Chapter 216: ราชาวานร
“ไข่มุกเยือกแข็ง!? เหมือนกับที่มีบันทึกเอาไว้เลย!”
ฟางหยวนเต็มไปด้วยความตื่นเต้นแล้วก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง “แต่เราก็ยังคงต้องทดสอบความสามารถของมันอยู่!”
เขาชี้ไปทางทหารม้าผู้หนึ่งอย่างง่าย ๆ “เจ้า ไป! เก็บไข่มุกนั่นขึ้นมา!”
“ทําตามคําสั่ง!”
สีหน้าของหมายเลข 17 เปลี่ยนไป ขณะฉินชิงสูดลมหายใจลึก นางออกคําสั่ง
“ขอรับ!”
เขากัดฟัน สวมถุงมือหนัง จากนั้นก็เดินเข้าไปอย่างสงบและเก็บไข่มุกเยือกแข็งขึ้นมา ไม่มีอะ ไรเกิดขึ้น
“อืม ถอดถุงมือของเจ้าออกแล้วลองอีกครั้ง!”
ฟางหยวนพยักหน้าและออกคําสั่งเพิ่ม
“อ้ะ!”
หมายเลข 17 รับคําสั่ง เมื่อปลายนิ้วของเขาสัมผัสถูกไข่มุกเม็ดนั้น เขาก็ร้องออกมา
“ฝุบ!”
แสงสีฟ้าระเบิดออกจากไข่มุก ปกคลุมทั่วร่างเขา
เมื่อแสงสลัวลง ก็เหลือเพียงรูปสลักน้ําแข็งอยู่ตรงที่เขายืนอยู่ หมายเลข 17 ที่ถูกขังในก้อนน้ําแข็งหยุดหายใจไป!
“เพียงสัมผัสก็กลายเป็นก้อนน้ําแข็ง มันสามารถแช่แข็งทุกอย่างได้ตราบใดที่ไม่ใช่พลังธาตุน้ําไหล หรืออะไรคล้ายแบบนั้น เป็นไข่มุกเยือกแข็งจริง ๆ !”
ฟางหยวนพยักหน้า เพียงแค่โบกมือ ไข่มุกสีฟ้าก็ลงไปอยู่ในกล่องหยก จากนั้นก็ถูกส่งเข้า ไปในไข่มุกภูผานที่ต่อ
ฉินชิงและฉินอวิ๋นทั้งคู่จับตามองภาพนี้อยู่และยังคงเงียบ
“จริง ๆ ด้วย ข้าจําเป็นต้องมีนักรบบูชายัญพวกนี้!”
ฟางหยวนถอนหายใจอยู่ลึก ๆ
หากเขาเตรียมนักรบบูชายัญเอาไว้สักกองหนึ่งสําหรับการเดินทางก่อนหน้านี้ เขาก็คงไม่ต้องเผชิญกับอันตรายด้วยตัวเองแล้ว!
“คุณหนู คุณชาย ไปกันเถิด!”
ผู้อาวุโสโจวถอนหายใจ “หมายเลข 13 และ 17 ล้วนตายแล้ว อย่าให้การตายของพวกเขาเสียเปล่า ตราบใดที่พวกเราจดจําพวกเขาเอาไว้และให้ความระลึกถึงพวกเขาเมื่อพวกเรากลับไปที่ตระกูล และอย่าลืมชดเชยให้กับทายาทของพวกเขา…”
“ถูกต้อง!”
ฉินชิงเลียริมฝีปากแล้วก็ลุกขึ้นยืนด้วยท่าที่มุ่งมั่น “พวกเราไม่เพียงต้องให้ความเคารพพวกเขา พวกเรายังต้องนําพวกเขากลับไปที่ตระกูลฉิน! ตราบใดที่ตระกูลฉินของเรายังอยู่ เราจะให้พวกเขามีชีวิตที่ดี!”
เพราะอย่างนั้น นางจึงดึงฉินอวิ๋นขึ้นมา
“พี่สาว… ข้ารู้แล้ว…”
ดวงตาของฉินอวิ๋นแดงก่ำ
เขารู้ว่าหากเขาล้มเหลวในการชิงตําแหน่งทายาทของตระกูล เช่นนั้นนักรบบูชายัญทั้งสองคน นี้ก็ตายเปล่าแล้ว
“ไปกันเถอะ!”
เขากัดฟันแล้วตามไป
“ดีมาก!”
ฟางหยวนออกเดินไปแล้ว เมื่อรู้ว่าพี่น้องฉินตามมา เขาก็พยักหน้า
เขารู้สึกว่าหลังจากการตายของนักรบบูชายัญทั้งสอง ทั้งฉินวิ๋นและฉินชิงก็มีท่าทางของทายาทตระกูลขึ้นมาบ้าง พวกเขาเติบใหญ่อย่างรวดเร็วในสภาพแวดล้อมอันโหดร้ายนี้
“ฟูู่…”
ฟางหยวนถอนหายใจ “ฉวยโอกาสนี้และอําพรางร่องรอยให้ได้มากเท่าที่จะทําได้!”
ทุกคนยังคงเงียบอยู่ขณะที่เริ่มเร่งฝีเท้า
“เกือบเที่ยงคืนแล้ว และพวกวานรวิญญาณก็น่าจะกําลังหลับและไม่ออกมาเพ่นพ่านที่ด้านนอก…”
มันมืดสนิทไปทุกหนแห่ง และภายในหมอก การมองเห็นก็แย่มาก
ดีที่ทุกคนนั้นเป็นผู้ฝึกยุทธ์และยังมีระดับการฝึกตนสูงในระดับหนึ่ง ทุกคนมีประสาทสัมผัสทางการมองและการได้ยินที่ดีและเพียงแค่แสงจันทร์สลัวก็เพียงพอให้เดินทางต่อได้
ถนนบนเขานั้นขรุขระ รวมกับที่พวกเขาต้องเดินทางในความมืด ฉินอวุ๋นนั้นล้มไปหลายครั้งและมือก็เต็มไปด้วยเลือด
ผู้อาวุโสมองไปรอบ ๆ และกระซิบ “มีเพียงแค่เราโชคร้ายสุด ๆ เท่านั้นถึงจะเจอเข้ากับพวกสัตว์ประหลาดนั่นที่นี่”
“อู๋! อู๋ววว!”
ตอนที่เขาพูด เสียงที่เต็มไปด้วยพลังก็ดังมา
“นั่นเป็นเสียงของลิงพวกนั้นใช่หรือไม่? !”
ฉินอวิ๋นร้องออกมา
ในความมืด ดวงตาคู่หนึ่งสะท้อนประกายและจ้องมาทางฉินอวิ๋น
“ควับ!”
ฟางหยวนส่ายหน้าและพลิกนิ้วอย่างง่าย ๆ
“ฝุบ!”
เขายิงพลังธาตุอันร้ายกาจออกไปเป็นลําแสงเข้ม ราวกับลูกศร มันพุ่งผ่านอากาศและเปล่งประกาย
ม่านตาของฉินอวิ๋นหดแคบ ด้วยประกายแสงจากพลังธาตุเส้นนั้น เขาก็มองเห็นรูปร่างหน้าตาของวานรวิญญาณ
มันตัวใหญ่มากและยังสูงกว่าตัวเขาเองเสียอีก กล้ามเนื้อบนแขนก็โปงนูนและหนากว่าท่อนขาของเขา มือของมันเหยียดยาวผ่านหัวเข่า ใบหน้าเป็นสีแดงเพลิง และยังมีประกายประหลาดส่องออกมาจากบริเวณศูนย์รวมจิตของมัน
สิ่งที่โดดเด่นก็คือวานรวิญญาณที่ปรากฏตัวขึ้นตัวนี้นั้นดูแก่มาก ขนของมันเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว มีร่องรอยของความรับรู้ทางจิตอยู่ในดวงตาของมัน ให้ความรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่เจ้าเล่ห์ร้ายกาจตัวหนึ่ง!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความรับรู้ทางจิตของลิงตัวนี้นั่นน่าตะลึงเพียงใด หากมันมีเวลามากกว่านี้มันอาจจะพัฒนาดวงตาวิเศษและปลุกพลังของมันขึ้นมาได้
แต่ว่า ความหวังและความฝันทั้งหมดของมันสิ้นสุดลงตรงนี้แล้ว!
พลังธาตุเส้นนั้นพุ่งผ่านศูนย์รวมจิตของมัน ทะลวงเป็นโพรงเลือดด สมองของมันระเบิดออกและกลายเป็นภาพเละเทะไปทันที
“ไปเถอะ!”
ฟางหยวนถอนหายใจ “หลังจากสังหารลิงแก่ตัวนี้แล้ว ตัวที่เหลือย่อมตามมาในไม่ช้า พวกเราต้องรีบแล้ว!”
“เร็วเข้า!”
สีหน้าของฉินชิงเปลี่ยนไป โดยไม่ลังเล พวกเขาเริ่มเดินทางต่อ
เมื่อไม่แน่ใจว่าจะมีการลอบทําร้ายอีกหรือไม่ ทุกคนจึงใช้วิชาตัวเบา ความเร็วของพวกเขา เพิ่มขึ้นมาก และหลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็ข้ามลําธารบนภูเขามาเรียบร้อย ภาพทั้งสองข้างทางผ่านไปอย่างรวดเร็วเมื่อพวกเขารุดหน้า
“อู๋! อู๋ววว!”
ตอนนี้เอง ที่มีเสียงมากมายดังมาจากพวกลิงที่ล้อมอยู่รอบ ๆ มันไล่ตามมาและกระจายตัวออกกว้าง ก่อให้เกิดความกลัวเมื่อได้ยิน
“ฝุบ! ฝุบ!”
ดวงตาหลายคู่ปรากฏขึ้นส่องสว่างราวเทียนไขและล้อมพวกเขาเอาไว้
“นี่คือ…ลิง ฝูงลิง!”
ฉินชิงเสียงแห้งไป
“ดูเหมือนว่าพวกเราจะช้าเกินไป พวกเราถูกล้อมแล้ว!”
ฟางหยวนส่ายหน้า “ไม่มีประโยชน์ที่พวกเราจะแอบซ่อนต่อแล้ว พวกมันได้เปรียบเรื่องพื้นที่และยังความมืดมิดทั่วบริเวณทําให้พวกเราลําบากมากขึ้น! ส่งไข่มุกราตรีให้ข้า!”
“วิ้ง! วิ้ง!”
แสงสว่างเริ่มเปล่งออกมาท่ามกลางความมืด ส่องสว่างพื้นดิน เถาวัลย์ ต้นไม้… ทุกอย่างล้วนมองเห็นได้ชัด
ฉินอวิ๋นสูดลมหายใจเย็นเยือกเข้าไปขณะมองไปที่ฝูงลิง
ฝูงลิงเต็มไปด้วยลิงท่าทางร้ายกาจมากกว่าร้อยตัว พวกมันล้อมฟางหยวนและพวกเอาไว้ มองความเหี้ยมโหดบนหน้าพวกมัน มันเหมือนพวกมันอยากจะกินพวกเขาลงไปทั้งเป็น
ถึงตอนนี้ ก็ยังมีลิงอีกมากมายเพิ่มเข้ามา
“อู๋… อู๋ววววว …”
มีเสียงแหลมดังมา เสียงดังและเต็มไปด้วยพลังแห่งธาตุ เสียงนั่นเกือบทําให้ฉินอวิ๋นต้องกระอักเลือดออกมา
“ไปซะ!”
ฟางหยวนคําราม มือใหญ่โตข้างหนึ่งก่อตัวขึ้นจากพลังธาตุ เขาใช้มันเปิดทางข้างหน้า
วานรวิญญาณหลายตัวถูกปัดออกพ้นทาง บางตัวกระดูกหัก พวกมันร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด
ตอนนี้มีช่องทางแคบสายหนึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางฝูงลิงที่ล้อมเอาไว้ และคนทั้งกลุ่มก็รีบพุ่งออกไป
“พวกเรารับมือได้ไม่นาน!”
ฟางหยวนนําทาง มองวานรวิญญาณที่ไล่ตามมา เขาออกคําสั่ง “พวกเจ้าสามคน ใช้แสงล่อพวกมันไป!”
“ขอรับนายท่าน!”
นักรบบูชายัญสามคนดูสงบนิ่ง กําไข่มุกราตรีเอาไว้ พวกเขาหมุนตัวพุ่งออกไปคนละทิศละทาง
“อู๋! อู๋ววว!”
“อู๋! อู๋ววว!”
พวกลิงกรีดร้อง ฟางหยวนและพวกฉวยโอกาสอําพรางตัวและซ่อนตัวในซอกเขาเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง เมื่อพวกเขารู้สึกว่าฝูงลิงพุ่งตามทหารทั้งสามไปแล้ว หัวใจของพี่น้องฉินก็เต้นตุบ
พวกเขารู้ดีว่านักรบบูชายัญสามคนที่ถูกเลือกไปเป็นเหยื่อนั้นคงตายมากกว่าอยู่ สิ่งเดียวที่พวกเขาทําได้ก็คือยืดเวลาการตายของตัวเองออกไปเท่านั้น
ส่วนพวกเขาเองนั้น ถ้าหากถูกพบตัวเข้า ก็คงต้องเผชิญหน้ากับความตายเช่นกัน
“ลิงส่วนมากเลือกไล่ตามสามคนนั้นไป ต่อไป พวกเราจะ… บุกตะลุยออกไปจากช่องเขานี่!”
ผู้อาวุโสโจวกัดฟันนําทาง
ฟางหยวนมีความสงสารอยู่ในดวงตาแต่ไม่พูดอะไรมากขณะตามหลังไปเงียบ ๆ
“พี่…”
ฉินอวิ๋นเดินไปหลายก้าวและขยี้จมูกอย่างสงสัย “นี่มัน… ทําไมถึงหอมขนาดนี้?”
“นี่คือ… สุรา!”
ผู้อาวุโสโจวแน่ใจ เขาจะไม่รู้จักกลิ่นหอมของสุราได้อย่างไร?
“ทําไมถึงมีกลิ่นสุราอยู่ในปาลึกเช่นนี้?”
ใบหน้าของฉินชิงแดงเรื่อขึ้น ราวกับนางเริ่มมึนเมาเล็กน้อย
“กีกี๊!”
ผู้อาวุโสโจวอึ้งไปขณะคิดถึงบางอย่าง ปากเริ่มสั่นฟันขบกันถูกกักด้วยความกลัว “สุรานี้มีก ลิ่นของผลไม้ปาและหมักจากผลไม้นับร้อยชนิด เป็นสุราวานร!”
“สุราวานร หมักโดยลิงพวกนั้น น่าสนใจนัก…”
ฉินอวิ๋นพูดต่อ ขณะสีหน้าเปลี่ยนไป “เหตุใดกลิ่น ถึงอยู่ที่นี่?”
“นี่เพราะ…. พวกเราอยู่ในรังวานรแล้ว!”
ฟางหยวนตอบโดยไม่กะพริบตาด้วยซ้ำ
“รังวานร?”
ฉินอวิ๋นเลี้ยวครั้งหนึ่งและก็มาถึงพื้นที่ราบแห่งหนึ่ง ที่ด้านหนึ่งของหน้าผาเป็นเถาวัลย์สีทองและมีลิงตัวเมียหลายตัวเกาะเกี่ยวอยู่กับเถาวัลย์นั่นอุ้มลูกเอาไว้ บางตัวกําลังหลับสนิท ขณะที่ตัวอื่น ๆ ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงวุ่นวายและมองไปรอบ ๆ อย่างวิตกกังวล
ที่ตรงกลางเป็นถ้ำหิน และกลิ่นสุราก็ดูจะลอยออกมาจากที่นั่น
“นี่ นี่เป็นรังวานรจริง ๆ !”
ฉินชิงใบหน้าซีดเผือด ถ้าไม่ใช่เพราะมีฟางหยวนอยู่ด้วยกับพวกเขา นางคงคิดแล้วว่าฟางหยวนจงใจพาพวกเขามาที่นี้
“ที่นี่อันตรายที่สุดย่อมเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด เจ้าไม่คิดหรือว่าที่นี่ดีพอให้พักอยู่?”
ฟางหยวนยิ้ม “ลิงที่แข็งแกร่งทั้งหมดล้วนออกไปไล่ล่าพวกเรา และทิ้งที่นี่เอาไว้โดยไร้การป้องกัน ลิงพวกนั้นไม่คิดว่าพวกเราจะมาลอบโจมตีรังของพวกมันหรอก!”
“นอกจากนี้ ถ้าพวกเราไม่มาที่นี่ จะเอาชนะราชาวานรได้อย่างไร?”
“ราชาวานร?”
ฉินอวิ๋นแทบจะเป็นลมไป
“แน่นอน ราชาวานร!”
ฟางหยวนพูดต่อด้วยน้ําเสียงจริงจัง “ข้าไม่ใช่คู่มือของวานรวิญญาณทั้งหมดนั่น แต่หากพวกเราจัดการกับจ่าฝูงของมันได้ ก็จะทําให้พวกมันกลัวเรามากพอที่เราจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัย!”
“ท่าน ท่านอยากสู้กับราชาวานร?”
ผู้อาวุโสโจวตัวสั่นขณะนึกถึงการสู้กับลิงพวกนั้น
สัตว์ป่านั้นยอมลงให้แก่ผู้ที่แข็งแกร่งกว่า หากใครสามารถเอาชนะราชาวานรได้ในการต่อสู้ตัวต่อตัว ก็ย่อมได้รับความหวาดเกรงจากวานรวิญญาณและยังออกจากเทือกเขานี้ได้อย่างปลอดภัย
“ท่านรู้ได้อย่างไรว่าราชาวานรจะอยู่ที่นี่?”
“หากราชาวานรอยู่ที่นี่ พวกเราก็เอาชนะมันเสีย ถ้ามันไม่อยู่ พวกเราก็พักที่นี่และขโมยสุราของพวกมันไปด้วย มีปัญหาอะไรไหม?”
ฟางหยวนหันไปรอบ ๆ ด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“เข้าใจแล้ว!”
ผู้อาวุโสโจวกัดฟัน “นี่เป็นแผนการที่เป็นไปได้จริง แต่ว่า… ไม่ต้องห่วง พวกเราจะคอยปกป้องอยู่ข้างนอกและจะไม่ปล่อยวานรวิญญาณตัวใดเข้าไปรบกวนการต่อสู้กับราชาวานรของท่าน!”
“ดีมาก!”
ฟางหยวนหันไปสนใจถ้ำหินที่ตรงกลาง
จากตรงนี้ เขาสัมผัสได้ถึงพลังแรงกล้าจากตัวตนระดับวิญญาณ
“ราชาวานร?”
เขาหัวเราะอย่างยินดีโดยไม่มีทีท่าจะหลบซ่อน ระดับพลังในร่างของเขาพุ่งสูงถึงขีดสุด
“อู๋ อู๋ววววว…”
ลูกลิงหลายตัวเริ่มกรีดร้องและกอดแม่ของมันเอาไว้ขณะเริ่มถอยออกไป บางตัวถึงกับหมดสติไป
“อู๋! อู๋!”
จากถ้ำหิน เงาร่างสูงของวานรตัวหนึ่งปรากฏขึ้น
มันสูงหลายศอกและมีขนสีทองปกคลุม เมื่อมันลุกขึ้นยืน ดวงตาบนศูนย์รวมจิตของมันก็ลืมขึ้น เผยให้เป็นประกายอันลึกลับ มีประกายสีเงินแวบผ่านดวงตาของมัน และทันทีที่มันเห็นฟางหยวน มันก็พุ่งออกมา
นี่คือราชาวานรวิญญาณ ซึ่งพัฒนาไปเป็นสายพันธุ์พิเศษ!
มันคํารามอย่างเกรี้ยวกราดต่อการท้าทายของฟางหยวน และเมื่อมันคําราม รอบ ๆ ก็สั่นสะเทือน