ตอนที่ 1006: สมบัติในตำนาน
ตาของหงเหลียนแข็งทื่อทันทีเมื่อเห็นรุยจินเอาชุดเกราะสีแดงออกมา นางจ้องตาไม่กระพริบไปที่มันและปิ่นปักผมสีแดงที่งดงาม
นางสาบานได้เลยว่านี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นของทั้งสองชิ้นนี้ แต่นางก็รู้สึกถึงความคุ้นเคยกับเกราะและปิ่นปักผมนี้ ในความน่าเหลือเชื่อนี้ นางรู้สึกถึงความสัมพันธ์ทางสายเลือดแบบแปลก ๆ ต่อสิ่งของ 2 ชิ้นนี้ เหมือนกับว่าเกราะขนนกนี้และปิ่นปักผมเคยเป็นของนางมาก่อน
หงเหลียนจ้องตาไม่กระพริบไปที่เกราะขนนกที่อยู่ในมือของรุยจิน สายตาของนางมองไปในขณะที่นางคิดหนักและนานว่านางเคยเห็นของพวกนี้ที่ไหน เช่นเดียวกันที่คิดว่าทำไมนางถึงได้คุ้นเคยกับของพวกนี้นัก
ทันใดนั้นเอง ความทรงจำที่ถูกขังอยู่ก็ปรากฏออกมา ข้อมูลจากความทรงจำที่สืบทอดมาของนางก็พุ่งพวยออกมา ซึ่งทำให้นางเข้าใจทันที่ว่าสิ่งของเหล่านี้คืออะไรและทำใมนางถึงได้คุ้นกับสิ่งของพวกนี้นัก
“นะ นะ นี่เป็นสมบัติในตำนานของตระกูลฟีนิกซ์เพลิงเทวะของข้า เกราะขนนกเทพเพลิงและปิ่นเทพเพลิง” หงเหลียนร้องออกมาอย่างไม่รู้ตัว ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ เพราะว่าตระกูลฟีนิกซ์เพลิงเทวะและตระกูลมังกรได้หายไปจากโลกแล้ว สมบัติทั้งสองอย่างนี้ก็น่าจะหายไปกับตระกูลด้วย ดังนั้นพวกมันจึงไม่น่าออกมาปรากฎบนโลกนี้ได้อีกครั้ง รุยจินกำลังถือของทั้งสองสิ่งนี้อยู่ซึ่งมันทำให้นางเหลือเชื่อ
“ถูกต้อง นี่เป็นสมบัติในตำนานของตระกูลเจ้า เกราะขนนกเทพเพลิงและปิ่นเทพเพลิง หงเหลียน ข้าจะให้ของสองสิ่งแก่เจ้าตอนนี้” รุยจินยื่นมือของเขาออกไปพร้อมกับส่งสิ่งของเหล่านี้ให้
หงเหลียนค่อนข้างอึ้ง นางไม่อยากจะเชื่อว่าของเหล่านี้ปรากฏอยู่ต่อหน้านาง นางยื่นมือออกไปรับอย่างไม่รู้ตัว มือของนางสั่นในขณะที่นางรับสิ่งของมาจากรุยจิน นางไม่ได้ละสายตาจากของสองสิ่งนี้เลยตลอดที่คุยกัน
สักพักต่อมา หงเหลียนก็สงบลง นางละสายตาจากสิ่งของแล้วจ้องเขม็งไปที่รุยจิน “รุยจิน เจ้าไปได้สมบัติในตำนานของตระกูลข้ามาจากที่ไหนกัน ? ไม่ใช่ว่าสหายร่วมตระกูลของข้าเอามันไปด้วยตอนที่พวกเขาหายไปเมื่อหลายปีก่อนแล้วหรือ ? “
“ไม่ มันไม่ใช่แบบนั้น” รุยจินส่ายหน้าแล้วพูดต่อ “หงเหลียน ลองดูดี ๆ และดูว่าสมบัติเหล่านี้เหมือนกับสมบัติที่อยู่ในความทรงจำที่ได้รับการถ่ายทอดมาของเจ้าหรือเปล่า”
หงเหลียนมองไปที่รุยจินอย่างสงสัย ในขณะที่นางหลับตาช้า ๆ นางสัมผัสถึงสมบัติทั้งสองอย่างตั้งใจ
นางลืมตาเปิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ตาของนางส่องสว่างสดใสจนดูเหมือนจะโปร่งแสง และความตกใจและเหลือเชื่อก็แทนที่อารมณ์ก่อนหน้านี้ของนาง
“พลังงานดั้งเดิม นี่มันพลังงานดั้งเดิม เป็นไปได้ยังไง ? พลังงานดั้งเดิมมาอยู่ในสมบัติในตำนานของตระกูลข้าได้อย่างไร ? ” หงเหลียนร้องออกมาอย่างควบคุมไม่ได้อีกครั้ง ความตกใจของนางพุ่งจนไปถึงขีดสุด
นางเกิดและเติบโตมาในมิติของวัตถุเซียน แต่ความทรงจำที่ได้รับการถ่ายทอดมาของนางก็มีข้อมูลที่ซ่อนไว้เกี่ยวกับโลกอยู่มาก นางรู้ว่าพลังงานดั้งเดิมคืออะไรด้วยเช่นกัน มันเป็นอะไรที่ทำให้เซียนราชายังน้ำลายไหล มีเพียงผู้ที่เหนือไปกว่าเซียนจักรพรรดิเท่านั้นที่สามารถควบคุมมันได้
“รุยจิน เกิดอะไรขึ้นกัน ? ทำไมพลังงานดั้งเดิมถึงมาอยู่ในสมบัติในตำนานของตระกูลข้าได้ ? นี่เป็นอะไรที่แตกต่างจากที่ข้าจำได้ในความทรงจำที่ได้รับการถ่ายทอดมาของข้า แล้วเจ้าไปได้สมบัติ 2 ชิ้นนี้มาจากไหนกัน ? ” หงเหลียนจ้องไปที่รุยจินอย่างหมดความอดทน นางต้องการรู้คำตอบให้เร็วที่สุด
รุยจินไม่ได้รีบตอบ แทนที่กัน เขาหันไปที่หมู่เมฆที่เหมือนกำลังมีไฟลุกอยู่ช้า ๆ เขาพูดอย่างช้า ๆ และสงบ “หงเหลียน ข้าได้พบกับพยัคฆ์ปีกเทวะมา”
“พยัคฆ์ปีกเทวะ พยัคฆ์ปีกเทวะหนุ่มนั้นน่ะหรือ ? ” หงเหลียนถามอย่างสงสัย
“ไม่ใช่” รุยจินส่ายหัวแล้วพูด “พยัคฆ์ปีกเทวะที่เหนือกว่าเซียนจักรพรรดิเมื่อครั้งโบราณกาล”
คำพูดเหล่านี้ทำให้หงเหลียนอึ้ง แล้วนางก็ถาม “มันเป็นไปได้ยังไง ? เวลาผ่านมาตั้งนานแล้ว ไม่ใช่ว่าพยัคฆ์ปีกเทวะตายไปแล้วหรือ ? “
“ข้าไม่รู้ว่าเขาตายไปแล้วหรือยัง แต่เขาเป็นเพียงวิญญาณเสี้ยวเดียวเท่านั้นตอนที่ข้าพบกับเขาเมื่อหลายปีก่อน พยัคฆ์ปีกเทวะเป็นคนให้สมบัติในตำนานของตระกูลเจ้ากับข้าเอง เขาให้ข้าส่งต่อมันให้กับเจ้า” รุยจินพูด
“หัวหน้าตระกูลทุกรุ่นจะใช้สมบัติในตำนานเสมอและไม่เคยเอามันไว้ห่างกายเลย มันไปตกอยู่ในมือของพยัคฆ์ปีกเทวะได้อย่างไร ? ” หงเหลียนถามด้วยความสับสน
รุยจินหันไปและมองไปที่หงเหลียนอย่างเคร่งเครียด แสงสีทองสว่างจ้าเปล่งออกมาจากเขาและสมบัติในตำนานของตระกูลมังกร เกราะมังกรศักดิ์สิทธิ์และดาบมังกรศักดิ์สิทธิ์ก็ปรากฎขึ้นมา
“แม้แต่สมบัติในตำนานของตระกูลมังกรก็อยู่กับพยัคฆ์ปีกเทวะ และของทั้งสองอย่างนี้ในตอนนี้ก็มีพลังงานดั้งเดิมด้วยซึ่งทำให้มันแข็งแกร่งขึ้น พวกมันทรงพลังมากกว่าที่ข้ารู้จากความทรงจำที่ได้รับการถ่ายทอดมาของข้า”
“นอกเหนือไปจากนั้น เฮยยู่ก็ได้เกราะและอาวุธเหมือนกัน ทั้งสองอย่างมีพลังงานดั้งเดิมและไม่ได้ด้อยไปกว่าอาวุธในตำนานของพวกเราเลย พยัคฆ์ปีกเทวะให้มันเป็นของขวัญแก่เขา”
หงเหลียนอึ้งจากคำพูดเหล่านี้แล้วนางก็พูด “ทำไมพยัคฆ์ปีกเทวะถึงได้ให้ของสองอย่างกับพวกเรา เขาดูเหมือนจะหายไปพร้อมกับตระกูลทั้งสองของพวกเรา และทำไมเขาถึงรู้ว่ายังมีคนของตระกูลมังกรและตระกูลฟีนิกซ์เหลืออยู่ในโลกนี้ ? “
“ไม่เพียงแต่พยัคฆ์ปีกเทวะจะรู้ว่าคนที่เหลือของตระกูลทั้งสองอยู่ที่ไหน เขายังรู้เรื่องที่ไม่น่าเชื่อโดยละเอียดอีกด้วย ข้าสงสัยว่าพยัคฆ์ปีกเทวะอาจจะยังไม่ตาย แต่เขากำลังซ่อนตัวและสังเกตทวีปเทียนหยวนอยู่อย่างลับ ๆ ” รุยจินพูดออกมา
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ ? ” หงเหลียนตกตะลึง การคาดเดานี้มันน่าเหลือเชื่อเกินไป
“หงเหลียน ข้ามีอย่างอื่นที่อยากจะบอกเจ้า คนของตระกูลพวกเราไม่ได้หายไปไหน พวกเขาอาจจะไปที่อาณาจักรอื่น มันยังมีหวังที่พวกเราจะตามหาพวกเขา” น้ำเสียงของรุยจินสงบลงไม่ได้ มันมีแววแห่งความตื่นเต้นที่ยากจะปิดเอาไว้ได้
“เจ้ามั่นใจหรือเปล่า ? ” หงเหลียนตื่นเต้น
รุยจินพยักหน้าแล้วพูด “ในตอนที่พยัคฆ์ปีกเทวะให้ของเหล่านี้กับพวกเรา เขาบอกว่าพวกเราจำเป็นที่จะต้องมีคนสำคัญนี้เพื่อที่จะตามหาเผ่าของพวกเรา และคนผู้นี้เป็นมนุษย์หนุ่มที่วัตถุเซียนรับเอาเป็นนาย”
“พยัคฆ์ปีกเทวะพูดว่าพวกเราจะเป็นที่จะต้องปกป้องเจี้ยนเฉินถ้าพวกเราต้องการที่จะตามหาคนของเผ่าของเรา นอกเหนือไปจากนั้น เขายังบอกว่าพวกเราจะไม่สามารถหาเพื่อนร่วมตระกูลของพวกเราได้เลยถ้าเจี้ยนเฉินตาย”
“เจี้ยนเฉิน เป็นเขาจริง ๆ ด้วย เขายังอายุไม่มาก แล้วพยัคฆ์ปีกเทวะไปรู้จักคนอย่างเขาได้อย่างไร บางทีมันอาจจะจริงที่พยัคฆ์ปีกเทวะยังไม่ตาย แต่เขากำลังซ่อนตัวอยู่และเฝ้ามองทุกอย่างที่เกิดขึ้นอยู่…” หงเหลียนพึมพำ นางรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ