร้องของเขาผู้ชายเปียเคราก็รีบคุกเข่าลงตรงหน้าเขาและตอบกลับอย่างนอบน้อม
“ดีมาก!”
ฟางหยวนพยักหน้าและนิ่งอยู่
“อํา!”
ท่ามกลางเหตุการณ์นี้หนึ่งในบุตรชายของอาซิวต้าก็กรีดร้องขึ้นมาเมื่อตื่นจากภวังค์ มองไปรอบ ๆและเห็นทุกคนมองมาทางเขาใบหน้าก็แดงก่ํา
เขาพบว่าขบวนเดินทางนั้นเดินทางต่อแล้วคนขี่อฐผู้หนึ่งที่ข้างตัวเขายังยิ้มและโยนถุงเหล้ามาให้ “เจ้ากลัว? จิบเหล้าแรงๆสักอีกช่วยได้นะ!”
“ขอบคุณ!”
เขารับถุงเหล้ามา เปิดออกดื่มลงไปเต็มที่ ในตอนนี้เองเขาสัมผัสได้ถึงเปลวไฟแผดเผาตั้งแต่ลําคอลงไปถึงกระเพาะ
หลังจากเมานิด ๆ ความกลัวก็ปลิวหายไป
ถึงตอนนี้เองเขาถึงได้รู้สึกและเริ่มถาม “นั่นใช่ปีศาจที่เดินออกมาจากทะเลทรายขาวหรือไม่?”
“ผัวะ!”
ทันทีที่เขาพูดคํานั้นออกมา ฝ่ามือหนึ่งก็ตวัดผ่านหน้าเขาไป
“บิดาท่านตีข้าทําไม?”
เห็นว่าคนที่ตีเขาคืออาซิวต้า โทสะของชายหนุ่มก็หายไปและทําได้แค่กุมหน้าเอาไว้และถาม
“เจ้าโง่! นั่นไม่ใช่ปีศาจ เป็นนายท่านฟางหยวนผู้มีเกียรติ!”
อาซิวต้ามีสีหน้าและแววตาจริงจัง
ชายหนุ่มหันไปรอบ ๆ และเห็นที่ตรงกลางขบวนสินค้าถูกย้ายออกจากหลังอูฐแทนที่สินค้าเหล่านั้นด้วยโต๊ะเล็กๆและสุราอย่างหรูหราและผู้ที่ขี่อยู่บนหลังอูฐเป็นปีศาจนั้น!
ไม่ เขาคือท่านฟางหยวน
เขายังเยาว์มากและดูจะอายุไล่เลี่ยกับตนไม่น่าเชื่อว่าเขาสามารถเดินทางผ่านทะเลทรายขาวและสภาพแวดล้อมอันเลวร้ายมาได้!
ถึงตอนนี้ ดูเหมือนว่าคนผู้นั้นจะรู้ตัวแล้วว่ามีคนมองอยู่เขาขยับสายตามาสบและยิ้ม
ชายหนุ่มตัวสั่นด้วยความกลัว กับรอยยิ้มของปีศาจนั่นมือของเขาก็เริ่มสั่น
อาซิวต้าถอนหายใจเมื่อเห็น
ความกลัวและกังวลนั้นเป็นอาวุธที่ดีที่สุดในการทําลายคนผู้หนึ่ง!
ตอนที่เขายังเยาว์ ครั้งหนึ่งเขาเคยมีสหายที่เป็นเช่นนี้สหายของเขาสามารถฆ่าเสือและสิงโต ได้ตอนที่พวกเขายังเยาววัยแต่ว่าครั้งหนึ่งสหายของเขาและเพื่อนคนอื่น ๆ เผชิญกับเรื่องน่ากลัวและผู้คุ้มกันทั้งหมดก็ถูกสังหาร เหลือไว้เพียงแค่สหายของเขาและเพื่อนอีกคนจากวันนั้น เป็นต้นมาสหายของเขาก็กลายเป็นโรคหวาดกลัวและเสียสติไปแม้ว่าสหายของเขาจะเสียสติ เขาก็ยังกลัวทะเลทราย และการยกอาวุธขึ้นมาก็ทําให้เขามือสั่นด้วยความกลัวในฐานะผู้คุ้มกันเขาใช้การไม่ได้แล้วตอนนี้ เขาทําได้เพียงอาศัยอยู่ในเมืองทะเลทรายและจัดเตรียมเสบียงและกําลังคนให้แก่ผู้ที่จะเดินทางเข้ามาในทะเลทรายรกร้างเขาแต่งงานและมีลูกหลายคนและในที่สุดก็มีชีวิตอันดี
ต้าตาเอ่อ… เจ้าต้องเดินออกจากความหวาดกลัวนั้นได้สิ!”
มองบุตรชายของตน เขาก็มีสีหน้ากังวล แต่ไม่กล้าทําอะไรฟางหยวนทําได้เพียงภาวนาเงียบ
เมื่อขบวนเดินทางเดินมาได้ครึ่งวัน ทะเลทรายรกร้างได้สิ้นสุดก็หมดไปเมื่อขบวนเดินทางได้พบกับทะเลสาบสีเขียว
ทะเลสาบสีเขียวขนาดใหญ่ปรากฏให้เห็นมันเป็นจุดบรรจบของแม่น้ําหลายสายจึงเกิดเป็นทะเลสาบงดงามขึ้น
ที่ริมทะเลสาบ มีเมืองใหญ่ที่กําแพงสร้างจากอิฐปรากฏขึ้น
แม้ว่ามันจะไม่ได้ดูงดงามนักเมื่อมองจากไกล ๆมันก็ยังเหมือนเป็นปาฏิหาริย์เมื่อคิดถึงว่ามันอยู่กลางทะเลทราย
“รู้เว้”
“โอ้ว! ”
ผู้ชายหลายคนตะโกนอย่างดีใจ
ขบวนเดินทางของพวกเขาเดินทางมานานและในที่สุดก็กลับถึงบ้าน