Chapter 218: เมล็ดพืชวิญญาณ
“อู๋! อู๋ววว!”
ภายในถ้ำ ไข่มุกราตรีส่องสว่างทั่วพื้นที่พร้อมประกายสีเขียวเรื่อง พวกเขามีสีหน้าหวาดกลัวขณะประกายสีเขียวเรื่องนั้นตกกระทบใบหน้า
โดยเฉพาะกับหัวของวานรวิญญาณในมือฟางหยวน แม้ว่าหัวนั่นจะถูกตัดออกมาแล้ว แต่มันก็ยังมีความมีชีวิตแฝงอยู่ มันกรีดร้องเสียงดัง เปิดปากแยกเขี้ยวราวกับต้องการทําร้าย
“ช่างเป็น…สัตว์ประหลาดอะไรเช่นนี้…”
ทั้งฉินอวิ๋นและฉินชิงมีสีหน้ารังเกียจ
“เป็นสัตว์ประหลาดจริง ๆ นั่นแหละ!”
ฟางหยวนเดินขึ้นหน้าไปและพินิจละอองสีดําที่พวยพุ่งออกมาจากหัววานรวิญญาณ
“ฟู่… ฟู่…”
ละอองสีดําจับตัวหนาและเริ่มเลื้อยไปรอบ ๆ นิ้วของฟางหยวนราวกับมีชีวิต
“ฮ่า!”
ดวงตาฟางหยวนเป็นประกาย เขาใช้พลังธาตุออกมา
“ฉัวะ!”
หมอกสีขาวพุ่งออกมา พลังธาตุของเขารับมือกับละอองสีดําและทําได้เพียงคุมเชิงกันไว้ เท่านั้น
“เป็นพลังด้านมืดที่แข็งแกร่งทีเดียว..”
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ฟางหยวนก็ลืมตาและผ่อนลมหายใจยาว “แม้ว่าธรรมชาติของมันจะร้ายกาจ แต่พลังของมันก็เทียบได้กับพลังธาตุ”
“ที่นี่!”
ตอนที่เขาพูด หัวของลิงในมือก็หายไปในแอ่งเลือดสีดํา พลังด้านมืดส่วนมากหายไปพร้อมกัน โดยไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้
“พลังด้านมืดนี้ควบคุมโลกมายาใช่หรือไม่?”
ฟางหยวนตรวจจับพลังของเงานี้ได้ ขณะที่มองไปรอบ ๆ เขาก็รู้สึกเครียด
“นี่หมายความว่า ไม่ใช่เพียงวานรวิญญาณ แต่มนุษย์ก็อาจจะถูกมันสิงได้เช่นกัน!”
ความวุ่นวายที่ภายนอกค่อย ๆ สงบลงอย่างช้า ๆ
ผ่านกําแพงหินที่แตกอยู่ ละอองสีดําก็ค่อย ๆ ไหลไปตามทางราวกับร่ายรํา
“ไอ้สิ่งนั้นคืออะไรกันแน่?!”
ทหารม้าขนนกดําตวัดดาบของตน แต่ดาบกลับทะลุผ่านมันไปกระทบเข้ากับก้อนหินจน เกิดเป็นประกายไฟ
ไม่เพียงแค่นั้น ละอองสีดําก่อรูปเหมือนมือข้างหนึ่งไต่ขึ้นมาตามดาบและกระจายเข้าสู่ฝ่ามือของเขา แขน และในที่สุดก็ที่หน้าอก
“หมายเลขสี่!”
ผู้อาวุโสโจวคํารามและพุ่งเข้าไปใช้นิ้วสกัดจุดชีพจรบนร่างหมายเลขสี่ แต่ก็ไร้ประโยชน์
และที่แย่ไปกว่านั้น มือสีดําข้างนั้นกลับไล่ตามปลายนิ้วเขามา
“ปีศาจ!”
สีหน้าของผู้อาวุโสโจวเปลี่ยนไป เขาตวัดดาบโค้งของตัวเอง นิ้วของเขาสองนิ้วตกลงบนพื้น
“หัวหน้า!”
ทหารม้าขนนกดําอีกสองคนตกตะลึง
ถึงตอนนี้พวกเขาถึงได้รู้สึกว่าพี่น้องของเขานั้นลุกขึ้นยืน ใบหน้าถูกละอองสีดําปกคลุม ดวงตาแดง เขาเปล่งเสียงคํารามเหมือนสัตว์และพุ่งเข้าใส่พวกเขาพร้อมกับมือที่กางออกเหมือนกรงเล็บ อ้าปากกว้าง กัดเข้าที่ลําคอของเขา
“ไปซะ!”
ฟางหยวนมองไปที่พี่น้องฉินที่ดูจนปัญญาและโบกมือขวา
“ปัง!”
พร้อมกับเสียงกรีดร้องของหมายเลขสี่ที่อยู่ภายใต้การครอบงําของพลังมืด เขาก็กระแทกเข้า กับกําแพงหิน
“ทําไมพลังมืดนี่ถึงกระจายเร็วนัก?”
ฟางหยวนเดินไปหาหมายเลขสี่
ขาของเขาหักและน่าจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้แล้ว แต่ว่า เขาก็ยังเชิดหน้าขึ้น มีสีหน้าเหี้ยมโหดที่ดูไม่เหมือนมนุษย์อีกต่อไปแล้ว
“ปรสิตอะไรกัน…”
ฟางหยวนจับชีพจรเขาพร้อมตั้งสมาธิและส่งพลังธาตุของตนเข้าไป
“วิ้ง! วิ้ง!”
มีประกายสีขาวจางแผ่ออกจากหลังมือของเขาและค่อย ๆ กระจายไปที่ข้อมือ แขน หน้าอกและใบหน้า
ขณะที่พลังมืดถูกล้างออกไป ทั้งหมดที่เหลืออยู่ก็มีเพียงชายวัยกลางคนที่ใบหน้าซีดเผือดและหมดสติ
“เขาน่าจะ… ไม่เป็นไรแล้วตอนนี้”
ฟางหยวนพูดอย่างใจเย็นก่อนที่จะเงียบไปอีก
“พลังมืดนี่และพลังธาตุต่อต้านกันและกัน ถ้าข้าเดาถูก… มันดูจะหวาดกลัวพลังธาตุฝันเป็นอย่างมาก นี่น่าจะเป็นสิ่งที่จ้าวแห่งฝันผู้ชั่วร้ายนั่นทิ้งเอาไว้ใช่หรือไม่?
ผู้อาวุโสโจวมองภาพตรงหน้าแล้วก็มองนิ้วสองนิ้วบนพื้นด้วยสีหน้าจนปัญญา
เขารู้สึกเสียใจเป็นที่สุด
หากเขารู้ว่าฟางหยวนสามารถช่วยหมายเลขสี่ได้ เขาก็ไม่จําเป็นต้องสละนิ้วของเขาเลย!
ความมุ่งมั่นที่จะรักษาชีวิตของตนเอาไว้ดูเป็นเรื่องตลกโง่ ๆ ไปทันที
“หมอเทวดา…”
ฉินชิงอดไม่ไหวแล้วถามออกไป
“ข้าเพียงไล่พลังมืดออกไปและรักษากระดูกที่หัก แต่นี่…”
ฟางหยวนสายหน้า “หากนิ้วสองนิ้วนั่นยังอยู่บนร่างเขา ข้าสามารถใช้พลังธาตุของข้าขับไล่ พลังมืดไปได้ แต่ตอนนี้ ข้าสงสัยในความคิดของพวกเขามากกว่า”
“ทําไมเจ้าถึงทําเช่นนั้น ทั้งที่ข้าอยู่ข้าง ๆ และเจ้าก็เห็นอยู่กับตาว่าเกิดอะไรขึ้นกับหัวของลิงนั่น?”
เขาจ้องผู้อาวุโสโจวด้วยสีหน้าจริงจัง
“นี่…”
ผู้อาวุโสโจวดูสับสน ก่อนที่จะเผยสีหน้าตกใจ “คุณชาย คุณหนู ระวังไว้! พลังมืดนี้ดูเหมือนจะมีผลต่อความคิดของพวกเรา!”
เขาได้รับผลจากพลังมืด ซึ่งอธิบายความรู่วามและพฤติกรรมสุดโต่งของเขา
“เป็นอย่างไร? เจ้ายังเดินไหวหรือไม่?”
ฟางหยวนลุกขึ้นและหันไปทางโพรงถ้ำที่กว้างที่สุด
“ไม่…ไม่มีปัญหา!”
ผู้อาวุโสโจวกัดฟันและใช้เสื้อผ้ามาพันแผลเอาไว้ มองผู้ใต้บัญชาที่หมดสติอยู่ของเขา เขาก็กัดฟัน “หากพวกเราเผชิญหน้ากับอันตรายอีก ข้าหวังว่าท่านจะสามารถนําคุณหนูและคุณชายน้อยออกไปได้อย่างปลอดภัย พวกเราที่เหลือยินดีเสียสละตัวเองได้ทุกเมื่อ!”
“อืม ก็เป็นสิ่งที่ข้าวางเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว!”
ฟางหยวนตอบโดยไม่กะพริบตา
ผู้อาวุโสโจวรู้สึกพูดไม่ออก
ถึงตอนนี้ ที่ปากถ้ำที่ถูกหินถล่มลงมาปิดไว้ ละอองสีดําก็เริ่มแพร่เข้ามา
ฟางหยวนตามกลิ่นของสุราและเส้นทางที่ราชาวานรทิ้งเอาไว้ลึกเข้าไปในถ้ำเรื่อย ๆ ในที่สุดก็พบรังของวานรเหล่านี้
“นี่มัน…”
ฉันชิงพูดไม่ออกเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
ตรงหน้าของนางเป็นถ้ำใต้ดินที่ใหญ่ราวกับจัตุรัสกลางเมืองสักแห่ง
ที่ตรงกลางจัตุรัสนั่น มีรากและตอไม้นับไม่ถ้วน ที่ตรงกลางเป็นต้นไม้ต้นใหญ่ที่ล้อมไว้ด้วยตอไม้มากมาย
ต้นไม้นี่เป็นต้นสุดท้ายของสายพันธุ์แล้ว
ที่ต้นไม้ยักษ์นั่นมีโพรงขนาดใหญ่ มันเต็มไปด้วยสุราสีเขียวใส กลิ่นหอมของสุราผลไม้ลอยอวลอยู่เต็มอากาศ กลิ่นแรงขึ้นกว่าตอนแรกเป็นสิบเท่า! ร้อยเท่า!
ฉินชิงนั้นมึนงงอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว เมื่อนางมาถึงจัตุรัส นางก็ไม่สามารถอดทนไหวอีกต่อไป ใบหน้าของหน้าแดงก่ำ นางรู้สึกมึนเมาและสุดท้ายก็ล้มลงบนพื้น
ที่ข้าง ๆ ฉินอวิ๋นเริ่มคร่ำครวญและพึมพำกับตัวเอง “ข้าจะแก้แค้น!” “พี่สาว… ท่านแม่! ข้ารู้สึกแย่มากแล้วก็หมดแรง…” เขาหลับลึกไปอย่างช้า ๆ
“บ้าอะไรกันเนี่ย!”
เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วฟางหยวนก็หมดคำพูด
แน่นอนว่า สุราวานรวิญญาณนั้นไม่ได้เป็นพิษ อันที่จริงมันมีคุณค่าทางอาหารและสามารถหล่อเลี้ยงร่างกาย แต่ว่า พวกเขาไม่ได้คอทองแดงและดังนั้นมันจึงไม่ต่างไปจากยาพิษ
โชคร้าย พี่น้องฉันทั้งคู่นั้นไม่คุ้นเคยกับการดื่มสุราและเกราะป้องกันที่มีอยู่ทั่วร่างนั้นก็ใช้การไม่ได้ จึงได้แต่ยอมจำนน
“ดูแลสองคนนั้น…”
หลังจากสั่งอย่างง่าย ๆ ฟางหยวนก็ใช้วิชาตัวเบากระโดดไปตามตอไม้
“สุราวานร? เจ้าลิงพวกนี้รู้จักหมักผลไม้ต่าง ๆ เข้าด้วยกันเป็นสุรา ใครจะรู้ว่าสุรานี่อยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้ว อาจจะมีผลไม้วิเศษปนอยู่ในนี้”
ฟางหยวนดึงเอาไข่มุกภูผานที่ออกมาและเตรียมดึงไหสุราเปล่าหลายใบออกมา
แต่ว่า ทันใดนั้น สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป
เพียงแค่พลิกมือ เมล็ดพืชหนึ่งก็ปรากฏขึ้น
เมล็ดพืชที่มีสีดำและดูไม่น่าสนใจ แต่มันปล่อยแสงสีมรกตออกมาอย่างช้า ๆ และดูเหมือนจะมีความคิดเป็นของตนเอง ราวกับมันกำลังเผยความกระหายของมันออกมา
“เจ้า…”
ฟางหยวนจำได้ว่าเมล็ดพืชนี้เป็นสมบัติที่เขาได้มาจากที่พำนักลับของลู่เหรินเจีย มันเป็นเมล็ด ของพืชวิญญาณที่เขาสงสัยว่าอาจจะเป็นระดับฟ้า
เมล็ดพืชวิญญาณนี้พิเศษเหนือธรรมดา ก่อนหน้านี้ เพียงแค่รัศมีพลังจากมันก็เพียงพอให้ฟางหยวนบรรลุระดับของการดูแลพืชได้
ด้วยความหวัง ฟางหยวนปลูกมันลงที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ยอดเขาชอุ่ม แต่ว่าก็ไม่เกิดอะไร ขึ้นเลย ทำให้เขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
แต่ว่า กลับมีการเปลี่ยนแปลงที่เมล็ดนี่อีกครั้ง มันปรากฏตัวขึ้นด้วยตัวเองและมุ่งหน้าไปที่บ่อ สุราวานร
“อืม…”
ฟางหยวนมองตอไม้และมองสุราวานรและก็สงสัย “มันเกิดขึ้นเพราะต้นไม้วิเศษหรือว่าเพราะสุราวิเศษใช่หรือไม่? ไม่สิ สุราวิญญาณสามารถดูดซับพลังจากต้นไม้ได้ในตอนที่มันกำลังหมักตัว ข้าเกรงว่ามันจะดูดซับคุณสมบัติทั้งหมดของต้นไม้วิเศษไปแล้ว…”
คิดอย่างนี้แล้ว ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจไม่ใช่ความคิดของตนเอง แต่ทำตามความต้องการของ เมล็ดพืชและปล่อยมันลงไปในบ่อสุรา
แม้ว่าสุราวิญญาณจะดี แต่ฟางหยวนก็มีเหยือกสุราไร้ก้นบึ้งที่ไร้เทียบเทียมอยู่แล้ว รวมกับของวิเศษต่าง ๆ ที่เขามีอยู่มากมาย มันก็ยากที่ทำให้เขาโน้มน้าวตัวเองให้เก็บสุราวิญญาณเหล่านี้ซึ่งเขายังไม่รู้คุณสมบัติของมันไว้
“ปุด! ปุด!”
เมื่อเมล็ดพืชวิญญาณจมลงไปในบ่อ มันก็เริ่มเปล่งประกายและปล่อยฟองอากาศมากมายออกมา
หลังจากนั้นก็เริ่มเกิดน้ำวนเล็ก ๆ ขึ้นที่กลางบ่อสุรา น้ำวนเริ่มขยายใหญ่ขึ้น ปริมาณของสุราเริ่มลดลง
ในที่สุด พื้นไม้แห้ง ๆ ก็ปรากฏขึ้นและที่ตรงกลางก็เป็นเมล็ดพืชวิญญาณ
ถึงตอนนี้ ผิวเมล็ดสีดำก็จางไป เผยให้เห็นสีเขียวมรกต สัญญาณของชีวิตภายในเมล็ดพืชเริ่มแผ่ออกมา
“ข้าเคยเห็นผู้คนมากมายดื่มสุรา แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นเมล็ดพืชวิญญาณดื่มสุรา!”
ฟางหยวนหัวเราะ เขาสัมผัสได้ว่าหยาดหยดสุดท้ายของพลังในต้นไม้ที่เขากำลังยืนอยู่นั้นถูกดูดซับออกไปช้า ๆ และมันก็แห้งขอดไป
“วิ้ง! วิ้ง!”
เพียงแค่โบกมือ เมล็ดพืชวิญญาณก็มาตกอยู่บนฝ่ามือเขา
“มันเปลี่ยนไปจริง ๆ !”
หากเมล็ดพืชนี้ก่อนหน้าเรียกได้ว่าเป็นหินที่ยังไม่ผ่านการเจียระไน เมล็ดพืชในตอนนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นอัญมณีสูงค่า
“หากข้าสามารถหาดินแดนศักดิ์สทธิ์ได้ เมล็ดพืชนี้ก็สามารถงอกได้ใช่หรือไม่?”
เพียงแค่พริบตา เมล็ดพืชวิญญาณก็ถูกเก็บลงไปในไข่มุกภูผานที่อีกครั้ง
กลิ่นของสุราที่เดิมที่ลอยอวลเต็มไปหมดค่อย ๆ จางไปช้า ๆ และพี่น้องฉินก็ค่อย ๆ คืนสติหลังได้ดื่มนำ้
“สุราวิญญาณทั้งบ่อและยังพลังวิญญาณของต้นไม้วิเศษพวกนี้ที่มันดูดซับไปนั้นเพียงเพื่อลอกผิวด้านนอกออก?”
ฟางหยวนกระโดดลงจากตอไม้รู้สึกหมดคำพูด “มันเป็นเรื่องดีหรือเรื่องแย่กันแน่”
“นี่คือ…”
ผู้อาวุโสโจวมองรากที่เหลืออยู่ของต้นไม้เก่าแก่และอึ้งไป
“นี่เป็นรังของราชาวานรวิญญาณและสมบัติของมัน
ฟางหยวนลุบจมูก “ก็หวังว่ามันจะไม่บ้าคลั่งไปหลังจากกลับมาที่นี่ก็แล้วกัน”
“ปัง!”
ทันใดนั้น ก็มีเสียงดังลั่น และยังมีเสียงฝีเท้าตรงเข้ามา
ผู้อาวุโสโจวหันหน้ากลับไปดูและเห็นเงาร่างสูงใหญ่พุ่งเข้ามาในถ้ำ
ราชาวานรที่ปรากฏตัวขึ้นนั้นต่างไปจากเดิมมากนัก
ขนสีทองคำทั้งร่างของมันกลายเป็นสีดำและดวงตาแดงก่ำ เห็นตอไม้ว่างเปล่าแล้วสีหน้าเหี้ยมโหดของมันก็เปลี่ยนเป็นสับสนและกรีดร้องออกมาด้วยเสียงที่แทบทำให้เลือดแข็งตัว
“เป็นราชาวานรวิญญาณ! มันถูกครอบงำแล้ว!”
ผู้อาวุโสโจวและคนที่เหลือล้วนรู้สึกหมดหวัง